Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 87

ตอนที่ 87

ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบหลังจากได้ยินที่วาห์นพูด

เมื่อมองไปรอบๆ เขาจึงถอนหายใจเพราะเห็นว่าพรรคพวกทุกคนยังหายใจอยู่

วาห์นรอให้เขาเริ่มพูด แต่หลังจากเห็นว่าเขายังคงนิ่งเงียบไปกว่ายี่สิบวินาที วาห์นจึงถอดผ้าคลุมที่ปิดบังใบหน้าของชายผู้นี้ออก

ทันทีที่ผ้าคลุมถูกถอดออก วาห์นก็เห็นหูแหลมๆ สีดำโผล่ออกมา

‘ชายหนุ่ม’ ที่จริงแล้วเป็นแค่ ‘เด็กหนุ่ม’ เพราะเขาดูมีอายุประมาณ 13 – 14 ปีเท่านั้น

แม้ใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นจะดูขาวซีดจากความเจ็บปวดและการเสียเลือด แต่วาห์นพอมองออกว่าผิวของเขาเป็นสีมะกอกแบบธรรมชาติ

ผมของเขามีสีน้ำตาลเข้มเกือบดำสนิทและมีหูแหลมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยขน

หูนั่นไม่เหมือนกับเผ่ามนุษย์แมวหรือเชียนโธรปที่วาห์นเคยเห็นมาก่อน

ลักษณะโดดเด่นที่สุดของเด็กหนุ่มก็คือรอยสักสีทองซีดบนใบหน้าของเขาและดวงตาสีไวน์แดง

เด็กหนุ่มหูแหลมยังคงจ้องมองไปที่วาห์นพร้อมกับสายตาเชิงตำหนิและโกรธเคือง

ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังไตร่ตรองบางอย่างและมองไปที่ขาของตัวเองซึ่งถูกวาห์นตัดไป

เมื่อวาห์นกำจัดพิษออกไปก่อนหน้านี้ เขาก็ได้ใส่พลังเข้าไปที่ขาเพื่อต่อมันกลับเข้าไปใหม่ด้วย

เด็กหนุ่มคนนี้ยังขยับไม่ได้เนื่องจากกระดูกเข่าที่แตก แต่หากได้พักฟื้นเขาก็จะสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง

วาห์นสำรวจพวกเขาอีกครั้งแต่ก็พบว่าไม่มีใครที่มีออร่าสีดำเหมือนชายสามคนก่อนหน้านี้เลย

แม้จะไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขากำลังตามล่าวาห์นอยู่ แต่เขาก็ไม่คิดว่าเป้าหมายของคนพวกนี้คือการลอบสังหาร

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาสับสนก็คือมีดสีดำและเหตุผลที่พวกเขาตามรอยมาตั้งแต่แรก

“ฉันบอกให้พูดไง ยิ่งนายชักช้า อาการบาดเจ็บของพวกนั้นก็จะยิ่งแย่ลงนะ”

วาห์นชี้ไปทางอีกหกคนที่นอนอยู่บนพื้น เด็กหนุ่มมองตามมือของเขาไปและขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

หลังจากลังเลอยู่สองสามวินาที เขาก็กัดฟันแล้วถามขึ้น

“คุณจะสาบานหรือเปล่าว่าจะไว้ชีวิตพวกเราถ้าผมพูด?”

วาห์นขมวดคิ้วก่อนตอบ

“ฉันขอสาบานว่าจะไว้ชีวิตพวกนายทุกคนหากพวกนายเลิกไล่ตามหรือหยุดโจมตีฉัน แต่นายเองก็ต้องสาบานที่จะพูดแต่ความจริงไม่งั้นทุกอย่างที่ฉันพูดไปจะเป็นโมฆะทันที”

วาห์นมองเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่มและหลังผ่านไม่กี่วินาทีเขาก็ยกมือขึ้นและกล่าวคำสาบาน

เพราะทั้งคู่มีตราสัญลักษณ์ของแฟมิเลีย พวกเขาจะต้องทำตามคำสาบานมิฉะนั้นจะสูญเสียฟาลน่าแบบถาวรและมีเครื่องหมายคำสาปติดตัวไปตลอด

หลังจากรอให้เด็กหนุ่มกล่าวจนเสร็จ วาห์นก็เริ่มกล่าวตามที่พวกเขาได้ตกลงกันไว้

หลังจากนั้นเขาก็นำร่างของทั้งหกคนมาวางใกล้กันและเปิดผ้าคลุมหน้าของทุกคนออก

วาห์นทำไปเพื่อลดสงสัยของเด็กหนุ่มและช่วยให้เขาสารภาพออกมาง่ายขึ้น

เพราะแม้เขาจะถูกผูกมัดด้วยคำสาบานว่าจะพูดความจริง แต่ทุกอย่างย่อมมีช่องโหว่

หลังจากที่รวบรวมทุกคนครบแล้ว วาห์นก็สังเกตเห็นว่าออร่าของทุกคนดูมั่นคงขึ้นหลังจากที่เห็นว่าพรรคพวกยังมีชีวิตอยู่

“พูดมาได้แล้ว บอกฉันมาว่าทำไมพวกนายถึงตามรอยฉันและหากพบแล้วตั้งใจจะทำอะไรต่อ”

วาห์นขยับห่างออกไปประมาณ 3 เมตรและสำรวจ ‘เชลย’ ของเขา

ทุกคนยังเด็กอยู่มากและส่วนใหญ่น่าจะมีอายุประมาณ 10 – 13 ปี

พวกเขามีผิวและผมที่คล้ายกัน รวมไปถึงหูแหลมที่ดูใหญ่จนไม่สมกับขนาดหัว

ในกลุ่มนี้มีเด็กผู้ชายสี่คนและเด็กผู้หญิงสามคน

เด็กผู้ชายทุกคนจะมีรอยสักสีทองบนใบหน้าขณะที่ของเด็กผู้หญิงจะเป็นสีแดง แต่ละคนต่างมีดวงตาสีไวน์แดงเหมือนกัน

เด็กหนุ่มที่วาห์นดูแล้วว่าน่าจะเป็นหัวหน้าพยักหน้าให้ขณะเริ่มอธิบายจุดมุ่งหมายของพวกเขา

ปรากฏว่าพวกเขาเป็นชาวต่างชาติจากทะเลทรายทางใต้และสังกัดอยู่กับอนูบิสแฟมิเลียซึ่งพวกเขาได้ติดตามเทพธิดาของตนเข้ามาที่เมืองเมื่อไม่นานมานี้

คำสั่งที่พวกเขาได้รับก็คือติดตามวาห์นและถ้าเป็นไปได้ก็จับเขากลับมาและพาเขาไปหาเทพธิดาของพวกตน

เด็กหนุ่มพูดต่อว่าเขาไม่รู้ว่าทำไมเทพธิดาของเขาถึงอยากพบกับวาห์น แต่เธอทำเช่นนั้นจากการร้องขอของเทพที่มีชื่อว่าโอซิริส

พวกเขาไม่รู้ว่าโอซิริสมีข้อตกลงอะไรกับเทพธิดาของพวกตน แต่ดูเหมือนว่าโอซิริสจะเกลียดวาห์นเอามากๆ

สมาชิกของโอซิริสแฟมิเลียได้บอกพวกเขาเรื่องที่วาห์นเข้ามาในดันเจี้ยน ดังนั้นพวกเขาจึงออกไล่ตามมาทันที

พอวาห์นได้ฟังเรื่องราวแล้วจึงเริ่มสับสน

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเทพที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนถึงกลายมาเป็นศัตรูกับเขา

ตามที่เด็กหนุ่มเล่า โอซิริสเพิ่งมาที่โอราริโอ้ได้ไม่นานมานี้ ดังนั้นเขาจึงไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับวาห์น

หลังจากถามคำถามอีกสองสามข้อเพื่อคลายความสงสัยของตัวเอง วาห์นก็ยิ่งขวดคิ้วหนักกว่าเดิมเพราะไม่ได้ข้อมูลอะไรมามากนัก

สุดท้ายแล้ววาห์นจึงตัดสินใจถามเกี่ยวกับอนูบิสแฟมิเลีย

“แล้วพวกนายนี่มันยังไงกัน ทำไมเป็นเด็กกันหมดเลยล่ะ แล้วฉันยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพวกนายเป็นเผ่าพันธุ์อะไร”

แม้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีเด็กเกิดมาในแฟมิเลีย แต่การที่ทั้งกลุ่มดูอ่อนเยาว์กว่าเขาและยังถูกสั่งให้มาตามหาวาห์นฟังดูเป็นอะไรที่แปลกเอามากๆ

เด็กหนุ่มขมวดคิ้วราวกับกำลังโดนดูถูกก่อนจะตอบกับไป

“เราเป็นเชียนโธรป แต่ทุกคนที่มาจากเผ่าทางใต้จะมีผมสีเข้มและมีหูแหลม เราได้รับการฝึกฝนจากเทพธิดาอนูบิสผู้สูงส่งของเราเพื่อเอาไว้ใช้ติดตามผู้กระทำผิดแถมเรายังมีสัมผัสในการมองเห็นและดมกลิ่นที่ยอดเยี่ยมด้วย ท่านอนูบิสสอนวิธีการเอาตัวรอดและช่วยชีวิตเราจากการเป็นเด็กกำพร้าข้างถนน อย่ามาดูถูกแค่เพราะว่าเรายังเด็กอยู่นะ!”

วาห์นสังเกตว่าในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังปลดปล่อยความหงุดหงิดออกมา หูนั่นก็เริ่มกระตุกซึ่งทำให้ท่าทางของเขาดูตลกมากกว่าที่มันควรจะเป็น

เขากลั้นหัวเราะซึ่งเด็กหนุ่มก็ดูเหมือนจะเข้าใจและเริ่มกัดฟันเสียงดัง

วาห์นส่ายหัวและถอนหายใจ

“ตอนนี้ฉันไปพบเทพธิดาของนายไม่ได้เพราะยังติดภารกิจอยู่ แต่ตราบใดที่เธอไม่ได้มีเจตนาร้าย ก็ให้เธอส่งข้อความไปทางเทพธิดาของฉันได้เลย พอเสร็จภารกิจแล้วฉันจะไปหาเธอด้วยตัวเอง”

วาห์นไม่เชื่อว่าคนที่รับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงจะเป็นคนไม่ดี

การที่คำสั่งบอกเพียงว่าให้จับเป็นนั้นคือหลักฐานที่เพียงพอแล้วสำหรับวาห์น

ความคิดหนึ่งแล่นผ่านเข้ามาในหัวจนวาห์นต้องถามเพิ่ม

“เรื่องมีดนั่น มันเป็นพิษชนิดไหนงั้นเหรอ?”

วาห์นจำได้ว่าแม้เด็กหนุ่มจะอ้างว่าต้องการจับเขาเท่านั้น แต่ตอนท้ายเขากลับใช้มีดอาบยาพิษเพื่อโจมตีใส่

เมื่อนึกถึงตอนที่เด็กหนุ่มมีฟองเต็มปาก วาห์นจึงคิดว่ามันอาจเป็นพิษที่รุนแรงมาก

เด็กหนุ่มตอบกลับ

“มันเป็นพิษที่ทำให้มึนงงและหมดสติเมื่อเวลาผ่านไป”

หลังจากได้ยินคำตอบ วาห์นก็สับสนอีกครั้ง

“ทำไมนายถึงมีฟองที่ปากและทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายล่ะ”

เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อวาห์นถามออกมาและมองเขาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“ก็คุณโยนมีดใส่เข่าจนกระดูกผมแตกไปหมด! แบบนั้นมันเจ็บมากเลยนะเว่ย!!!”

เด็กหนุ่มตะโกนพร้อมน้ำตา

เมื่อเห็นน้ำตานั่นและได้ยินเสียงร้องของเด็กหนุ่ม วาห์นก็เริ่มรู้สึกผิดที่ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ

เขารู้แต่แรกว่าเด็กพวกนี้ไม่มีออร่าสีดำอยู่เลยและบางทีเขาน่าจะยั้งมือให้มากกว่านี้หน่อย…

วาห์นส่ายหัวและตัดสินใจว่าสิ่งที่ทำไปนั้นไม่ผิด

หากเขาไม่มี ‘ดูค่าความชื่นชอบ’ ก็ไม่มีทางที่เขาจะเห็นเด็กพวกนี้เป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากมือสังหาร

พวกเขานับว่าโชคดีมากที่ไม่โดนวาห์นฆ่า ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็คนจะไม่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้หรอก

พวกเขาคุยกันต่อไปอีกพักหนึ่งขณะที่วาห์นเริ่มรักษาบาดแผลให้กับทุกคน

ไม่มีใครพยายามโจมตีเขาอีกและพวกเขาก็มีสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อยขณะเข้ารับการรักษา

วาห์นรู้สึกแย่มากเมื่อเห็นคู่ที่เขายิงธนูใส่เมื่อกี้นี้ พวกเธอเป็นผู้หญิงทั้งคู่และมีอายุประมาณสิบสองปี แถมเขายังยิงใส่ในบริเวณที่อยู่เหนือหางไปหน่อยเดียวเท่านั้น

หลังจากที่รับการรักษาแล้ว พวกเธอก็มองเขาแบบโกรธๆ เพราะต้องเปิดช่วงหลังให้เขาดูตอนรักษาแผล

แม้วาห์นจะรู้สึกอึดอัดกับสายตาพวกนั้น แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจและไปรักษาคนอื่นต่อ

หลังจากทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว วาห์นก็เขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้เทพธิดาอนูบิสส่งมันต่อไปยังเฮเฟสตัสหากเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ

วาห์นเชื่อว่าเฮเฟสตัสต้องมองออกแน่นอนว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นเทพแบบไหน และหากเฮเฟสตัสไม่ได้จดหมายก็หมายความว่าอนูบิสต้องการปองร้ายเขาจริงๆ

เขาส่งจดหมายให้กับเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าราซุยและปล่อยให้พวกเขากลับออกไป

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาทั้งเจ็ดคนก็ออกไปพ้นระยะเขตแดนขณะที่วาห์นถอนหายใจดังๆ

อย่างน้อยเขาก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แล้ว

จดหมายฉบับนั้นยังแจ้งให้เฮเฟสตัสรู้ถึงเรื่องของเทพโอซิริสและเขาเชื่อว่าเธอจะลงมือทำอะไรบางอย่างแน่นอน

ด้วยความเร็วของพวกเขาและความไม่พอใจต่อลูกน้องของโอซิริส พวกเขาน่าจะออกจากดันเจี้ยนภายในคืนนี้เลย

หากเป็นไปด้วยดี เฮเฟสตัสคงจะได้รับจดหมายในเช้าวันพรุ่งนี้

หลังจากเดินในป่าไปประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดวาห์นก็มาถึงที่กว้างที่มีทั้งลำธารและบ่อน้ำเล็กๆ

วาห์นใช้โอกาสนี้เพื่ออาบน้ำและซักเสื้อผ้าของเขา

น้ำนั้นเย็นราวกับมีน้ำแข็งแช่อยู่ แต่วาห์นก็ทำให้ตัวเองอบอุ่นได้โดยใช้ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์]

มันไม่เพียงแต่ทำให้เขาทนไฟเท่านั้น แต่พอเปิดใช้งานแล้วก็จะสามารถต้านทานความหนาวเย็นได้ด้วย

พออาบน้ำเสร็จ วาห์นก็ใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงไปกับการพิกัดแผนที่แถวนี้

แม้ว่ากลุ่มของราซุยจะไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ก็ยังมีสมาชิกของโอซิริสแฟมิเลียที่ต้องการทำร้ายเขา

เขาจะต้องระวังตัวไว้จนกว่าจะได้กลับไปที่เมืองและสะสางเรื่องนี้กับเฮเฟสตัสและอนูบิส

วาห์นหวังว่าอนูบิสจะเป็นเทพธิดาที่ดีเหมือนที่เด็กๆ ของเธอคิดไว้เพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากโดนเพ่งเล็งจากทั้งสองแฟมิเลียในคราวเดียวกันเท่าไหร่

อย่างน้อยเขาก็ได้พบกับสมาชิกของอนูบิสแฟมิเลียแล้วและรู้วิธีระบุตัวพวกเขา

ตามที่ราซุยบอก สมาชิกทุกคนของแฟมิเลียนั้นเป็นเชียนโธรปจากเผ่าทางใต้ ซึ่งวาห์นพอจะแยกพวกเขาออกได้ด้วยกลิ่นตราบใดที่เขายังอยู่ในร่างพยัคฆ์ขาว

ดูเหมือนว่าเทพโอซิริสจะตั้งแฟมิเลียขึ้นหลังจากที่มาถึงโอราริโอ้ได้ไม่นาน ต่างกับเทพอนูบิสที่พาผู้คนของเธอเข้ามาอยู่ในเมือง

วาห์นมองไปรอบๆ จนพบต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เหมาะกับการพักผ่อนและซ่อนตัว

เขาปีนขึ้นไปข้างบนก่อนจะบิดขี้เกียจเล็กน้อยและนอนลงบนกิ่งไม้

วาห์นไม่ใช่คนนอนดิ้นดังนั้นการหลับบนกิ่งไม้กิ่งไม้จึงไม่ใช่เรื่องอันตรายหรือแปลกใหม่อะไรสำหรับเขา

วาห์นขยายเขตแดนออกไปและค่อยๆ หลับตาลงหลังจากตรวจสอบค่าสถานะของตัวเอง

————————————————————————-

[[สถานะ]]

ชื่อ: [วาห์น เมสัน]

อายุ: 14

เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*

ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]

-เลเวล:2(+)(2)

-พละกำลัง: 1001+(B714)->(B760)

-ความอดทน: 1108+(S998)->(SS1019)

-ความแม่นยำ: 887+(C686)->(B737)

-ความว่องไว: 940+(B751)->(A822)

-พลังเวท: 1611+(SS1072)->(SSS1114)

ค่าสถานะรวมทั้งหมด: 5547+(4221)->(4452)

ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)

[กรรม]: 1,219

[OP]: 234,241

[วาลิส]: 171,630

————————————————————————-

(TL: วาห์นไม่ได้ล่ามอนสเตอร์บนชั้นที่ 17 ไปมากนักเพราะพวกมันมักจะอยู่แบบตัวเดียวหรือเป็นกลุ่มเล็กๆ นอกจากนี้นักผจญภัยจะไม่ได้รับเอ็กซีเลียจากกาต่อสู้กับสัตว์ธรรมดาทั่วไปและผู้ที่ฟาลน่าเช่นเดียวกันเว้นแต่จะเป็นการต่อสู้อย่างเป็นทางการที่มีการให้คำสัตย์สาบานกันไว้ การฆาตกรรมนั้นไม่ได้เป็นที่ยอมรับกันในหมู่ทวยเทพเท่าไหร่นัก~!)

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท