Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 82

ตอนที่ 82

วาห์นยังเดินอยู่ภายในชั้นที่ 14 ขณะที่สร้างความคุ้นเคยกับร่างพยัคฆ์ขาว

การใช้มันผสานกับ [จิตแห่งราชัน] จะช่วยเพิ่มสัมผัสและการรับรู้ของเขาให้อยู่ในระดับที่สูงจนน่าเหลือเชื่อ

วาห์นไม่เพียงแต่ ‘สัมผัส’ ถึงสิ่งที่อยู่ภายในเขตแดนเท่านั้น เขายังได้กลิ่น ได้ยิน และมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจนกว่าเแต่ก่อน

แทนที่จะตั้งท่าต่อสู้เฉยๆ วาห์นมักจะคาดเดาการต่อสู้ว่าเขาจะหลบหลีกศัตรูก่อนจะโจมตีสวนกลับอย่างไรดี

ตอนนี้เขาก็กำลังต่อสู้กับศัตรูอย่างดุดันด้วยมือเปล่า

คุณสมบัติ ‘เผาไหม้’ และการดูดซับธาตุไฟทำให้วาห์นปราบมอนสเตอร์ลงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

มันเป็นความรู้สึกประหลาดที่ได้มาสัมผัสกับการบดขยี้กระดูกของมอนสเตอร์และมองดูพวกมันหงิกงอจากการโจมตีของเขา

ด้วยสายตาที่เฉียบคมกว่าเดิม วาห์นสัมผัสได้ถึงช่วงจังหวะที่เขาชกใส่มอนสเตอร์และมองเห็นคลื่นกระแทกผ่านเข้าไปในร่างของพวกมันในแบบสโลว์โมชั่น

มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ที่เขาพบและสู้ด้วยคือเฮลฮาวด์และอัลมิราจซึ่งตอนนี้เขารู้สึกคุ้นชินกับพวกมันมาก

แต่ว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงในที่สุดวาห์นก็ได้พบกับศัตรูตัวใหม่

มันคือหมูป่าขนาดยักษ์ที่มีความสูงกว่า 2 เมตร

ดูเหมือนมันจะหนักประมาณ 1000 กิโลกรัมและทิ้งร่องรอยมากมายไว้บนพื้นขณะวิ่งพุ่งมาที่วาห์น

วาห์นจำได้ว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ก็คือแบทเทิลบอร์ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าจุดเด่นของมันอยู่ที่การพุ่งชนอันทรงพลังและผิวหนังที่มีความทนทานสูง

โชคร้ายสำหรับเจ้าหมูป่าที่มันไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้เร็วพอขณะกำลังพุ่งเข้ามา

วาห์นกระโดดข้ามแบทเทิลบอร์และอ้อมไปข้างหลังมัน

ขณะที่มันพยายามเปลี่ยนทิศทางและพุ่งชนเขาอีกครั้ง วาห์นก็ชกไปที่สีข้างของมันแบบเต็มแรง

กำปั้นของเขาจมลงไปในเนื้อแข็งๆ และกลิ่นไหม้ก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วอากาศแต่มันก็ดูไม่เจ็บปวดอะไรเท่าไหร่นัก

วาห์นกระโดดถอยหลังขณะที่หมูป่าพยายามขวิดเขาด้วยเขี้ยวขนาดใหญ่

แบทเทิลบอร์นั้นมีความทนทานสูงเหมือนกับที่หนังสือระบุไว้เลย

ในตอนที่หมัดของวาห์นกระแทกสีข้างของมัน เขารู้สึกเหมือนกับว่าแรงกระแทกที่เกิดขึ้นนั้นถูกสลายจนหายไปหมด

เขาเดาว่าหมูป่าเป็นมอนสเตอร์ที่มีความสามารถในการต้านทาน/สลายแรงกระแทกคล้ายกับสกิล [ร่างจตุรเทพ] ของเขา

หมูป่าที่บ้าคลั่งพุ่งไปทางวาห์นด้วยแววตาสีแดงพร้อมกับพ่นน้ำลายทั่วไปหมดด้วยความโกรธ

วาห์นหลบไปด้านข้างอีกครั้ง และแทนที่จะต่อยมัน เขากลับใช้กรงเล็บความร้อนสูงข่วนมันแทน

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับร่างพยัคฆ์ขาวก็คือกรงเล็บที่ยื่นออกมาเกือบ 5 เซนติเมตรจากนิ้วมือทั้งห้า

ความคมของกรงเล็บบวกกับการโจมตีแบบเผาไหม้ทำให้ผิวของหมูป่าดูนิ่มไปถนัดตา

ตอนที่นิ้วของเขากวาดผ่านด้านข้างของมัน ส่วนของกรงเล็บก็ฝังลึกเข้าไปในหนังหนาของมันและทิ้งแผลไฟไหม้เอาไว้ในนั้น

แบทเทิลบอร์ขดตัวด้วยความเจ็บปวด

ประกายตาของมันยิ่งแข็งกร้าวมากขึ้นขณะที่ยังคงโจมตีต่อไปแบบไม่ลังเล

วาห์นพบว่ายิ่งเขาต่อสู้กับสัตว์ร้ายตัวนี้ ตัวของมันก็ยิ่งดูใหญ่ขึ้นและโจมตีได้รุนแรงกว่าเดิม

ผิวสีดำน้ำตาลของหมูป่าเริ่มกลายเป็นสีแดงและวาห์นก็สังเกตเห็นไอที่ออกมาจากจมูกของมันในแต่และครั้งที่หายใจออก

ในตอนที่มันเริ่มพุ่งเข้ามาใหม่ วาห์นก็ถอนหายใจก่อนจะนำ [ดาบอาคมทามาฮากาเนะ] ออกมา

การจะล้มมันด้วยมือเปล่านั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะมันทนต่อแรงกระแทกได้ดี ส่วนกรงเล็บนั้นก็สั้นเกินกว่าจะสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับมัน

วาห์นตั้งท่าฟันดาบและพุ่งเขาไปหาสัตว์ร้ายอย่างไม่เกรงกลัว

แบทเทิลบอร์คำรามเสียงดังเพื่อเป็นการรับการท้าทายของเด็กหนุ่ม

มันเพิ่มความเร็วและตั้งใจจะขวิดวาห์นให้เป็นชิ้นๆ ด้วยเขี้ยวขนาดใหญ่ของมัน

คู่ต่อสู้ทั้งสอง หนึ่งคือหมูป่าตัวใหญ่ และอีกหนึ่งคือเด็กหนุ่มร่างเล็ก ยังคงพุ่งเข้าใส่กันโดยไม่ลังเล

ในตอนที่ทั้งสองกำลังจะเข้าปะทะกัน วาห์นเหยียบเท้าซ้ายลงบนพื้นไปด้านข้าง ก่อนที่จะบิดเอวและหันหลังให้กับแบทเบิทบอร์

เจ้าหมูป่าตั้งใจที่จะวิ่งชนร่างไร้การป้องกันของเขาเพื่อปิดเกม

แต่ในตอนที่มันจะเข้าปะทะนั้น วาห์นก็ถีบตัวขึ้นจากพื้นและตีลังกากลับหลังไปอยู่เหนือตำแหน่งของมัน

หมูป่าเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยจ้องมองไปทางร่างที่อยู่เหนือมันพอดีซึ่งสีหน้าที่มันเห็นนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ในขณะที่วาห์นลอยตัวอยู่ในอากาศ เขาก็เปลี่ยนดาบเป็นธนูและปล่อยลูกศรออกไปที่ดวงตาของมัน

มันสะบัดหัวไปมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับสูญเสียการควบคุมทิศทางและลื่นไถลไปชนกับผนังหิน

เขี้ยวของมันครูดไปกับพื้นหินและชะลอความเร็วของมันลง

มันหันไปหาเด็กหนุ่มและพุ่งเข้าชนอีกครั้งโดยไม่สนใจลูกศรที่ยังฝังอยู่ในดวงตา ทว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็หาร่องรอยของเด็กหนุ่มไม่พบ

แม้จะอยู่ในสภาพบ้าคลั่ง แต่หมูป่าก็ยังไม่ถึงกับเสียสติและกำลังสับสนว่าศัตรูที่สู้อยู่กับมันหายตัวไปได้อย่างไร

ทันใดนั้นมันก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากด้านข้างซึ่งเป็นจุดบอดของมัน

และแล้วหัวของมันก็กลิ้งออกมาจากร่างและทำให้มองเห็นศัตรูที่กำลังถือดาบประกายสีทองมายืนอยู่ข้างๆ ‘ตัว’ ของมัน

ก่อนที่หมูป่าจะสิ้นสติเป็นครั้งสุดท้าย มันก็เห็นเด็กหนุ่มมองมาหาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

วาห์นเห็นว่ามันยังไม่ตายในทันทีจึงส่งยิ้มให้กับส่วนหัวของมันที่กำลังกลิ้งอยู่บนพื้น

เขาสร้างจุดบอดด้วยการยิงเข้าไปที่ดวงตาของมันแล้วก็ใช้ช่องโหว่นี้เพื่อตัดหัวของมันทิ้ง

แม้ว่าวาห์นจะรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของมัน แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปสู้กับมอนสเตอร์ซึ่งพยายามไล่ฆ่าเขาอย่างยุติธรรมสักหน่อย

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นมอนสเตอร์ที่พุ่งชนไปเรื่องและต่อสู้กับศัตรูแบบตรงๆ ก็ตาม

วาห์นนำคริสตัลออกมาจาก ‘ศพ’ ของหมูป่าขณะที่หัวและร่างของมันเริ่มกลายเป็นฝุ่นผง

เขายังพบไอเท็มประหลาดที่มันทิ้งเอาไว้อีกด้วยซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนหนังหนาๆ ของมันนั่นเอง

เมื่อคิดว่ามันน่าจะเป็นวัตถุดิบที่ดีสำหรับการทำชุดเกราะในอนาคต วาห์นจึงเก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของแทนการแลกเป็น OP

ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กอย่างสึบากิหรือเฮเฟสตัสคงจะสามารถดึงเอาคุณสมบัติธรรมชาติของวัตถุดิบชิ้นนี้ออกมาได้

เมื่อมันกลายมาเป็นอุปกรณ์แล้ววาห์นก็จะมีไอเท็มต้านทานแรงกระแทกแบบเดียวกับที่หมูป่าเคยมี

นี่เป็นหนึ่งในต่อสู้ครั้งแรกที่วาห์นรู้สึกเพลิดเพลินอย่างแท้จริง

หมูป่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ตายในการโจมตีครั้งเดียวแบบพวกเฮลฮาวด์และอัลมิราจที่เข้ามาก่อกวนเขาอย่างไม่รู้จักจบ

เขาต้องใช้สกิลทุกอย่างที่มีเพื่อเอาชนะมันและยังต้องใช้ความพยายามมากกว่าการต่อสู้อื่นๆ ที่ผ่านมาด้วย

วาห์นเริ่มหวังให้มีสถานการณ์แบบนี้อีกในอนาคตขณะที่เขาหันไปหาทางเดินและมุ่งหน้าไปยังชั้นที่ 14

พอวาห์นมาถึงบันไดนั้นเวลาก็ผ่านไปแล้วกว่า 5 ชั่วโมง

หากรวมเวลาที่เขาใช้ในชั้นที่ 13 และหมดสติไปตอนลงมาชั้นที่ 14 ตอนนี้ก็เกือบจะ 2 ทุ่มแล้ว

ถึงวาห์นจะยังไม่รู้สึกเหนื่อยมากนัก เนื่องจาก ‘เพลิงนิรันดร์’ ได้มอบพลังงานให้กับเขาบางส่วน แต่เขาก็ตัดสินใจหยุดพักลงก่อน

เขานั่งลงและสำรวจของดรอปและค่าสถานะต่างๆ

แม้เฮลฮาวด์แต่ละตัวจะไม่แข็งแกร่งอะไรมาก แต่มันก็มอบ OP ให้วาห์นตัวละ 23-27 OP

สำหรับอัลมิราจนั้น ถึงพวกมันจะจัดการได้ยากกว่าเฮลฮาวด์ แต่ก็ให้ OP มาเพียงตัวละ 18-20 OP เท่านั้น

ข้อดีอย่างเดียวของมอนสเตอร์ทั้งสองชนิดนี้ก็คือจำนวนที่มีอยู่มากมาย ดังนั้นวาห์นจึงเก็บ OP ไปได้ทั้งหมด 14,779 OP ภายในเวลาห้าชั่วโมง

OP รวมของเขาขึ้นไปเป็น 196,816 OP และเขาก็เริ่มเข้าใกล้กับหนึ่งในห้าของจำนวนที่เขาต้องการ

เขานำคริสตัลขนาดใหญ่ที่ได้รับจากแบทเทิลบอร์ออกมา

เขาได้เก็บทั้งคริสตัลและหนังของมันเอาไว้เนื่องจากเขารู้สึกเสียดายที่จะเปลี่ยนมันเป็น OP ในตอนนี้

พูดแบบทั่วๆ ไปแล้ว คริสตัสที่ได้รับจากมอนสเตอร์นั้นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชั้นดีสำหรับการสร้างอาวุธและชุดเกราะ

เนื่องจากวาห์นต้องการที่จะใช้วัตถุดิบชิ้นนี้ เขาจึงตัดสินใจเก็บคริสตัลเอาไว้ก่อนแม้มันจะมีมูลค่าหลายร้อย OP ก็ตาม

เมื่อมองไปที่โครงสร้างคริสตัลสีม่วงน้ำเงิน วาห์นก็รู้สึกหลงใหลไปกับพลังงานที่หมุนวนอยู่ภายใน

เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าคริสตัลเป็นของที่น่าสนใจมาก และยิ่งเป็นคริสตัลระดับสูงเหมือนกับก้อนนี้ก็ยิ่งดูสวยงามเข้าไปใหญ่

พวกมันเป็นเหมือนอัญมณีสีเข้มที่เปล่งประกายไปด้วยแสงตรงแกนกลาง และวาห์นยังคิดว่าจะใช้มันสร้างเครื่องประดับหรือฝังมันเข้ากับอาวุธในฐานะของตกแต่ง

วาห์นยังคงชื่นชมหินก้อนนี้ไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะใส่มันกลับเข้าช่องเก็บของ

เขาไม่ควรเสียเวลากับสิ่งรอบตัวมาเกินไปขณะที่เขายังอยู่ภายในดันเจี้ยน

เมื่อไปถึงริวีร่าเมื่อไหร่ เขาก็จะมีเวลาที่จะพิจารณาตัวเลือกและวางแผนต่อไป

สำหรับตอนนี้ วาห์นได้นำอาหารออกมาและทานอย่างเอร็ดอร่อย

หลังจากนั้น เขาก็เช็ดตัวโดยใช้ฟองน้ำและน้ำจากคนโท

เขาทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วยวิธีนี้ได้ไม่มากนัก แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

เมื่อเตรียมการเสร็จก็ใกล้จะ 3 ทุ่มแล้ว แต่วาห์นที่ยังไม่รู้สึกเหนื่อยจึงตัดสินใจเดินทางต่อ

เขาเข้าสู่ร่างพยัคฆ์ขาวข้ามผ่านประตูเข้าไปในชั้นที่ 15

นี่เป็นหนึ่งในชั้นที่เขาตั้งตารอมากและก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาไม่อยากจะหยุดพักในตอนนี้

วาห์นรู้สึกได้ถึงความคาดหวังที่ผุดขึ้นมาขณะเดินไปตามทางและเข้าไปยังห้องแรก

เมื่อเข้าไปถึง วาห์นก็รู้สึกว่าเลือดของเขาเริ่มเดือดพล่าน

มีมอนสเตอร์สองตัวกำลังยืนอยู่กลางของห้องที่มีความกว้างประมาณ 30 เมตร และเป็นตัวที่เขาอยากเจออยู่พอดี

พวกมันก็คือมิโนทอร์นั่นเอง แต่ละตัวนั้นความสูงประมาณ 2 – 3 เมตรพร้อมกับร่างกายที่บึกบึนและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ

พวกมันมีหัวเหมือนวัวที่ดูดุร้ายกับแผงคอที่มีขนหนาอยู่รอบๆ หัวและปกคลุมไปทั่วส่วนคอและไหล่ พวกมันยืนด้วยสองขาที่ทรงพลังและตัวที่ใหญ่กว่ายังพกดาบหักๆ ที่เต็มไปด้วยรอยบิ่น

พอเขาเข้ามาในห้อง มิโนทอร์ทั้งสองก็สังเกตเห็นเขาและเริ่มพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งในทันที

พวกมันแต่ละตัวมีท่าทางที่ดูชั่วร้ายขณะร้องออกมาและปลดปล่อยลมหายใจร้อนระอุที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน

วาห์นเริ่มตั้งท่าต่อสู้หลังจากเก็บดาบเพราะเขาอยากสู้กับพวกมันด้วยมือเปล่านอกจากว่าจะรับมือไม่ไหวจริงๆ

การใช้ดาบบวกกับค่าสถานะในตอนนี้จะทำให้เขาได้เปรียบมากเกินไปและอาจไปชะลอการเติบโตแทน

มิโนทอร์อาจจะเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงของนักผจญภัยเลเวล 2 แต่ด้วยการเสริมพลังจากร่างพยัคฆ์ขาวและ [จิตแห่งราชัน] ก็ทำให้ค่าสถานะของเขาเทียบเท่ากับพวกเลเวล 3 ได้แบบพอฟัดพอเหวี่ยง

ออร่าสีทองสั่นไหวไปรอบตัววาห์นขณะที่เขาพุ่งไปยังมิโนทอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด

มันพยายามใช้ดาบหักๆ โจมตีใส่เขา แต่วาห์นก็เร่งความเร็วในจังหวะสุดท้ายก่อนจะพุ่งลอดใต้ขาของมัน

ตอนเคลื่อนที่ผ่านไป วาห์นก็ใช้กรงเล็บตัดเส้นเลือดบนขาทั้งสองของมัน

มิโนทอร์ล้มไปข้างหน้าด้วยความเจ็บปวดขณะที่เลือดจำนวนมากเริ่มไหลออกมาไม่หยุดจนมันต้องใช้ดาบพยุงตัวถึงจะยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง

วาห์นยังคงพุ่งต่อไปยังมิโนทอร์ตัวที่สองซึ่งไร้อาวุธ มันพยายามใช้แขนอันทรงพลังโจมตีใส่วาห์นอย่างโกรธแค้น

วาห์นเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวโดยการถีบพื้นและกระโดดออกนอกระยะการโจมตีของมิโนทอร์

กำปั้นของมันทุบลงบนพื้นอย่างหนักหน่วงจนเกิดเป็นรอยแตกขณะที่วาห์นกระโดดใส่ใบหน้าของมัน

เขาใช้กรงเล็บความร้อนสูงจับหัวของมันพร้อมกับกดนิ้วโป้งลงไปที่เบ้าตาจนมันบอดไปทั้งสองข้าง

ขณะที่มันกรีดร้องพยายามไล่จับเขาแบบสะเปะสะปะ วาห์นก็เตะเข้าไปที่กระดูกไหปลาร้าและกระโดดหมุนตัวกลับลงมาบนพื้น

มิโนทอร์ตัวแรกจ้องไปที่วาห์นและรอให้บาดแผลฟื้นตัวขณะที่ตัวที่สองซึ่งตาบอดไปแล้วกำลังกวัดแกว่งแขนทั้งสองของมันไปรอบด้าน

ไม่นานมันก็เดินไปชนสหายเข้าจนพสกมันล้มลงไปที่พื้นทั้งคู่

พอเห็นว่ามิโนทอร์ทำดาบตก วาห์นจึงเก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของก่อนจะนำมันออกมาใช้

เขาสำรวจใบดาบที่เสียหายอย่างหนักขณะเดินเข้าใกล้มอนสเตอร์ทั้งสอง

เขายกดาบขึ้นเหนือหัวและสวดภาวนาอย่างเงียบๆ ก่อนจะผ่าหัวขนาดใหญ่ของมิโนทอร์ตัวแรกด้วยดาบของมันเอง

มิโนทอร์ตัวที่สองยังคงตะเกียกตะกายไปมาบนพื้น ดังนั้นวาห์นจึงแทงดาบไปที่หลังคอและปิดฉากความทรมานของมันลง

โดยรวมแล้ว มิโนทอร์สองตัวยังดูอันตรายน้อยกว่าแบทเทิลบอร์ตัวเดียวที่เขาเพิ่งสู้ไปซะอีก

แม้พวกมันจะมีพละกำลังมหาศาลซึ่งใช้เอาชนะนักผจญภัยที่อ่อนแอกว่าได้ แต่พวกมันก็ยังขาดความคล่องตัวและความทนทานที่จะรับมือกับการโจมตีของวาห์น

เนื่องจากมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ พวกมันก็เลยมีจุดอ่อนที่สังเกตเห็นได้ง่ายมาก

สำหรับวาห์นนั้นการหาเส้นเลือดใหญ่ของศัตรูเป็นอะไรที่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

วาห์นเก็บคริสตัลทั้งสองและยิ้มออกมาเมื่อพบว่าพวกมันมีค่าถึง 113 และ 139 OP

เขาเดินหน้าตามหาเป้าหมายต่อไปด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น

วาห์นยังคงกวัดแกว่งดาบหักไปเรื่อยๆ ซึ่งเขาตัดสินว่าจะใช้มันสังหารมิโนทอร์ให้มากที่สุดก่อนจะทำพิธีฝังมันอย่างสมเกียรติ

หวังว่าคนที่ทิ้งดาบเล่มนี้ไว้เบื้องหลังจะได้ไปสู่สุคติอย่างแท้จริง

(TL: ชื่อตอนสำรอง:’มิโนทอร์ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย’,’วันนี้ไม่มีเด็กมะเขือเทศให้ดูหรอกนะ’,’ตอนนี้ยืนยันได้แล้วว่าวาห์นเป็นพวกคลั่งไคล้ขนสัตว์’,’แบทเทิลบอร์ถูกหลอก’,’ถ้าวาห์นต่อสู้ตลอดทั้งคืน นั่นไม่ได้หมายความว่าเฮเฟสตัสต้องพยายามนอนหลับขณะที่หัวใจของวาห์นเต้นเสียงดัง/ตื่นเต้นอยู่ในดวงวิญญาณของเธองั้นเหรอ?’,’ความว่องไวเยอะๆ ก็โกงอยู่นะ’)
—————

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน