Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 286

ตอนที่ 286

เวลา 3 ชั่วโมงใกล้จะหมดลงแล้ว ส่วนเฮสเทียนั้นก็กำลังนอนซบตรงซอกคอของวาห์นพลางแหงนหน้าขึ้นมาจูบเขาเป็นระยะ

แม้ตัวจะแน่นิ่ง แต่วาห์นก็ยังสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มจากเรือนร่างของเทพตัวเล็กได้เป็นอย่างดี

ส่วนความอบอุ่นที่เกาะกุมอยู่ตรงหน้าท้องนั่นก็ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวไม่หยุด

หากมองแบบผิวเผิน ตอนนี้วาห์นก็เหมือนกับลูกไก่ในกำมือดีๆ นี่เอง

น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกกลัวเลย อาจเป็นเพราะตัวเองเชื่อใจเฮสเทียมาก… แม้ว่าอีกฝ่ายจะออกอาการ ‘ก้าวร้าว’ เป็นบางครั้งก็ตาม

เมื่อช่วงจำศีลสิ้นสุดลง เฮสเทียที่ยังนอนซบอยู่ก็ถูกแขนแข็งแรงเข้าโอบจากด้านหลัง ช

ดวงตาสีฟ้าลืมขึ้นพร้อมกับร่างกายที่กระตุกเล็กน้อย จากนั้นเสียงเอ่ยถามก็ดังตามมา

“วาห์นนนน นายตื่นแล้วเหรอ~!?” ขณะพูด เฮสเทียก็ยังอุตส่าห์เอาแก้มเข้ามาถูและพรมจูบที่ใบหน้าของวาห์นไม่หยุด

พอโดนจูบกลับบ้าง เฮสเทียก็เริ่มใส่นัวจนวาห์นต้องหยิกเข้าที่แก้มก้นเพื่อเบรกเธอไว้ก่อน

เฮสเทียค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลงพร้อมกับงัดท่าทางไร้เดียงสาออกมาใช้

“ต้องไปด้วยเหรอออ…? เราอดข้าวเย็นสักวันไม่เห็นเป็นไรเลย ไว้เจอคนอื่นๆ วันหลังก็ได้นี่~”

เพราะน้ำหนักที่เบาผิดธรรมชาติ วาห์นจึงหยิบเฮสเทียขึ้นมานั่งมาบนตักได้อย่างสบายๆ

เรื่องใต้สะดือน่ะเอาไว้ทีหลัง เพราะตอนนี้เขาแค่อยากปลอบให้เธอสบายใจก่อน

“เฮสเทีย ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่าเหล่าทวยเทพที่อยู่มานานแบบเธอจะคิดอ่านกับเรื่องนี้ยังไง… หรืออย่างน้อยฉันก็เข้าใจแค่ผิวเผิน

สิ่งที่รู้แน่ๆ ก็คือ ฉันรักเธอมากจริงๆ… แต่ชีวิตของพวกเราก็ยังต้องดำเนินต่อไปนะ

เวลาของเรายังมีอีกเยอะ อย่าทำให้คนอื่นต้องลำบากใจเลย…”

เฮสเทียทำหน้าเหมือนหมาหงอยก่อนจะพึมพำตอบ

“ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจุดเล็กๆ ในชีวิต…

ต่อให้นายมีอายุขัยมากกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายสิบเท่า… ฉันก็กลัวว่ามันจะไม่พออยู่ดี

ฉันอยากรักษาช่วงเวลาที่เรามีให้กันไปนานๆ เพราะรู้ว่าต่อไปนายคงจะยุ่งกว่านี้…

ช่วยทำให้ฉันลืมนายไม่ลงทีเถอะ วาห์น ฉัน…ไม่อยากไปรักใครอีกแล้ว”

วาห์นลูบผมทรงทวินเทลข้างหนึ่งก่อนจะเลื่อนไปจับคางเพื่อทำให้อีกฝ่ายหันมาประสานตาด้วย

“ฟังนะเฮสเทีย… มองเข้ามาที่ตาของฉัน เธอจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้พูดโกหก

ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอต้องทนทุกข์อยู่คนเดียวเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม

ฉันยังไม่แน่ใจว่าต้องทำไงบ้าง แต่ขอสัญญากับเธอเลยว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันไปตลอด…” วาห์นพูดด้วยน้ำเสียงรักใคร่และจริงจังมาก

เรื่องนี้วาห์นเองก็ยังคิดไม่ตก แต่เขารู้ว่าหากพยายามมากพอ การกลับมาที่เรคคอร์ดนี้ก็น่าจะไม่ยากเกินความสามารถ

เมื่อถึงวันที่ดวงวิญญาณแข็งแกร่งเกินไปจนถูกบังคับให้ต้องออกจากที่นี่ วาห์นก็จะหาทางสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างเรคคอร์ดดันมาจิกับโลกอื่นๆ ด้วยตัวเอง

ตอนแรกเฮสเทียคิดว่านี่เป็นแค่การปลอบ แต่ท่าทางและน้ำเสียงจริงจังนี่มันยังไงกัน?

วาห์นไม่ใช่คนที่ชอบพูดลอยๆ หรือผิดสัญญา เรื่องนี้เธอรู้ดีที่สุด

แม้ว่าความวิตกในใจของเฮสเทียจะยังหลงเหลืออยู่บ้าง แต่มันก็จางหายไปเกือบหมดแล้ว

วาห์นมักจะทลายกำแพงที่เรียกว่า ‘สามัญสำนึก’ อยู่เป็นประจำ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เธอเชื่อว่าเขาอาจทำตามที่พูดได้จริงๆ

เฮสเทียกลับมายิ้มได้อีกครั้ง จากนั้นเธอก็ใช้มือประคองใบหน้าของวาห์นก่อนจะมอบจูบที่แฝงไปด้วยความรู้สึกอันท่วมท้น

ริมฝีปากของทั้งคู่ซ้อนทับกันอยู่หลายวินาทีก่อนที่พวกมันจะแยกออกจากกัน

เฮสเทียปิดท้ายอย่างเจ้าเล่ห์ด้วยการเคลื่อนตัวออกโดยปล่อยให้ร่างกายถูไถไปตามส่วนล่างของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด จากนั้นเธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง

กลีบดอกไม้สีขาวเริ่มไหลมารวมตัวกันเป็นเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วท่ามกลางสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของวาห์น

หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว ทั้งสองก็เดินลงไปชั้นล่างและมุ่งหน้ามาที่ห้องอาหาร

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็น แต่หลายคนก็มารวมตัวกันอยู่ที่นั่นแล้ว

คนที่ไม่อยู่ก็มีทีโอเน่ ทีโอน่า เอมิรุ มาเอมิ เลฟิย่า และอันนาคิตตี้ แต่วาห์นสัมผัสได้ว่าสี่คนหลังนั้นกำลังง่วนอยู่กับงานในครัว

เพราะพวกฝาแฝดยังทำอาหารได้ไม่หลากหลายนัก การมีเลฟิย่าและอันนาคิตตี้คอยช่วยจึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเธอ

วาห์นไม่เคยชิมฝีมือของทั้งสองแบบจริงๆ จังๆ มาก่อน แต่มันก็คงหนีไม่พ้นอาหารจำพวกเนื้อตุ๋นหรือไม่ก็เนื้อย่างที่ชนเผ่าเร่ร่อนชอบทำกัน

วาห์นหันไปให้ความสนใจกับห้องใกล้เคียงที่ซึ่งออร่าของคู่แฝดอีกคู่พำนักอยู่ในนั้น

ออร่าของทีโอเน่นั้นดูวุ่นวายมาก ส่วนค่าความชื่นชอบของเธอก็มาหยุดอยู่ที่ 99(หลงรัก)

ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าสภาพจิตใจของเธอกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ทีโอน่าคงกำลังช่วยให้พี่สาวสงบลง และทั้งสองน่าจะรอให้ไอส์กับเลฟิย่าทานข้าวเสร็จก่อนที่ทั้งสี่จะเดินทางกลับพร้อมกัน

ฉากดังกล่าวทำให้วาห์นต้องถอนหายใจเบาๆ เพราะเขาตระหนักแล้วว่าการเกิดมาเป็นชาวอเมซอนนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สบายๆ แต่อย่างใด

พวกเธอน่ะแข็งแกร่ง ร่างกายก็มีความทนทานมากกว่าเผ่ามนุษย์ แต่สุดท้ายพวกเธอกลับต้องตกเป็นทาสของปัจจัยและอิทธิพลหลายอย่าง รวมไปถึงการกระทำของตัวเองด้วย…

ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าวาห์นตื่นแล้ว

ฮารุฮิเมะกับเฟนเรียร์นั้นแสดงท่าทางดีอกดีใจตั้งแต่ตอนที่วาห์นยังเดินมาไม่ถึงด้วยซ้ำ

มีประสาทหูและจมูกที่ไวจัดๆ มันก็ดีแบบนี้นี่เอง

เฟนเรียร์รีบวิ่งไปกอดเอวของวาห์นพลางถูศีรษะไปกับแผงอกอย่างน่าเอ็นดู

“วาห์นดีขึ้นแล้ว เฟนเรียร์ดีใจ~”

มีไม่กี่ครั้งที่เฟนเรียร์จะดีใจจนออกนอกหน้าแบบนี้ วาห์นจึงลูบหูของเธอด้วย [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ก่อนจะตอบกลับ

“ขอโทษที่ทำให้เธอกังวลนะเฟนเรียร์ ตอนนี้ฉันโอเคสุดๆ เลย”

เฟนเรียร์พยักหน้าหงึกๆ และพูดซ้ำตามแบบฉบับของเธอ

“โอเคสุดสุดสุดสุดเลยใช่ไหม~?”

ตอนนี้ฮารุฮิเมะเองก็เดินเข้ามาใกล้เช่นกัน

พอเห็นความชื้นเล็กน้อยในดวงตาสีเขียว วาห์นจึงยื่นมือข้างที่ว่างออกไปลูบใบหูนุ่มฟู

ความเป็นห่วงของทุกคนนั้นทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างมาก

หลังจากปล่อยให้สองสาวกลับไปนั่งที่โต๊ะ วาห์นก็ลงมานั่งข้างๆ ไอส์โดยมีเฮสเทียนั่งขนาบอีกฝั่ง

ไอส์จ้องมองการกระทำของเทพตัวเล็กด้วยความสนใจ ไม่นานเธอก็เริ่มเอาบ้างโดยพิงหัวไปกับไหล่ของวาห์นพร้อมรอยยิ้ม

ดูเหมือนฮารุฮิเมะเองก็อยากจะมีส่วนร่วม แต่รอบนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า ‘ที่เต็ม’

เรนาร์ดสาวเลยต้องลงมานั่งจิบชาข้างๆ มิโคโตะด้วยอาการคอตกหูตกอย่างช่วยไม่ได้

จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พรีเซียที่ยังคงนิ่งเงียบก็เอาแต่จ้องวาห์นเหมือนเคย

พอโดนวาห์นยิ้มใส่ดูบ้าง สาวมนุษย์แกะก็หลุดยิ้มนิดๆ ก่อนจะก้มหัวลงต่ำกว่าเดิม

ผ่านไปไม่นาน สาวๆ ทั้งสี่จากในครัวจึงเริ่มนำอาหารออกมาเสิร์ฟ ซึ่งเลฟิย่าก็เกือบจะทิ้งจานลงพื้นเมื่อเห็นวาห์นที่นั่งอยู่กับทุกคน

ฉากในห้องอาบน้ำหวนกลับมาเล่นงานจนใบหน้าของเธอแดงก่ำไปหมด

สิ่งที่เธอแอบหวังไว้ ก็คืออยากให้วาห์นตื่นตอนที่ตัวเองกลับไปแล้ว ตอนนี้ในหัวก็เลยมีแต่คำว่า ‘หมดกัน’ กับ ‘เอาไงต่อดี’

วาห์นที่เห็นท่าทางดังกล่าวก็ยังอุตส่าห์หวังดีโดยการ ‘แทง’ ย้ำเข้าไปอีก

“เลฟิย่า ขอบคุณมากนะที่ช่วยดูแลฉัน…”

นอกจากใบหน้าที่แดงก่ำแล้ว รอบนี้ใบหูเรียวยาวก็ยังเกิดการขยับขึ้นลงด้วย

นับเป็นภาพน่ารักๆ ที่วาห์นเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

“ยะ-ยินดีค่ะ…” เธอตอบเสียงเบา

—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP

—————

จากทางซ้ายของเขา วาห์นเผลอไปได้ยินสิ่งที่เฮสเทียแอบพึมพำแบบไม่ตั้งใจ

“มาอีกหนึ่งแล้วสินะ…”

วาห์นแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินขณะเริ่มนำอาหารของตัวเองที่อยู่ในช่องเก็บของออกมาเสิร์ฟบ้าง

ของส่วนใหญ่ที่ทั้งสี่เตรียมไว้นั้นเป็นอาหารแบบเบาๆ เช่นซุปเนื้อตุ๋นและสลัดผัก วาห์นจึงเพิ่มเมนูหนักๆ เข้าไป รวมถึงโลหะต่างๆ ซึ่งเป็นของโปรดของเฟนเรียร์

พอมองข้ามไปยังอีกฝั่ง วาห์นก็สบเข้ากับดวงตาสีดำของอนาคิตตี้

“วันนี้มันวุ่นไปหมดเลย ต้องขอโทษจริงๆ

อันนาคิตตี้ ฉันขอต้อนรับเธอเข้าสู่แฟมิเลียของเราอย่างเป็นทางการ

ต่อไปคงต้องรบกวนเธอแล้วล่ะ ในหลายๆ เรื่องเลย”

อันนาคิตตี้ยิ้มอย่างสุภาพก่อนตอบกลับ

“เรียกอาคิเฉยๆ ก็ได้ค่ะ พวกเพื่อนๆ ทุกคนก็เรียกฉันแบบนั้น

ฉันเองก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ กับตัน

ฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด รับรองว่าไม่มีผิดหวังแน่นอน”

วาห์นยิ้มตอบอีกครั้ง

“ยินดีต้อนรับสู่แฟมิเลียของเราอีกครั้งนะ อาคิ”

ถึงจะรู้ว่าโลกิเป็นคนสั่งการเรื่องนี้โดยตรง แต่มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเฮสเทียแฟมิเลียที่กำลังขาดแคลนสมาชิกเก่งๆ

เขายังไม่รู้หรอกว่าอาคิทำอะไรได้บ้าง แต่ยังไงเธอก็เป็นถึงนักผจญภัยเลเวล 4 ที่มีอายุค่อนข้างน้อย (TL: ยังไม่ถึง 20 ปี)

วาห์นคิดว่าเธอน่าจะผ่านประสบการณ์อะไรมาเยอะและคงเป็นตัวอย่างดีที่ดีให้กับคนอื่นๆ

เรื่องหนึ่งที่เขารู้สึกกังวลก็คือ เพราะโลกิเป็นคนส่งมาเอง อาคิจึงน่าจะมีเป้าหมายแอบแฝง อย่างเช่นตำแหน่งคนสนิท หรือไม่ก็อะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น…

ถึงเฮสเทียจะวางท่าเป็นหมาดุขนาดนี้แล้วจำนวนผู้หญิงรอบตัวก็ยังเพิ่มขึ้นได้อยู่ดี แม้แต่วาห์นเองก็เริ่มรู้สึกชินซะแล้วสิ

เขาหยุดคิดเรื่อยเปื่อยก่อนจะถามหาอาสาสมัครที่จะไปเสิร์ฟอาหารและอยู่เป็นเพื่อนคู่แฝดชาวอเมซอน

น่าแปลกมากที่พรีเซียเป็นคนเอ่ยปากอาสาเอง โดยมีเฟนเรียร์ มาเอมิ และเอมิรุติดตามไปด้วย

วาห์นกล่าวขอบคุณพวกเธอก่อนจะเริ่มทานอาหารร่วมกับพวกสาวๆ ที่ยังอยู่

วันนี้บรรยากาศดูไม่ค่อยเฮฮานักเพราะไอส์เป็นคนเงียบๆ อยู่แล้ว เลฟิย่าก็เขี่ยอาหารไปมาโดยไม่กล้าพูดหรือสบตากับคนอื่น เฮสเทียยังคงนั่งพิงเขาราวกับกำลังหลับอยู่ ส่วนมิโคโตะกับฮารุฮิเมะเองก็เป็นพวกที่ชอบรักษามารยาทบนโต๊ะอาหารและจะไม่พูดขณะที่ตัวเองยังทานไม่เสร็จ

โดยรวมแล้ววาห์นก็ไม่เห็นว่ามันแย่ตรงไหนเลย เพราะถึงจะเงียบ แต่มันก็ดูอบอุ่นและแฝงได้ด้วยความสงบ

หลังจากทานเสร็จ วาห์นก็เดินพาแขกทั้งสี่มาส่งที่ประตูหน้าพร้อมมอบกอดอำลา

เขากอดทีโอน่าและไอส์แรงเป็นพิเศษและปิดท้ายด้วยการจูบแบบสั้นๆ ส่วนที่โอเน่นั้นตอนนี้คงทำได้แค่กอดแบบหลวมๆ พร้อมส่งยิ้ม

อาการของทีโอเน่ดูดีขึ้นมาก แต่แล้วมันก็บีบบังคับให้เธอกระชับอ้อมกอดในเสี้ยววินาทีสุดท้าย

พอมาถึงตาของเลฟิย่า เอลฟ์ตัวน้อยก็เดินก้มหน้าเข้ามากอดเขาแบบหลวมๆ โดยไม่พูดอะไรเช่นกัน

ไม่นานเธอก็แยกตัวออกมาก่อนจะรับคทาที่ฝากไว้กับไอส์ หันมาโค้งให้วาห์นเล็กน้อย และเดินออกไปด้วยท่าทางเร่งรีบ

วาห์นจ้องมองร่างทั้งสี่ที่กำลังเดินออกไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย

การแยกจากคนใกล้ชิดมักทำให้เขารู้สึกเหงาหน่อยๆ จนอยากขออธิษฐานให้ตัวเองแยกร่างได้

วาห์นเริ่มนึกภาพตัวเองให้วิชาแยกเงาพันร่างพันร่างแบบเล่นๆ… แต่ไปๆ มาๆ แล้วเขาก็โยนความคิดนี้ทิ้งไป

พวกสาวๆ อาจจะเกรงใจจนไม่กล้าพูดมันออกมา เพราะว่าสุดท้ายร่างแยกก็เป็นแค่กลุ่มก้อนพลังงาน ไม่ใช่กายเนื้อจริงๆ ของเขา

เผลอๆ มันจะพาลทำให้ร่างจริงติดนิสัยขี้เกียจไปด้วย…

ถ้าเอามาใช้ฝึกวิชาก็ยังพอว่า แต่จะให้เอามาใช้ดูแลคนรักนะเหรอ? เลิกคิดดีกว่า

ถ้าไม่ติดใจเรื่องนี้ ก็ยังมีเรื่องราคาของมันให้คิดอีก (TL: 25,000,000 OP/ตอนนี้วาห์นมีอยู่ไม่ถึง 1000,000 OP) ที่นี้ล่ะติดของจริงเลย

—-

(A/N: ไม่ใช่ว่าวาห์นจะซื้อหนังสือมาแล้วเรียนสกิลได้เลยนะครับ วาห์นต้องทำความเข้าใจกับมันด้วยตัวเอง ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจก็คือจบ

หนังสือสกิลที่วาห์นซื้อมันไม่เหมือนกับ ‘คัมภีร์’ ที่เบลล์อ่านแล้วใช้เวทมนตร์ได้เลย

คัมภีร์เป็นของหายากมากๆ และไม่สามารถคัดลอกหรือทำสำเนาได้ แต่ละเล่มเองก็จะมีเนื้อหาที่แตกต่างกันไป

คัมภีร์นั้นถูกระบุว่าเป็นไอเท็ม [พิเศษ] ซึ่ง ‘ณ ตอนนี้’ ระบบจะไม่อนุญาตให้วาห์นซื้อไอเท็ม [พิเศษ] ของเรคคอร์ดที่เขาพำนักอยู่ได้

ถ้าวาห์นอยากได้จริงๆ การทุ่มเงินวาลิสเพื่อควานหาคัมภีร์สักเล่มอาจจะเป็นอะไรที่ง่ายดายกว่า

ช่องโหว่ของข้อห้ามนี้ก็คือวาห์นสามารถซื้อไอเท็ม [พิเศษ] จากเรคคอร์ดอื่นๆ ได้ แต่ราคาของมันย่อมต้องสูงมากเป็นธรรมดา

ข้อเสียอีกอย่างก็คือผลของสกิลหรือเวทมนตร์จากคัมภีร์ของเรคคอร์ดอื่นอาจเกิดความคลาดเคลื่อนเมื่อถูกนำมาใช้ในต่างเรคคอร์ด)

—-

พอส่งแขกเสร็จแล้ว วาห์นก็เดินกลับคฤหาสน์และพบเข้ากับเฮสเทียที่ออกมาดักรออยู่ก่อนแล้ว

น้ำก็มีคนมา ‘อาบ’ ให้เรียบร้อย ที่เหลือก็คือการอบอุ่นร่างกายก่อนนอนนั่นเอง… แต่เอาจริงๆ วาห์นอยากไปคุยกับอาคิก่อนน่ะสิ

เฮสเทียในตอนนี้ไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น เธอแย้งว่าอาคิก็ย้ายเข้ามาอยู่แล้ว ถามคืนนี้หรือพรุ่งนี้มันก็ไม่ต่างกันหรอก

แค่นี้วาห์นก็รู้แล้วว่าไม่ต้องเถียงให้เสียเวลา เขาจึงอุ้มเทพตัวแสบขึ้นจากพื้นก่อนจะเดินกลับห้องนอนทันที

หลังจากวางอีกฝ่ายลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ทั้งคู่ก็เริ่มกิจกรรมที่ทำกันเป็นประจำ

ผลจากการฝึกวันนี้นั้นถือว่าเฮสเทียก้าวหน้าไปมาก

เธออาจจะยังทำแบบไอส์ไม่ได้ แต่ฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็คงได้เองและ

ทั้งสอง ‘ประกอบร่างกัน’ ก่อนจะผลอยหลับไปในที่สุด… ความรู้สึกเจ็บที่ผ่านมา บัดนี้วาห์นกลับมองว่ามันคือเรื่อง ‘ปกติ’ และเริ่มรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมันแทน

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท