Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 168

ตอนที่ 168

เนื่องจากเหตุผลที่ทำให้เขาหมดสติลงนั้นเกิดจากสภาพ ‘พลังงานหมด’ วาห์นจึงตื่นขึ้นหลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วโมง

แม้ว่าร่างกายจะยังรู้สึกเหนื่อยล้ามากและอยากนอนต่อ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเปิดตาขึ้นเนื่องจากแรงกดทับประหลาดที่แขนซ้าย

พอหันไป เขาก็เห็นเอวานเจลีนที่กำลังใช้แขนของเขาแทนหมอนขณะมานอนขดตัวอยู่ข้างๆ กัน

เขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจจากจมูกของเธอที่เข้ามาปะทะกับลำคอของตัวเองและความชาจากแขนที่ถูกทับมาเป็นเวลานาน

เพราะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่ม ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของเอวานเจลีนจึงเปิดขึ้นและจ้องไปที่วาห์น

ผ่านไปไม่กี่อึดใจราวกับกำลังแกล้งทำเป็นไม่เห็นว่าเขาตื่นแล้ว เธอก็ปิดตาลงและขดร่างเข้ามาอีกเล็กน้อย

เนื่องจากเธอขยับศีรษะไปมา เลือดจึงเริ่มไหลเวียนไปที่แขนของวาห์นอีกครั้งและทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกไฟดูด (TL: อาการแขนเดี้ยงนั่นและ)

วาห์นมองเห็นออร่าสีฟ้ากับสีเหลืองออกมาจากร่างกายของเอวานเจลีนขณะที่พวกมันเข้าสัมผัสกับผิวหนังของเขาราวกับหมอกบางๆ

เขายิ้มและปิดตาลงเพื่อพักต่ออีกหน่อย

เขาเริ่มเสริมการไหลเวียนของเลือดโดยใช้ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] และหวังว่ามันจะช่วยทำให้แขนของเขาไม่ต้องชาเมื่อขึ้นตื่นในครั้งต่อไป

สัมผัสของเอวานเจลีนที่อยู่ข้างกายไม่ได้เป็นทำให้เขาคิดอะไรมาก และเมื่อเห็นร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ใกล้ๆ วาห์นก็รู้สึกอยากปกป้องเธอขึ้นมาแทน

ไม่กี่นาทีหลังที่จังหวะหายใจของวาห์นกลับไปสม่ำเสมออีกครั้ง เอวานเจลีนก็ลืมตาขึ้นและชำเลืองมองมาด้วยสีหน้าเรียบๆ

อย่างที่เธอคิดไว้ไม่ผิด แม้วาห์นจะเห็นว่าเธอตื่นแล้วแต่พอแกล้งหลับต่อ เขาก็เล่นตามน้ำไปกับเธอด้วย

มันไม่เหมือนวิธีที่เขาปฏิบัติกับเธอแบบก่อนหน้านี้เลย ซึ่งเขาคงจะดีกับเธอด้วยหากเธอทำตัวดีๆ เช่นกัน

ถึงเพิ่งจะมีเรื่องมีราวกันไปจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่เธอก็รู้แล้วว่าที่วาห์นทำไปแบบนั้นเพราะเขา ‘มอง’ การเสแสร้งของเธอออกหมดเลย

แม้จะอายุน้อยกว่าเธอมาก แต่พวกเขาทั้งสองก็ได้รับความทรมานในอดีตไม่ต่างกันเท่าไหร่

ทว่าในขณะที่เธอปฏิบัติกับคนอื่นอย่างโหดร้ายและเฉยชา แต่เขากลับมองเห็นส่วนที่ดีและเข้าหาอีกฝ่ายแทน…

เขาถึงขนาดยอมให้คนอื่นใช้ประโยชน์จากความใจดีของตัวเองโดยไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ

เอวานเจลีนถอนหายใจไปโดนคนที่นอนอยู่ข้างๆ และทำให้เขาขมวดคิ้วนิดๆ

เมื่อเห็นการตอบสนองของวาห์น เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจขณะเขยิบเข้าไปใกล้ใบหน้าของเขาให้มากขึ้นและเป่าลมใส่หูเบาๆ

วาห์นหันหัวหลบตามสัญชาตญาณและหญิงสาวก็ยิ้มและพยายามแกล้งเขาหนักกว่าเดิม

เมื่อเทียบกับตอนที่เขาตื่นอยู่ เอวานเจลีนรู้สึกว่าการแกล้งเขาตอนนอนนั้นง่ายกว่ากันเป็นไหนๆ

ขณะที่เธอพยายามเอนตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง วาห์นก็ใช้แขนซ้ายกอดรัดร่างและดึงเธอเข้ามาไว้แนบอก

เอวานเจลีนตกใจมากและคิดว่าวาห์นคงจะตื่นแล้ว แต่เธอก็พบว่าลมหายใจของเขายังคงสม่ำเสมอเช่นเดิม

แม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัดเพราะกำลังกดทับกับแผงอกของวาห์นอยู่ แต่เอวานเจลีนก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่นัก

ถึงวาห์นจะตื่นขึ้น เธอก็ยังสามารถกล่าวหาเขาแทนได้จนเด็กหนุ่มอาจจะต้องมาขอโทษที่เอาเปรียบเธอด้วยซ้ำ

ความคิดนั่นทำให้เอวานเจลีนยิ้มออกมาขณะเริ่มซุกหัวของตนลงบนหน้าอกและฟังเสียงหัวใจของเขา

เธอพบว่าร่างกายของวาห์นนั้นปล่อยความร้อนออกมาพอสมควร และมันก็ทำให้ร่างกายที่กำลังหนาวเหน็บของเธออุ่นขึ้นมาก

วาห์นตื่นขึ้นในอีกเจ็ดชั่วโมงต่อมาแต่คราวนี้เขารู้สึกได้ถึงแรงกดบนแผงอกแทนที่จะเป็นส่วนแขน

เมื่อลืมตาก็มองเห็นปลายศีรษะของใครบางคนและรู้ทันทีว่าเป็นร่างของเอวานเจลีนเพราะจำเส้นผมสีทองของเธอได้อย่างแม่นยำ

เมื่อเห็นแขนของตัวเองที่โอบแผ่นหลังของเธอยู่ วาห์นก็ค่อยๆ นำมันออกมาวางลงบนเตียงแทน

ขณะที่วาห์นตื่นขึ้นมาและขยับแขนออกไปนั้น เอวานเจลีนเองก็ตื่นแบบเต็มตาเช่นกัน

เธอหันไปสบตากับเด็กหนุ่มและพูดด้วยท่าทางเขินอาย

“กอดมาสเตอร์ของตัวเองจนพอใจแล้วสินะ เจ้าลูกศิษย์งี่เง่า?”

วาห์นมองเห็นประสายแสงเล็กน้อยในดวงตานั่นขณะที่ออร่าของเธอสั่นไหวไปมาขณะกำลังถาม

เมื่อเข้าใจว่าเธอกำลังแหย่เขาอยู่ วาห์นก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ก่อนจะนำมือไปโอบเอวบางไว้และพูดด้วยส้ำเสียงจริงจังแถมพยักหน้าให้ด้วย

“อืม ร่างกายของเธอนี่ทั้งเบาทั้งนุ่มเลยล่ะ เอวานเจลีน”

จากนั้นก่อนที่แวมไพร์ ‘ขี้อาย’ จะได้ทันตอบอะไร วาห์นก็เขยิบไปข้างหน้าอีกและดมกลิ่นเส้นผมสีทองสลวยซึ่งยาวลงมาถึงเอวของเธอ

แม้อยากจะแกล้งเขาให้มากกว่านี้ แต่ในตอนที่วาห์นเข้ามาดมเส้นผมนั้น เอวานเจลีนก็รีบถอยห่างจากร่างของเขาก่อนจะหันหน้าหนีและพูดด้วยน้ำเสียงเชือดเฉือนทันที

“ไอ้คนตันหากลับ กล้าแหย่มาสเตอร์ของตัวเองงั้นเหรอ!”

เหตุผลที่เอวานเจลีนต้องหันหน้าหนีก็เพราะเกิดรอยแดงที่แจ่มชัดบนใบหน้าของเธอ

หลังจากวาห์นได้ดมเส้นผมของเธอไปหนึ่งฟอดใหญ่ๆ เธอก็รู้สึกทั้งอายทั้งทำตัวไม่ถูก

ตอนนี้เอวานเจลีนได้ถอยออกไปแล้ว วาห์นจึงลุกขึ้นนั่งและเริ่มยืดเส้นยืดสายก่อนจะพูดขึ้น

“กลิ่นผมของเธอนี่ก็ไม่เลว มันทั้งอุ่นแล้วก็หอมกำลังดีเลยนะ”

คำพูดของเขาทำให้มือของเอวานเจลีนหงิกเป็นกรงเล็บพร้อมกับแหงนหน้ามองฟ้าและอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ เหลือเกิน

ทุกครั้งที่วาห์นพูดชมด้วยน้ำเสียง ‘อ่อนโยน’ เธอก็จะรู้สึกมีความสุขและหงุดหงิดไปพร้อมๆ กัน

แม้อยากจะบีบคอและส่งเขาขึ้นไปบินเล่นเสียตอนนี้ แต่เธอก็ไม่ต้องการให้เขากลับไปทำตัวเย็นชาแบบเดิมอีกครั้ง

วาห์นลุกออกจากเตียงโดยไม่หันไปมองเอวานเจลีนที่กำลังหลบหน้าเขาอยู่

เขาเห็นแล้วว่าใบหูของเธอกลายเป็นสีแดงจากทางข้างหลังและพอเดาได้ว่าแวมไพร์สาวคงกำลังหน้าแดงแบบสุดๆ

ภาพในจิตใจทำให้วาห์นยิ้มก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อด้วยความฮึกเหิม

พอสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้หันมามอง เอวานเจลีนก็จ้องตามแผ่นหลังของวาห์นไปด้วยสายตา ‘ต่อว่า’ ที่เขาแกล้งเธอหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

เป็นอีกครั้งที่เธอสาบานว่าจะทำให้เขาทนทุกข์ทรมานทันทีที่การฝึกสอนเวทมนตร์เริ่มขึ้น

ขณะที่วาห์นเริ่มสร้างอุปกรณ์ขึ้นมาอีกชิ้น เอวานเจลีนก็นำ [จักรพรรดินีแห่งน้ำแข็ง] ออกมาจากช่องว่างมิติ

เธอไม่ได้พูดอะไรกับวาห์นก่อนจะเคลื่อนที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรในชั่วพริบตาเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของมัน

ตอนที่เริ่มส่งพลังเวทเข้าไป เอวานเจลีนก็สังเกตเห็นในทันทีว่าตัวคทานั้นช่วยเสริมพลังเวทของเธอได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

ดูเหมือนว่ามันยังช่วยเรื่องการรวบรวมพลังงานธาตุน้ำแข็งภายในอากาศและเพิ่มระดับพลังเวทของเธอให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น

พอชี้คทาไปด้านหน้า วงแหวนเวทหลายสิบวงก็ปรากฏขึ้นพร้อมกันในอากาศ และก่อตัวกันเป็นข่ายเวทมนตร์ขนาดใหญ่พร้อมกับที่เอวานเจลีนตะโกนออกมา

“นีวิส คาซัส!”

ทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปาก วงแหวนขนาดยักษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 1000 เมตรก็ปรากฏขึ้นบนพื้นดินก่อนที่มันจะสร้างแรงระเบิดน้ำแข็งและหิมะขนาดใหญ่ขึ้น

แรงระเบิดนั้นมีความสูงเกือบ 400 เมตรและส่งคลื่นกระแทกอย่างรุนแรงผ่านพื้นสีขาวออกไปไกลหลายกิโลเมตร

เมื่อเห็นพลังทำลายล้างจากเวทมนตร์ตัวเอง เอวานเจลีนก็อดไม่ได้ที่จะถือคทาด้วยความรู้สึกยำเกรง

ตามปกติแล้ว ถ้าจะให้ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน เธอต้องใช้มานามากกว่าเมื่อกี้ถึง 40%

นั่นหมายความว่าคทาที่กำอยู่ในมือนั้นช่วยเพิ่มความรุนแรงของเวทมนตร์ที่ส่งออกไปได้มากถึง 40% โดยที่ไม่มีผลข้างเคียงตามมาเลย

เธอรู้สึกว่าคทาอันนี้ถูกสร้างมาเพื่อตัวเองโดยเฉพาะและอดไม่ได้ที่จะยกย่องฝีมือและความใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยของวาห์น

พอหันหน้าไปในทิศทางที่เด็กหนุ่มกำลังทำงานอยู่ เอวานเจลีนจึงได้แต่ยิ้มนิดๆ หลังนึกถึงความพยายามอย่างหนักที่เขาใช้ในการสร้างมันเพื่อที่เธอจะได้ไม่ ‘รู้สึกเศร้า’ อีกต่อไป

เธอตัดสินใจยกโทษให้กับการหยอกล้อเมื่อกี้นี้ ก่อนจะนั่งไขว้ห้างอยู่บนท้องฟ้าและเริ่มตั้งสมาธิขณะส่งมานาเข้าไปในคทาบนตัก

เธอพยายามทำความเข้าใจกับโครงสร้างของมันและดูว่ามันเชื่อมต่อกับระบบเวทมนตร์ของเธอในรูปแบบไหนกันนะ ถึงได้ทำให้มีผลลัพธ์รุนแรงแบบนี้

ขณะที่เอวานเจลีนกำลังพยายามทำความเข้าใจกับ ‘ทฤษฎี’ ที่อยู่เบื้องหลังเวทมนตร์ของ ‘เรคคอร์ด’ ดันมาจิ วาห์นก็กำลังง่วนกับการสร้างไอเท็มแบบต่างๆ

เนื่องจากเขาตีอุปกรณ์ที่จะนำไปใช้จริงเสร็จแล้ว ตอนนี้วาห์นจึงกำลังพัฒนาการควบคุม ‘เพลิงนิรันดร์’ โดยสร้างดาบเรียบๆ มากมายที่มีขนาดแตกต่างกันออกไป

วาห์นชอบสร้างไอเท็มที่ดูเรียบๆ แต่มีประสิทธิภาพเหมือนกับตอนที่สร้าง [ทะลวงจันทรา] ขึ้นมา

ไอเท็มต่างๆ นั้นไม่สามารถที่จะมีความสลับซับซ้อนแบบ [จักพรรดินีแห่งน้ำแข็ง] ได้ทุกชิ้นไป

แม้ว่าดาบเหล่านี้จะไม่มีทั้งด้ามจับและส่วนประกอบอื่นๆ แต่วาห์นก็สามารถดูค่าสถานะพื้นฐานของพวกมันได้อยู่ดี

พูดกันตามหลักแล้ว ถึงจะมีแค่ส่วนใบดาบ แต่มันก็ยังคงมีค่าพลังโจมตีที่เทียบเท่ากับไอเท็มระดับทั่วไป

ดาบที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนมากส่วนใหญ่นั้นอยู่ที่ระดับ C แต่วาห์นพบว่าเขาน่าจะเพิ่มระดับของมันไปที่ B ได้ หากพัฒนาการทำงานร่วมกับ ‘เพลิงนิรันดร์’ ต่อไปอีก

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ ‘เพลิงนิรันดร์’ ดั้งเดิม เปลวเพลิงของวาห์นก็มีเจตจำนงของตัวเองอยู่เช่นกัน และมันได้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือเขา

แม้อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมเมื่อเขาเป็นคนควบคุมเปลวเพลิงอย่างเต็มรูปแบบ แต่วาห์นก็อยากให้เปลวเพลิงได้เรียนรู้และปรับตัวเข้ากับทักษะของเขาด้วยตัวมันเอง

มันเป็นความรู้สึกที่ดีได้สร้างไอเท็มร่วมกับใครสักคน และวาห์นเองก็รู้สึกสนิทสนมกับเจ้าเปลวเพลิงสีแดง-ทองมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

ดูเหมือนว่ามันจะรู้สึกสนุกไปกับวาห์น ขณะสั่นไหวไปมาอย่าง ‘ตื่นเต้น’

ทุกครั้งที่วาห์นใช้มันสร้างไอเท็มชิ้นใหม่ แม้จะไม่สามารถสื่อสารกับมันได้แบบเป็นเรื่องเป็นราว แต่วาห์นก็เริ่มที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจในสิ่งที่มันพยายามจะสื่อโดยยึดตามการกระทำและวิธีการ ‘สั่นไหว’ แบบเฉพาะตัวของมันเอง

แถมมันยังประสานงานเข้ากับความพยายามของเขาในช่วงที่ต้องปล่อยความร้อนเข้าไปในโลหะได้ด้วย

ตอนนี้วาห์นก็สามารถรักษาปริมาณของวัตถุดิบไว้ได้มากกว่า 95% แล้ว แต่ข้อยกเว้นเดียวก็คืออะดาแมนไทน์ซึ่งเขาจะยังทำได้แต่ประมาณ 80% กว่าๆ เท่านั้น

โชคยังดีเพราะแทนที่จะทำให้เศษโลหะเสียเปล่า ‘เพลิงนิรันดร์’ ยังพยายามกรองโลหะที่เหลือและแยกมันออกไปที่อ่างด้านข้างให้ด้วย

นั่นทำให้วาห์นสามารถเก็บเศษโลหะเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ และจัดทำเป็นเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ได้ในภายหลัง

หลังจากทำงานไปแล้วเกือบยี่สิบชั่วโมง ในที่สุดวาห์นก็ตัดสินใจหยุดพักผ่อน

เขายังมีเวลาเหลืออีกเกือบจะยี่สิบห้าชั่วโมงก่อนจะถูกดีดออกไป ดังนั้นวาห์นจึงอยากจะงีบสักพักก่อนกลับไปพัฒนาฝีมือต่อ

หลังจากเช็ดเหงื่อบนร่างกายและเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารแสนอร่อยแล้ว วาห์นก็เดินไปที่เตียงและมองเห็นคราบเหงื่อและรอยเขม่าจากตอนก่อนหน้านี้

เขาขมวดคิ้วก่อนจะเก็บผ้าปูที่นอนเข้าไปในช่องเก็บของและซื้อผืนใหม่ออกมาจากระบบร้านค้า

แม้ตัวผ้ายังคงเป็นสีชมพูเพราะวาห์นคิดว่ามันเหมาะกับเอวานเจลีน แต่คราวนี้มันกลับมีคุณภาพที่ดียิ่งกว่าของเดิมอีก

วาห์นผ่อนคลายตัวเองบนชุดผ้าปูหนานุ่มและนอนเหม่อลอยอยู่ไม่กี่อึดใจก่อนเตรียมพร้อมนอนพักยาวๆ

เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเอวานเจลีนจะแอบขึ้นมาที่เตียงในขณะที่ตนหลับอยู่และพยายามแสร้งทำแบบครั้งที่แล้วอีกหรือไม่

วาห์นมักจะรู้สึกสบายเมื่อเขาได้โอบกอดหรือถูกใครบางคนกอดไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหากับการกระทำของเธอเลย

เขารู้ว่าเธอเป็นเพียงชิ้นส่วนความทรงจำและไม่สามารถทำอะไรที่ ‘เกินเลย’ และขัดต่อ ‘เป้าหมาย’ ของตัวเธอเองได้

อย่างไรก็ตาม การกระทำของเธอก็ทำให้วาห์นสงสัยว่าเอวานเจลีนตัวจริงๆ นั้นเป็นอย่างไรกันแน่ และเขาก็สงสัยมากว่าเธอจะฤทธิ์เยอะแบบแวมไพร์ตัวน้อยที่พยายามทำตัวเป็นมาสเตอร์ของเขาหรือเปล่า

เขาตัดสินใจว่าจะถามเกี่ยวกับอดีตและโลกที่เธอจากมาให้มากขึ้น และวาห์นก็ปล่อยให้ตัวเองผลอยหลับไปในขณะที่เข้าไปในระบบเพื่อมองหาไอเท็มที่คล้ายกับลูกแก้วลูกนี้

เขาพบตำราเวทมนตร์มากมายและลูกแก้วประเภทอื่นๆ ด้วย แต่พวกมันล้วนมีราคาแพงมาก

แม้แต่หนังสือ ‘เวทมนตร์สำหรับมือใหม่ 101’ ก็ปาเข้าไป 300,000OP แล้ว…

ไม่นานหลังจากที่วาห์นหลับไป ร่างๆ หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นถัดจากเตียงและจ้องลงมาที่เขาด้วยสีหน้าอ่อนโยนอย่างที่เด็กหนุ่มไม่เคยได้เห็นมาก่อน

สัมผัสการรับรู้ของเธอนั้นครอบคลุมไปทั่วทั้งมิติ ดังนั้นในตอนที่วาห์นเตรียมจะเข้านอน เอวานเจลีนก็หยุดการค้นคว้าและเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในช่องว่างมิติเพื่อสังเกตการกระทำของเขา

เมื่อเห็นเขาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนสกปรกด้วยของใหม่ที่ดีกว่าเดิม เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจกับการกระทำของเขา

ไม่นานหลังจากที่เด็กหนุ่มผลอยหลับไป เธอก็ปรากฏตัวและทำตามที่วาห์นได้คาดเอาไว้ โดยปีนขึ้นมาบนเตียงขณะเข้าไปซบร่างของผู้เป็นลูกศิษย์ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติสุดๆ

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท