Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 74

ตอนที่ 74

ในตอนที่การต่อสู้เริ่มขึ้น วาห์นและทีโอน่าต่างกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายในทันที

สิ่งที่น่าประหลาดใจสำหรับวาห์นก็คือ แม้ทีโอน่าจะเป็นนักผจญภัยเลเวล 4 ที่เกือบจะขึ้นถึงเลเวล 5 แล้ว แต่วาห์นก็สามารถตามการเคลื่อนไหวของเธอได้ทันอย่างไม่ยากเย็นนัก

ถึงเธอจะเร็วกว่าเขา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะไล่ตามเธอซึ่งต่างไปจากที่เคยทำกับสึบากิมาก

ขณะที่ทั้งสองเข้าใกล้กันภายในจังหวะเดียว วาห์นก็พยายามออกตัวให้เร็วกว่าหนึ่งก้าวเพื่อถ่ายน้ำหนักลงไปที่มือขวาของตน

เขาบิดร่างกายและเล็งหมัดตรงไปที่ท้องของทีโอน่า แต่ก่อนที่หมัดของเขาจะสัมผัสโดนก็มีมือมาจับข้อศอกของเขาเอาไว้และสลายพละกำลังที่ใช้โจมตีของวาห์นออกไป

ตรงช่องโหว่ในการป้องกันของเขาที่ถูกเปิดขึ้น วาห์นมองเห็นต้นขาที่ดูแข็งแรงพุ่งผ่านช่องนั่นเข้ามาใกล้ใบหน้าของตน

วาห์นใช้มือซ้ายกระโดดยันพื้นเพื่อเด้งตัวและหลบเข่าที่กำลังมาถึงโดยใช้แรงผลักจากการออกตัวเพื่อหลบหลีก

แต่ในตอนที่เขากำลังดันตัวหลบก็รู้สึกได้ถึงแรงกดบนไหล่ซ้าย

ทีโอน่าปิดทางหนีของเขาเพื่อไม่ให้หลบการโจมตีที่กำลังมาถึงและวาห์นเองก็ไม่สามารถหยุดการโจมตีจากเข่าที่กำลังจะเข้ามาชนกับคางของตนได้

เขาถูกส่งลอยออกไปแต่เนื่องจากใช้แขนป้องกันการโจมตีโดยตรงไว้จึงรอดพ้นจากการหมดสติ

หลังจากไถลไปบนพื้นหลายเมตร วาห์นก็ยืนอย่างมั่นคงและกระโดดถอยหลังแต่กลับพบกับเท้าขนาดเล็กที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า

เขาพยายามสกัดการโจมตี แต่มันกลับเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเขามาก

แม้ว่าประสามสัมผัสของเขาจะ ‘มองเห็น’ สิ่งที่กำลังใกล้เข้ามา แต่ร่างกายของเขาก็ไม่อาจตอบสนองได้ทันก่อนที่มันจะเข้าปะทะกับใบหน้าที่ไร้การป้องกัน

กระแสลมที่มาจากการโจมตีพัดผ่านเส้นผมของวาห์นไปข้างหลัง

เขายังคงตั้งรับโดยคว้าขาที่หยุดกลางคันด้วยตัวของมันเอง

ในตอนที่เขาจับขาเธอไว้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะหวานๆ ตามมาด้วยคำพูด

“จับแบบนี้มันจั๊กจี้นะ แต่คิดว่าเมื่อกี้ฉันเป็นฝ่ายชนะล่ะ”

วาห์นปล่อยขาของเธอและทำหน้าเจื่อนก่อนจะขอโทษ

ทีโอน่าดูเหมือนว่าไม่ได้ว่าอะไรพร้อมกับแกว่งเท้าไปมา

“ไม่เป็นไร ถ้าต่อไปอยากจะจับอีกฉันก็ไม่ว่านะ แต่นายต้องรีบแข็งแกร่งให้ไวๆ เข้าใจไหม?”

หลังจากพูดจบเธอก็วิ่งกลับไปที่กลุ่มอย่างมีความสุข ขณะที่ไอส์เริ่มเว้นระยะห่างจากวาห์น

เมื่อวาห์นเห็นดาบของไอส์ เขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมานิดๆ

เขารู้ว่าเธอแข็งแกร่งยิ่งกว่าทีโอน่าในตอนนี้ แถมยังมีความคล่องตัวกว่ามาก

เมื่อเห็นความกังวลของเขา ไอส์ก็มองไปที่ดาบของตนก่อนจะวางมันไว้ด้านข้าง

แทนที่จะใช้ดาบ เธอยกฝักดาบขึ้นมาและตั้งท่าอีกครั้ง

วาห์นสังเกตเห็นว่าเธอเอาดาบออกก็ถอนหายใจโล่งอกก่อนจะคว้าอาวุธสำหรับฝึกฝนบนผนังออกมา

มันเป็นอาวุธไร้คมซึ่งจะไม่ทำให้บาดเจ็บสาหัส แต่วาห์นก็ไม่ได้หวังว่าจะฟันโดนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

เขาตั้งท่าโดยแยกเท้าทั้งสองข้างออกขณะที่ถือดาบเอียงไปทางไหล่ขวาและทำมุม 20 องศา

เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและเตรียมที่จะพุ่งเข้าโจมตีในทันที

การตั้งท่าของไอส์ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยช่องโหว่ขณะที่เธอชี้ฝักดาบไปข้างหน้าพร้อมกับยกมือซ้ายขึ้นเล็กน้อย

สึบากิยืนยันได้ว่าทั้งสองคนพร้อมแล้วและกำลังรอสัญญาณจากเธอเพื่อลงมือ

เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะทิ้งมือลงมาพร้อมกับตะโกนขึ้น

“เริ่มได้!”

วาห์นพุ่งไปด้านหน้าไอส์ผู้ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

ในขณะที่เข้ามาใกล้เธอ เขาก็พยายามโจมตีด้วยท่าฟันต่ำเพื่อบังคับให้เธอเคลื่อนที่

ไอส์งอเข่าลงเล็กน้อยก่อนที่จะฟาดปลายฝักดาบไปในทิศเดียวกับดาบของวาห์น

การกระทำของเธอทำให้คมดาบของวาห์นชนกับพื้นและหยุดการเคลื่อนไหวของเขาไว้

ช่วงที่เขาเสียสมดุล ไอส์ได้เบี่ยงฝักดาบออกมาจากดาบของวาห์นและแทงมันเข้าไปที่กะบังลมของเขา

วาห์นกระเด็นออกไปด้านหลังขณะอยู่ในอาการหายใจติดขัด แต่เขาก็ควบคุมตนเองให้ไม่ล้มลงบนพื้นได้

เขาตั้งดาบในท่าป้องกันเพื่อเตรียมรับการโจมตีสวนกลับ แต่ไอส์อาแต่ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมและหันฝักดาบมาทางเขา

เมื่อรู้ว่าเธอไม่คิดจะโจมตีเข้ามา วาห์นจึงปรับลมหายใจก่อนที่จะพยายามใหม่อีกครั้ง

คราวนี้เขาพยายามโจมตีจากด้านบนด้วยการฟันจากเหนือหัวของเธอพร้อมกับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวเป็นถอยหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เธอสวนกลับมาได้

เขายอมสละพลังโจมตีเพื่อออกการเคลื่อนไหวในทิศตรงกันข้าม แต่มันจะช่วยทำให้อีกฝ่ายฉวยโอกาสได้ยากขึ้น

ไอส์มองไปทางดาบที่กำลังเข้าใกล้ด้วยดวงตาไร้ความรู้สึกก่อนจะก้าวไปข้างหน้า

เพราะวาห์นใช้การโจมตีแบบแปลกๆ ดังนั้นแทนที่เธอจะป้องกันและสวนกลับเหมือนครั้งก่อน

ไอส์จึงใช้ประโยชน์จากการที่เขาไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางไปด้านใดได้ด้วยการหลบไปด้านข้างและแทงฝักดาบเข้าไปที่กะบังลมของเขาอีกครั้ง

คราวนี้เธอใส่แรงน้อยลงจึงทำให้วาห์นถอยกลับไปเพียงสามก้าวก่อนจะที่จะยืนได้อย่างมั่นคง

แม้ว่าจะไม่ได้ออกแรงไปมากนัก แต่วาห์นก็หายใจหอบแฮก

ไอส์ต่างไปจากทีโอน่าที่ต่อสู้กับเขาแบบตรงๆ เพราะเธอกลับยอมให้เขาโจมตีตามสบาย

ยังไม่เพียงแค่นั้น เพราะเธอยังแสดงความเมตตาตอนสวนการโจมตีเพื่อมอบโอกาสให้กับเขาอีกครั้ง

วาห์นไม่รู้ว่าทำไม แต่การที่เธอออมมือให้กับเขานั้นสร้างความหงุดหงิดให้เขาเป็นอย่างมาก

เขาอยากจะวัดฝีมือของตัวเองกับทั้งสองสาว แต่อย่างเดียวที่ตระหนักได้ก็คือเขาอ่อนแอกว่าพวกเธอมาก

ทั้งสองไม่ต้องพยายามอะไรมากก็โค่นเขาลงได้ แถมพวกเธอยังยั้งมือไว้เนื่องจากไม่อยากให้เขาบาดเจ็บ

ในขณะที่ความไม่พอใจกำลังก่อตัวขึ้น สัมผัสอันเย็นสงบก็เริ่มแพร่กระจายเข้าไปในจิตใจของเขาพร้อมกับที่วาห์นเริ่มปรับลมหายใจ

เขตแดนที่อยู่รอบตัวเขาเริ่มเข้ามารวมตัวกันและไอส์เองก็แสดงความระมัดระวังมากขึ้นขณะที่เธอจับฝักดาบแน่นเพื่อรอรับการโจมตีที่จะมาถึง

วาห์นสูดหายใจเข้าลึกและกุมดาบจนแน่นพร้อมกับพุ่งตัวไปทางไอส์อย่างรุนแรงและตวัดดาบเป็นวงกว้าง

ไอส์เอียงร่างกายเพื่อปัดป้องการโจมตี แต่ในตอนที่ฝักดาบเธอสัมผัสกับดาบ ร่างของเธอก็เอนไปข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมกับที่ดาบทั้งเล่มทิ่มลงบนพื้น

วาห์นใส่แรงทั้งหมดลงไปในการโจมตี แต่ก็ใช้ประสาทสัมผัสของตนเพื่อปล่อยด้ามดาบในตอนที่รับรู้ได้ถึงการสวนกลับของไอส์

แทนที่เขาจะเสียสมดุลจากการถูกเธอปัดดาบออก เขาเฝ้ารอช่วงที่ดาบปะทะกันและเข้าเล่นงานตอนทีเผลอแทน

เนื่องจากเธอยังคงคาอยู่ที่การเคลื่อนไหวเพื่อปัดการโจมตีจากดาบของเขา ตอนนี้เธอได้สร้างช่องโหว่ขึ้นมาแล้ว

วาห์นจึงก้มตัวลงต่ำและใช้ไหล่พุ่งชนเพื่อทำให้เธอเสียสมดุลก่อนจะต่อด้วยข้อศอก

แต่น่าเสียดาย แม้ว่าเธอจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไอส์ก็ยังเป็นนักผจญภัยเลเวล 5

แม้จะเสียสมดุลไปบ้าง แต่เธอก็ใส่แรงลงไปในเท้ามากพอที่จะหมุนร่างตัวเองในพริบตา

แทนที่ไหล่ของเขาจะเข้าปะทะกับร่างของเธอ วาห์นทะลุผ่านตำแหน่งที่ไอส์เคยอยู่ขณะถูกฝักดาบตีเข้าตรงหลังศีรษะ

วาห์นหมดสติทันทีหลังถูกโจมตีและไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกตอนถึงพื้นด้วยซ้ำ

นาซ่าและลิลลี่รีบวิ่งตรงไปที่ร่างของวาห์นเพื่อดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาหลังจากเห็นว่าเขาแค่หมดสติไป

ลิลลี่จ้องไปที่ไอส์ก่อนร้องตะโกนขึ้น

“ไม่เห็นต้องรุนแรงขนาดนั้นเลยนี่! การซ้อมแบบไหนกันนะที่เล่นกันจนหมดสติแบบนี้!?

ไอส์ยังคงยืนอยู่ขณะถูกลิลลี่โวยวายใส่

เธอจ้องมองไปทางวาห์นที่หมดสติด้วยสีหน้าขอโทษและเสียใจ

การโจมตีสุดท้ายของเธอนั้นรุนแรงมากไปหน่อย และหากเธอลดแรงในช่วงสุดท้ายไม่ทัน บางทีเธออาจจะฆ่าเขาไปแล้วก็ได้

เธอทำท่าทาง ‘กังวลใจ’ ขณะหันไปทางริเวเรีย

“ริเวเรีย ได้โปรด…”

ริเวเรียถอนหายใจก่อนจะเดินไปทางวาห์นและตรวจร่างกายของเขา

เธอเห็นว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไร แต่อาจต้องนอนรักษาอาการปวดหัวอยู่หลายวันหากไม่ได้รับการรักษาในตอนนี้

หลังจากพึมพำร่ายคาถา เธอก็ชี้คทาไปทางวาห์นที่หมดสติและร่ายเวทฟื้นฟู [ฟิล เอลดิส]

แสงอันอ่อนโยนแพร่กระจายไปทั่วร่างของวาห์นพร้อมกับที่ขนตาของเขาเริ่มสั่นไหว

วาห์นลืมตาขึ้นมาและเห็นใบหน้าแสนเป็นห่วงของนาซ่าและลิลลี่

ด้านหลังพวกเธอนั้น เขามองเห็นไอส์ที่กำลังมองมาทางเขาด้วยความกังวลเช่นกัน

วาห์นหลับตาลงและถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า

(‘แพ้แล้ว…’)

แม้เขาไม่ได้หวังว่าจะชนะตั้งแต่แรก แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่าตนทำอะไรหญิงสาวทั้งสองไม่ได้เลย

เขาจะไปปกป้องอะไรได้หากไม่สามารถจัดการกับคนที่ออมมือให้ได้ด้วยซ้ำ…

ขณะที่กำลังหมกมุ่นอยู่ในความคิด เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจิ้มแก้มของตนอยู่

เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นอีกหนึ่งใบหน้าที่อยู่ถัดจากลิลลี่และนาซ่า

ทีโอน่ากำลังมองลงมาที่เขาด้วยรอยยิ้มและสีหน้าร่าเริง

“นายทำได้ดีแล้ว ฝึกให้หนักกว่านี้และมาท้าฉันใหม่อีกครั้งนะ โอเคไหม? ฉันจะรอ… ไอส์เองก็ด้วย ใช่ไหมไอส์?”

วาห์นมองเห็นไอส์พยักหน้าเป็นการตอบรับทีโอน่า

เธอมองไปยังดาบที่วาห์นทำตกตอนที่เขาพยายามชิงความได้เปรียบคืนมา

“ฉลาด… แต่เสี่ยงเกินไป ต้องดูให้ดีก่อนว่ามีแผนสอง”

จากนั้นเธอก็มองเขาอีกครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขอบคุณริเวเรียและขยับไปอยู่ด้านข้าง

ทีโอน่าเดินตามเธอไปหลังจากจิ้มใบหน้ามึนงงของวาห์นอีกครั้ง

“บ๊ายบายนะวาห์น ถ้ามีโอกาสก็มาเยี่ยมฉันที่โลกิแฟมิเลียบ้างล่ะ”

หลังจากกล่าวคำอำลา สมาชิกของโลกิแฟมิเลียก็ออกจากคฤหาสน์ของสึบากิ (TL: ผู้เขียนเปลี่ยนจากบ้านเป็นคฤหาสน์… เพราะว่าดูจากขนาดแล้วมันเป็นคฤหาสน์จริงๆ)

วาห์นยังคงนั่งอยู่ที่ลานฝึกพร้อมกับใคร่ครวญอย่างเงียบงัน

หญิงสาวทั้งสองพยายามให้กำลังใจเขา แต่วาห์นเพียงพยักหน้าและเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้ก่อนที่จะกลับไปนั่งคิดเรื่องการต่อสู้อีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าพวกตนจะทำให้เขาเสียสมาธิ นาซ่าและลิลลี่จึงออกไปเตรียมอาหารเช้าแทน

เพราะวันนี้มันสายมากแล้ว พวกเธอจึงอยากให้กับวาห์นคิดต่อไปอีกหน่อยก่อนที่การฝึกจะเริ่มขึ้น

เมื่อเหลือเขาอยู่ที่ลานฝึกเพียงคนเดียว วาห์นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

เขาได้พัฒนาตัวเองขึ้นมากในการฝึกกับสึบากิเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่โดยรวมแล้วพลังของเขาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก

แน่นอนว่าเขาอาจจะใช้สกิลหรือเทคนิคเพื่อจัดการกับนักผจญภัยที่อยู่ในระดับพอๆ กันแบบเข้ามาพร้อมกันหลายคนก็ได้

แต่เขาจะแพ้ทันทีที่เจอกับคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองเล็กน้อย

สึบากิบอกว่าเขามีศักยภาพในการต่อสู้กับคนที่มีเลเวลสูงกว่า แต่นั่นเป็นเพียงแค่การพึ่งพาสกิลที่เขามีอยู่มากมายซึ่งไม่ใช่พลังต่อสู้ที่แท้จริงของเขา

หลังจากคิดเรื่องนี้และมองสกิลอยู่หลายนาที วาห์นก็รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร

เขาจะต้องจากลิลลี่ นาซ่า และสึบากิไปชั่วคราวและเริ่มเข้าไปสำรวจดันเจี้ยนชั้นที่ลึกกว่าเดิม

มีเพียงแค่การผลักดันตัวเองให้ถึงขีดสุดเท่านั้นที่จะทำให้วาห์นสามารถเอาชนะทุกคนได้

แม้เขาจะไม่รู้สึกเสียใจที่จะใช้เวลาอยู่กับลิลลี่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

หากวาห์นไม่แข็งแกร่งพอ เขารู้ว่าจะต้องเสียใจมากหากมีอะไรเกิดขึ้น

“ดูเหมือนว่าจะตัดสินใจได้แล้วสินะ”

จากด้านหลัง วาห์นได้ยินเสียงของสึบากิดังขึ้นมา

เขาหันกลับไปและเห็นสึบากิกำลังมองมาด้วยสายตาและรอยยิ้มที่อ่อนโยน

เขาพยักหน้าตอบ

“ครับ… ผมอยากสร้างทางเดินของตัวเองเป็นเวลาชั่วคราว หากยังอยู่ในที่เดิมๆ ผมก็จะเริ่มหยุดนิ่งและการเติบโตก็จะหยุดชะงักไป แม้ว่าการฝึกจะช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้และเทคนิคให้ก็จริง แต่มันส่งผลต่อสภาพจิตใจและสัมผัสต่างๆ มากกว่าพลังในการต่อสู้ ถ้าผมไม่ได้ไปต่อสู้แบบจริงจังและผลักดันตัวเองขึ้นอีก ผมก็จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้…”

สึบากิส่ายหัวและถอนหายใจออกมาพร้อมกับเอามือไปหนุนหัว

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เธอก็มองไปทางวาห์นและเริ่มหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างเคย

“คนๆ เดียวที่เธอจะพึ่งพาให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นได้ก็คือตัวเธอเอง แต่เธอก็ต้องไม่ลืมว่ามีคนที่กำลังรอการกลับมาของเธออยู่ มีผู้คนมากมายที่มีความสุขเมื่อเห็นเธอมีชีวิตแม้ว่าเธอจะไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นก็ตาม”

วาห์นพยักหน้าขณะที่ใบหน้าของทุกคนที่เขาใส่ใจฉายขึ้นมาในหัว

คนแรกคือเฮเฟสตัส… เขาเป็นหนี้บุญคุณเธอมาก

ต่อไปก็คือ โคลอี้… วาห์นติดหนี้เธอมากกว่าที่เขาจะตอบแทนเธอได้หมด

ด้านหลังของทั้งสองคนนี้ยังมีลิลลี่ สึบากิ ทีน่า นาซ่า มิลาน รวมไปถึงเอน่าและแม้กระทั่งหญิงสาวคนอื่นๆ ในกิลด์ก็ผ่านเข้ามาในหัวของเขา

หลังจากพบว่าคนที่เขาจำได้ส่วนใหญ่นั้นมักเป็นผู้หญิง วาห์นจึงรู้สึกสั่นไหวอยู่ในใจซึ่งทำให้ ‘เพลิงนิรันดร์’ ออกมาเต้นอยู่ตรงหน้าอก

เขาวางมือเหนือหัวใจของตน และเริ่มรับรู้ถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาห่วงใย

นอกจากนี้ยังมีคนใหม่ๆ ที่เขาเพิ่งจะได้ทำความรู้จักจากโลกิแฟมิเลีย

พวกเขาต่างมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่องหลักและแม้แต่วาห์นเองก็เคยคิดที่จะเข้าร่วมกับแฟมิเลียนี้มาก่อน

มันคงเป็นเรื่องที่สนุกหากได้เติบโตขึ้นเคียงข้างคนอย่างทีโอน่าและไอส์

ส่วนแกเร็ธกับริเวเรียนั้นดูเหมือนจะเป็นคนที่ใจดีและคอยดูแลเหล่ารุ่นน้อง

เสียงตบแรงๆ ดังขึ้นและปลุกวาห์นให้ตื่นจากภวังค์

สึบากิตบแผ่นหลังของเขาจนเกือบได้เอาหน้าไปทิ่มพื้น

วาห์นต้องรีบเอามือไปยันไว้ก่อนจะได้กินดินเป็นอาหารเช้า

สึบากิหัวเราะออกมาพร้อมกับเดินไปทางห้องอาหาร

“อย่าคิดให้มันมากนักเลย! แค่ทำในสิ่งที่เธอคิดว่าดีที่สุดและไม่ต้องกังวลให้มากพอแล้ว ให้ตายสิ ถ้าเธอทำเองไม่ไหวก็ยังมีผู้คนมากมายที่พร้อมจะช่วยอยู่แล้ว สำหรับตอนนี้ ไปทานข้าวเช้ากันได้แล้ว! หลังจากการต่อสู้ไม่เอาไหนเมื่อกี้ วันนี้ฉันจะฝึกเธอให้หนักเป็นสองเท่าเลย!”

ความสั่นเทิ้มเริ่มผ่านมาถึงแผ่นหลัง แต่เมื่อมันผ่านไปแล้วเขาก็ยิ้มออกมาได้

พอเขามองไปทางหอคอยจากระยะไกล วาห์นก็รู้สึกถึงความคาดหวังที่ก่อตัวขึ้นในใจ

เขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อให้แข็งแกร่งพอที่จะยืนอยู่บนยอดของหอคอยนั่นในวันใดวันหนึ่ง

ขณะเดียวกันก็ต้องดำดิ่งลงไปในดันเจี้ยนเรื่อยๆ จนกว่าจะเผยความลับทั้งหมดของมันออกมา

หากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะสู้กับมังกรดำตาเดียวและดูว่ายังมีความลับอื่นๆ ที่อยู่บนโลกใบนี้อีกหรือไม่

แต่สำหรับตอนนี้ วาห์นคงต้องไปเพลิดเพลินกับอาหารเช้าก่อน

(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘ไงนะ? ก็คนมันหิวข้าวนี่นา’, ‘เละแล้วเละอีก’, ‘แตะเท้า ชีวิตเปลี่ยน’, ‘ฝันร้ายของลิลลี่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว’, ‘นาซ่ากระดิกหางไปมาอย่างรุนแรง’)
—————

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท