ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – บทที่ 1349 คุณชายถัง ภรรยาของคุณถูกคนรังแกแล้ว (1)

บทที่ 1349 คุณชายถัง ภรรยาของคุณถูกคนรังแกแล้ว (1)

ถังหลินยังเคยเตือนเธอเรื่องที่อาจจะตั้งครรภ์ แต่ตอนนั้นเธอบอกกับถังหลินไปว่าเธอกินยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งตอนนั้นก็ดูเหมือนถังหลินจะเชื่อเธอ แต่ถ้าหากอาการแพ้ท้องของเธอถูกถังหลินสังเกตเห็นเข้าล่ะ……

“นายไม่สบาย ฉันจะให้หมอรีบไปตรวจอาการนายเดี๋ยวนี้ ตรวจรักษาเสร็จแล้ว จะได้ไม่กระทบต่องานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นในคืนพรุ่งนี้” องค์ชายใหญ่ไม่คิดอะไรมาก ในเมื่อไม่สบายก็ต้องรักษา หลินเป้ยยังหนุ่ม คงไม่มีทางเป็นโรคอะไรร้ายแรงอย่างกะทันหันแน่นอน เขาคุยโทรศัพท์กับหลินเป้ยมานานขนาดนี้ ถึงแม้เสียงของหลินเป้ยจะฟังดูอ่อนแรงไปบ้าง แต่ก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอื่นใด และไม่ได้ยินเสียงของหลินเป้ยคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดทรมาน แสดงให้เห็นว่าอาการไม่ร้ายแรง

“พี่ใหญ่ ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่ต้องหาหมอจริง ๆ” ไม่ง่ายเลยที่หลินเป้ยจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองกลับเป็นผู้ย้อนกลับมาพูดอีก

ตอนนี้ หลินเป้ยอยากจะเขกหัวของตัวเองเสียจริง ๆ ทำไมเธอถึงได้โง่เขลาเช่นนี้ ทำไมถึงได้โง่เขลาขนาดนี้ ? !

หรือการตั้งครรภ์ทำให้เธอโง่เขลาขึ้น ? !

“ไม่สบายจะไม่พบหมอได้อย่างไรกัน พูดจาไร้สาระ เดี๋ยวฉันจะติดต่อกับหมอและให้หมอรีบไปเดี๋ยวนี้” องค์ชายใหญ่ไม่สนใจคำพูดของหลินเป้ย แน่นอนว่าองค์ชายใหญ่เป็นห่วงสุขภาพของหลินเป้ยจริง ๆ ถึงแม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็ควรจะตรวจดูสักหน่อย

องค์ชายใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเสริมขึ้นอีกว่า : “ฉันจะให้หมอทำการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดให้กับนาย ปกติแล้วนายไม่เคยไปตรวจที่โรงพยาบาล และไม่มีหมอประจำตัว ถึงแม้นายอายุยังน้อย แต่ก็ควรจะตรวจสุขภาพประจำปีบ้าง”

คำพูดนี้ขององค์ชายใหญ่ทำให้หลินเป้ยตกใจจนเหงื่อกาฬไหล จะตรวจร่างกายด้วยหรือ ?

เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร ?

หากปล่อยให้หมอตรวจร่างกายเธอ ก็เท่ากับว่าเธอต้องถูกเปิดโปงนะสิ ?

หลินเป้ยรู้ดีว่าจะให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด

“พี่ใหญ่ ผมไม่เป็นไรจริง ๆ อันที่จริงแล้วผมแค่ขี้เกียจเท่านั้น พี่ใหญ่บอกว่าอันที่จริงแล้วเตรียมตัวจะไปต่างประเทศไม่ใช่หรือ ? แล้วพี่ใหญ่ตั้งใจจะเดินทางไปประเทศอะไรหรือครับ ? หลินเป้ยรีบร่ายยาวเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที แน่นอนว่าตอนที่หลินเป้ยพูดถึงเรื่องนี้ ได้มีแผนการบางอย่างอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว

หลินเป้ยใจสั่นเล็กน้อย : “พี่ใหญ่ หรือจะให้ผมไปแทนพี่ดีล่ะครับ ผมมีวิธีจัดการกับคนอย่างพวกเขา”

หลินเป้ยไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนถังหลินในวันพรุ่งนี้ อีกทั้งเธอต้องหลบหน้าถังหลิน ประจวบเหมาะกับการที่ไปต่างประเทศ เธอจะได้ทำแท้งได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

นี่ทำกับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

“นายจะไปแทนฉัน ?” องค์ชายใหญ่ผงะไป อาจเป็นเพราะเขากำลังคิดถึงความเป็นไปได้อย่างจริงจัง จึงเงียบไปครู่หนึ่ง

หลินเป้ยเองก็ไม่ได้รบเร้าอีก เพราะเธอรู้ดีว่า หากเธอแสดงออกถึงความกระตือรือร้นอย่างชัดเจนเกินไป อาจทำให้ถูกสงสัยเอาได้ ดังนั้นจึงควรปล่อยให้องค์ชายใหญ่ตัดสินใจด้วยตัวเอง

หลินเป้ยแน่ใจว่าองค์ชายใหญ่จะต้องรับปาก

“นายไปแทนฉันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” ผ่านไปไม่นานนัก องค์ชายใหญ่ก็ถอนหายใจออกมา : “ครั้งนี้พวกเขาเชิญพวกเรา เป็นเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ เสด็จพ่อจึงยากที่จะปฏิเสธ อันที่จริงแล้วเสด็จพ่อก็เข้าใจจุดประสงค์ของสิ่งที่พวกเขาทำทั้งหมด ดังนั้นเสด็จพ่อจึงไม่ได้เห็นความสำคัญของการเดินทางในครั้งนี้มากนัก หากนายจะไปแทนฉันก็ย่อมได้

“อันที่จริงแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากเห็นใบหน้าที่น่ารังเกียจของพวกเขาเหมือนกัน” องค์ชายใหญ่เป็นคนตรงไปตรงมา เวลาอยู่ต่อหน้าหลินเป้ยเขาจึงพูดทุกอย่างออกมาหมด

“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปแทนพี่ใหญ่เอง พี่ใหญ่วางใจเถอะครับ ผมรู้ว่าควรทำอย่างไร ผมขอรับรองว่าจะต้องทำภารกิจให้เสร็จสมบูรณ์อย่างแน่นอน” หลินเป้ยแอบรู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าแผนการในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น ขอแค่ออกจากประเทศR หลุดพ้นจากการจับตามองของคนพวกนี้ เธอก็จะทำเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบายขึ้นมาก

“ฉันไว้ใจนายอย่างแน่นอน” องค์ชายใหญ่พูดออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ : “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยกับเสด็จพ่อก่อน ว่าครั้งนี้จะส่งนายไป”

เห็นได้ชัดว่าองค์ชายใหญ่พึงพอใจกับข้อเสนอของหลินเป้ยในครั้งนี้

“แต่ว่า สุขภาพของนายไม่เป็นอะไรมากแน่นะ ?” เมื่อองค์ชายใหญ่คิดถึงสุขภาพของหลินเป้ย ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา : “ฉันส่งหมอส่วนตัวไปตรวจนายดูสักหน่อยจะดีกว่า”

“พี่ใหญ่ ไม่ต้องจริง ๆ ครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ อันที่จริงแล้วผมแข็งแรงมาก ตอนนี้จะให้ผมเดินทางไปประเทศLก็ไม่เป็นปัญหา ตอนนี้พี่ใหญ่ควรจะลองไปถามความเห็นของเสด็จพ่อดูก่อนนะครับ หากเสด็จพ่อยอมรับปาก ผมก็จะรีบออกเดินทางทันที” หลินเป้ยอยากเดินทางออกนอกประเทศเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อรู้ว่าถังหลินจะเดินทางมา เธอจึงต้องรีบไปโดยเร็ว

“ได้ ในเมื่อนายพูดเช่นนี้ ฉันก็คงไม่ต้องเป็นห่วงอีก ฉันจะรีบไปถามความเห็นจากเสด็จพ่อเดี๋ยวนี้ นายรอฟังข่าวจากฉันก็แล้วกัน”

เมื่อองค์ชายใหญ่ได้ยินหลินเป้ยยืนยันหนักแน่นอีกครั้งว่าตนเองไม่เป็นอะไร เขาจึงยอมเชื่อ เขารู้ดีว่าหลายปีมานี้หลินเป้ยคอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด และคอยเป็นห่วงเป็นใยเขาในทุก ๆ เรื่อง จึงย่อมรู้สึกเหนื่อยเป็นธรรมดา ก็ถือเสียว่าให้หลินเป้ยได้หยุดพักผ่อนสักสองสามวันก็แล้วกัน

เพียงแต่ครั้งนี้หลินเป้ยเอ่ยปากขอไปประเทศLตนเอง ถือว่าน่าประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าเขาไปไหน หลินเป้ยก็จะคอยติดตามไปด้วย

แต่ว่า องค์ชายใหญ่ไม่อยากไปประเทศLจริง ๆ ไม่อยากต้องทนดูสีหน้าของคนพวกนั้น ในเมื่อสิ่งที่หลินเป้ยเสนอ ตอบสนองกับความคิดของเขาได้อย่างพอดิบพอดี เขาจึงไม่คิดอะไรมากอีก

หลังจากหลินเป้ยวางสายโทรศัพท์ ก็สูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องทุกอย่างจะบังเอิญเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเสด็จพ่อจะให้องค์ชายใหญ่เดินทางไปยังประเทศLพอดี อีกทั้งองค์ชายใหญ่เองก็ไม่อยากไปนัก เพราะประเทศLเป็นเพียงประเทศเล็ก ๆ อีกทั้งยังเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก ดังนั้นเสด็จพ่อจึงไม่ให้ความสำคัญมากนัก

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถือว่าเข้าทางของเธอทั้งหมด คิดไม่ถึงเลยว่าแผนการทุกอย่างจะราบรื่นถึงขนาดนี้

ตอนนี้จึงหวังเพียงว่าองค์ชายใหญ่จะรีบเอ่ยเรื่องนี้กับเสด็จพ่อโดยเร็ว และหวังว่าเสด็จพ่อจะยอมรับปากในทันที จากนั้นเธอจะได้รีบลงมืออย่างรวดเร็ว และรีบเดินทางไปก่อนที่ถังหลินจะมาถึง

หลินเป้ยไม่ได้พักผ่อนอีก ในเมื่อเธอตัดสินใจจะเดินทางไปประเทศL เธอก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม

หลายวันมานี้เธอแพ้ท้องอย่างหนัก เธอกลัวว่าจะลูกผู้เป็นแม่สังเกตเห็นเข้า ดังนั้นหลายวันมานี้เธอจึงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในอพาร์ทเมนต์เล็ก ๆ ของตนเอง วันนี้เป็นเพราะแม่โทรศัพท์หาเธอ เธอถึงได้ออกมา

หลินเป้ยเปิดประตูห้อง และเห็นแม่กำลังยืนอยู่ที่ประตู ซึ่งไม่รู้ว่าเธอกำลังเตรียมตัวที่จะเข้ามา หรือกำลังเตรียมตัวที่จะกลับ

“เป้ย ลูกเป็นอะไรไป แม่เป็นห่วงลูกจริง ๆ จึงอยากจะมาดูลูกสักหน่อย” ใบหน้าของคุณแม่หลินดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย แต่เธอก็ยังพูดอธิบายอย่างสมเหตุสมผล

“หนูไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ หนูจะกลับไปจัดกระเป๋าเดินทางสักหน่อย” หลินเป้ยไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของผู้เป็นแม่ เธอพูดออกมาสั้น ๆ เพียงหนึ่งประโยค

“ไปต่างประเทศ ? ไปกับองค์ชายใหญ่หรือ ? ถ้าอย่างนั้นลูกต้องแสดงฝีมือให้เต็มที่นะ อย่าทำให้องค์ชายใหญ่ต้องผิดหวังได้ ลูกต้องรู้ว่าต่อไปองค์ชายใหญ่จะได้เป็น……” เมื่อคุณแม่หลินได้ยินว่าหลินเป้ยจะเดินทางไปต่างประเทศ แววตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมา และเอ่ยกำชับ

“แม่คะ หนูรู้ดีว่าต้องทำอะไร” หลินเป้ยพูดตัดบทเสียงพึมพำของแม่ ปกติแล้ว เวลาแม่กำชับเรื่องเหล่านี้ เธอก็มักจะฟังด้วยความอดทน

แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้เมื่อเธอได้ยินแม่บ่นพึมพำก็มักจะหงุดหงิดขึ้นมา หรือเป็นเพราะตั้งครรภ์ จึงส่งผลให้อารมณ์แปรปรวน ?

“เอาล่ะ เอาล่ะ แม่รู้ว่าลูกเป็นเด็กฉลาด และแม่ก็รู้ว่าหลายปีมานี้ลูกแสดงผลงานได้อย่างดีเยี่ยม ตอนนี้ลูกได้รับความไว้วางใจจากองค์ชายใหญ่แล้ว ต่อไปลูกก็ต้องระมัดระวังตัวให้มาก จะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้น” แม้กระทั่งคำชื่นชม คุณแม่หลินก็ยังคงกำชับว่าหลินเป้ยควรทำเช่นไร

“เป้ย แม่มีแค่ลูกคนเดียวเท่านั้น จึงพึ่งพาลูกได้เพียงคนเดียว” สุดท้ายคุณแม่หลินก็พูดประโยคนี้ออกมาอย่างจริงจัง ซึ่งไม่รู้ว่าพูดเป็นครั้งที่เท่าไหร่

ถึงแม้เมื่อก่อน แม่จะเคยพูดคำพูดประโยคนี้หลายครั้ง แต่หลินเป้ยก็รู้สึกสงสารแม่มาโดยตลอด เธออยากที่จะปกป้องแม่ อยากที่จะทำให้แม่มีชีวิตที่ดีขึ้น

เธอเชื่อเสมอว่าสิ่งเหล่านั้นคือสิ่งที่เธอควรทำ

แต่ตอนนี้เมื่อเธอได้ยินคำพูดประโยคนี้ของแม่ เธอกลับรู้สึกสงสัย ลูกคืออะไร ? แม่คืออะไร ?

หากเธอไม่ทำแท้ง และให้กำเนิดลูกออกมา เธอจะทำเช่นนี้กับลูกของเธอไหม ?

เธอกำลังคิดว่า หากเธอให้กำเนิดลูกคนนี้จริง ๆ เธอจะปฏิบัติอย่างไรต่อลูกของเธอ ?

เธอคิดว่า หากเธอคลอดลูกออกมาจริง ๆ เธอคงจะให้ลูกของเธอลำบากเช่นเดียวกันกับเธอ

ใช่แล้ว ลำบาก

ถึงแม้หลายปีมานี้เธอจะไม่เคยปริปากพูด แต่ตัวเธอนั้นต้องลำบากจริง ๆ ไม่เพียงแต่ต้องทำเรื่องต่าง ๆ อย่างยากลำบากเท่านั้น แต่ยังต้องคอยเอาอกเอาใจทุก ๆ คน อีกทั้งยังต้องพยายามปิดบังตนเองอยู่ตลอดเวลา จะให้เธอรู้ไม่ได้ว่าเธอนั้นเป็นลูกสาว

เธอได้รับแรงกดดันจากทั้งสองฝั่งในทุก ๆ วัน ถึงแม้หลายปีมานี้เธอจะทำผลงานได้ดีเยี่ยม แต่เธอก็ต้องลำบากมากจริง ๆ

แต่ความลำบากของเธอจะมีใครรับรู้บ้าง ?

แม่ของเธอจะรู้บ้างไหม ?

หรือไม่ก็อาจจะรู้ดี ?

แต่ทั้งหมดนี้เป็นความต้องการของแม่ แม่ต้องการให้เธอปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อกลับเข้ามาในราชวงศ์

เธอไม่รู้ว่าตอนที่แม่ตัดสินใจเช่นนั้น ได้คิดถึงผลที่จะตามมาหากในอนาคตความจริงถูกเปิดเผยบ้างหรือไม่ ?

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Status: Ongoing

มองที่เด็กๆ ที่มีหน้าตาเหมือนกับตัวเอง สมองเขาว่างเปล่า ชั่วคราว”แม่เราก็คือภรรยาของคุณนะคะ ทำไม ภรรยาของ คุณมีลูกสองคน คุณไม่รู้หรอ”เด็กๆ จ้องมองเขา เตือนเขา อย่าง”มีน้ำใจ” เขาชะงักไปสองวินาที สีหน้าเปลี่ยนหลาย แบบ”ที่รัก อยู่ไหน” วินาทีต่อไป เขาโทรหาเวินลั่วฉิง “ได้ รอ ฉันสักครู่ ฉันจะไปที่ที่อยู่ทันที จะมีSurpriseให้นะ”ดี ดีจัง เขาอยากจะดูว่าเธอยังมีเรื่องอะไรที่ปิดบังเขาไว้ จะคิดบัญชี อย่างจริงจังแล้วนะ”นี่มันร้ายใจเกินไปมั่ง”เด็กสองคนนี้ตะลึง Surpriseนี่มันใหญ่จัง ดูเหมือนว่า คนนั้นจะซวยค่ะ! ! !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท