Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2152 เทพเจ้า!

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2152 เทพเจ้า!

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2152 เทพเจ้า!
บึ้มมมม!

ราวกับรังสีสวรรค์ในร่างของจางเซวียนค้นพบทางออก มันพุ่งไปตามกระแสอารมณ์ของเขาในเวลานั้น หมุนเวียนไม่รู้จบ

ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็เพ่งสมาธิเข้าสู่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเพื่อเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้นอีกร้อยเท่า

แต่ถึงอย่างนั้น กระบวนการของการเข้าถึงความเป็นเทพเจ้าก็ซับซ้อนมาก บ่งบอกถึงวิวัฒนาการอันยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิต

จางเซียนรู้ดีว่าไม่อาจเร่งรัดกับเรื่องแบบนี้ จึงปล่อยให้รังสีสวรรค์ไหลไปตามความรู้สึกของเขา ขณะบ่มเพาะร่างกายไปด้วย

“เราคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันกว่าจะเข้าถึงความเป็นเทพเจ้า…” จางเซวียนคาดการณ์

แม้เขาจะสามารถทำความเข้าใจเทคนิควรยุทธในระดับที่สูงขึ้นและค้นพบวิธีการที่เหมาะสมในการฝ่าด่านวรยุทธแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันกว่าจะเข้าถึงระดับของเทพเจ้าได้สำเร็จ

อาจดูเหมือนยาวนาน แต่สำหรับการฝ่าด่านวรยุทธครั้งใหญ่แบบนี้ ก็ถือว่าเร็วมากแล้ว

ใครๆก็รู้ว่าหลังจากที่ปรมาจารย์ขงได้รังสีสวรรค์แล้ว อีกฝ่ายต้องฝึกฝนวรยุทธอยู่เกือบเดือนกว่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับความสามารถของจางเซวียนที่ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จภายในวันเดียว ก็ถือว่าเหลือเชื่อ!

“1 วันมี 24 ชั่วโมง เท่ากับ 1440 นาที ต่อให้การฝึกฝนวรยุทธในมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงจะเร็วขึ้นเป็นร้อยเท่า เราก็ยังต้องใช้เวลาถึง 14 นาทีกว่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้เสร็จสมบูรณ์…” จางเซวียนกำหมัดแน่น

“ก็ได้แต่หวังว่าหน้าหนังสือสีทองจะช่วยยื้อเวลาให้เราได้…”

แม้ระยะเวลาจะถูกย่นลงจนเหลือเพียง 14 นาที แต่ก็ยังยาวนานเกินไป เขาคงไม่อาจสำแดงพละกำลังได้มากมายนัก ภายในระยะเวลา 14 นาทีนี้ ถ้าปรมาจารย์ขงพยายามทำอะไรสักอย่าง เขาคงจนปัญญา

จางเซวียนหันไปมองปรมาจารย์ขงที่ยังถูกน้ำหนักของหน้าหนังสือสีทองเล่นงานอยู่ เขาภาวนาให้หน้าหนังสือสีทองยื้อเวลาได้นานพอสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธ

ฟึ่บ!

แต่ทันทีที่เกิดความคิดนั้น หน้าหนังสือสีทองก็สั่นสะท้านเล็กน้อยก่อนจะสลายตัวไป ราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน

ระยะเวลาในการปรากฏตัวของหน้าหนังสือสีทองยาวนานขึ้นหลังจากที่เขามาถึงมิติเบื้องบน แต่ก็ไม่อาจคงสภาพอยู่ได้นานพอ

“ไอ้พวกสารเลว!”

