สองสามคนภายในห้องนั้นได้ยินคำพูดของถังจื่อโม่แล้ว ก็รู้สึกแย่เสียจนจุกอกไปหมด เด็กคนนี้เข้าใจอะไรไปหมดเลยจริงๆ แต่ยิ่งเขาเข้าใจ ก็จะยิ่งเจ็บ!!
ถังจื่อโม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันกับพ่อมาตั้งแต่เด็ก ขาดความรักจากพ่อมาตั้งแต่เล็กแล้ว ดังนั้นจึงรู้ความมากเป็นพิเศษ แล้วก็เร็วต่อเรื่องความรู้สึกมากเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกแบบนี้
ถึงแม้ว่าถังจื่อโม่จะไม่เคยเจอกับคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ ระหว่างพวกเขาก็ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกัน แต่คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ก็เป็นญาติของถังจื่อโม่ มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะให้พูดว่าไม่ได้สนใจทั้งหมดเลยนั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“ใช่ ฉันคิดง่ายไปหน่อย ตอนนี้พวกเขาคิดอยากที่จะผูกสัมพันธ์เพื่อที่จะหวังผลประโยชน์กับองค์กรโกสต์ซิตี้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขาไปเถอะ พวกเราตระกูลถังก็ไม่ได้เห็นคุณค่า จื่อโม่ของเราก็ไม่ต้องไปเห็นคุณค่าพวกเขาด้วยเหมือนกัน” ท่านย่าถังรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ชวนอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด จึงส่งเสียงเกลี้ยกล่อมถังจื่อโม่ขึ้นมา
“องค์กรโกสต์ซิตี้เก่งมากไหมคะ?” ดวงตาโตๆที่มีไหวพริบของถังจื่อซีกรอกไปมา อดที่จะเอ่ยถามความสงสัยในใจอออกมาไม่ได้ ทุกคนพูดถึงองค์กรโกสต์ซิตี้นั้น พูดด้วยท่าทางที่ดูเป็นกังวล องค์กรโกสต์ซิตี้เก่งขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรือ?!
ในเวลานั้น ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงก็ไม่ได้ตอบคำถามนี้ ถึงอย่างไรจื่อซียังเด็กอยู่ หลายๆเรื่องก็ไม่ควรให้เธอรู้จะดีเสียกว่า หลีกเลี่ยงที่จะให้เด็กๆนั้นต้องมาเป็นกังวลตามไปด้วย
“อืม องค์กรโกสต์ซิตี้นี้เก่งมากจริงๆนั่นแหล่ะ” แต่ถังจื่อโม่กลับมองไปยังน้องสาวของตัวเอง แล้วตอบคำถามเธอออกมาอย่างจริงจัง
ครั้งที่แล้วถังจื่อโม่ได้ยินมู่หรงดัวหยางพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับองค์กรโกสต์ซิตี้มาบ้าง ต่อมาเขาเองก็ไปสืบหาข้อมูลมาบ้าง ดังนั้นในใจถังจื่อโม่จึงชัดเจนถึงความยิ่งใหญ่ขององค์กรโกสต์ซิตี้นี้
“พี่คะ องค์กรโกสต์ซิตี้เก่งมากขนาดไหนกัน? เก่งกว่าคุณพ่ออีกอย่างนั้นหรือ?” ถังจื่อซีมองมาทางพี่ชายของตัวเองอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเธอสั่นไหวเบาๆ เห็นได้ชัดว่ายังคงไม่ยอม เก่งสู้คุณพ่อได้ไหม?
“อืม เก่งกว่าคุณพ่ออีก” ถังจื่อโม่รู้ว่าเย่ซือเฉินนั้นเก่งมาก แต่องค์กรโกสต์ซิตี้เก่งกว่าจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นคุณลุงล่ะคะ พวกเขาเก่งกว่าคุณลุงไหม?” ถังจื่อซีรู้สึกอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกอย่างไม่ยอมแพ้
“เก่งกว่าคุณลุง” ถังจื่อโม่เข้าใจถึงความคิดของน้องสาวตัวเอง แต่เขาก็ไม่สามารถหลอกน้องได้ เขาต้องพูดความจริง
“ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อกับคุณลุงอยู่ด้วยกัน ก็สู้พวกเขาไม่ได้เลยหรือคะ?” เด็กน้อยอย่างถังจื่อซีร้อนใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าพ่อเก่งมาก แล้วคุณลุงของเธอก็เก่งมากเช่นกัน ยังมีคนที่คุณพ่อกับคุณลุงจัดการไม่ได้อีกอย่างนั้นหรือ?
“คุณพ่อกับคุณลุงอยู่ด้วยกันก็สู้พวกเขาไม่ได้เหมือนกัน” ถังจื่อโม่แอบสูดหายใจเข้า เขาเองก็เห็นความร้อนรนของน้องสาวตัวเองเช่นกัน แต่ความจริงก็คือความจริง องค์กรโกสต์ซิตี้นั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ
ถึงแม้คุณพ่อกับคุณลุงรวมตัวกันขึ้นมาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององค์กรโกสต์ซิตี้อยู่ดี
“เพราะฉะนั้นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้นั่นอาศัยอำนาจรังแกคนอื่นมาบีบให้คุณพ่อแต่งงานด้วยใช่ไหมคะ?” ใบหน้าเล็กๆของถังจื่อซีเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่ารู้สึกจิตตกอยู่บ้าง : “คุณพ่อกับคุณลุงจัดการกับพวกเขาด้วยกัน ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรจะทำยังไงคะ?”
ในเวลานั้นคนที่อยู่ในห้องโถงไม่ได้ส่งเสียงออกมา ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรแล้วเช่นกัน จนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังคงคิดหาวิธีดีๆไม่ได้เลย
“ทำไมเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ถึงไม่มีเหตุผลแบบนี้? เธอเป็นเจ้าหญิงก็คิดว่าเจ๋งแล้วใช่ไหมคะ?” ปากเล็กๆของถังจื่อซีเผยอขึ้นอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ยอม แต่เสียงของเธอกลับเบาลง ตัวเองอาจจะเข้าใจแล้ว ว่าเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้นั้นไม่ธรรมดามากจริงๆ
มุมปากของเฟิ่งเหมียวเหมียวนั้นอดที่จะกระตุกขึ้นมาไม่ได้ คำพูดนี้ของถังจื่อซีนั้นจริงมาก องค์กรโกสต์ซิตี้นั้นแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นเจ้าหญิงจึงไม่ธรรมดาจริงๆ
มิเช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องมาเป็นกังวลอยู่แบบนี้
“หัวหน้าแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ใช่ว่าเก่งมากหรือคะ? ไม่ใช่บอกว่าหัวหน้าเป็นคนดีหรอกหรือ? เขาจะไม่สนใจเจ้าหญิงคนนั้นเลยหรือคะ?” คิ้วของถังจื่อซีขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ใบหน้ากลุ้มใจ ความคิดของเด็กน้อยจะค่อนข้างไร้เดียงสา
“หัวหน้าแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้คนนั้นเข้าข้างเธอที่สุดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เขาจะต้องปกป้องเจ้าหญิงอย่างแน่นอน” ตอนแรกถังจื่อโม่ก็ได้ยินมู่หรงดัวหยางเคยพูดถึงการเข้าข้างเป็นพิเศษของหัวหน้าคนนี้อยู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะทำอย่างไรกันดี? จะต้องให้คุณพ่อแต่งงานกับเจ้าหญิงคนนั้นจริงๆหรือ?” ถังจื่อซีร้อนใจเสียจนแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว : “หนูไม่อยากให้คุณพ่อแต่งงานกับเจ้าหญิงคนนั้น หนูอยากให้คุณพ่อแต่งงานกับคุณแม่ หนูอยากอยู่กับคุณพ่อ ครอบของเราต้องอยู่ด้วยกันสิคะ”
นี่เป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของถังจื่อซีตลอดเวลามานี้ เมื่อก่อนเธอไม่มีพ่อ ไม่กล้าที่จะหวังมากเกินไป ตอนนี้เธอหาพ่อเจอแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องการให้อยู่ด้วยกันทั้งครอบครัวอยู่แล้ว
“วางใจได้เลยลูก พ่อไม่แต่งงานกับเจ้าหญิงอะไรทั้งนั้น พ่อจะแต่งงานกับแม่เพียงเท่านั้น ครอบครัวของเราจะอยู่ด้วยกันนะ” เย่ซือเฉินที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวตัวเอง จึงส่งเสียงออกมาปลอบใจอย่างต่อเนื่อง
“คุณพ่อ คุณพ่อ ในที่สุดคุณพ่อก็มาแล้ว” ถังจื่อซีหันมามองอย่างรวดเร็ว เห็นเย่ซือเฉินที่กำลังเดินมา แล้ววิ่งพุ่งตรงเข้าไปในอ้อมกอดของเขาทันที
เย่ซือเฉินย่อตัวลง แล้วอุ้มเธอขึ้นมา
ถังจื่อโม่กลับยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับ แล้วก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาด้วยเช่นกัน หรือแม้กระทั่งไม่ได้ร้องเรียกเขาออกมาอีกด้วย
“อะไรกัน? นอนหลับไปคืนนึง ไม่รู้จักพ่อแล้วหรือ?” เย่ซือเฉินอุ้มถังจื่อซีเดินมาตรงหน้าถังจื่อโม่ เย่ซือเฉินรู้ว่าถังจื่อโม่ยังมีปมอยู่ในใจ เย่ซือเฉินเองก็ไม่ได้คาดหวังที่จะให้ถังจื่อโม่สามารถที่จะเข้ากันได้กับเขาอย่างสนิทสนมในทันที แต่หน้าตาที่นิ่งเฉยขนาดนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
“รู้จักแน่นอนอยู่แล้วสิครับ ผมยังรู้อีกด้วยว่าพ่อจะแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ กำลังจะกลายเป็นราชบุตรเขยขององค์กรแล้วด้วย” ถังจื่อโม่เห็นว่าเย่ซือเฉินอุ้มถังจื่อซีอยู่ ดวงตาของเขากระพริบลงเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงละสายตาออกไป ทำเป็นมีท่าทีที่ไม่อยากจะสนใจเย่ซือเฉิน
“พี่คะ คุณพ่อบอกแล้ว ว่าจะไม่แต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งองค์กรซิตี้นั่น พี่อย่าโกรธคุณพ่อเลยนะ” ถังจื่อซีไม่อยากจะเห็นพี่ชายกับพ่อของเธอต้องมาทะเลาะเกิดความขัดแย้งกันมากที่สุด เธอหวังว่าทุกคนในครอบครัวจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
“เขาไม่อยากแต่งก็ไม่แต่งได้อย่างนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องมีวิธีแก้ไขปัญหาสิถึงจะถูก” ถังจื่อโม่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในความสามารถของเย่ซือเฉิน แต่เขารู้ว่าองค์กรโกสต์ซิตี้นั้นแข็งแกร่งมากเกินไปจริงๆ
“ทำไม? ไม่เชื่อพ่ออย่างนั้นหรือ?” เย่ซือเฉินมองไปยังถังจื่อโม่ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย : “วางใจเถอะ พ่อจัดการแก้ไขได้อยู่แล้ ว พ่อจะไม่ทำให้แม่ต้องได้รับความไม่เป็นธรรม และพวกเราก็จะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมใดๆด้วยเหมือนกัน”
เย่ซือเฉินไม่ได้รับปากง่ายๆ เขาคิดมาตลอดว่าไม่มีคำพูดดีๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพิสูจน์โดยการกระทำต่างหาก แต่เทียบเท่ากับการที่เขารับปากถังจื่อโม่ ก็เพราะเขาไม่อยากให้ลูกชายของเขาเข้าใจเขาผิด
สีหน้าท่าทางของถังจื่อโม่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าองค์กรโกสต์ซิตี้แข็งแกร่งมาก แต่ตอนที่เย่ซือเฉินเอ่ยพูดออกมานั้น เขาก็รู้สึกเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขาก็เชื่อเย่ซือเฉินแล้ว
เขาเชื่อว่าคำพูดที่เย่ซือเฉินพูดออกมานั้นจะต้องทำได้อย่างแน่นอน
“พ่อพูดออกมาแล้วนะ พ่อจะต้องทำให้ได้” ใบหน้าของถังจื่อโม่ไม่มีความไม่พอใจเมื่อครู่นี้อยู่แล้ว เพียงแต่ยังตั้งใจที่จะทำหน้าเคร่งขรึมอยู่
“อืม พ่อพูดแล้วก็ต้องทำให้ได้อยู่แล้ว” มุมปากของเย่ซือเฉินยกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ดูแล้วเด็กคนนี้ก็ยังเกลี้ยกล่อมได้ เพียงแต่จะต้องจับนิสัยของเด็กคนนี้ให้ได้ ความจริงแล้วคิดจะเข้าหาเด็กนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
แน่นอนว่า เย่ซือเฉินรู้ว่าเขายังจำเป็นที่จะต้องพยายามต่อไปอีก เพราะถึงอย่างไรเรื่องที่คุณปู่เย่กำหนดเรื่องการแต่งงานของเขานั้นก็ทำให้พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกดีๆของลูกชายที่อยู่ตรงหน้าเขาไปมากจริงๆ
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ลูกชายเท่านั้น ยังมีตระกูลถังอีก ตอนที่เขาเข้ามานั้น สามารถมองเห็นสีหน้าที่ดูแย่ของท่านย่าถังได้อย่างชัดเจน
“ซือเฉิน เธอมีวิธีอะไรอย่างนั้นหรือ?” ท่านปู่ถังได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉินแล้ว ในใจก็สั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย เด็กนี่ดูเหมือนจะมั่นใจมาก หรือว่าเขาจะมีวิธีแล้วอย่างนั้นหรือ?
“คุณปู่ถัง เรื่องนี้คุณปู่อย่าได้เป็นกังวลไปเลยครับ ผมจะจัดการให้ดีเอง” เย่ซือเฉินไม่ได้เอ่ยพูดออกมาตรงๆ นี่เป็นเรื่องของเขา เป็นเรื่องที่คนของตระกูลเย่ก่อขึ้นมา เขาจะต้องแก้ไขมันด้วยตัวเอง
“เธอเองก็ไม่ต้องแบกรับเอาไว้คนเดียว เพื่อฉิงฉิง แล้วก็ยังมีเด็กอีกสองคน พวกเราเองก็จะทำเป็นไม่สนใจก็คงไม่ได้” ท่านย่าถังรู้สึกโมโหก็ส่วนโมโห แต่เธอเป็นคนที่รู้เหตุผล ตอนนี้ได้ยินน้ำเสียงที่เย่ซือเฉินดูเหมือนเตรียมจะแบกรับเอาไว้ ก็ไม่อาจฝืนทนได้เช่นกัน
“คุณย่าถังครับ ผมรู้ว่าคุณย่าเป็นห่วงผม แต่เรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องให้ผมเป็นคนจัดการเอง” เย่ซือเฉินมองไปยังท่านย่าถัง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมา เขารู้ว่าท่านย่าถังนั้นใจอ่อนที่สุด ท่านย่าถังไม่ได้จะมีความคิดเห็นต่อเขาจริงๆ เพียงแค่ไม่พอใจเรื่องเหล่านั้นที่คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ทำเท่านั้น
“ใครเป็นห่วงเธอ ฝันไปเถอะ” ท่านย่าถังส่งเสียงฮึดฮัดออกมา แต่สีหน้าท่าทางนั้นกลับดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้มีความโมโหเหมือนกับเมื่อครู่นี้อีก แม้กระทั่งไม่ได้จริงจังและหนักแน่นเหมือนก่อนหน้านี้อีกด้วย
พวกเขารู้ถึงความเก่งกาจขององค์กรโกสต์ซิตี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาไม่ได้มาโดยตลอด แต่ตอนนี้เย่ซือเฉินกลับสามารถจะแก้ปัญหาได้ พวกเขาก็เชื่อเย่ซือเฉินอยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินจะไม่ได้พูดออกมาว่าเขามีวิธีอะไรก็ตาม
“คุณย่าทวดเป็นห่วงคุณพ่อ คุณพ่อน่าสงสารนะคะ” ถังจื่อซีมองไปยังท่านย่าถัง ใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยความห่วงใย
“เขามีอะไรให้น่าสงสารกัน เขามีแม่ของเราอยู่ มีเรา มีพี่ชายเรา เรื่องดีๆล้วนแต่ถูกเขายึดครองไปหมดแล้ว ยังจะมีใครที่จะเพียบพร้อมเท่าเขาอีกไหม?” ท่านย่าถังจ้องมองไปยังเย่ซือเฉินแวบหนึ่ง ความจริงแล้วท่านย่าถังไม่อยากจะที่จะเอ่ยพูดถึงคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ ไม่อยากจะทำให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายลงเมื่อครู่ต้องกลับมาแย่ลงอีกครั้ง