“สวัสดี หนุ่มหล่อ มาหาประธานส้งอีกแล้วเหรอ?”
หลินหยางเพิ่งจะมาถึงโรงแรม เมื่อวานพนักงานหญิงคนนั้นก็ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น
หลินหยางยิ้มแล้วเดินเข้าไป กล่าว “สาวสวย ดูสีหน้าของคุณดีทีเดียว เมื่อวานน่าจะมีความสุขมากเลยใช่ไหม?”
พนักงานหญิงคนนั้นหลังจากที่ถูกหลินหยางรักษาแล้ว ก็รีบกลับไปสัมผัสชีวิตที่ความปรารถนาในที่สุดก็ได้รับการเติมเต็มกับแฟนในทันที เปิดศึกใหญ่กันอยู่หลายรอบ วันนี้ก็เลยสบายใจเป็นอย่างมาก
เธอนั้นมองหลินหยางเป็นเหมือนหมดเทวดาไปแล้ว คำพูดเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง พูดว่า “ไม่เลวเลยทีเดียว ผู้ชายของฉันนั้นยืนหยัดอยู่ได้ไม่ค่อยนานเท่าไหร่ พอถึงจุดสุดท้าย ฉันเองก็ยังจะต้องให้เขาให้มือช่วยฉันอยู่เลย คุณมีวิธีดีๆจะช่วยให้เขาอยู่ได้ยาวกว่านี้บ้างไหม?”
ใจของหลินหยางคิด วิธีมันก็มีอยู่ แต่ว่าทางที่จะได้ผลตรงประเด็นที่สุดนั้น ก็ยังน่าจะให้ฉันแทนที่แฟนของคุณน่าจะดีกว่า
คำพูดนี้แน่นอนว่าหลินหยางไม่สามารถพูดออกมาได้ แต่ว่าจะช่วยแล้วก็ควรจะช่วยให้ถึงที่สุด ก็เลยหยิบกระดาษโน้ตออกมาหนึ่งแผ่นมาเขียนใบสั่งยาให้กับพนักงานหญิงคนนั้น เรียกหายาตามใบยานี้ ให้แฟนบำรุง
และก็คุยเล่นกับพนักงานหญิงอีกหลายประโยค หลินหยางถึงจะขึ้นข้างบน
“ไอ้ไข่เน่า คุณพูดมาตามตรง เมื่อกี้ผู้หญิงที่มาส่งคุณที่ประตูเป็นใครกัน?”
เข้าไปในห้องเบอร์1608 จางเยว่ดึงหลินหยางเข้ามาข้างใน พูดอย่างโมโห
หลินหยางยิ้มและพูดออกมา “เป็นผู้ปกครองของคนไข้ของฉันเท่านั้นเอง ทำไม นี่ก็หึงแล้วเหรอ?”
“ฮึ! ฉันขี้เกียจที่จะหึงคุณแล้ว! คุณไอ้คนแบบนี้ ไม่รู้ว่าทำร้ายผู้หญิงดีๆไปกี่คนแล้วก็ไม่รู้ ถ้าฉันยังจะหึงตลอดเวลา นั่นจะไม่จุกอกตายอย่างงั้นเหรอ?”
จางเยว่พูดไป ใบหน้าก็กลับมาเป็นมีรอยยิ้ม ดึงหลินหยางเข้าไปในห้องนอน
หลินหยางพูดอย่างตกตะลึง “ไม่ใช่ว่าหาฉันเพราะมีเรื่องจะคุยเหรอ มาที่เตียงทำไมกัน?”
“ทำไม? บนเตียงไม่สามารถคุยกันได้เหรอ? คุณนี่มันไม่ใช่ที่รักที่ขาดไม่ได้!”
ดวงตาของจางเยว่เบลอไปหมด หัวเราะด่าหลินหยางไปประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ลงมือถอดเสื้อผ้าของเขาออก
หลินหยางเข้าใจอย่างชัดเจนทันที รู้แล้วว่าจางเยว่ต้องการตัวเขานี่เอง
ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาเองก็อดกลั้นไฟราคะอันชั่วร้ายมาโดยตลอด เวลานี้ในที่สุดก็ได้โอกาสที่จะปลดปล่อยออกมาแล้ว แน่นอนว่านี่ถือว่าอ้อยเข้าปากช้าง
ขณะนั้นเอง ทั้งสองคนก็ถอดเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าได้อย่างง่ายดาย กลิ้งไปพัวพันนัวเนียกันบนเตียง
ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง จางเยว่หายใจหอบอย่างไม่รู้สึกตัว พูดเสียงเบาไร้เรี่ยวแรง “คุณมันสัตว์ป่าดิบเถื่อน ฉันจะใกล้ตายอยู่แล้ว”
หลินหยางนั้นร่าเริงอารมณ์ดี รู้สึกว่ายังมีเรี่ยวแรงที่ยังใช้ไม่หมด
หัวเราะพอใจ หลินหยางโอบกอดจางเยว่ไว้ในอ้อมกอด เอนตัวไปที่หัวเตียงแล้วพูด “นี่คุณพอใจแล้วหรือยัง?”
“น่าเกลียด! หลินหยาง ฉันทำไมรู้สึกว่าคุณเก่งกาจอีกแล้ว?”จางเยว่ใช้นิ้ววนไปมาอยู่บนหน้าอกของหลินหยาง บนใบหน้ายังมีสีแดงที่ยังไม่จางหายไปอยู่
“อืมอืม ฉันยิ่งเก่งกาจ คุณก็ยิ่งมีความสุขไม่ใช่หรือไง?”
“ฉันกลัวว่าฉันยังเพลิดเพลินไม่จบ คุณก็ถูกผู้หญิงคนอื่นแบ่งไปกินซินะ แต่ว่าฉันเองก็เข้าใจ ว่าฉันคนเดียวคงจะคั้นเอาของคุณออกมาไม่หมดหรอก ทำได้ก็แค่ให้ผู้หญิงคนอื่นช่วยเป็นธุระให้เหมือนกัน เฮ้อ”
หลินหยางหัวเราะไม่มีเสียง ฟังคำพูดพวกนี้แล้วทำไมรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์?
“เอาละ พูดมา หาฉันมีเรื่องอะไร คงไม่ใช่แค่กลิ้งอยู่บนเตียงเท่านั้นละมั้ง?”หลินหยางรู้ว่าจางเยว่คงไม่ได้ปรารถนาจะอยากร่วมรักถึงขนาดที่จะจงใจเรียกตัวเองมาตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ได้
จางเยว่เคร่งขรึมขึ้นมา พูด “ข่าวเช้าที่ชุมชนฝูไหลคุณดูแล้วหรือเปล่า? พูดมา ที่แท้มันเป็นยังไงกันแน่?”
หลินหยางแกล้งโง่ตอบ “คุณอยากจะให้ฉันพูดว่าอะไรล่ะ?”
จางเยว่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าคิดว่าฉันจะไม่รู้อะไรเลยนะ ยังไงฉันก็เป็นตำรวจที่มีประสบการณ์มากมาย!”
หลินหยางลูบจมูกไปมา หัวเราะออกมา ไม่ได้พูดอะไร
จางเยว่พูดต่อ “เมื่อคืนฉันเองก็ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุมา อย่าคิดว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นมองไม่ออกนะ เพราะว่าฉันเจอของบางอย่าง”
ในใจของหลินหยางเต้นรัว หรือว่าจางเยว่มองออกจากร่องรอยที่ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ แล้วเดาได้ว่าตัวเขาเองนั้นเป็นคนลงมือฆ่าหลูยี่?
“อะไรนะ?”
“หลูยี่คนนั้นตายอยู่ที่ห้องหนังสือ หลังจากที่ตรวจสอบแล้ว สาเหตุการตายคือหัวใจถูกแทง ที่เกิดเหตุถึงแม้ว่าจะไม่พบเครื่องมือในการฆาตกรรม แต่ว่า ฉันพบรูเข็มนิ้วมือสั้นยาวบนกำแพง”
จางเยว่พูดมาถึงตรงนี้ เงยหน้าขึ้นมามองหลินหยาง ในแววตาที่วูบวาบนั้นมีประกายความเจ้าเล่ห์แอบซ่อนอยู่
“คนอื่นไม่รู้ แต่ว่าฉันนั้นอยู่กับคุณมานานแล้ว คุณคิดว่าฉันดูไม่ออกอย่างงั้นเหรอ? ทำเป็นรูเข็มแบบนั้น มันคือเข็มเงินที่เอาไว้รักษาคนป่วยของคุณพวกนั้นใช่หรือเปล่า? ดังนั้น เมื่อคืนคนพวกนั้น เป็นคนที่ฆ่าถูกต้องไหม?”
หลินหยางรีบโบกมือพูด “ฉันจะบอกไว้ก่อนนะนักสืบจาง พูดนะอย่าพูดเหลวไหล นั่นมันชีวิตคนหลายคนเลยนะ!”
ที่จริงแล้วจางเยว่เดาออกไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้ว แต่ว่าก็ยังมีตกหล่นเรื่องสำคัญอยู่บางเรื่อง เช่นการฆ่าคนพวกนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ใช้เข็มเงินของหลินหยาง ยังวิธีการอื่นอีก เช่นดาบปลายปืนของเหลิ่นยั่น
“ดูคุณตกใจขนาดนี้ ฉันไม่ได้สืบสวนคุณสักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรกัน?”
หลินหยางแกล้งโง่ต่อไป “คุณตำรวจ ฉันเป็นหมอคนหนึ่ง ทำได้เพียงช่วยคนเท่านั้น ไม่สามารถฆ่าคนได้หรอก คุณอย่าโยนความผิดให้คนอื่นมั่วซั่ว ถ้าคำพูดนี้ถูกพูดออกไป ฉันจะไม่ถูกคุณจับยัดเข้าคุกเหรอ?”
จางเยว่หยิกหลินหยางไปหนึ่งทีแล้วพูด “ใครกล้าเอาคุณเข้าคุก ฉันจะเป็นคนแรกที่ไม่ตกลง”
จางเยว่หัวเราะ แล้วพูด “ฉันนั้นเป็นตำรวจนะ มีจุดที่สงสัย แน่นอนว่าก็อยากจะถามให้เข้าใจ! แต่ว่าคุณวางใจได้ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าคุณเป็นคนทำก็ตาม ก็จะไม่พูดออกไปหรอกนะ จะแอบมาบอกคุณ……”
จางเยว่นำริมฝีปากมาแนบข้างหูของหลินหยาง พูดด้วยเสียงต่ำ “ที่เกิดเหตุมีหลักฐานบางอย่างที่เกี่ยวกับคุณหลงเหลืออยู่ ทั้งหมดถูกดันออกไปหมดแล้ว ไม่มีทางที่จะมีคนสืบมาถึงตัวคุณได้”
หลินหยางได้ยินคำพูดนี้ คาดไม่ถึงอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าจางเยว่จะคิดถึงตัวเขาได้ถึงขนาดนี้
“อีกอย่าง หลังจากที่ยืนยันสถานะเรียบร้อยแล้ว คนที่ตายบางคนนั้น ไม่รู้ความเป็นมาชัดเจน มีบางชีวิตที่มีความผิดอาชญากรรมร้ายแรงถึงชีวิต ตายก็ไม่สาสมกับความผิดที่เคยทำอยู่แล้ว ฉันจะถือว่าคุณช่วยจัดการเพื่อประชาชน และก็ช่วยคุณกำจัดหลักฐานไปในตัวด้วย ฮิฮิ”
หลินหยางยิ้ม จูบไปที่ปากของจางเยว่ “คุณดีกับฉันถึงขนาดนี้ ฉันควรจะตอบแทนคุณยังไงดี?”
จางเยว่กัดฟันเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”
“อย่างงั้นผมอุทิศชีวิตให้ละกัน!”
หลินหยางตะโกนเสียงต่ำ พลิกตัวทับจางเยว่ไว้ด้านล่างของร่างกาย รวดเร็ว บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนเป็นอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมมีเสน่ห์อ่อนช้อย
ศึกใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง หลินหยางนั้นได้ระบายออกมาอย่างสมบูรณ์ ส่วนทางด้านจางเยว่เองก็ได้รับความสุขสูงสุดในเวลาเดียวกัน ผล็อยหลับไปอย่างมีความสุข
หลินหยางลุกจากเตียง สวมเสื้อผ้า หลังจากที่จูบหนึ่งทีไปที่ใบหน้าของจางเยว่ ก็เดินออกจากห้องไป
ขึ้นลิฟต์ หลินหยางก็เดินทางไปถึงห้องชุดชั้นบนสุดของอาคาร
“ใคร?”
“พี่เจียว ผมหลินหยาง”
หลินหยางยืนอยู่หน้าประตูห้องชุดตอบกลับไป
“รอสักครู่”
ส้งเจียวตะโกนออกมาจากด้านใน หลังจากนั้นประมาณเกือบครึ่งนาที ถึงจะเปิดประตูออกมา
หลินหยางเดินเข้ามา พูดแบบไม่คิด “พี่เจียว ยุ่งอยู่เหรอ?”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลินหยางเหลือบมองส้งเจียว ดวงตาก็เป็นประกาย
แค่เห็นส้งเจียวเปลี่ยนชุดทำงานที่เคร่งขรึมออกเรียบร้อย สวมชุดนอนผ้าไหมลายดอกกุหลาบ
ชุดนอนนี้มีเพียงสายรัดเส้นบางสองเส้นเหมือนมองไม่เห็นเข็มขัด ห้อยอยู่ตรงไหล่ ทำให้คนสงสัยว่าเพียงแค่จับเบาๆก็น่าจะขาดได้แล้ว ชุดกระโปรงนี้ก็คงจะหลุดลงมา
คอเสื้อสบายๆ ถูกส้งเจียวดึงดันแข็งขันด้วยยอดคู่นั้นตลอดเวลา เค้าโครงโค้งนูนเหมือนกลอง และกระโปรงนั้นปกปิดจนถึงเข่า เผยให้เห็นน่องสมบูรณ์แบบที่ได้รับการดูแลอย่างดีของส้งเจียว
ส้งเจียวคนนี้ ทำไมดูไม่เห็นจะเหมือนผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอายุจะยี่สิบเลย
“พูดจาเหลวไหลอะไร?”
คนพูดไม่ได้ตั้งใจแต่ว่ากระทบกระเทือนจิตใจคนฟัง หลินหยางเดิมทีก็แค่ทักทายพูดแบบไม่ได้คิดอะไรเท่านั้นเอง แต่ว่าในสมองของส้งเจียวนั้นปรากฏเรื่องเมื่อคืนที่ถูกหลินหยางพบว่าใช้กระจู๋ปลอม คิดว่าหลินหยางแหย่ตัวเอง ในเวลานั้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น สีหน้าแดงก่ำ
ส้งเจียวหันกลับมามองหลินหยาง ความรู้สึกไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้หลินหยางที่เพิ่งจะสงบจากไฟราคะนั้น แนวโน้มว่ามีการกลับมาลุกไหม้ใหม่อีกครั้ง
“ดื่มเหล้าไหม? ฉันเพิ่งจะเปิดไวน์แดงขวดหนึ่งเอง”
ส้งเจียวเดินมาอยู่ตรงหน้า บิดเอวไปมา ไม่รู้ว่าจงใจหรือว่าไม่ได้จงใจ เดินออกมาด้วยท่าทีเกียจคร้านและมีเสน่ห์เย้ายวน ทำให้สายตาของหลินหยางนั้นละออกไปไม่ได้เลย
หลินหยางเดินมานั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์ “ดื่มเหล้าตอนเช้าตรู่นี่นะ? ไม่ค่อยดีหรือเปล่า?”
ส้งเจียวพูดด้วยอารมณ์แปลกประหลาด:“คุณเองยังนัดผู้หญิงตั้งแต่เช้าได้ ทำไมฉันจะดื่มเหล้าไม่ได้?”
หลินหยางลูบจมูกไปมา ยิ้มออกมา ไม่กล้าที่จะพูดออกมาตามใจอีก
ส้งเจียวเทไวน์แดงสองแก้ว พูด “หลินหยาง คุณมีผู้หญิงกี่คนกันแน่?”
หลินหยางแสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ออกมา “พี่เจียว หรือว่าคุณดูไม่ออกอย่างงั้นเหรอ ว่าฉันหลินหยางเป็นคนที่รักเดียวใจเดียวคนหนึ่ง?”
ส้งเจียวหัวเราะเบาๆ มองไปหลินหยางแล้วพูด “ผู้ชายนั้นเป็นสัตว์ที่ร่างกายกับจิตใจนั้นไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รักเดียวใจเดียวของคุณ บ่งบอกถึงใจของตัวเอง หรือว่าร่างกาย?”
หลินหยางอ้าปากค้าง พบว่าขณะที่ไม่ทันรู้ตัวตัวเองนั้นก็ถูกส้งเจียวเล่นเข้าให้แล้ว ผู้หญิงคนนี้กำลังยิ้ม
หลินหยางหน้าหนา เข้าใกล้ประชิดส้งเจียวพูดว่า “พี่เจียว อย่างนั้นคุณคิดว่า ฉันเป็นคนประเภทไหนเหรอ?”
ส้งเจียวพูดด้วยความไม่พอใจ “ฮึ เท่าที่ฉันดู คุณมันก็เป็นสัตว์ตัวหนึ่ง”
หลินหยางพยักหน้า “อืม มีคนชมฉันว่าเป็นสัตว์ดุร้ายบ่อยไป”
คำพูดนี้ทำเอาส้งเจียวหน้าแดงขึ้นมา เพราะว่าเธอนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนหลังจากที่ตัวเองทำศึกกับหลินหยาง ก็เคยประเมินหลินหยางแบบนี้เหมือนกัน
“หน้าหนาจริงๆ!”
ส้งเจียวด่าออกไปด้วยเสียงเบา จากนั้นย้ำตัวเองให้นิ่งเอาไว้ “พูดกันตรงๆดีกว่า การตายของหลูยี่ จริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลินหยางได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกวุ่นวายยุ่งยากขึ้นมาทันที ผู้หญิงบนโลกนี้เป็นอะไรกันไปหมด แต่ละคนมีวิวัฒนาการจนฉลาดกันขนาดนี้? ทุกคนเดาออกหมดว่าหลูยี่นั้นถูกฆ่าด้วยตัวฉันเอง?
หลินหยางเลือกที่จะแกล้งโง่อีกครั้ง “คุณไปถามผีที่ตายไปแล้วนั่นสิ จะมาถามฉันทำไมกัน?”
“เหอะ เมื่อคืนหลังจากที่คุณมาหาฉันที่นี่ไม่นาน หลูยี่ก็ตายแล้ว นี่ยังไม่สามารถอธิบายปัญหาได้อีกเหรอ?”
หลินหยางพูด “นี่จะอธิบายอะไรได้กัน ฉันทำไมถึงไม่เข้าใจ?”
ส้งเจียวยิ้มอย่างชาญฉลาด พูดออกมา “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าสาเหตุมาจากหลูยี่ เมื่อคืนกลางดึกคุณจะอยู่ดีๆบุกเข้ามาไหม?”
หลินหยางยิ้มอย่างขมขื่น พูดอย่างหยั่งเชิง “ถ้าฉันบอกคุณว่า ฉันจงใจมาหาคุณโดยเฉพาะ คุณจะเชื่อไหม?”
“ไอ้เจ้าบ้า! คุณจะมาหาฉันเพื่ออะไร? ฉัน ฉันกับคุณสนิทสนมกันหรือไง?!”
ส้งเจียวเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป เหล้านี้ก็เพิ่งจะดื่มไปไม่ถึงครึ่งแก้วเอง ทำไมอยู่ดีๆถึงรู้สึกว่าหน้าแดงหัวใจเต้นแรงด้วย!
เหตุผลเพราะว่าเหล้า หรือว่าสาเหตุมาจากหลินหยาง?
ส้งเจียวในใจร้อนรนขึ้นมา การหายใจเปลี่ยนเป็นถี่กระชั้นและตื่นเต้นกังวล เธออยู่ดีๆก็รู้สึกปากลิ้นแห้งไปหมด อดไม่ได้ที่จะดื่มไวน์แดงเข้าไปคำใหญ่ แต่อยู่ดีๆก็สำลัก ไอออกมา
การตอบสนองของหลินหยาง รีบร้อนยื่นมือออกไปตบเบาๆที่หลังของส้งเจียว
แต่ว่าส้งเจียวนั้นเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ตัวสั่นสะท้าน ตามไปด้วยโผเข้าไปอ้อมกอดของหลินหยางทันที