ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – บทที่ 1550 ต้องจบเห่แน่ (1)

บทที่ 1550 ต้องจบเห่แน่ (1)

ถึงแม้ว่าเธอกับไป๋ยี่รุ่ยจะเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพังตลอดทั้งคืนอย่างนี้มันก็ไม่เหมาะสมเหมือนกัน เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว เธอก็คิดว่าสามารถกลับไปก่อนได้แล้ว

พรุ่งนี้เธอค่อยมากอีกตั้งแต่เช้า ช่วยเขาจัดการเรื่องไป๋หยิง หลัก ๆ แล้วยังต้องดูอีกว่าทางตำรวจนั้นมีท่าทีแบบไหน

แล้วถึงจะตัดสินใจได้ว่าควรจะต้องทำยังไง

ภายในใจของหลิวหยิงยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างเล็กน้อย แล้วได้สังเกตอาการของไป๋ยี่รุ่ยดูอีกสักหน่อย พบว่าสีหน้าของเขาเริ่มเป็นปกติขึ้นมาแล้ว การหายใจเองก็สม่ำเสมอขึ้นมาเรื่อย ๆ นอนพักอีกสักสองชั่วโมงแล้วก็คงจะดีขึ้นแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ

หลิวหยิงจึงได้โล่งอกขึ้นมา เตรียมจะจากไป

แต่ในขณะนั้นเอง ผู้จัดการที่หน้าล็อบบี้ของคลับก็ได้พาซือถูมู่หรงมาถึงที่ด้านนอกห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เปิดประตู” ดวงตาของซือถูมู่หรงหรี่ลง เขารู้ว่าเธอกับไป๋ยี่รุ่ยอยู่ด้านใน แต่เขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ที่ด้านใน

อันที่จริงตอนนี้พูดคำนี้ออกไป ลึก ๆ ภายในใจของซือถูมู่หรงนั้นก็ยังกังวลอยู่ เขานั้นกลัวว่าจะเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็นเข้า แต่นิสัยกับสไตล์ของเขานั้นตัดสินใจเอาไว้แล้วเขาจะไม่มีทางล่าถอยไปแน่ เขาจะต้องรู้ความจริงให้ได้

เขาต้องการความจริง ถึงแม้ว่ามันจะโหดร้าย เขาก็ไม่อาจหลอกลวงตัวเองได้เหมือนกัน

ผู้จัดการหน้าล็อบบี้ได้รับแจ้งเจตนารมณ์มาจากบอสของตนแล้วแน่นอนว่าจะไม่ปฏิเสธความต้องการของซือถูมู่หรงไปอย่างแน่นอน ได้เดินเข้าไปเปิดประตูห้องออก

ผู้จัดการหน้าล็อบบี้รู้ว่าซือถูมู่หรงดูเหมือนว่าจะไม่อยากให้คนด้านในรับรู้ก่อน ผู้จัดการหน้าล็อบบี้ก็เลยเปิดประตูออกโดยที่ไม่ได้เคาะประตูเลย

ประตูห้องเปิดออกแล้ว ซือถูมู่หรงหยุดนิ่งไปแป๊บนึง จากนั้นก็ได้เงยหน้ามองเข้าไป แต่ด้านในมันว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลยสักคน

ซือถูมู่หรงนิ่งอึ้งไป สงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แต่ความอึดอัดภายในใจมันก็ได้โล่งขึ้น พวกเขาคงจะออกกันไปแล้วงั้นเหรอ?

หรือว่าตอนที่เขาไม่เห็นพวกเขาได้ออกกันไปแล้ว?

ถ้าเธอได้ออกไปแล้ว งั้นเขาก็เข้าใจผิดแล้ว

หลิวปิงตอนที่เห็นภายในห้องไม่มีใครสีหน้ากลับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่าในห้องนี้มันมีห้องรับรองอยู่ คนไม่อยู่ในห้อง งั้นเป็นไปได้สูงว่าจะอยู่ในห้องรับรอง

ผู้ชายคนนึงกับผู้หญิงคนนึงอยู่ในห้องรับรองมาสามชั่วโมงกว่า เรื่องมันเกรงว่าจะชัดเจนมากแล้ว

หลิวปิงได้เฝ้าอยู่ที่ด้านนอก อีกอย่างไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียว เขายังพาลูกน้องมาอีกสองคน งานที่ท่านประธานซือถูได้มอบหมายมาแน่นอนว่าเขาจะต้องไม่กล้าสะเพร่าเลยสักนิดเดียว ดังนั้นแล้วหลิวปิงแน่ใจว่าหลิวหยิงยังไม่ได้ออกไป ไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่ได้ออกไป ทั้งสองคนจะต้องยังอยู่ในคลับแน่นอน

จากปฏิกิริยาของพนักงานรวมทั้งผู้จัดการหน้าล็อบบี้ของคลับก็สามารถยืนยันในตรงจุดนี้ได้ ถ้าไป๋ยี่รุ่ยได้ออกไปแล้ว ไม่มีทางที่พนักงานและผู้จัดการที่หน้าล็อบบี้จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย

เพราะถึงยังไงการบริการของคลับซิงหยุนมันก็ละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมาก แขกไปแล้ว พวกเขาจะต้องรู้ดี

ดังนั้นแล้ว ไป๋ยี่รุ่ยจะต้องยังไม่ได้ออกไปไหน อย่างนั้นแล้วตอนนี้ไป๋ยี่รุ่ยก็จะต้องอยู่ในห้องรับรองแน่ ๆ

หลิวปิงตกใจจนเหงื่อเย็นอาบไปทั่วทั้งร่างทันที ขาทั้งสองข้างก็พากันสั่นออกมาอย่างเสียไม่ได้ ตอนนี้มันจะต้องจบเห่แล้วจริง ๆ จากนี้ไปเกรงว่าคงจะต้องฆ่าคนล่ะมั้ง?

เพราะถึงยังไงคุณหลิวก็เป็นผู้หญิงของท่านประธานซือถู ถ้าซือถูมู่หรงไม่แคร์ ไม่มาด้วยตัวเองก็แล้วกันไป แต่ว่าตอนนี้ซือถูมู่หรงได้มาด้วยตัวเอง อย่างนั้นแล้วก็จะต้องแคร์อย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับความรัก หน้าตาของผู้ชายก็ยังต้องรักษาเอาไว้อยู่

ดังนั้นแล้วสถานการณ์อย่างนี้ มันก็คือการโหมโรงก่อนที่จะมีมหาสงครามชัด ๆ เลย

หลิวปิงข่มกลั้นความกลัวเอาไว้แล้วมองไปทางท่านประธานของตัวเอง จากนั้นก็เห็นสีหน้าท่านประธานของเขาไม่ได้มีความน่ากลัวเหมือนอย่างที่ได้จินตนาการเอาไว้ อีกทั้งท่านประธานของเขาตอนนี้มองดูเหมือนกับว่าจะโล่งใจขึ้นมา สีหน้าเองก็ไม่ได้มืดครึ้มเหมือนอย่างเมื่อก่อนหน้านี้แล้วเหมือนกัน

หลิวปิงตกตะลึงไป ท่านประธานนี่มันเป็นปฏิกิริยาแบบไหนกัน?

สองคนนี้ได้เข้าห้องรับรองกันไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าท่านประธานจะไม่โกรธเลย?

ดังนั้นแล้ว อันที่จริงท่านประธานก็ไม่ได้แคร์เลยว่าคุณหลิวจะคบชู้? แล้วท่านประธานมาที่นี่ด้วยตัวเองไปทำไมกัน?

ในตอนนี้หลิวปิงได้เอ๋อแดกไปแล้วจริง ๆ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าท่านประธานของเขาคิดอะไรกัน

สีหน้าของซือถูมู่หรงในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าผ่อนคลายลงไปไม่น้อยเลย ในห้องไม่เจอใคร เขาเตรียมจะออกไป ในเมื่อเธอไปแล้ว งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว

ในเมื่อเธอไปแล้ว สันนิษฐานว่าน่าจะกลับบ้านไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำก็คือรีบกลับไปเดี๋ยวนี้เลย

“ท่านประธานซือถู ห้องส่วนตัวนี้มันมีห้องรับรอง ประธานไป๋คงจะอยู่ที่ในห้องรับรอง คุณจะเข้าไปหรือเปล่าครับ?” ผู้จัดการหน้าล็อบบี้ไม่รู้ความคิดของซือถูมู่หรงในตอนนี้เลย เขาเห็นซือถูมู่หรงยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ขยับไปไหน ไม่มีการตอบสนองออกมาอยู่ชั่วขณะนึง จึงพูดอธิบายออกไป

ซือถูมู่หรงเดิมทีก็เตรียมจะผันร่างกลับไปแล้ว ได้ยินคำพูดของผู้จัดการ ร่างของเขาได้แข็งทื่อไปทันที ดวงตาทั้งสองข้างได้มองไปทางผู้จัดการอย่างรวดเร็ว สีหน้าที่เมื่อกี้เพิ่งจะผ่อนคลายลงไปหน่อยแล้วตอนนี้ก็มืดครึ้มออกมาทันที เพียงชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นประหนึ่งพายุมรสุมที่กำลังจะกวาดล้างเข้ามาทันที

“นายว่าอะไรนะ?” ซือถูมู่หรงเอ่ยปากพูดออกไป น้ำเสียงได้ประดับไปด้วยเสียงแหบแห้งออกมาเล็กน้อย ถึงขนาดที่ยังประดับไปด้วยเสียงที่สั่นออกมาเล็กน้อยโดยที่เขาไม่เคยได้สังเกตเลย

เมื่อกี้นาทีที่เปิดประตูมาแล้วไม่เจอใครเขาโล่งใจจริง ๆ เมื่อตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรอื่นเลย ตอนนั้นในหัวของเขามีเพียงแค่ความคิดเดียว เขานึกว่าเธอจะกลับไปแล้วเสียอีก

เขาถึงขนาดที่ลืมไปแล้วว่าในห้องส่วนตัวหลาย ๆ ห้องของคลับซิงหยุนมันจะมีห้องรับรองอยู่ด้วย

ปกติซือถูมู่หรงเป็นฉลาดหลักแหลมมากเลย เมื่อกี้นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ตรงจุดนี้เขาจะนึกไม่ถึงเลยสักนิดเดียว บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าในจิตใต้สำนึกของเขามันปฏิเสธที่จะคิดไปในทางที่แย่ที่สุดเลยก็ได้

หลิวปิงเห็นการตอบสนองในตอนนี้ของซือถูมู่หรงก็อดไม่ได้ที่จะสั่นออกมา เขาคิดว่านี่ต่างหากที่จะเป็นปฏิกิริยาที่ท่านประธานของเขาควรมี

เพราะถึงยังไงในเวลานี้ ท่านประธานมาด้วยตัวเอง ก็เพื่อมาหาหลิวหยิง ถ้าไม่แคร์เลยสักนิด นั่นมันก็ไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ

ดังนั้นแล้ว เมื่อกี้ท่านประธานก็นึกไม่ถึงว่าในห้องนี้มันจะมีห้องรับรอง? นึกไม่ถึงว่าทั้งสองคนอาจจะไปที่ห้องรับรองกันแล้ว?

ท่านประธานผู้ที่เป็นเลิศเหนือใครของพวกเขาเมื่อกี้สมองหยุดทำงานไปแล้วเหรอ? นึกไม่ถึงว่าแม้แต่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนี้จะนึกไม่ถึง อีกอย่างสถานการณ์ในห้องมันก็ไม่ซับซ้อนเลย ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ที่ตรงนี้สามารถมองเห็นทุกอย่างภายในห้องได้อย่างชัดเจน สามารถมองเห็นห้องรับรองที่อยู่อีกด้านนึงได้อย่างชัดเจน

ถึงแม้ว่าประตูห้องรับรองจะกำลังปิดอยู่ แต่มันก็ยังเห็นได้ชัดเจนอยู่

แน่นอนว่าหลิวปิงรู้อยู่แล้วว่า ประตูห้องรับรองในตอนนี้มันปิดอยู่ เรื่องมันจะยิ่งร้ายแรง และยิ่งน่ากลัวขึ้นกว่าเดิม

“ผมบอกว่า…ผมบอกว่าในห้องมีห้องรับรองครับ ประธานไป๋คงจะอยู่ที่ห้องรับรอง คุณอยากจะ…” ผู้จัดการหน้าล็อบบี้ได้ถูกท่าทางของซือถูมู่หรงในตอนนี้ทำเอากลัวจนขาทั้งสองข้างอ่อนแรงไปหมด ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มีท่าทางจะฆ่าคนอย่างนี้ได้กัน

เขาพูดอะไรผิดไปเหรอ?

“อยู่ที่ห้องรับรอง…” ดวงตาของซือถูมู่หรงได้หรี่ลง ในดวงตาทั้งสองข้างเหมือนกับว่าจะประดับไปด้วยสีแดงก่ำประหนึ่งว่ากำลังกระหายเลือดอยู่ แต่ก็ดันมีความหนาวเย็นที่เสียดลึกไปถึงกระดูกที่เพียงพอที่จะทำให้คนแข็งจนกลายเป็นสะเก็ดน้ำแข็งไปได้เลยทันทีขึ้นมาอีก

ดวงตาทั้งสองข้างของซือถูมู่หรงได้จ้องมองตรงเข้าไปที่ประตูห้องรับรอง เหมือนกับว่าจะเผาประตูบานนั้นทิ้งไปเลยไม่มีผิด

นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้าห้องรับรองกันไปแล้ว?

นึกไม่ถึงว่าเธอกับไป๋ยี่รุ่ยจะเข้าห้องรับรองไปแล้ว?

ในเมื่อซือถูมู่หรงไม่อยากจะไปคลางแคลงใจอยู่อีกแล้ว ตอนนี้ก็ไม่อาจจะพูดกล่อมตัวเองได้อีกแล้วเช่นกัน

ผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในห้องรับรองมาสามชั่วโมงกว่ายังจะทำอะไรได้อีก?

ยังจะทำอะไรได้อีก?

เขาเป็นผู้ใหญ่ เรื่องระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงแน่นอนว่าเขาจะต้องรู้อยู่แล้ว อีกอย่างเขาก็ยังเป็นผู้ชายประเภทที่ปกติแล้วจะมุทะลุเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้ว เขาสามารถนึกถึง…

“ประธานไป๋ไม่ได้ออกไป ในเมื่อในห้องไม่มีคน จะต้องอยู่ที่ห้องรับรองแน่ ๆ คงจะเหนื่อยแล้วเข้าไปพักในห้องรับรองแล้ว ไม่อย่างนั้นให้ผมเข้าไปช่วยคุณดูให้ก่อนสักหน่อยมั้ยครับ” ผู้จัดการหน้าล็อบบี้เข้ากะตอนแปดโมง เขาก็เลยไม่รู้สถานการณ์โดยละเอียดนัก การลงทะเบียนที่หน้าเคน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เป็นห้องที่ไป๋ยี่รุ่ยได้จองเอาไว้ ไม่ได้บ่งบอกไปถึงคนอื่น

ผู้จัดการหน้าล็อบบี้นึกว่าในห้องมีแค่ไป๋ยี่รุ่ยแค่คนเดียว ถึงแม้ว่าการที่คนคนเดียวมาจองห้องของที่นี่มันจะมีน้อยมาก แต่มันก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยเหมือนกัน บางทีคนเขาอาจจะแค่อยากจะมาผ่อนคลายตามลำพังสักหน่อยก็ได้

คนคนนึงเหนื่อยมากแล้วเข้าไปพักผ่อนสักหน่อยมันก็เป็นเรื่องปกติ ผู้จัดการหน้าล็อบบี้ไม่ได้คิดไปถึงสถานการณ์อย่างอื่นเลยจริง ๆ

ในดวงตาที่หรี่ลงไปของซือถูมู่หรงได้มีแววตาที่เยือกเย็นแวบผ่านออกมา เมื่อกี้เขาบอกตัวเองมาตลอดว่าเขาต้องการความจริง เขาอยากจะเห็นความจริงกับตาตัวเอง ไม่อาจเลินเล่อได้เลยสักนิดเดียว

แต่ว่าตอนนี้เขารู้ว่าไป๋ยี่รุ่ยกับเธอเข้าห้องรับรองไปแล้ว รู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนอยู่ในห้องรับรองกันมาสามชั่วโมงกว่าแล้ว ภายในใจของซือถูมู่หรงมันกลับกลัวขึ้นมา เขากลัวว่าจะเห็น…

เขากลัวว่าจะเห็นภาพอย่างนั้น

นึกไม่ถึงเลยว่าเขาซือถูมู่หรงคนนี้จะมีตอนนี้กลัวกับเขาด้วย แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เชื่อเลย แต่ตอนนี้เขากลัวที่จะเข้าไป กลัวว่าจะเห็น…

แต่ทว่าตอนนี้ผู้จัดการหน้าล็อบบี้ได้เข้าไปแล้ว ตอนนี้ผู้จัดการหน้าล็อบบี้นั้นไม่เข้าใจความรู้สึกของซือถูมู่หรงเลยสักนิด ผู้จัดการหน้าล็อบบี้เพียงแค่นึกว่าซือถูมู่หรงจะมาหาไป๋ยี่รุ่ยจริง ๆ เท่านั้น

ในเมื่อซือถูมู่หรงยืนกรานว่าจะเข้ามาให้ได้เสียขนาดนั้น บอสของพวกเขาก็ได้มอบหมายมาแล้ว แน่นอนว่าผู้จัดการหน้าล็อบบี้จะต้องทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้เสร็จสมบูรณ์อยู่แล้ว ต้องให้ซือถูมู่หรงเจอกับไป๋ยี่รุ่ยให้ได้

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Status: Ongoing

มองที่เด็กๆ ที่มีหน้าตาเหมือนกับตัวเอง สมองเขาว่างเปล่า ชั่วคราว”แม่เราก็คือภรรยาของคุณนะคะ ทำไม ภรรยาของ คุณมีลูกสองคน คุณไม่รู้หรอ”เด็กๆ จ้องมองเขา เตือนเขา อย่าง”มีน้ำใจ” เขาชะงักไปสองวินาที สีหน้าเปลี่ยนหลาย แบบ”ที่รัก อยู่ไหน” วินาทีต่อไป เขาโทรหาเวินลั่วฉิง “ได้ รอ ฉันสักครู่ ฉันจะไปที่ที่อยู่ทันที จะมีSurpriseให้นะ”ดี ดีจัง เขาอยากจะดูว่าเธอยังมีเรื่องอะไรที่ปิดบังเขาไว้ จะคิดบัญชี อย่างจริงจังแล้วนะ”นี่มันร้ายใจเกินไปมั่ง”เด็กสองคนนี้ตะลึง Surpriseนี่มันใหญ่จัง ดูเหมือนว่า คนนั้นจะซวยค่ะ! ! !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท