จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 151-6 พบหน้ารักใคร่สมัครสมานฉันท์ทั้งครอบครัว

ตอนที่ 151-6 พบหน้ารักใคร่สมัครสมานฉันท์ทั้งครอบครัว

“น้องเขย เจ้ายังอายุไม่ถึงยี่สิบสี่มิใช่หรือ? เจ้าคือปราชญ์ราชันย์จริงหรือ?”

คราวนี้พี่ชายคนอื่นๆล้วนแต่กำลังจ้องมองยังซย่าโหวฉิงเทียนด้วยแววตาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งบวกกับนับถือเลื่อมใส บรรดาลุงป้าต่างก็ตกตะลึงไปตามๆกัน

น้องเขยที่เจ๋งสุดยอดดังทะลุฟ้า วรยุทธ์สูงส่งเหนือใครอีกด้วย!

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของทุกคน ตี้อู่เจ๋อก็เชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ

น้องเขยเก่งกาจยิ่งนัก! น้องสาวก็เก่งกาจ! หนุ่มหล่อสาวสวย ช่างเหมาะสมกันราวกับสวรรค์สร้างเลยทีเดียว!

ตี้อู่เจ๋อให้เกียรติตนเองถึงเพียงนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนเองก็พยักหน้าน้อมรับ

ไม่เสียแรงที่ดีกับเจ้าทึ่มนั่นมาโดยตลอด ในช่วงเวลานี้เจ้าทึ่มจึงมีประโยชน์มากทีเดียว!

“ยายเฒ่าข้าชักจะรู้สึกเวียนศีรษะขึ้นมาเสียแล้วนะเนี่ย!” ตี้อู่เจ๋อกุมขมับ

“หัวใจของข้ากำลังเต้นระรัวเร็ว! ปราชญ์ราชันย์คนที่สามคือหลานเขยของข้า? ทั้งยังหนุ่มยังแน่นอีกด้วย? ข้ามิได้กำลังฝันไปใช่ไหม! เจ้าหยิกข้าทีสิ!”

ได้ยินคำของตี้อู่เจ๋อ จิ่งเหนียงจึงยื่นมือออกไปหยิกเข้าให้ที่เนื้อบริเวณเอวของตี้อู่เจ๋อเข้าให้

“โอ้ย!” ทำเอาตี้อู่เจ๋อถึงกับสะดุ้งโหยง

“เจ้าหยิกข้าจริงๆหรือนี่!”

“เจ้าเฒ่านี่ ก็เจ้าให้ข้าหยิกเจ้าเองนี่นา! ตอนนี้กลับมาว่าข้า!”

กล่าวจบจิ่งเหนียงก็ไม่ไปสนใจตี้อู่เจ๋ออีก นางมองไปยังซย่าโหวฉิงเทียนยิ้มๆ

“หลานเขยเอ๋ย มานี่สิ มาให้ยายได้ดูเจ้าชัดๆ!”

ใครๆต่างก็บอกว่าแม่ยายดูหน้าลูกเขย ยิ่งดูก็ยิ่งถูกใจ ตอนนี้ผู้เป้นยายกำลังดูหน้าหลานเขยด้วยอารมณ์เดียวกัน

ซย่าโหวฉิงเทียนเดิมทีไม่ชอบให้คนนอกเข้าใกล้ แต่เมื่อคิดถึงว่าอีกฝ่ายคือญาติผู้ใหญ่ ทั้งยังเรียกเขาว่า หลานเขย อีกด้วย นั่นก็แสดงว่ายอมรับในตัวเขาแล้ว ดังนั้นจึงเดินเข้าไปหยุดที่เบื้องหน้าของหญิงชรา

หลานสาวของข้าสายตาแหลมเสียจริง!

จิ่งเหนียงยื่นมือออกไปแตะตามร่างของซย่าโหวฉิงเทียน ทั้งยังบิดกล้ามเนื้อของเขาอีกด้วย

“แน่นดีจริงเชียว! ร่างกายกำยำแข็งแรง! หน้าตาก็หล่อเหลา! ลูกที่เกิดมาจะต้องน่ารักน่าชังมากเป็นแน่!”

ส่วนบรรดาสาวใหญ่ป้าๆของอวี้เฟยเยียนต่างก็ใช้สายตาแม่ยายมองดูลูกเขยมองดูซย่าโหวฉิงเทียน

“เสียดายที่ข้ามมีลูกสาว! หากข้ามีลูกสาวก็คงจะดี! จะได้หาลูกเขยดีๆเช่นนี้กลับมาบ้าง!”

ถูกห้อมล้อมโดยบรรดาสาวใหญ่ที่อายุมากกว่า ราวกับตนเองคือลูกชายของพวกนางอย่างไรอย่างนั้น นับเป็นเรื่องที่ซย่าโหวฉิงเทียนไม่เคยพบเจอมาก่อน ความอบอุ่นเอ็นดูจากบรรดาท่านตาท่านยาย ท่านลุงท่านป้าของอวี้เฟยเยียนทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนแก้มแดงเล็กน้อย เขาค่อยๆตอบคำถามของพวกนางทีละข้อ

“เจ้าชอบเสี่ยวเยียนของเราตรงไหนกัน?” ท่านป้าใหญ่ของอวี้เฟยเยียนเริ่มกล่าวถาม

“ชอบทุกอย่างที่เป็นนาง” ซย่าโหวฉิงเทียนใบหูแดงเล็กน้อย

อีกฝ่ายเป็นป้า ยังอบอุ่นเอื้ออาทรถึงเพียงนี้ หากว่าได้พบแม่บังเกิดเกล้าของอวี้เฟยเยียนตัวจริง ใครๆต่างก็บอกว่าแม่ยายเสมือนแม่คนที่สอง จะอบอุ่นกว่านี้ไหมนะ?

“แต่เจ้าต้องคอยปกป้องนางให้ดี! อย่าให้นางต้องได้รับความอนาทรทุกข์ร้อนใดๆเด็ดขาด!” ท่านป้ารองของอวี้เฟยเยียนกำชับ

“ข้ากำลังพยายาม” ซย่าโหวฉิงเทียนพยักหน้าอย่างจริงจัง

“หึๆ——”ความจริงใจของซย่าโหวฉิงเทียน ทำให้หญิงชราที่สุดชื่นชมไม่ขาดปาก

“ช่างเป็นเด็กที่ซื่อตรงมีความรับผิดชอบมากจริงๆ! เด็กดี! เสี่ยวเยียนของเราช่างมีวาสนาจริงเชียว!”

คิกๆ! เมื่อได้ยินคำวิจารณ์จากผู้เป็นย่าต่อซย่าโหวฉิงเทียน ทำเอาตี้อู่เฮ่ออี้เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาทีเดียว

‘ซื่อตรง? รู้หน้าที่? ‘

‘ท่านย่านะท่านย่า ตาของท่านย่าจะต้องมีปัญหาเป็นแน่!

‘คำสองคำนี้ไม่เหมาะสมกับน้องเขยผู้เ**้ยมโหดดุดันผู้นี้เลยแม้แต่น้อยว่าไหมเล่า?’

ตี้อู่เฮ่ออี้มองซ้ายทีขวาทีก็ไม่พบว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะมีพรสวรรค์ในการ แสดงละครแต่อย่างใดนี่นา แล้วเพราะอะไรต่อหน้าผู้ใหญ่เขาถึงดูเรียบร้อยได้ถึงเพียงนี้กันนะ?

หากว่าเขาเป็น ‘เด็กดี’ จริง เช่นนั้นสกุลหนานกงและสกุลสุ่ย ล่มสลายได้อย่างไรกันเล่า…

แม้ว่าทุกคนจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องการจะพูดคุยกับซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียน แต่เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ทุกคนจึงเริ่มแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง ภายใต้การกำกับดูแลของของเหล่าไท่ไท่

ครั้นเมื่อสมาชิกชนเผ่าคนอื่นๆได้ยินว่าบุตรสาวของเทพธิดากลับมาแล้ว จึงทยอยกันเดินทางมายังบ้านเรือนไม้ไผ่ที่ใหญ่ที่สุด เพื่อมาดูหน้าตาของอวี้เฟยเยียน

“นี่มันเทพธิดากลับชาติมาเกิดชัดๆ!”

“จริงด้วย! ข้ามองไกลๆยังคิดว่าเทพธิดากลับมาแล้วเสียอีก!”

ชาวตันซ้ายมีนิสัยเป็นมิตรยิ่งนักทั้งยังเอื้ออาทร เหล่าไท่ไท่พาอวี้เฟยเยียนไปทำความรู้จักหนึ่งรอบใหญ่ๆ จนในที่สุดนางก็ได้รู้จักเครือญาติจนครบ

คนจำนวนกว่าร้อยคนนี้ล้วนแต่เป็นชาวตันสายตรงและลูกหลานชาวตันสายตรงทั้งสิ้น ทุกคนล้วนแต่แซ่ตี้อู่ ถ้าเป็นหญิงหลังแต่งงานจะเปลี่ยนเพียงชื่อเท่านั้น

แต่ก่อนทุกคนต่างก็เรียกขานตี้อู่เยียนเอ๋อร์ว่า ‘เสี่ยวเยียน’ ดังนั้นสำหรับอวี้เฟยเยียน พวกเขาจึงเรียกว่า ‘เยียนเอ๋อร์’

การมาถึงของซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนทำให้เผ่าตันครึกครื้นขึ้นมาในทันที พวกผู้หญิงต่างก็ช่วยกันทำอาหาร ส่วนพวกผู้ชายก้ช่วยกันผ่าฟืนล่าสัตว์เก็บดอกเก๊กฮวย ทุกคนเริ่มยุ่งกับการทำงานต่างๆ เหลือเพียงเหล่าไท่ไท่อยู่เป็นเพื่อนอวี้เฟยเยียนเพียงลำพัง

“เด็กดี หลายปีที่ผ่านมานี้พวกเจ้าใช้ชีวิตกันอย่างไร?” จิ่งเหนียงจับมืออวี้เฟยเยียนเอาไว้ตลอดเวลาไม่ยอมปล่อย

ลูกคือเลือดในอกของแม่!

ตี้อู่เยียนเอ๋อร์คือลูกคนสุดท้องของจิ่งเหนียง ทั้งยังเป็นลูกสาว ดังนั้นจิ่งเหนียงจึงรักนางมากเป็นพิเศษ หลังจากที่แม่ลูกต้องแยกจากกันสิบเจ็ดปี ทุกวันนางจะต้องคิดถึงลูกสาวคนเล็กของตนเอง

สำหรับท่านยายแล้ว อวี้เฟยเยียนไม่มีอะไรต้องปิดบัง

นางจึงเล่าเรื่องราวของตนเองว่าเติบโตมาอย่างไรบนแผ่นดินหลัวอวี่ พบซย่าโหวแงเทียนได้อย่างไร รวมทั้งเรื่องที่ได้รับน้ำอมฤทธิ์ไท่จี๋ทำให้ร่างกายของนางเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สุดท้ายเรื่องที่นางร่ำเรียนวรยุทธ์และวิชาแพทย์ ต่อมามาถึงยังเมืองอู๋โยวตามหามารดาบังเกิดเกล้าออกไปให้กับผู้เป็นยายได้ฟังโดยละเอียดครบถ้วน

สำหรับเรื่องที่นางถูกฮูหยินหนานซานวางยา รังแก จนโง่เขลาปัญญาอ่อนไปหลายปีจนกระทั่งถูกรัชทายาทถอนหมั้น เรื่องราวทุกข์เข็ญเหล่านี้ อวี้เฟยเยียนเลือกที่จะมองข้ามไป ไม่ได้เล่าให้ผู้เป็นยายได้ฟังแต่อย่างใด

“พ่อของเจ้ายังมีชีวิตอยู่?”

ได้ยินดังนั้น จิ่งเหนียงจึงรีบผุดลุกขึ้น เดินเข้าไปด้านในห้องหาอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยหยิบหยกก้อนหนึ่งออกมา

“นี่คือหยกสถิตวิญญาณของแม่ของเจ้า แม่ของเจ้ายังไม่ตาย นางยังมีชีวิตอยู่!”

หยกสถิตวิญญาณของตี้อู่เยียนเอ๋อร์เหมือกันกับอวี้เชียนหานทุกอย่างแต่แสงสว่างช่างริบหรี่มืดดำเหลือเกิน แม้ว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่คิดว่าสภาพการณ์ของพวกเขาในตอนนี้คงจะไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก

‘หากพวกเขายังอยู่ดี แล้วเพราะอะไรจึงขาดการติดต่อกับตันซ้ายไปตั้งหลายปี ทั้งยังไม่ติดต่อกลับมายังสกุลอวี้อีกด้วย!’

“ท่านยาย ขอท่านยายวางใจ ข้าจะต้องตามหาท่านแม่และท่านพ่อจนเจออย่างแน่นอน!”

อวี้เฟยเยียนมือกำหยกสถิตวิญญาณของตี้อู่เยียนเอ๋อร์เอาไว้ด้วยแววตาแน่วแน่

จำนนรักชายาตัวร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะการทดลองถอดดวงจิตของดอกเตอร์คิว ทำให้วิญญาณ อวี้เฟยเยียน นักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ข้ามเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูโลลิต้า (?) แห่งจวนจงอี้โหว ซึ่งไม่เพียงร่างกายอ่อนแอจนฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่สติปัญญายังถูกคนวางยาพิษทำลายจนอาจจะตายได้ภายในสามเดือน นับเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่แล้วเมื่อเธอบังเอิญได้พบกับท่านอ๋องผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดอย่างซย่าโหวฉิงเทียน และช่วยชีวิตเขาไว้จากการลอบสังหาร ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เขาสนใจอยากได้นางมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของตน! แต่แล้วเมื่อรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาองค์ชายสี่ เท่ากับมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของตน เช่นนั้นแล้วเขาจะทำเช่นไรกับ ‘แมวป่าน้อย’ ที่เขาสู้อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตัวนี้ดีเล่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท