บทที่ 138
มูหลง
ทันทีที่เย่เย่มอบรางวัลให้กับผู้เฒ่าตู๋กู่เหยียน เสียงกรีดร้องจากด้านหน้าประตูวังก็ดังขึ้น
“อ๊ากกกกกกกกกก”
ผู้พิทักษ์หอการค้าระดับเทพยุทธ์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูทางเข้าออก ก็ถูกบุรุษลึกลับโจมตีจนร่างของพวกเขากระเด็นเข้ามาถึงตรงหน้าเวที
“ใครกัน!?”
ซูฉีเจี่ยไม่รอช้า เขาชักดาบเทพพิทักษ์ที่เขาได้รับจาก เย่เย่ออกมา พลางมองไปที่ชายชราไม่ทราบชื่อผู้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูโถงกลางด้วยความโกรธ เนื่องจากเมื่อวานตัวเขาถูก กงเจิ้นกำราบลงได้อย่างง่ายดาย ซูฉีเจี่ยที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่จึงร้อนรนที่จะทดสอบพลังของมัน
แต่กระนั้นชายชรา ตู๋กู่เหยียนก็ได้ห้ามเขาเอาไว้
“ช้าก่อน ท่านซู ท่านไม่ใช่คู่ต่อกรของเขาหรอก!”
“ท่านผู้อาวุโสช่างมีสายตาที่เฉียบแหลม ดูเหมือนว่าพวกหอการค้าหยูเย่จะไม่ใช่ทุกคนที่เย่อหยิ่งสินะ” ในที่สุดชายแก่ผู้บุกทะลวงแนวป้องกันเข้ามาก็พูดขึ้น เขาค่อยๆเดินผ่านตู๋กู่เหยียน และซูฉีเจี่ยเข้าหาเย่เย่ที่อยู่ข้างหลังทั้งสองอย่างช้าๆ
ชายผู้นี้แต่งกายด้วยชุดคลุมสีฟ้ายาวราวกับนักพรต และมีปลอกดาบขนาดใหญ่สีดำทมิฬเหน็บอยู่ด้านหลัง
“เจ้าคือเย่เย่ผู้ที่สังหารศิษย์และมิตรสหายของข้าไปมากมายสินะ ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้กรรมแล้ว”
ชายสูงวัยผู้นี้คือ มูหลงผู้ได้รับขนานนามว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากเขาจะเป็นอาจารย์ของหยางเฟิงเฟิงแล้ว เขายังเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับ มู่หรงตู่เฟิง
อีกด้วย ทันทีที่เขาทราบข่าวการตายของศิษย์และพี่ใหญ่ เขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่จะได้แก้แค้นมาโดยตลอด
ทันทีที่แขกตระหนักได้ว่าชายผู้มาเยือนคือมูหลง พวกเขาก็ตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรับรู้ถึงข้อพิพาทระหว่างเย่เย่และมูหลง แต่ก็ไม่มีใครคิดว่ามูหลงจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ณ เวลานี้
แขกบ้านแขกเมืองที่เข้าร่วมงานก็เริ่มลังเลที่จะ ผูกสัมพันธไมตรีกับหอการค้าหยูเย่
การเผชิญหน้าของยอดคนแห่งยุคทั้งสองทำให้บรรยากาศในห้องโถงทวีความตึงเครียดขึ้น เหล่าสมาชิกของหอการค้าหยูเย่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล พวกเขาก็ได้แต่หวังพึ่งพลังปาฏิหาริย์ของเย่เย่เท่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าสายตาแห่งความคาดหวังทุกคู่จะจับจ้องมาที่เขา แต่เย่เย่ก็ไม่ได้รู้สึกกดดันแต่อย่างใด เขายกมือให้สัญญาณซูฉีเจี่ย และตู๋กู่เหยียนให้ถอยกลับออกมา ก่อนที่เขาจะเดินลงจากเวทีเข้าหาแขกไม่ได้รับเชิญอย่างช้าๆ
“ข้ารอคอยวันนี้มานานไม่ต่างกับท่าน! ศิษย์ของท่านและมู่หรงตู่เฟิงนั้นได้รับในสิ่งที่พวกเขาควรได้รับแล้ว หากท่านอยากจะล้างแค้นนักละก็ ข้า เย่เย่จะเป็นคู่ต่อสู้ให้ท่านเอง!”
สิ้นเสียงเย่เย่ โถงกลางก็เงียบสงัดลงจนแทบจะได้ยินเสียงความคิดของแต่ละคนดังออกมาจากหัว
“ดี! วันนี้เป็นวันที่ข้าจะสะสางบัญชีแค้นกับเย่เย่ คนอื่นที่ไม่เกี่ยวถอยออกไปให้หมด ใครก็ตามที่ก้าวเท้าเข้ามาอย่าหาว่าข้าไม่ปรานี” มูหลงแสยะยิ้มออกมาพลางพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน
ทันทีที่เขาพูดจบ แขกจากเมืองอื่นๆก็ถอยร่นออกไป เหลือเพียงเหล่าสมาชิกชั้นแนวหน้าของหอการค้าหยูเย่เท่านั้นที่ยังคงแสดงเจตจำนงยืนหยัดเคียงข้างประธานของพวกเขา แต่ทว่าเย่เย่ก็ได้สั่งห้ามเอาไว้ “ถอยไปซะ! ข้าอยากจะทดสอบพลังของชายผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคดูสักหน่อย”
เมื่อพวกเขาได้รับคำสั่ง พวกเขารวมไปถึงเสี่ยวหยูก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี ตรงกลางโถงเหลือเพียงเย่เย่และมูหลงยืนประจันหน้ากันอย่างตึงเครียด ได้ยินเพียงเสียงของเสโทที่หยดลงพื้น
“ความกล้าบ้าบิ่นของเจ้าช่างน่าประทับใจ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงพ่ายแพ้ต่อเจ้า แต่ทว่าคนมีพรสวรรค์เยี่ยงเจ้าข้าฆ่ามานักต่อนักแล้ว” ทันทีที่เสียงส่งมาถึงโสตประสาทของเย่เย่ มูหลงก็ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเขาด้วยความเร็วดุจปีศาจ เย่เย่ที่เพิ่งรู้ตัวก็ใช้ความเร็วของสลาตันผสานกับอัสนีตั้งรับการโจมตีอันหนักหน่วงไว้ได้ทัน
ตู้มมมมมมมมมมมมม
มูหลงยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉย และรัวหมัดใช่เย่เย่อย่างไร้ความปรานี
ผั๊วะ ผั๊วะ ผั๊วะ ผั๊วะ ผั๊วะ
กำปั้นและฝ่ามือสอดประสานกันอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เสียงของการโจมตียังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“อุ่กกก”
ชั่วเสี้ยววิที่เย่เย่เสียหลัก เขาก็รับหมัดของมูหลงเข้าไปเต็มๆ ร่างของเขากระเด็นถอยออกไป และก้มหน้ากระอักเลือดออกมากองใหญ่ มูหลงได้ทีแต่เขาก็รอบคอบไม่ได้พุ่งเข้ารุกไล่เย่เย่แต่อย่างใด
“หืม? ทนมือทนเท้าน่าดูเลยนี่!?” มูหลงประหลาดใจที่เห็นเย่เย่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะใช้หมัดลุ่นๆและยังไม่ได้งัดกระบวนท่าออกมา แต่การโจมตีของเขาก็ทำให้เทพอสูรระดับทั่วๆไปปางตายได้
“เรื่องเล็กน้อยน่า” เย่เย่ก็เช่นเดียวกัน เขายังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมา ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บแต่เขาก็ยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ เขาปาดเลือดที่ไหลออกมาจากริมฝีปาก ก่อนจะใช้กระบวนท่าสลาตันฟ้าคำรามใส่ศัตรูอีกหน
“มีความพยายามแต่ก็อ่อนหัด!” เมื่อเห็นเย่เย่สาวหมัดพุ่งตรงมาที่เขาด้วยความเร็วปานสายฟ้า มูหลงก็ยกขาขึ้นเตะ เย่เย่กลางอากาศ
เย่เย่ตั้งตัวได้ทันเขาเบี่ยงตัวหลบก่อนเปลี่ยนกระบวนท่าจากกำปั้นเป็นกรงเล็บ เขาคว้าขาของชายชราเอาไว้ และหมุนตัวพลิกทุ่มชายชราจนเสียศูนย์ล้มกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
โครมมมมมมมมมมมม
เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น ฝุ่นตลบไปทั่วบริเวณ พื้นกระเบื้องของโถงกลางแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนที่ยืนให้กำลังใจอยู่รอบๆเมื่อเห็นเย่เย่ได้ที ก็ส่งเสียงเชียร์ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ท่านประธานแข็งแกร่งที่สุด!”
“อันดับหนึ่งของภูมิภาคมีดีแค่นี้หรือ”
หลังจากเย่เย่ดึงพลังระดับเทพอสูรขั้นสูงออกมาใช้ เขาก็เริ่มตามการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของมูหลงได้ทัน
อย่างไรก็ตามอันดับหนึ่งของภูมิภาคก็ไม่เสียท่าง่ายๆแค่นี้ เขาลุกขึ้นและมองเย่เย่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“เหอะ เจ้าเองก็เป็นเทพอสูรขึ้นสูงแล้วสินะ!? ดูเหมือนว่าข้าจะประมาทเจ้าไปนิดหน่อย” เมื่อชายชราพูดจบ เขาก็ชักดาบขนาดใหญ่สีดำทมิฬออกมาจากปลอกดาบด้านหลัง
“ดาบใหญ่นี้มีชื่อว่า ‘ดาบนิลโลหิต’ นับเป็นเกียรติของเจ้าที่จะได้เห็นมัน” หลังจากมูหลงควักมันออกมา จากสีหน้าที่ร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผากลับกลายเป็นสงบนิ่งดุจธารน้ำไหล ราวกับศาสตรานี้ได้ปลุกอีกตัวตนหนึ่งในฐานะนักดาบของเขาออกมา
เย่เย่ที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็น ฝ่าเท้า เขาก็กลืนน้ำลายลงเอื๊อกใหญ่ ก่อนที่จะตระเตรียมอาวุธลับที่ซุกซ่อนในแขนเสื้อของเขาให้พร้อมสรรพ
ชั่วพริบตาที่ชายชราก้าวเท้า เย่เย่ก็ได้เล็งที่ดวงตาของ มูหลง และยิงเข็มดัชนีเยือกแข็งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าด้วยความเร็วของมูหลงทำให้เขาแทบจะเห็นการเคลื่อนไหวที่ช้ากว่าเขาทั้งหมดหยุดนิ่ง ชายสูงวัยยกดาบใหญ่ขึ้นปัดป้องอาวุธลับได้อย่างง่ายดาย
เคร้งงงงง
อาวุธเหล็กกล้าทั้งสองกะทับกันจนเกิดเสียงดังกังวานไปทั่ว เย่เย่เห็นดังนั้นก็ไม่ได้ถอดใจ เขาเพิ่มจำนวนเข็มเป็น 3 เล่มและใช้พลังปราณควบคุมทิศทางของมันตรงดิ่งเข้าใส่ศัตรูอีกครั้ง
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
มูหลงกวัดแกว่งดาบขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว เขาทำลายการโจมตีของเข็มดัชนีเยือกแข็งลงได้อย่างสมบูรณ์
“ชิ”
แม้ว่าวรยุทธ์ของเย่เย่จะอยู่ในระดับเทพอสูรขั้นสูง แต่การควบคุมเข็มนั้นสิ้นเปลืองพลังปราณอย่างมาก ทันทีที่เขาเห็นว่าอาวุธลับใช้ไม่ได้ผล เขาจึงรีบเรียกมันกลับมา…