เมื่อหน้าหนังสือสีทองหายวับไป ปรมาจารย์ขงก็หันมามองจางเซวียน แขนข้างหนึ่งของเขาเน่าเปื่อยไปแล้ว และฝ่ามืออีกข้างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดไหลโซมกาย

แม้เขาจะสามารถปัดป้องหน้าหนังสือสีทองกับไม้ตายทุกชนิดที่จางเซวียนเตรียมไว้ แต่ลงท้ายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

“คุณอาจยื้อเวลาได้นานพอที่จะชำระรังสีสวรรค์และซึมซับมัน แต่ก็สูญเสียไม้ตายทั้งหมดไปแล้วเช่นกัน คุณไม่มีอะไรจะใช้ถ่วงเวลาอีกแล้ว ผมสามารถฆ่าคุณได้ในอึดใจเดียว ไม่มีทางที่ผมจะให้โอกาสคุณอีก!” ปรมาจารย์ขงคำรามกร้าวขณะจับจ้องจางเซวียนด้วยสายตาเย็นเยียบ

เหตุผลเดียวที่เขายังไม่สังหารจางเซวียนจนกระทั่งตอนนี้ก็เพื่อจะได้จับตัวอีกฝ่ายทั้งเป็นและดึงเอามลทินสวรรค์ออกจากร่าง แต่ความลังเลนั้นเกือบทำให้เขาต้องเสียชีวิต

หมอนี่เหนือชั้นกว่านักรบคนอื่นๆในระดับเดียวกัน แม้จะเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่ก็ไม่อาจประมาทได้!

ปรมาจารย์ขงรู้ดีว่าเขาต้องสังหารชายหนุ่มที่นี่และเดี๋ยวนี้ ถ้าการต่อสู้ถูกดึงให้ยืดเยื้อออกไป เขาอาจสูญเสียการควบคุมสถานการณ์

“คุณพูดถูก เวลาไม่เข้าข้างผมเลย…”

แม้จางเซวียนจะรู้แล้วว่าปรมาจารย์ขงกำลังเตรียมจะสังหารเขา แต่ก็ไม่แสดงความหวาดหวั่นออกมาแม้แต่น้อย

“ถ้าผมเอาแต่นิ่งเฉยและเฝ้ารออย่างโง่เง่าให้คุณเล่นงานผมล่ะก็ ไม่มีทางที่ผมจะมีเวลามากพอแน่ ผมอาจเลือกซ่อนตัวแบบคุณก็ได้ ยังไม่สายเกินไปหรอกที่จะแก้แค้นเมื่อในที่สุดผมฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ”

“ซ่อนตัว?” นัยน์ตาของปรมาจารย์ขงเปล่งประกายเย็นเยียบ “คุณคิดหรือว่าผมจะปล่อยให้คุณหนีไปได้ซึ่งๆหน้า?”

ปรมาจารย์ขงโบกมือ จากนั้นก็ตั้งต้นสกัดกั้นมิติที่อยู่รอบตัวจางเซวียน

ฟึ่บ!

แต่ในตอนนั้น จางเซวียนก็หายวับไปกับตา ในเวลาเดียวกัน หวู่เฉินก็นำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลออกมาและวางแหวนเก็บสมบัติลงไปบนนั้น เกิดเสียงหึ่งดังลั่น แล้วแหวนเก็บสมบัติก็หายวับไป

“แหวนเก็บสมบัติและตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล? ผมเข้าใจแล้ว…” ปรมาจารย์ขงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนหัวเราะลั่น “การทะลุมิติโดยใช้วิธีนี้ถือว่าทำได้ แต่คุณหลงลืมข้อเท็จจริงที่สำคัญไปข้อหนึ่ง ผมคือหัวหน้าหอนิรันดร์นะ และมีอำนาจที่จะติดตามทุกการเคลื่อนไหวของสิ่งใดๆก็ตามในหอนิรันดร์!”

เขายังสงสัยอยู่ว่าแผนการอันชาญฉลาดแบบไหนที่จางเซวียนคิดจะใช้เพื่อหลบหนี แต่กลับกลายเป็นวิธีการที่สูญเปล่าและไร้ประโยชน์อย่างที่สุด!

เหตุผลเดียวที่บรรดานักรบยังคงไร้ตัวตนได้ในหอนิรันดร์ก็เพราะหอนิรันดร์อนุญาตให้พวกเขาทำแบบนั้น ชายหนุ่มคนนี้ไร้เดียงสาถึงขนาดคิดจริงๆหรือว่าตัวเขาซึ่งเป็นหัวหน้าหอนิรันดร์จะไม่อาจแกะรอยการเคลื่อนไหวของใครสักคนได้?

ปรมาจารย์ขงเคยคิดว่าคงเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อยที่จะช่วงชิงหอสมุดเทียบฟ้ามาให้ได้หลังจากที่จางเซวียนเข้าถึงระดับของเทพเจ้า แต่ดูเหมือนเขาจะประเมินสติปัญญาของอีกฝ่ายสูงไป

ก็แค่เปลี่ยนจากสนามรบแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง

“ฮึ่มมมม! คิดหรือว่าผมจะปล่อยให้คุณหนี?”

ปรมาจารย์ขงไม่แยแสสงครามที่เกิดขึ้นรอบตัว เขาสะบัดข้อมือและนำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันหนึ่งออกมา

ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของเขาแตกต่างจากที่คนอื่นๆซื้อขายกัน มันมีสีทอง เป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นตราสัญลักษณ์ที่ใช้เฉพาะกับหัวหน้าหอนิรันดร์

ปรมาจารย์ขงกำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไว้แน่น นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย “มีสถานที่ตั้งมากมายให้ไป แต่คุณเลือกจะมุ่งหน้าสู่หอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ ก็ดี…คงอยากตายเต็มทีสินะ!”

หลังจากรู้แล้วว่าจางเซวียนทะลุมิติไปที่ไหน ปรมาจารย์ขงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มเยาะ

เขานำกระจกเงาบานหนึ่งออกมา ให้มันสะท้อนภาพของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล เพียงครู่เดียว พระราชวังโอ่อ่าแห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในกระจก

วังนั้นคือหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ที่สะพานเบื้องบน

ปรมาจารย์ขงใช้รองเท้าเลือนหาย เขาก้าวเข้าไปในกระจกเงา

ครู่เดียวก็มายืนอยู่ตรงหน้าหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่

“อย่างคำโบราณว่ากันไว้ สถานที่ที่อันตรายที่สุดมักเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด คุณก็ตัดสินใจได้ไม่เลวที่เลือกหลบหนีมาที่นี่ แต่โชคร้ายที่คุณหลงลืมรายละเอียดสำคัญไปข้อหนึ่ง หอนิรันดร์สามารถแกะรอยการเคลื่อนไหวของใครก็ได้ ซึ่งนี่เป็นประโยชน์กับผม แถมการเข้ามาก้าวก่ายของสรวงสวรรค์ก็ทำได้จำกัด คงสะดวกสบายกว่ามากหากผมดึงมลทินสวรรค์ออกจากร่างของคุณที่นี่…” ปรมาจารย์ขงหัวเราะหึๆขณะปล่อยการรับรู้จิตวิญญาณออกไปโดยรอบ

จากการตรวจสอบก่อนหน้านี้ เขาพบว่าจางเซวียนซ่อนตัวอยู่ในมิติลี้ลับแห่งหนึ่ง และใส่มิติลี้ลับนั้นไว้ในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้น เด็กชายวัยรุ่นที่ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมก็รีบขายแหวนเก็บสมบัติเข้าสู่หอนิรันดร์ และมันก็ถูกซื้อไป

ผู้ซื้อแหวนใช้ประโยชน์จากค่ายกลทะลุมิติที่ฝังอยู่ในตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลเพื่อนำแหวนเก็บสมบัติมาที่นี่

เป็นไปได้ว่าจางเซวียนน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่หอนิรันดร์สำนักงานใหญ่

มันเป็นการตัดสินใจที่ไม่เลว เขาไม่เคยคิดเลยว่าจางเซวียนจะอาจหาญถึงขนาดเลือกกบดานในฐานที่มั่นของเขา หากไม่ใช่เพราะผลการตรวจสอบปรากฏออกมาอย่างนั้น

“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ?”

ปรมาจารย์ขงกวาดสายตาทั่วทั้งพระราชวังโดยใช้การรับรู้จิตวิญญาณ แต่นอกจากมังกรอสรพิษที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ตัวหนึ่งที่กำลังตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวที่มุมห้อง ก็ไม่พบร่องรอยใดๆของจางเซวียน

มังกรอสรพิษน่าจะเป็นผู้ซื้อแหวนเก็บสมบัติที่จางเซวียนซ่อนตัวอยู่ในนั้น เขาจะต้องเล่นงานมังกรอสรพิษแน่ แต่เรื่องที่สำคัญกว่าคือต้องจับตัวจางเซวียนให้ได้ก่อนที่หมอนั่นจะลงมือทำอย่างอื่น

ปรมาจารย์ขงจึงใช้การรับรู้จิตวิญญาณตรวจสอบบริเวณโดยรอบอีกครั้ง แต่ก็ยังได้ผลแบบเดิม เขาเงยหน้าด้วยความหงุดหงิด เห็นร่างหนึ่งกำลังปีนป่ายเสาหินของหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่โดยใช้แค่พละกำลังจากร่างกาย

“คุณอยู่นั่น!” ปรมาจารย์ขงตาโต

ในเวลานั้น ร่างดังกล่าวอยู่ใกล้กับเส้นแบ่งอาณาเขตระหว่างหอนิรันดร์กับหอเทพเจ้า

“คุณคิดจะหนีไปไหน?” ปรมาจารย์ขงคำรามขณะพุ่งทะยานขึ้นสู่เสาหิน

นักรบขั้นกี่งสรวงสวรรค์จะต้องปีนป่ายเสาหินโดยใช้มือและเท้า แต่ผู้ที่ได้เป็นเทพเจ้าแล้วไม่ต้องยุ่งยากแบบนั้น พวกเขาบินตรงขึ้นสู่เสาหินได้ทันที

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย!” ปรมาจารย์ขงตวาดก้องขณะปล่อยพลังจากฝ่ามือเข้าเล่นงานจางเซวียนให้ตกลงมา

จางเซวียนไม่กล้าหยุด เขาปีนป่ายขึ้นไปอย่างว่องไวราวกับลิง ขณะที่การโจมตีจากฝ่ามือกำลังจะถึงตัว ร่างของเขาก็สั่นสะท้านเล็กน้อยก่อนจะหายวับไป

ในที่สุดจางเซวียนก็ผ่านเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่กับหอเทพเจ้าได้สำเร็จ

“เข้าใจแล้ว…คุณคิดจะยื้อเวลาโดยอยู่ในหอเทพเจ้า เพราะคิดว่าผมเข้าไปในนั้นไม่ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า! สติปัญญาเฉียบแหลมของคุณนี่ทำให้ผมประทับใจครั้งแล้วครั้งเล่านะ แต่มันไม่ได้ผลหรอก!”

ปรมาจารย์ขงคำราม จากนั้นก็ผ่านเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่กับหอเทพเจ้าเข้าไป

พริบตาต่อมา บริเวณโดยรอบตัวเขาก็พลิกกลับหัว เขาควรจะไต่สูงขึ้นไป แต่จู่ๆก็พบว่าตัวเองกำลังเดินหน้าลงสู่ด้านล่าง

ศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ปรมาจารย์ขงเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว จึงไม่ตื่นตระหนกอะไร เขารีบขับเคลื่อนพลังปราณและยืนหยัดร่างกายให้มั่นคงก่อนจะประเมินสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองลงไป บางที…อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายรู้ดีว่าไม่อาจไปได้ไกลกว่านี้อีกแล้วและยอมถอดใจต่อโชคชะตา จางเซวียนจึงเกาะนิ่งอยู่กับเสาหิน ไม่หนีไปไหนอีก

“ไม่คิดเลยว่าคุณจะไล่ตามผมได้เร็วขนาดนี้” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ยังมีอีกหลายอย่างที่เหนือความคาดหมายของคุณ ในเมื่อคุณก็รู้ตัวแล้วว่าไม่มีทางหลบหนี ทำไมไม่ทำตัวว่าง่ายๆและมอบมลทินสวรรค์ให้ผมล่ะ?” ปรมาจารย์ขงยิ้มเยาะขณะตรงเข้าเล่นงานจางเซวียน

ยังไม่ทันที่พละกำลังจะฝ่ามือของเขาจะถึงเป้าหมาย มิติโดยรอบก็แข็งทื่อ สกัดกั้นเส้นทางหลบหนีไว้ทั้งหมด

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 2100 อ่านนิยาย

อ่านต่อเลือกตอนข้างล่าง


จางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท