บทที่157 มนต์เสน่ห์ของแพทย์แผนจีน
พอเห็นหัวฉีจงใจเอ่ยถึงนักศึกษาคนที่สามของเทคนิคการแพทย์ หลินหยางรู้สึกอ่อนใจ เดิมทีคิดว่าอยากจะออกฉากอย่างเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าจังหวะผลักดัน สองคนที่ออกไปก่อนหน้าแสดงไว้ดีมาก ทุกคนต่างก็ตั้งความหวังพุ่งสายตามาทางเขา
หลินหยางรู้สึกประหม่าเล็กน้อยกับเวทีนี้ เขาสูดลมหายใจลึกๆแล้วก้าวขึ้นเวทีไป
“เอ๋!น้องเซียว!”หยังวั่นเฉียนผู้ที่เดิมทีมีความสนใจเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนด้วยความแปลกใจ
เขาแสดงอาการเหมือนเจอเพื่อนเก่า หัวฉีแววตาเป็นประกายด้วยความประหลาดใจ
“ว่าไง วั่นเฉียน คุณรู้จักพ่อหนุ่มนี่หรือ”นายท่านหัวถามขึ้น
“เคยแลกเปลี่ยนความรู้กันครั้งหนึ่งครับ ฝีมือการแพทย์ของน้องเซียว นับว่าเป็นบุคคลมหัศจรรย์ของวงการแพทย์แผนจีนเลยทีเดียว และสิ่งที่หาได้ยากไปกว่านั้น จรรยาบรรณแพทย์ของน้องเซียว ผมนี่เทียบไม่ติดเลย”หยังวั่นเฉียนมองดูหลินหยางอย่างเหม่อลอยพูดขึ้น
“อ๋อ เก่งกาจขนาดนั้นเลยหรือ ก่อนหน้าคุณพูดมาตลอด ว่าแพทย์แผนจีนต้องอาศัยประสบการณ์ ทำไมถึงได้ชมเด็กน้อยไม่ขาดปากล่ะ”หัวฉีถามขึ้นอย่างสนอกสนใจ
“ก่อนหน้าก็คิดแบบนั้นครับ แต่พอมาเจอน้องเซียว ความคิดก็เปลี่ยน เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ ตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้ครับ”หยังวั่นเฉียนอุทานต่อ
เห็นหยังวั่นเฉียนอดอุทานออกมาไม่ได้ หัวฉีรู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น เขาเขย่าแขนสหาย “วั่นเฉียน รีบเล่าให้ฟังทีตกลงเป็นยังไงกันแน่”
“คุณลองฟังเนื้อหาที่หนุ่มน้อยบรรยายก่อนเถอะครับ ฟังจบแล้วจะเข้าใจฝีมือทางการแพทย์ของเขา และจะรู้จักเขามากยิ่งขึ้น”หยังวั่นเฉียนชี้ไปที่หลินหยางที่กำลังจะเตรียมตัวขึ้นพูด
หลินหยางกวาดตามองไปรอบหนึ่ง แล้วตัดสินใจหยุดสายตาไปที่กรรมการหยังวั่นเฉียน เขายิ้มให้หยังวั่นเฉียน หยังวั่นเฉียนพยักหน้าให้เล็กน้อย
ทักทายช่วงสั้นๆ หลินหยางพูดเสียงเรียบ“ผมมาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิง ชื่อหลินหยาง เป็นนักศึกษาแพทย์แผนจีนครับ เนื้อหาที่ผมพูดในวันนี้ เป็นความรู้ของศาสตร์แพทย์แผนจีน แต่เนื้อหาของผมเรียบง่ายมาก ก็คือ อายุวัฒนะทางการแพทย์แผนจีน”
“ระดับชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันสูงขึ้นเรื่อยๆ การวิ่งเข้าหาเรื่องสุขภาพก็สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าทัศนะด้านอายุวัฒนะในแพทย์แผนจีน หลายคนยังคลุมเครือกับมัน ตอนนี้ผมจะมาบอกเรื่องการรักษาสุขภาพด้วยศาสตร์ของแพทย์แผนจีน นับแต่สมัยโบราณ การรักษาสุขภาพด้วยแพทย์แผนจีนก็ได้ถือกำเนิดขึ้น คนยุคโบราณเปรียบเทียบร่างกายของมนุษย์เข้ากับจักรวาล โดยแบ่งออกเป็นหยินและหยาง ความสมดุลของหลินหยาง จึงจะรักษาสุขภาพของมนุษย์ไว้ได้ ส่วนวิธีการรักษาความสมดุลของหลินหยางนั้น ก็เป็นพื้นฐานการเข้าถึงสุขภาพที่ดี”
“เมื่อหลินหยางสมดุลก็ใช่ว่าสุขภาพจะแข็งแรงเสมอไป ยังต้องรักษาพลังลมปราณของหลินหยางให้เพียงพอด้วย ต่อไปผมจะบรรยายถึงการเข้าถึงการรักษาสุขภาพโดยแพทย์แผนจีน……”
หลินหยางบรรยายลักษณะเด่นของศาสตร์แพทย์แผนจีนออกมาอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าผู้ฟังจะไม่ค่อยเข้าใจถึงศาสตร์แพทย์แผนจีนนัก แต่ทุกคนต่างเป็นมือหนึ่งของวงการแพทย์ สิ่งที่หลินหยางพูดพวกเขาพอรู้อยู่แก่ใจบ้าง เรื่องที่หลินหยางพูดน่าสนใจมาก แม้ว่าสิ่งที่คนจำนวนมากศึกษาจะเป็นศาสตร์แพทย์แผนตะวันตก ต่างก็อดอุทานออกมาไม่ได้เช่นกัน สิ่งที่หลินหยางบรรยาย ในขณะที่พวกเขารู้สึกว่ามหัศจรรย์ พวกเขาก็รู้สึกว่าถูกต้องที่สุด
หลังจากที่บรรยายไปสิบนาที หลินหยางจึงเพิ่มมาอีกคำหนึ่ง“ศาสตร์แพทย์แผนจีนก็เข้ามาด้วยความสมดุลของหลินหยางด้วยประการฉะนี้ จากนั้นจึงทำการรักษาให้คนไข้ พูดโดยรวมคือ ขอแค่เป็นอาการป่วย แพทย์แผนจีนรักษาได้หมด ศาสตร์แพทย์แผนจีนเป็นมรดกล้ำค่าของประเทศจีน เป็นมรดกที่สิบทอดมาจากโบราณกาล ถ้าสูญหายไปก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจชดเชยได้”
“หลินหยางใช่ไหม ก่อนหน้าที่นายพูดมีเหตุผลทั้งหมด แต่คำพูดสุดท้ายออกจะเกินไปหน่อย ที่ว่าขอเพียงแค่เป็นอาการป่วย แพทย์แผนจีนรักษาได้หมด แล้วทำไมคนถึงไปรักษาแพทย์แผนตะวันตกแทนแพทย์แผนจีนล่ะ”ข้างล่างมีเสียงลอดขึ้นมา
ทุกคนมองไปตามเสียง นักข่าวสาววัยรุ่นคนหนึ่ง ในมือถือไมโครโฟนอยู่
“เพราะว่าทุกคนยังไม่มีทัศนคติที่ชัดเจนกับแพทย์แผนจีนครับ สองสามปีก่อนมีนักต้มตุ๋นหากินด้วยแพทย์แผนจีนมากมาย ประเทศชาติไม่ค่อยให้ความสำคัญกับแพทย์แผนจีนสักเท่าไหร่ จึงทำให้แพทย์แผนจีนไม่เป็นที่นิยม แต่ถ้าหากว่าทุกคนสามารถเข้าใจแพทย์แผนจีนได้อย่างถ่องแท้ คิดว่าศาสตร์แพทย์แผนจีนจะกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้งครับ”หลินหยางพูดอย่างสง่าผ่าเผย
“ถ้าแค่พูด คนอื่นๆคงคิดว่าคุณโม้ คุณบอกว่าขอแค่เป็นอาการป่วยแพทย์แผนจีนก็สามารถรักษาได้ ถ้าอย่างนั้นแพทย์แผนตะวันตกก็พูดได้เหมือนกันว่า ขอแค่นวัตกรรมเข้าถึง ทุกโรคก็รักษาได้เช่นกัน”นักข่าวสาวพูดจี้ประเด็น
ทุกคนต่างพุ่งความสนใจมาที่หัวข้อนี้ ทุกคนต่างอยากรู้ว่าหลินหยางจะตอบยังไง
“ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีนหรือแพทย์แผนตะวันตก เป้าหมายสำคัญก็คือการรักษา ผมไม่ปฏิเสธการมีตัวตนของแพทย์แผนตะวันตก ผมแค่ต้องการจะอธิบายเพิ่มว่า ต่อให้เป็นแพทย์แผนจีนก็ยังมีคุณค่าอันยิ่งใหญ่เฉกเช่นเดียวกัน ในการกำหนดระดับ หลายครั้งที่แพทย์แผนจีนยังคงนำแพทย์แผนตะวันตก”
“ยกตัวอย่างว่าคุณไปหาหมอที่โรงพยาบาล จ่ายยาครั้งหนึ่งราคาสูงไม่ใช่เล่น แต่ถ้าคุณใช้ยาจีนรักษา ราคาก็จะถูกหน่อย อีกอย่างยาจีนเป็นสมุนไพรล้วน จะไม่มีพิษสะสม พูดได้อีกอย่างว่าไม่เหลือร่องรอย”
“ข้อสองคือ ตอนนี้แพทย์แผนจีนสามารถตรวจเจอโรคที่แพทย์แผนตะวันตกตรวจไม่เจอได้ไหม”หลินหยางพูดอย่างจริงจัง
“แพทย์แผนตะวันตกอุปกรณ์ทันสมัย คุณบอกว่าแพทย์แผนตะวันตกตรวจไม่เจอ แล้วแพทย์แผนจีนจะตรวจเจอเหรอ คุณไม่รู้สึกว่ามันเป็นคำลวงคำโตหรือไง”นักข่าวสาวไล่บี้ถาม
หลินหยางขมวดคิ้ว พินิจมองนักข่าวสาว
นักข่าวสาวอายุราวๆยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด ใบหน้าเรียวยาวดวงตากลมโต ใส่กระโปรงสั้นสีดำดูเย้ายวนมาก ถ้าเสื้อท่อนบนเป็นสายเดี่ยวตัวเล็กๆ พูดได้เต็มปากว่ายั่วยวนมาก เสียดายที่ท่อนบนสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว
ตอนนี้นักข่าวสาว แววตาคอยหาเรื่องค่อนแคะเขาอย่างลำพองใจ ราวกับจับได้ว่าหลินหยางตอบไม่ออก
“ถ้าคุณสะดวกใจ ผมขอใช้คุณเป็นตัวอย่างในการสาธิต”หลินหยางมองพินิจอยู่ครู่หนึ่ง ในใจก็พอจะคาดคะเนได้
“อ๋อ ไม่ทราบว่าจะให้สาธิตได้อย่างไร”นักข่าวสาวถามอย่างประหลาดใจ
“ผมถามคุณคำถามหนึ่งก่อน ระยะนี้คุณได้ไปตรวจบ้างไหม”หลินหยางถาม
“มีค่ะ วันก่อนไปตรวจมา”นักข่าวสาวตอบไปตามจริง
“แล้วผลการตรวจ คุณยังพอจำได้ไหม”หลินหยางถามอีกรอบ
“จำได้สิคะ ทำไมหรือคะ คุณจะตรวจให้ฉันอีกรอบเหรอ”นักข่าวสาวรู้สึกประหลาดใจ หรือว่าเจ้าหนุ่มนี่จะเป็นหมอแพทย์แผนจีนจริงๆ
“ใช่ครับ ผมจะจับชีพจรให้คุณ ใช้เวลาห้านาที ถ้าอาการป่วยที่ผมบอกไม่ตรงกับที่คุณตรวจที่โรงพยาบาล คุณก็สามารถพูดได้ว่าผลวินิจฉัยของผมมันเลื่อนลอย ตกลงไหมครับ”หลินหยางพูดอย่างสบายอารมณ์ ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนักสักเท่าไหร่
“ตกลง งั้นก็ขอชมฝีมือการแพทย์ของเพื่อนเซียวสักเล็กน้อย”นักข่าวสาวหัวเราะขึ้นทีหนึ่ง ก้าวขาขึ้นเวที พูดกับหลินหยางว่าเธอไม่เชื่อเต็มร้อย ตลกแล้ว แค่จับชีพจรก็จะตรวจโรคให้เธอได้ มันจะครอบคลุมว่าการใช้อุปกรณ์ตรวจได้อย่างไร เจ้าหนุ่มนี่ก็โม้เกินไปเสียแล้ว!
เธอมองเขาราวกับเจอกุ๊ยข้างถนน แล้วยื่นแขนสะโอดสะองออกไปให้ดู พูดเสียงเรียบว่า“หมอโจวเตรียมพร้อมหรือยังคะ ถ้าหากว่าเตรียมพร้อมแล้ว ฉันจะจับเวลา”
“อืม จับเวลาเถอะ”หลินหยางบีบแขนนักข่าวสาว ปล่อยถ่ายพลังลงไป ถ่ายลงร่างกายของนักข่าวสาว
หลังจากนั้นห้านาที หลินหยางจึงคลายมือออก ขมุ่นคิ้วครุ่นคิดอยู่สองนาที จึงเอ่ยปากพูดว่า“ใกล้แล้วล่ะ คุณเขียนผลตรวจของโรงพยาบาลออกมาก่อน แล้วผมค่อยพูด”
“คิกคิก กลัวว่าฉันจะใส่ร้ายคุณหรือไง งั้นฉันเขียนออกมาก่อนแล้วกันนะ ให้ผู้เชี่ยวชาญในห้องนี้ทุกคนเป็นพยาน”นักข่าวสาวไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบกระดาษปากกาออกมา เขียนผลตรวจของตัวเองลงไป
เธอวางผลของเธอลงตรงหน้ากรรมการทุกท่าน นักข่าวสาวพูดขึ้น“คุณลองว่าผลวินิจฉัยของคุณออกมาบ้างสิ”
หลินหยางกวาดตามองไปที่หน้าอกของนักข่าวสาว บนป้ายมีเขียนชื่อของเจ้าหล่อนไว้ว่า“ไป๋หยุน”สองคำ
เขาทอดถอนใจที่ว่านักข่าวสาวนั้นหุ่นดี แต่หน้าอกเล็กไปหน่อย ดูท่าน่าจะแค่คัพบี หรือไม่ก็คัพซีปลายๆ พอเขาจัดการอารมณ์ของตนเองเรียบร้อย หลินหยางจึงพูดขึ้น“ข้อแรก ต้นคอคุณมีปัญหา มีการเคลื่อนตำแหน่งเล็กน้อย ถ้าไม่รักษาภายในสามปี จะเป็นโรคกระดูกต้นคอแน่นอน”
“ข้อที่สอง กระเพาะไม่ดี คิดว่าปกติกินข้าวไม่ค่อยตรงเวลา ระบบการย่อยทำงานช้าลง จะต้องปรับ”
“ข้อที่สาม ตับร้อนใน จะต้องปรับธาตุ”
“ผลตรวจของคุณ ถือว่าแข็งแรงระดับหนึ่ง แม้ว่าโรคจะน้อย แต่ถ้าไม่รักษาให้ดี ต่อไปจะมีอาการสะสม นี่เป็นอาการที่แพทย์แผนตะวันตกก็ตรวจออกมาได้ ไม่ทราบว่าผมพูดถูกต้องหรือเปล่า”หลินหยางจ้องมองนักข่าวสาว
หลินหยางพูดจบสามข้อ กรรมการผู้เชี่ยวชาญทั้งสองแถวสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย อย่างน้อย ไม่สามารถมองว่าหลินหยางเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาได้แล้ว ด้วยความสามารถในการตรวจสอบของเขา นั้นเหนือเมฆกว่าคนอื่นๆอีกมาก
และที่สำคัญคือ สามข้อที่ผู้หญิงคนนี้จดออกมาหลินหยางพูดตรงหมดทุกข้อ!
“คุณพูดได้ตรงมาก แต่ก่อนหน้าคุณบอกว่าสิ่งที่แพทย์แผนตะวันตกตรวจสอบออกมาไม่ได้ คุณตรวจสอบได้ ถ้าคุณตรวจหาข้ออื่นๆออกมาได้อีก พวกเราถือว่าเสมอกันนะ”ไป๋หยุนยิ้มหน้าทะเล้น
“ไม่ทราบว่าระยะหนึ่งสัปดาห์มานี้ คุณไป๋หยุนรู้สึกจิตใจไม่สงบเวลานอนหลับตอนกลางคืนบ้างหรือไม่ และมักจะมีเหงื่อออกตอนช่วงตีสาม แล้วก็มักจะตื่นกลางดึกบ่อยๆ”หลินหยางจ้องไป๋หยุนแล้วถาม
ได้ยินคำพูดของหลินหยาง ไป๋หยุนตัวแข็งทื่อ มองหลินหยางอย่างเหลือเชื่ออุทานออกมาว่า“คุณรู้ได้ไง”
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะรู้ว่าหลินหยางมาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิง เธอคงสงสัยว่าหลินหยางนั้นลอบเข้าห้องนอนเธอหรือเปล่า แต่ว่าต่อให้ลอบเข้าห้องนอนก็ได้แต่ถ้ำมอง ทายแม่นขนาดนั้นผู้ชายทั่วไปทายไม่ถูกหรอก!
“นี่แหละคือมนต์เสน่ห์ของแพทย์แผนจีน”หลินหยางยิ้ม
พูดจบ ผู้อำนวยการเถาเป็นผู้นำทีม ปรบมือขึ้นเสียงก้อง
“ไม่ยอมรับไม่ได้แล้วว่าคุณนั้นสุดยอดจริงๆ ไม่ทราบว่าอาการป่วยของฉัน หมอโจวจะรักษาได้ไหม”ไป๋หยุนรีบถามร้อนใจ ไม่กี่คืนมานี้ตื่นกลางดึกบ่อยๆ ไม่งั้นคืนก่อนก็คงไม่ไปตรวจ
“ถ้าอยากจะรีบหายดีไวๆละก็ ฝังเข็มได้ครับ ถ้าไม่สะดวกฝังเข็ม ใช้ยารักษาได้ ผมเปิดใบสั่งยาให้ ค่อยๆรักษาได้”หลินหยางพยักหน้า
“งั้นก็ฝังเข็มเถอะค่ะ ไม่ทราบว่าหมอโจวมีเวลาว่างไหม”
“รอให้จบงานสัมมนาก่อนนะครับ ผมจะโทรหาคุณ”
“ขอบคุณหมอโจวมากเลยนะคะ แพทย์แผนจีนมหัศจรรย์จริงๆด้วย!”ไป๋หยุนเอ่ยชมก่อนก้าวถอยหลังจากไป
“ฮ่าๆ น้องชายนี่เก่งสุดยอดไปเลย ไม่รู้ว่าเดี๋ยวพอมีเวลาว่าง อยู่คุยกับคนแก่อย่างพวกเราหน่อยไหม”หยังวั่นเฉียนลุกขึ้นยืนยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“นายท่านหยังไม่พูด ข้าน้อยก็จะหน้าด้านอยู่ต่ออยู่แล้วล่ะ บางทีอาจจะแอบขอคะแนนเพิ่มใต้โต๊ะ”หลินหยางขัดบทขึ้น
“เจ้าหนุ่มนี่ ไม่ต้องใต้โต๊ะก็ได้คะแนนสูงอยู่แล้ว”หัวฉีที่สวมสูทยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
เนื่องจากนักเรียนสามรายของมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิง แสดงผลงานได้เป็นที่โดดเด่น นักศึกษาสถาบันต่อๆไป แม้ว่าจะพูดได้น่าสนใจ แต่ก็กลายเป็นว่าเทียบมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิงไม่ติดเสียแล้ว
ไม่เป็นที่น่าแปลกอะไร มหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิงได้เหรียญทองชนะเลิศ ผู้อำนวยการเถายิ้มแก้มแทบปริ มองรอบๆไม่เห็นคนนอกจึงแอบยิ้มให้นักเรียนทั้งสี่คนแล้วพูดขึ้น“คืนนี้ผมเลี้ยงข้าวทุกคน ทุกคนเหนื่อยแล้วล่ะ!”