ซย่าโหวฉิงเทียนแจกจ่ายนกหวีดไม้ไผ่ให้กับทุกคนๆละอัน ตี้อูเย่ไหลร้อนวิชารีบเป่านกหวีดไม้ไผ่นั่นหนึ่งครั้ง ฉับพลันพิราบสื่อสารก็ พรึบ บินถลาเข้ามาที่เบื้องหน้าของเขาแล้วหยุดลงบนข้องที่เขาสะพายหลังอยู่ทันที
“น้องเขย เจ้าให้ข้าจริงหรือ? มอบมันให้ข้า?”
ดวงตาของตี้อู่เฮ่ออี้ยิ้มเสียจนเกือบจะเป็นเส้นตรง
แม้แต่ในความฝันเขายังฝันว่าอยากจะมีพิราบสื่อสารเป็นของตนเองสักตัว ไม่เลยว่าฝันจะเป็นจริงขึ้นมาได้
“ใช่! ขอเพียงนกหวีดไม้ไผ่นี่ยังอยู่ พวกมันก็จะฟังคำสั่งของเจ้าตลอดไป!” ซย่าโหวฉิงเทียนอธิบาย
ของขัว้ญชิ้นนี้ทำเอาตี้อู่เจ๋อดีใจจนแทบจะเป็นลมเลยทีเดียว
“ฉิงเทียน เจ้าไปเอาพิราบสื่อสารมาจากที่ไหนจำนวนมากมายเพียงนี้?” พิราบสื่อสารหายากยิ่งนัก อีกทั้งมันยังมีนิสัยดุร้าย จึงไม่ยอมให้ใครมาฝึกสอนมันได้ง่ายๆ ซย่าโหวฉิงเทียนให้ของขวัญชิ้นใหญ่โตเช่นนี้ ช่างใจกว้างเสียจริงๆ
“จับมานะ” ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยตอบ
“แต่ว่า ข้าเคยได้ยินว่าพิราบสื่อสารฝึกฝนยากยิ่งนก ฉิงเทียน เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”
เมื่อได้ยินคำถามนั้น ตี้อู่เฮ่ออี้ก็เงยหน้ามองท้องฟ้าทันที เขาคิดออกแล้วว่าคำตอบของคำถามนี้คืออะไร ก่อนหน้านี้เขาก็เคยถามคำถามไร้เดียงสาเช่นนี้เหมือนกัน
ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยปากเมื่อใดก็มักจะทำให้คนตกตะลึงเสียทุกครั้งไป
“หากมันไม่เชื่อฟังข้าก็จะซ้อมมันจนกว่าจะเชื่อฟัง”
ซ้อมพิราบสื่อสาร?
ได้ยินดังนั้นก็ทำให้ตี้อู่จิ่งเหรินรู้สึกสงสารพวกมันยิ่งนัก
หรือว่าเหล่าพิราบสื่อสารที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเนี้ จะถูกหลานเขยสั่งสอนเข้าให้แล้วจนเกิดหวาดกลัว ดังนั้นพวกมันถึงได้ก้มหน้าลงตลอดเวลา
ใครๆต่างก็บอกว่าพิราบสื่อสารคือนกที่หยิ่งยโสในตัวเองมากที่สุด? เจ้าซ้อมพวกมัน แล้วพวกมันไม่ร่ำร้องหาความตายหรอกหรือ?
ตี้อู่เอ่อเจี๋ยไม่ค่อยพึงพอใจกับการตอบคำถามแบบกำปั้นทุบดินของซย่าโหวฉิงเทียนสักเท่าไรนัก จึงเอ่ยถามต่อ
“ร้องหาความตาย?”
ซย่าโหวฉิงเทียนเหลือบสายตามองไปยังพิราบสื่อสารที่อยู่ในข้องบนหลังของตี้อู่เฮ่อเจี๋ย
“เจ้าลองถามมันดูสิ ว่ามันกล้าเรียกร้องหาความตายหรือไม่?” เจ้าพิราบสื่อสารตัวนั้นราวกับเข้าใจในสิ่งที่ซย่าโหวฉิงเทียนต้องการสื่อสารด้วยก็ไม่ปานมันก้มหน้าลงก้นบ่นอะไรบางอย่างก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาสองสามครั้ง
ราวกับกำลังอ้อนวอนให้ปล่อยมันไปอย่างไรอย่างนั้น
“แปลกจังเลย! นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะน่ารักเรียบร้อยเพียงนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าน้องเขย”
ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยยื่นมือออกไปคิดที่จะลูบหัวเจ้าพิราบตัวนั้นสักหน่อย ทันใดนั้นเจ้านกตัวนั้นตวัดสายตาจ้องมองเขาด้วยท่าทางดุร้าย ทั้งมันยังร้องออกมา ทำเอาตี้อู่เฮ่อเจี่ยตื่นตระหนกตกใจไม่น้อยทีเดียว
หุบปาก! ซย่าโหวฉิงเทียนตวาดเสียงเข้ม
ทันใดนั้น เจ้าพิราบสื่อสารที่ยังดุร้ายใส่ตี้อู่เฮ่อเจี่ยเมื่ออยู่เมื่อครู่ก็เปลี่ยนท่าทีกลายเป้นเรียบร้อยทันที มันหลบซ่อนตัวอยู่หลังตี้อู่เฮ่อเจี๋ย มองมายังซย่าโหวฉิงเทียนท่าทางหวาดกลัวตัวสั่นงันงก ราวกับหวาดกลัวเสียเต็มประดาว่าตนเองจะถูกซย่าโหวฉิงเทียนรังแกเอา
“คนดีมักจะถูกกลั่นแกล้งจริงๆด้วย!” ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยเห็นเช่นนั้น ก็ยิ้มกว้างออกมา
“น้องเขย เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!” เมื่อเห็นว่าของขวัญที่ซย่าโหวฉิงเทียนมอบใหญ่ล้ำค่าเพียงนี้ ตี้อู่เจ๋อถึงกับพูดไม่ออกมาเลยทีเดียว
ของขวัญชิ้นนี้มีค่ายิ่งกว่าเงินทองเพชนนิลจินดาเสียอีก มีพิราบสื่อสาร การเก็บยาของพวกเข็สะดวกโยธินขึ้นมาก!
สมาชิกชาวเผ่าตันคนอื่นๆมองตามพิราบสื่อสารกันตาละห้อย ท่าทางหิวโหย นี่คือของขวัญที่ซย่าโหวฉิงเทียนมอบให้กับท่านหัวหน้าเผ่า พวกเขาทำได้เพียงมองเท่านั้น
มองออกว่าสมาชิกชนเผ่าคนอื่นๆก็อยากที่จะมีพิราบสื่อสารเช่นกัน ดังนั้นตี้อู่เจ๋อจึงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงเรียกชายหนุ่มผู้หนึ่งมา แล้วมอบนกหวีดไม้ไผ่ให้กับเขา
“ท่านหัวหน้า จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร! นี่คือของขวัญที่ท่านราชันย์ฉิงเทียนมอบให้กับท่าน ข้ารับไว้ไม่ได้!”
ชายหนุ่มไม่กล้าที่จะรับ เขาจึงโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับ ตี้อู่เจ๋อจึงได้แต่มองไปยังซย่าโหวฉิงเทียน
“ฉิงเทียน ของขวัญที่เจ้ามอบให้ล้ำค่ายิ่งนัก พิราบสื่อสารทั้งสิบห้าตัวนี้มอบให้ข้าเป็นผู้จัดสรรปันส่วน เจ้าเห็นเป็นอย่างไร?
“ท่านตาเป็นผู้จัดการก็แล้วกัน! ครั้งนี้มีเวลาจำกัด ครั้งหน้ามีโอกาส ข้ายังจะจับมาอีกสักหน่อย!”
เมื่อซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยเช่นนี้แล้ว ตี้อู่เจ๋อจึงเรียกสมาชิกในชนเผ่าออกมาสองสามคน
“ข้าและยายเฒ่าอายุมากแล้ว ต่อไปคงไม่ค่อยได้มีโอกาสขึ้นไปเก็บยาสักเท่าไหร่ พิราบสื่อสารพวกเราคงไม่ได้ใช้! จิ่งซาน จิ่งสุ่ย จิ่งเหริน พวกเจ้าสามคนใช้ร่วมกนหนึ่งตัวก็เพียงพอแล้ว! หรงอี้และเย่ไหลพวกเจ้าสองคนก็ใช้ร่วมกันหนึ่งตัวเช่นกัน!”
เมื่อตี้อู่เจ๋อจัดการให้เช่นนี้จึงสามารถคงเหลือพิราบสื่อสารได้อีกถึงเจ็ดตัว
จากนั้นเขาจึงค่อยจัดการแบ่งพิราบสื่อสารอีกเจ็ดตัวที่เหลือออกไป ทำให้สมาชิกในชนเผ่าทั้งชายหนุ่มหญิงสาวซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“ขอบคุณท่านราชันย์ฉิงเทียน ขอบคุณท่านหัวหน้า!”
“ฮ่าๆ! พวกเจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก จะขอบคุณก็ขอบคุณฉิงเทียนจะดีกว่า! ตี้อู่เจ๋อพึ่งพอใจในตัวหลานเขยคนนี้เป็นอย่างมาก ดูสิ ของขวัญที่เขามอบให้ช่างล้ำค่ายิ่งนัก!”
ซย่าโหวฉิงเทียนได้แต่พยักหน้ารับเบาๆกับคำขอบคุณจากทุกคน
ทว่าอวี้เฟยเยียนที่ยืนอยุ่ข้างกายเขาจับได้อย่างรวดเร็วว่าใบหูของเขากำลังแดงระเรื่อ
“ฮิๆ ราชันย์ฉิงเทียนของเราก็เขินอายเป็นด้วยหรือนี่!” ด้วยเพราะการเข้าร่วมของซย่าโหวฉิงเทยนและอวี้เฟยเยียน รวมกับพิราบสื่อสารอีกสิบกว่าตัว ดังนั้นการขึ้นเขาเก็บยาคราวนี้จึงเป็นไปด้วยความราบรื่น
ยาสมุนไพรที่อยู่บนเทือกเขาสูงชันนั้น พิราบสื่กสารสามารถโฉบลงมาด้านล่างได้ ส่วนของที่ๆอันตรายมากเสียหน่อย ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนกระโดดขึ้นไปสองสามก้าวก็สามารถเก็บลงมาได้
ยาที่เก็บมาได้ในวันนี้เพียงวันเดียวเทียบเท่ากับยาที่เก็บในเวลาปกติถึงหนึ่งสัปดาห์ทีเดียว อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดบาดเจ็บลมตาย ทำให้ทุกคนดีใจเป็นอย่างมาก
และระหว่างทางที่กลับหมู่บ้าน ซย่าโหวฉิงเทียนยังได้หิ้วหัวหมูป่าน้ำหนักว่าห้าสิบกิโลกรัมกลับมาด้วย นั่นทำให้ทุกคนยินดีปรีดาอย่างยิ่งยวด!
ตัดต้นไผ่ออกมา ผูกด้วยเชือกเข้า จากนั้นใช้คนสี่คนหามหมูป่าตัวใหญ่ลงมาจากภูเขา ระหว่างทางค่อยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนคนหามอีกครั้ง