บทที่154 ฉันใส่แล้วดูดีไหม
สำหรับข้อเรียกร้องของหัวหน้าเสิ่นนั้นหลินหยางไม่มีความเห็นใดๆ ได้แต่พยักหน้าพูดกับผู้ป่วยสาวว่า“ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดก่อนครับ”
ทุกคนฟังแล้วตกตะลึง รักษาต้องถอดเสื้อผ้าด้วยเหรอ
ราวกับว่าอ่านทะลุใจทุกคน หลินหยางหยิบเข็มออกมาจากกล่องอย่างกระอักกระอ่วน “ผมเป็นแพทย์แผนจีนครับ รักษาต้องฝังเข็ม ถ้าสวมเสื้อผ้า อาจจะทำให้เข็มปักลงผิดตำแหน่งได้ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะยุ่งครับ”
“ยืนยันว่ารักษาได้เหรอ”หัวหน้าเสิ่นจ้องเขม็งไปที่หลินหยาง แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“เกือบหายดีทั้งหมด”หลินหยางพยักหน้า
“งั้นคุณรักษาเถอะ พวกเราจะคอยดู ถ้ารักษาไม่หายคุณเป็นได้เห็นดีแน่”หัวหน้าเสิ่นหน้าแดงก่ำ แม้ว่าหมอที่รักษาแบบนี้จะไม่ค่อยพบเห็น แต่ก็ทำให้อึดอัดเหลือเกิน
ส่วนผู้หญิงคนนั้นพอเห็นว่าในห้องมีคนมากมาย แววตาก็แสดงความโกรธเคือง“รักษาก็คือรักษา มายืนมุงยังกะดูสวนสัตว์อะไรล่ะ”
“เอาล่ะ ออกไปให้หมด อยู่แต่ฉันกับหัวหน้าเซี่ยก็พอ”หัวหน้าเสิ่นคิดแล้วคิดอีก พยักหน้าให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆออกไปให้หมด
แม้ว่าทุกคนอยากจะชื่นชมศาสตร์แพทย์แผนจีนของหัวหน้าแผนกสูติที่มาใหม่ แต่ว่าคำสั่งของหัวหน้าเสิ่นจะไม่ฟังก็ไม่ได้ ทุกคนต่างเดินทยอยออกจากห้องอย่างละเหี่ยใจ
หลังจากที่ปิดประตูแน่นสนิท หัวหน้าเสิ่นจึงพูดขึ้น “เจียงน่าสินะ คุณถอดเสื้อผ้าออก ให้หัวหน้าเซียวตรวจดูหน่อย”
แม้ว่าในห้องจะยังมีคนอื่น แต่ว่าสภาพของเจียงน่าดีขึ้นเยอะ แม้ว่าจะมีการขัดขืนบ้าง แต่ก็ยังคงถอดเสื้อผ้าบนตัวออก เหลือไว้แต่ชุดชั้นใน
หลินหยางมองคะเนดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ผิวขาวเนียนละเอียด ดึงดูดสายตาผู้คน มองจนหลินหยางรู้สึกร้อนผ่าวๆอยู่ข้างใน
สูดลมหายใจลึกๆเพื่อให้จิตใจสงบ ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของหัวหน้าทั้งสอง หลินหยางหยิบเข็มออกมาปักลงบนตัวเจียงน่าอย่างรวดเร็ว
พลังลมปราณภายในหมุนเวียน หลินหยางพยายามแยกลมปราณ แล้วไล้ไปตามร่างกายของเจียงน่า ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กายของเจียงน่า ทำให้เธออดที่จะหลับตาลงไม่ได้
ราวๆห้านาที หลินหยางหยุดทุกอย่างในมือลง มองเจียงน่าแล้วถามขึ้น“ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง”
“รู้สึกร้อนๆตรงท้องน้อย”เจียงน่าตอบ
“รู้สึกสบายขึ้นกว่าเก่าไหม”
“เอ๋ รู้สึกสบายขึ้นมากจริงๆด้วย ก่อนหน้ายังรู้สึกปวดหนึบๆ!”เจียงน่าตอบอย่างตกตะลึง
ได้ฟังคำพูดของเจียงน่า หัวหน้าทั้งสองอดตาโตขึ้นไม่ได้ แค่ไม่กี่เข็มเนี่ยนะเห็นผลแล้วเหรอ
สำหรับความตื่นตระหนกของหัวหน้าทั้งสอง หลินหยางได้แต่ยิ้มเล็กน้อย หยิบกระดาษออกมาเขียนใบสั่งส่งให้หัวหน้าเสิ่นพูดขึ้นว่า“หาคนไปจัดยานี้มานะครับ”
เห็นว่าหลินหยางกล้าใช้ตนเอง หัวหน้าเสิ่นถลึงตาขึ้น กำลังจะอาละวาด
“ผมต้องคอยดูผู้ป่วยอยู่ที่นี่ครับ”หลินหยางพูดเสริมขึ้นคำหนึ่ง
หลังจากที่จ้องหลินหยางถมึงทึง หัวหน้าเสิ่นจึงรีบออกจากห้องผู้ป่วย
“เดี๋ยวผมเปิดใบสั่งยาให้ คุณก็กินตามนี้ทุกวันนะ กินติดกันสักอาทิตย์นึงก็ดีแล้ว อีกอย่างเรื่องปวดประจำเดือนกับเรื่องประจำเดือนมาไม่ตรง ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด”หลินหยางยิ้มแล้วพูด
“พูดจริงหรือเปล่า”เจียงน่าได้ฟังแล้วแววตาเป็นประกาย มองหลินหยางแล้วถาม
“จริงสิครับ ถ้าถึงเวลาแล้วยังมีอาการผิดปกติ คุณมาหาผมได้เลย ผมทำงานอยู่ที่นี่ ไม่หนีไปไหนหรอก”หลินหยางจ้องแล้วตอบ
“งั้นต้องขอบคุณมากๆเลย ค่ารักษาครั้งนี้เท่าไหร่คะ”เจียงน่ากล่าวขอบคุณ
“รวมกับค่ายา ทั้งสิ้นหกสิบแปดครับ”หลินหยางเก็บเข็มไปพลางพูด
“ว่าไงนะ หกสิบแปดเหรอ”เจียงน่าเบิ่งตาโพลงอย่างเหลือเชื่อ
“ทำไมครับ แพงไปเหรอ ในใบสั่งยา มีสองสามชนิดที่ต้องใช้ในการปรับร่างกายครับ สมุนไพรจะเยอะหน่อย ราคาจะสูงหน่อย”หลินหยางยิ้มพลางอธิบาย
แต่พอฟังหลินหยางอธิบาย เจียงน่าก็เบิ่งตาโพลงอีก ถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ทั้งหมดหกสิบแปดเหรอ”
“ทำไม ถูกไปเหรอ”หลินหยางเองก็จ้องมองเจียงน่าอย่างเหลือเชื่อเช่นกัน อายุป่านนี้ เพิ่งเคยเห็นคนไม่ชอบของราคาถูก
“คุณแน่ใจนะว่าจะรักษาอาการป่วยฉันหาย”เจียงน่าถามอย่างไม่แน่ใจขึ้นอีกครั้ง
“แน่ใจสิ ต่อไปถ้ามีอาการคุณมาหาผมได้ตลอดเวลา ผมรักษาให้ฟรีเลย รักษาไม่หายคืนเงินให้”หลินหยางตีอกชกหัวรับประกัน
หัวหน้าเสิ่นที่เข้ามาจากด้านนอก พอได้ยินคำพูดหลินหยางก็ทำท่าสะดุดกึก วางห่อยาห่อเบ้อเร่อลงบนโต๊ะ พอหลินหยางหยิบมาก็อธิบายว่ายานี้กินยังไง หญิงสาวขอบคุณยกใหญ่แล้วจากไป
รอเจียงน่าไปแล้ว หลินหยางปัดๆมือมองดูหัวหน้าทั้งสองพูดขึ้น“ไม่ทราบว่าตอนนี้ผมคู่ควรกับตำแหน่งหัวหน้าหรือยังครับ”
ทั้งคู่เพิ่งได้ตะลึงพรึงเพริดไปกับฝีมือการรักษาของหลินหยาง พอได้ฟังต่างก็พยักหน้า
“มั่นใจแล้วก็ดี รบกวนอธิบายให้คนกลุ่มนั้นด้วย ผมจะมาทำงานทุกวันอังคารและเสาร์ ผมไปก่อนนะ”หลินหยางเก็บกล่องฝังเข็ม โบกมือให้คนทั้งคู่ แล้วเดินออกจากโรงพยาบาลไป
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เห็นจ้าวจินฟ่งไม่ได้อยู่ชั้นล่าง หลินหยางรู้สึกแปลกใจ จ้าวจินฟ่งให้ความสำคัญกับร้านซักรีดขนาดนี้ ทำไมตอนนี้ไม่อยู่เสียได้
“เสี่ยวหยูน จินฟ่งล่ะ”
“อยู่ชั้นบน ได้ยินว่าเพื่อนของเขาคนหนึ่งย้ายมา จ้าวจินฟ่งเพิ่งไปเก็บกวาดกับเธอ”วันที่หนานกงหยูนอยู่ที่นี่ ก็หัดซักรีดกับจ้าวจินฟ่ง ตอนนี้เธอกำลังพับผ้าที่ซักรีดเสร็จ
หลินหยางขานรับเบาๆ ก้าวขาขึ้นไปชั้นบน
“เอ๋ ทำไมเป็นเธอล่ะ”พอหลินหยางเห็นเพื่อนของจ้าวจินฟ่งเข้า ก็เบิกตาโต
พอได้ยินเสียงของหลินหยาง หญิงสาวสองคนที่กำลังจัดเก็บเสื้อผ้าในห้องก็หันมาตามเสียง หญิงสาวหน้าตาสมาร์ทจับกรอบแว่นจ้องมองหลินหยาง ปากน้อยๆอ้าขึ้นเล็กน้อย“หลินหยางเหรอ อยู่ที่นี่ได้ไง”
“ผมพักอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ”หลินหยางพูดหน้าง้ำ
“พวกเธอรู้จักกันเหรอ เหมิงเหมิง หลินหยางเป็นเจ้าของบ้าน เขาเป็นคนอนุญาตให้เธอย้ายเข้ามาเอง”จ้าวจินฟ่งพูดอธิบาย
“นี่คือบ้านของนายเหรอ”กั่วเหมิงพูดอย่างตกตะลึง
“ใช่น่ะสิ ซื้อเมื่อไม่กี่วันก่อน ผมก็คิดว่าใครซะอีกที่ย้ายเข้ามา ที่แท้คุณครูเหมิงเหมิง”หลินหยางยิ้มอย่างหยอกเอิน เขาเน้นเสียงลงตรงคำว่าเหมิงเหมิงสองคำนี้
“นาย!”กั่วเหมิงอยากจะพูดอะไร แต่ว่าคนอยู่ห้องใต้หลังคา จึงได้แต่ส่งสายตาวาบหวิวไปให้หลินหยาง
“ไม่หรอกมั้ง เหมิงเหมิง เธอเป็นคุณครูของหลินหยางเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าหนุ่มนี่มาสายตั้งแต่คาบแรก!”กั่วเหมิงจ้องมองหลินหยางอย่างดุเดือด พูดขึ้น“จริงสิจินฟ่ง เธอรู้จักหลินหยางได้ไง”
“เรื่องมันยาวน่ะ เรามาเก็บของกันก่อนเถอะ เก็บของเสร็จแล้วค่อยคุยกัน”
พวกผู้หญิงนี่มีเรื่องให้คุยกันไม่สิ้นสุดจริงๆ รอจนเก็บของเสร็จ ก็นั่งเม้าท์เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจกันอยู่ตรงนั้น
หลินหยางโดนเทเต็มๆอยู่ด้านข้าง เขาลูบจมูกอย่างเซ็ง เดินลงชั้นล่างไปคุยกับหนานกงหยูน
ครึ่งเดือนผ่านไปไวมาก วันนี้หลินหยางเพิ่งซ้อมมวยชุดหนึ่งอยู่ที่ชั้นสอง กั่วเหมิงก็เดินลงมาจากชั้นสาม
“หลินหยาง พรุ่งนี้ก็งานสัมมนาแลกเปลี่ยนนักเรียนแพทย์แผนจีนแล้วนะ ครูบอกกับทางโรงเรียนเอาไว้แล้วล่ะ วันนี้นายไม่ต้องเข้าเรียน ไปที่เมืองซินไห่กับครูได้เลย”
พอได้ยินคำพูดของกั่วเหมิง หลินหยางถึงนึกคำสัญญาก่อนหน้าออก พยักหน้าแล้วพูดว่า“ครับ ผมเก็บของแล้วพวกเราออกจากบ้านกัน คราวนี้โรงเรียนเราส่งคนไปกี่คนหรือครับ”
“ถ้านับนายด้วยก็ทั้งหมดสามคน ครั้งนี้กลุ่มสมาคมนักเรียนเป็นคนนำ”กั่วเหมิงพูดอธิบาย
พอทั้งคู่มาถึงโรงเรียน รองผู้อำนวยการกับนักเรียนอีกสองคนที่เหลือก็รออยู่หน้าโรงเรียนแล้ว
“ขอโทษนะคะผู้อำนวยการเถา มีธุระนิดหน่อยเลยมาสายไปหลายนาที”พอเห็นว่ารองผู้อำนวยการได้มาถึง กั่วเหมิงจึงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
“ไม่เป็นไร พวกเราก็เพิ่งถึง ในเมื่อมาถึงแล้วก็ขึ้นรถเถอะ”ผู้อำนวยการเถาชี้ไปที่รถบัสคันเล็ก
รวมกับคนขับแล้วทั้งหมดเป็นหกคน ในรถไม่ค่อยอึดอัด หลินหยางมองดูทั้งสองคน ทั้งคู่ชายคนหญิงคนพอดี
ความสูงของผู้ชายราวๆร้อยแปดสิบ เขาสวมแว่นกรอบทอง รูปร่างสูงโปร่ง ดูหยิ่งๆ
ส่วนผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม แต่งตัวเรียบร้อยน่ารัก ดูมีความมั่นใจ
“ผมชื่อหลงเฉียน นี่คือโจวโต่ เมื่อก่อนทำไมไม่เคยเห็นนายเลย นายอยู่ชั้นปีไหน”นักเรียนชายคนนั้นเห็นหลินหยาง แววตาเป็นประกาย คนๆนี้ไม่เคยเห็น
“หลินหยาง เรียนแพทย์แผนจีน”หลินหยางยิ้มเล็กน้อยแนะนำตัว
“ว่าไงนะ แพทย์แผนจีนงั้นเหรอ ฟังผิดหรือเปล่า”หลงเฉียนกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ
“ได้ยินครูกั่วเหมิงบอกว่า ฝีมือแพทย์ของหลินหยางไม่เลวเลยทีเดียว อย่างน้อยด้านทฤษฎี งานสัมมนาครั้งนี้ จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนมาหลายคน พอดีเลยพาหลินหยางไปดูหน่อย อาจจะได้อะไรดีๆกลับไป”ผู้อำนวยการเถายิ้มอย่างอบอุ่น
พอได้ฟังหลงเฉียนจึงชักสีหน้าเบ้ปาก พูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม“แพทย์แผนจีนจะแกร่งแค่ไหน ก็สู้แพทย์แผนตะวันตกไม่ได้หรอก แพทย์แผนจีนคณะเราอยู่รั้งท้ายมาสองปีแล้ว ถ้าครั้งนี้ได้คะแนนไม่ดี เกรงว่าคงจะได้ไปอยู่อันดับโหล่”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ฝีมือการแพทย์ของหลินหยางไม่ได้ด้อยไปกว่านายเลย เดี๋ยวก็รู้เอง”ผู้อำนวยการเถาโบกมืออย่างอ่อนใจ แม้ว่าจะยังไม่เคยเห็นฝีมือของหลินหยาง แต่ว่าในตอนนั้นศิษย์เอกที่เขารักคือกั่วเหมิง ในเมื่อกั่วเหมิงแนะนำหลินหยางอย่างเต็มที่ คิดว่าคงจะไม่เลวอยู่หรอก
พอเห็นผู้อำนวยการโต้แย้งกลับ หลงเฉียนส่ายหน้าจ้องไปที่หลังคารถ ราวกับว่าไม่ได้เกรงกลัวผู้อำนวยการเลย
หลินหยางลองแอบเดาสถานภาพของหลงเฉียนจากการเคลื่อนไหวของหลงเฉียน คนที่จะวางท่าพูดกับรองผู้อำนวยการได้แบบนี้ คิดว่าฐานะคงไม่ด้อย
ในเมื่อคนเขาไม่อยากเจอตนเอง หลินหยางก็ขี้เกียจจะไปมีเรื่องด้วย เห็นหญิงสาวสง่าข้างๆดูเรียบร้อยกว่า หลินหยางจึงสนใจที่จะเสวนาด้วย
รอจนทุกคนมาถึงเมืองซินไห่ ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรง คนคณะหนึ่งเข้าพักในโรงแรม ผู้อำนวยการเถามอบหมายงานการแข่งขันเรียบร้อย แล้วจึงกำชับให้ทุกคนไปพักผ่อน
“หลินหยาง เราออกไปเดินเล่นกันหน่อยไหม ถนนคนเดินเมืองซินไห่แถบนั้นน่ะ มีของไม่น้อยเลย”ในตอนที่หลินหยางคิดจะกลับห้องพัก จู่ๆที่แขนก็โดนกั่วเหมิงดึงเอาไว้
“ตอนนี้เหรอครับ ก็ได้ ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำ”หลินหยางไม่มีความเห็นใดๆในเรื่องนี้ จึงเดินตามกั่วเหมิงออกไป
เมืองซินไห่นับเป็นเมืองที่เศรษฐกิจดีมากของประเทศ เป็นเมืองแนวหน้า ดูได้จากสีสันลานตาและผู้คนหลากหลายในเมือง ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ว่าเป็นเมืองศิวิไลซ์
ทั้งคู่เดินมาเข้าร้านเสื้อผ้าอย่างไม่รู้ตัว มองดูการจัดวางอันหรูหรา หลินหยางเองก็โดนหล่อหลอมไปด้วยบรรยากาศอันหรูหรานี้ เขาจัดเสื้อผ้า แล้วเดินเข้าไปดูกับกั่วเหมิง
“หลินหยาง ชุดนี้สวยไหม”ครู่นั้น กั่วเหมิงลำตัวกระตุก ชี้ไปที่ชุดทำงานออฟฟิศที่อยู่ในกระจกแล้วถามขึ้น
เมื่อพินิจดูเสื้อชุดนี้ มีคอมีปก เหมาะกับสาวทำงาน ชุดเป็นสีน้ำตาล ดูหรูหราแต่ไม่เกินเลย หลินหยางพยักหน้าพูด“ไม่เลวครับ เหมาะกับครูมาก ครูเข้าไปลองสิครับ”