บทที่ 45 งานวันเกิด (5)
ฉินเยว่เข่อสังเกตเห็นว่าลั่วจื่อหานมา เธอมองหาทั่วทุกที่กลับไม่เห็นเงาของหลิงจื่อเซี่ยเลย
หึ อี้เป่ยซี ดูแล้วเธอยังคงคิดไม่ซื่อกับลั่วจื่อหานจริงๆ ถึงได้เชิญแค่เขาแต่ไม่ได้เชิญจื่อเซี่ยให้มาด้วยกัน
เธอส่ายหัวพิมพ์ข้อความและส่งออกไป เผยรอยยิ้มชั่วร้าย ‘ฉันไม่มีอำนาจต่อสู้กับเธอแล้วยังไงเหรอ ยังไงซะก็มีคนที่จัดการกับเธอจนไม่เหลือแม้แต่โอกาสให้ตอบโต้ได้อยู่แล้ว อี้เป่ยซี คราวนี้เธอคอยดูให้ดีเถอะ’
“เยว่เข่อ”
“ถังเสวี่ย” ฉินเยว่เข่อยิ้มบางๆ ให้ถังเสวี่ย เธออารมณ์ดีมาก
“เมื่อกี้ฉันเหมือนเห็นพี่สาวเธอข้างนอกน่ะ”
เขาอยู่ที่เมือง B ไม่ใช่เหรอ…ฉินเยว่เข่อเลิกคิ้วเล็กน้อย “ใช่พี่สาวฉันจริงๆ เหรอ?”
ถังเสวี่ยแอบหัวเราะ “ไม่ผิดแน่นอน พี่สาวเธอโดดเด่นขนาดนั้น มองแวบเดียวก็จำได้แล้ว”
“งั้นฉันออกไปดูหน่อย” ฉินเยว่เข่อยังข้องใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าพี่สาวเอาเงินก้อนมาจากไหนเพื่อช่วยแม่ ตอนนี้ควรจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ไม่ใช่เหรอ หรือว่าได้เวลาติดตามความก้าวหน้าเรื่องการเรียนของเธอแล้ว ทำไมถึงมาเมือง A ตอนนี้ได้ อีกอย่าง ฝ่ายนั้นรู้ได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่นี่ล่ะ
เธอเดินออกไปอย่างรวดเร็วก็เห็นฉินรั่วเข่อที่แต่งหน้าบางๆ เธอสวมชุดเดรสสีฟ้า พลิ้วไหวน้อยๆ ท่ามกลางสายลม เต็มไปด้วยอารมณ์ที่สดชื่นและละเอียดอ่อน เธอแย้มยิ้มให้กับคนตรงหน้า
ฉินรั่วเข่อน้องสาวตัวเองปรากฏตัวก็ประหลาดใจเล็กน้อย เธอมาที่เมือง A เมื่อสองวันก่อนเพื่อจัดการเรื่องย้ายมหาวิทยาลัยให้เรียบร้อย ยังไม่มีเวลาไปหาน้องสาว คืนนี้หลังจากจัดของเรียบร้อยก็ออกมาผ่อนคลายสักหน่อย ได้ยินคนในมหาวิทยาลัยพูดว่าอี้เป่ยเฉินจัดงานวันเกิดให้น้องสาวของเขาที่โรงแรมแห่งนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองเข้ามาไม่ได้ แต่ก็ยังอดใจไม่ไหวเดินมาถึงตรงนี้ อาจเพราะรู้สึกว่าทำแบบนี้แล้วได้ใกล้ชิดเขาอีกครั้งล่ะมั้ง
เพียงแต่ทำไมน้องสาวของตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เธอรู้ว่าปกติฉินเยว่เข่อเป็นพวกชอบความหรูหรา ชอบซื้อของแบรนด์เนมต่างๆ แต่ว่าไม่เคยขอเงินจากเธอเลย เธอก็เคยมีความคิดไม่ดีมาก่อน แต่สุดท้ายก็ละทิ้งไปด้วยคำพูดของน้องสาวแล้ว เป็นเพราะว่าอี้เป่ยซีก็เป็นเพื่อนของเธองั้นเหรอ เธอถึงได้มาที่นี่
“พี่ พี่มาได้ยังไงน่ะ” ฉินเยว่เข่อควงแขนเธออย่างสนิทสนม “พี่สาวฉันสวยขึ้นเยอะเลยนะ”
“เธอก็ปากหวานไป นี่มางานนี้ด้วยเหรอ?”
ฉินเยว่เข่อกลับไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอะไร เธอกล่าวอย่างไม่ชอบใจ “ใช่สิ งานอวดรวยประเภทนี้ ฉันไม่มีทางเลือก ที่มาก็แค่มาเข้าสังคมตามปกติเท่านั้น”
“เป็นไปได้ยังไง อี้เป่ยเฉินไม่เหมือนพวกที่ชอบอวดร่ำอวดรวยเลยนะ” เธอพูดพลางก้มหัวลง เสียงยิ่งเบาลงเรื่อยๆ มันหายไปในอากาศจนฟังไม่ได้ศัพท์
ฉินเยว่เข่อสังเกตอาการของพี่สาวเธอ หัวเราะประชดประชันเล็กน้อย “เขาไม่ใช่คนแบบนั้น แต่เจ้าของงานอาจจะไม่ใช่คนแบบนั้นนี่ก็ได้นี่นา พี่ ฉันจะบอกพี่ให้ อี้เป่ยซีคนนี้น่ะ ที่จริงก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอก”
“พี่เคยเห็นเขาในทีวี รู้สึกว่าบุคลิกเขาสง่างามเรียบร้อย ไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะ”
“พี่ พี่ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เขาอยู่ในทีวีก็ต้องจงใจแสดงออกแบบนั้นอยู่แล้ว ใครจะเอาด้านที่น่าเกลียดที่สุดของตัวเองออกมาให้คนอื่นเห็นล่ะ ฉันอยู่หอพักเดียวกับเขา เขาเป็นคนยังไงมีเหรอที่ฉันจะไม่รู้”
ฉินรั่วเข่อครุ่นคิดก็รู้สึกว่าน้องพูดมีเหตุผลอยู่ เธอคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทว่าก็พูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าเออออไป เมื่อฉินเยว่เข่อเห็นความแน่ใจของพี่สาวตัวเองก็ยิ่งใส่ไฟมากกว่าเดิม
“พี่ ฉันจะบอกพี่ให้ อี้เป่ยซีคนนั้น พี่อย่าไปมองว่าเขาดูว่านอนสอนง่ายนะ ที่จริงมีแผนการเต็มไปหมด เขาใช้เล่ห์เหลี่ยมจับพวกคนมีเงิน ส่วนคนอื่นเขาไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ แต่ตอนที่เขาคบอยู่ด้วยกันกับหลานฉือเซวียนก็ยังมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับผู้ชายคนอื่นอีก ยังไม่หยุดแค่นี้นะ ได้ยินว่าเขาถูกหลายคนใช้งานมาแล้ว เข้ากับคำโบราณที่ว่าข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงจริงๆ”
“อี้เป่ยซีไม่แย่ขนาดนั้นมั้ง” ฉินรั่วเข่อกล่าวอย่างลังเล มองยังไงฝ่ายนั้นก็เป็นเด็กสาวที่ใสบริสุทธิ์น่าเอ็นดูคนหนึ่ง จะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร เธอจะทำไปเพื่ออะไรล่ะ
ฉินเยว่เข่อเห็นว่าพี่สาวลังเล จึงยิ่งเพิ่มระดับให้คำพูดตัวเอง “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนที่ออดอ้อนจนเป็นนิสัย อีกอย่างฉันยังได้ยินมาว่าเขากับพี่ชายหรืออี้เป่ยเฉินก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนด้วยนะ”
“อี้เป่ยเฉิน?” ฉินรั่วเข่อนึกถึงคืนนั้นทันที ผู้ชายคนนั้นดูแลเธออย่างระมัดระวังราวกับเป็นของมีค่า ปากก็พึมพำชื่อเสี่ยวซี เสี่ยวซี ดังนั้นเสี่ยวซีก็คืออี้เป่ยซีเองเหรอ ที่แท้เขารักคนที่เขาไม่ควรรักมาตลอด เธอยิ้มขมขื่น ไม่น่าล่ะ ไม่น่าล่ะเขาถึงได้โศกเศร้าถึงขนาดนี้ แล้วอี้เป่ยซีล่ะ เธอจะชอบเขาหรือเปล่า? ถ้าหากชอบเขาทำไมถึงสนิทกับผู้ชายคนอื่นอีก
อี้เป่ยซีก็น่าจะชอบเขาเหมือนกันล่ะมั้ง ไม่อย่างนั้นอี้เป่ยเฉินก็เหนื่อยเกินไปแล้ว แต่ว่าพวกเขาสองคนจะชอบพอกันได้ยังไง พวกเขาจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง
“ใช่แล้ว อี้เป่ยเฉิน ฉันว่าจะต้องเป็นอี้เป่ยซีคนนั้นแน่ๆ ขนาดพี่ชายตัวเองยังไม่ปล่อย เรื่องน่ารังเกียจแบบนี้ยังทำไปได้”
“บางทีเธออาจเข้าใจอะไรผิดไป” ฉินรั่วเข่อพูด หลบสายตาเล็กน้อย
จู่ๆ ฉินเยว่เข่อก็พูดเสียงสูงอย่างโมโหมาก “เข้าใจผิดอะไร พี่ไม่รู้หรอกว่าเขามีลูกไม้เยอะแค่ไหน เขาก็เหมือนกับ…เหมือนกับร่องน้ำลึก มีผู้ชายเยอะอีกแค่ไหนก็เติมเต็มไม่ได้หรอก” พูดจบแล้วหน้าอกก็กระเพื่อมเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น เมื่อสงบลงแล้วเธอจึงนึกถึงปัญหาของตัวเองได้
“พี่ พี่มาได้ยังไง พี่ยังไม่ได้ตอบฉันเลย”
ฉินรั่วเข่อดึงมือของน้องสาวตัวเองขึ้นมา “พี่ไปสมัครเรียนกับอาจารย์ เทอมนี้จะมาแลกเปลี่ยนที่มหา’ลัยพวกเธอ”
“ว้าว จริงเหรอ ดีจังเลย แต่ว่าแม่ล่ะจะทำยังไง?”
“ตอนนี้แม่ดีขึ้นเยอะแล้ว เขาก็อยากให้พี่ได้อยู่กับเธอ”
ฉินเยว่เข่อดีใจจนกระโดดโลดเต้น “แต่ว่าพี่ต้องจำไว้นะ จะต้องระวังอี้เป่ยซีเอาไว้”
“เอาเถอะ พี่ก็ไม่ใช่ผู้ชายซะหน่อย เขาจะมาหาพี่ทำไม อีกอย่างพี่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูใหญ่แบบนั้นได้ยังไง”
ฉินเยว่เข่อหัวเราะหึๆ “ไปเถอะพี่ ฉันจะพาพี่เข้าไปแป๊บนึง คืนนี้ยังอีกนานกว่าจะเลิก พอเลิกแล้วพวกเราก็กลับมหา’ลัยด้วยกัน”
“ไม่ๆๆ ไม่ต้องแล้ว พี่แต่งตัวแบบนี้ไม่เหมาะมั้ง เดี๋ยวพี่ไปรอเธอข้างนอกที่ไหนสักที่ก็ได้”
“ไปน่าๆ พี่สาวฉันสวยขนาดนี้ ไม่เหมาะอะไรกัน ไปเถอะ”
ภายใต้การดึงดันของฉินเยว่เข่อ ประกอบกับความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวเล็กน้อยของตัวเอง ฉินรั่วเข่อก็ตามน้องสาวไปที่ห้องโถงของโรงแรม การตกแต่งสไตล์ยุโรปทั่วทุกที่เผยให้เห็นความหรูหราฟุ่มเฟือย ก็เหมือนกับคนคนนั้นที่เธอจดจำได้อยู่เสมอ
ฉินรั่วเข่อยืนอยู่ข้างน้องสาวตัวเองด้วยความเขินอายเล็กน้อย ไม่นานก็มีคนเข้ามาหาพวกเธอ ฉินรั่วเข่อก้มหน้าด้วยความอึดอัดมาก สายตาของเธอถูกบดบังด้วยผมหน้าม้า
“เยว่เข่อ คนนี้คือ?”
“พี่สาวฉัน ต่อไปก็จะเป็นเพื่อนนักศึกษาของพวกเราแล้ว ปีนี้เธอจะมาแลกเปลี่ยนที่มหา’ลัยพวกเรา”
คนคนนั้นถือแก้วไวน์ ยิ้มให้ “ตอนแรกนึกว่าเธอสวยแล้ว คิดไม่ถึงว่าพี่สาวเธอจะโดดเด่นแบบนี้”
“แน่นอนอยู่แล้ว พี่สาวฉันเป็นคนสวยที่สุดเสมอ” น้ำเสียงเธอเหมือนเด็กน้อยที่พูดจาโอ้อวด ฉินรั่วเข่อรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าว
“ไม่ค่อยเห็นเธอชมใครแบบนี้เลยนะ” คนคนนั้นยิ้ม “ไม่รบกวนพวกเธอพี่น้องคุยกันแล้ว รุ่นพี่ ไว้เจอกันนะครับ”
ฉินรั่วเข่อพยักหน้าให้ รอจนกระทั่งคนนั้นไปแล้วรีบดึงฉินเยว่เข่อไว้ “เยว่เข่อ เธออย่าพูดถึงพี่แบบนี้อีกนะ”
“ฮ่า พี่นี่หน้าแดงง่ายจังเลย แต่เวลาที่พี่หน้าแดงสวยจริงๆ นะ”
“พูดจาลื่นไหลไปเรื่อย ยังไม่รู้เลยว่าเธอเรียนอะไรกันแน่”
ดวงตาของเธอกวาดไปมาไม่กี่ครั้ง ในที่สุดก็หยุดที่อี้เป่ยเฉินที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน เขายังคงดูสง่างามเช่นทุกครั้ง รอยยิ้มที่พอเหมาะพอดีนั้นอ่อนโยนและผ่าเผย ทุกอิริยาบถเยือกเย็นสุขุมมาก เธอได้แต่มองเขาเงียบๆ อยู่อย่างนี้
‘อี้เป่ยเฉิน คุณรู้หรือเปล่าว่ามีคนไร้ตัวตนเหมือนฝุ่นละอองคนนี้ถือวิสาสะอยู่ข้างกายคุณ และเฝ้ามองคุณอย่างระมัดระวังอยู่อย่างนี้’ ในชั่วเวลานั้น ราวกับว่าโลกทั้งใบตกอยู่ในสายตาของเธอ แม้ว่าทุกกระทำของเขาจะไม่ได้เป็นเพราะฝุ่นละอองเม็ดนี้ แต่เธอก็พึงพอใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว…
……………………………