ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – บทที่ 1597 คุณชายสามเย่กำลังโมโห (2)

บทที่ 1597 คุณชายสามเย่กำลังโมโห (2)

“คุณถามผมว่าทำไม?” เย่ซือเฉินมองไปยังเธอ สายตาแสดงความโกรธออกมาเล็กน้อย เธอยังถามเขาอีกว่าทำไมถึงได้เป็นบ้าไป?

เรื่องพวกนั้นที่เธอทำไปเองเธอไม่รู้เลยเหรอ?

ตอนนี้เขาต่างหากที่เป็นแฟนของเธอ และก็ยังเป็นพ่อของลูกทั้งสองคนของเธอด้วย แต่ผลก็คือเขาโทรหาเธอ เธอเพียงแค่ตอบกลับนิ่ง ๆ ว่าอืมแค่คำเดียว และทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อไป๋ยี่รุ่ย

มีสิทธิ์อะไร?

“ฉันไม่ถามคุณจะให้ฉันไปถามใคร?” เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าคำถามของเขามันแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน เขากำลังโกรธอยู่ เขากำลังเป็นบ้า เธอไม่ถามเขาจะให้ถามใคร

ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอโทรหาเขาทั้ง ๆ ที่ก็ยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ คำพูดที่พูดออกมาก็ปกติทุกอย่าง น้ำเสียงเองก็ฟังดูปกติมากเหมือนกัน ตอนที่วางสายเขายังรออยู่ มันเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่ถึงชั่วโมงกว่า ๆ เอง ทำไมถึงได้เปลี่ยนเป็นอย่างนี้ไปได้?

เย่ซือเฉินมองเธอ มองเห็นเธอมีสีหน้าไม่เข้าใจอะไรเลยออกมา เขารู้สึกว่าภายในอกมันรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา ขึ้นไม่ได้ และก็ลงไม่ได้ด้วยเหมือนกัน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่ได้ก้มหน้าลงมาจูบเธอเอาไว้อีกครั้งนึง

“เย่…” เวินลั่วฉิงกำลังคิดจะอ้าปากถามออกไปอีก แต่กลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปล๊บออกมาจากริมฝีปาก

“เย่ซือเฉิน คุณเกิดปีหมาหรือไง? ทำไมถึงกัดคนอื่นเขาด้วย?” เวินลั่วฉิงเองก็ร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว คนคนนี้วันนี้เป็นบ้าอะไรขึ้นมา

“ผมไม่เพียงแต่จะกัด แต่ผมยังอยากจะกินคุณเข้าไปเลยด้วยซ้ำ” น้ำเสียงของเย่ซือเฉินเต็มไปด้วยความโกรธ เขาคลายริมฝีปากเธอออก แต่ต่อจากนั้น เขาก็ได้อุ้มเธอขึ้นมาทันที อุ้มเธอเดินไปยังด้านในห้องรับรอง

“เย่ซือเฉิน คุณวางฉันลงไปก่อน ฉันคิดว่าพวกเราจำเป็นต้องมาพูดคุยกันให้ดี ๆ สักหน่อย” แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงรู้อยู่แล้วว่าเขาคิดจะทำอะไร ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนได้แน่ชัดแล้ว เดิมทีก็ได้วางแผนจะไปจดทะเบียนสมรสกันเอาไว้หมดแล้ว ดังนั้นแล้วสำหรับเรื่องแบบนี้เวินลั่วฉิงไม่มีทางจะปฏิเสธอยู่แล้ว

แต่ว่าตอนนี้ในสถานการณ์แบบนี้เห็นได้ชัดว่ามันไม่ถูกต้องเลยนะ!

“ตอนนี้ไม่คุย” แต่เดิมเย่ซือเฉินคิดว่าก็ควรจะคุยกับเธอให้ดี ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้เขาคิดว่าไม่จำเป็นแล้ว อีกอย่างตอนนี้เขาก็ไม่อยากจะคุยกับเธอแล้วเหมือนกัน เขาเพียงแค่อยากจะทำสิ่งที่อยากทำมากกว่าเท่านั้น

ระยะเวลาสองบทสนทนา เย่ซือเฉินก็ได้อุ้มเวินลั่วฉิงมาที่ห้องรับรองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขายกเท้าไปปิดประตูห้องรับรองเอาไว้ทันที จากนั้นก็ได้กดเวินลั่วฉิงลงบนเตียงที่ห้องรับรองไปเลยทันที

ถึงแม้ว่าปกติแล้วเย่ซือเฉินจะมาทำงานทางนี้น้อยมาก แต่ของที่ห้องทำงานมีครบหมด การตกแต่งเองก็เป็นของอย่างดีที่สุดทั้งนั้น

เย่ซือเฉินกดเวินลั่วฉิงลงบนเตียง การกระทำยังคงประดับไปด้วยความรุนแรง แต่ทว่าตอนที่เขาจูบเธอเอาไว้อีกครั้ง มันไม่ได้รุนแรงเหมือนกับเมื่อกี้นี้แล้ว และการกระทำต่อจากนั้นก็อ่อนโยนขึ้นมาด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะโกรธ ตอนนี้เขาแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่อาจทำร้ายเธอด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเพียงนิดเดียวก็จะไม่มีทางเลยด้วย

การกระทำสุดท้ายของเย่ซือเฉินถึงแม้ว่าจะได้เปลี่ยนมาอ่อนโยนไปแล้ว แต่ความโกรธที่อยู่ในใจของคุณชายสามเย่นั้น ตอนนี้ทั้งหมดมันได้กลายเป็นการลงแรงไปเต็มที่ ดังนั้นแล้วตอนที่เสร็จสิ้นลงไปนั้น เวินลั่วฉิงจึงรู้สึกว่าเรี่ยวแรงเหมือนกับได้ถูกสูบออกไปจนหมด

เดิมทีในใจมันก็มีความสงสัยอยู่บ้าง ยังอยากจะถามเธอ แต่ว่าตอนนี้เธอไม่อยากจะเปิดปากพูดออกไปเลย เหนื่อยจนไม่มีแรงแล้ว

ตอนนี้เสร็จเวินลั่วฉิงเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าได้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว รู้สึกแค่เพียงว่ามันทั้งหิวและทั้งเหนื่อย ไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิดเดียว

มือของเย่ซือเฉินโอบรัดเอวของเธอเอาไว้ โอบเธอเข้ามาในอ้อมแขน คางของเขาได้ซบอยู่ในซอกคอของเธอ ริมฝีปากของเขาได้แนบกับใบหูของเธอ แล้วก็ใช้ฟันกัดไปที่ใบหูของเธอ

ไม่ได้แรงมาก แต่ก็ไม่ได้เบาเลยเช่นกัน ยังเจ็บอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าการกระทำที่เขาได้กัดเธอมานั้นมันเป็นการแฝงไปด้วยการลงโทษอยู่บ้างเล็กน้อย

แน่นอนว่าตอนนี้นับได้ว่าเย่ซือเฉินได้อิ่มอกอิ่มใจไปแล้วไม่มีความโกรธของเมื่อกี้นี้อยู่แล้ว แน่นอนว่าอารมณ์ก็ไม่ได้มีความคับอกคับใจเหมือนกับเมื่อกี้นี้อยู่แล้วเช่นกัน

“อย่าซน ฉันอยากนอน” ตอนนี้เวินลั่วฉิงเหนื่อยจนไม่อยากลืมตาเลย อยากยกมือไปดันเขาออกไป แต่มือก็ยังขี้เกียจจะยกขึ้นมาเลย

“พวกเราคุยกันหน่อย” ฟันของคุณชายสามเย่ยังคงกัดอยู่ที่ใบหูของเธอ ทั้งยังเพิ่มแรงขึ้นมาอีกเล็กน้อย อืม คุณชายสามเย่กินจนอิ่มดื่มจนพอแล้ว ตอนนี้ก็เลยอยากจะคุยขึ้นมาแล้ว

เวินลั่วฉิงยิ้มออกมา มองประเมินทางสายตาดูแล้วเป็นการยิ้มออกมาด้วยอารมณ์ที่โกรธจัดนั่นเอง ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะคุยกับเขาสักหน่อย เขาบอกว่าไม่คุย ตอนนี้จะมาคุยกับเธออีก?

แต่เวินลั่วฉิงเองก็ไม่ได้ปฏิเสธไปเหมือนกัน เธอนั้นอยากจะลองฟังดูว่าเขาจะคุยอะไรกับเธอ?

เวินลั่วฉิงพลิกตัวไปเล็กน้อย เผชิญหน้าเข้ากับเขา “ได้ คุณว่ามา”

“ทำไมต้องช่วยไป๋ยี่รุ่ย?” เย่ซือเฉินมองไปยังเธอ สายตาดูตั้งอกตั้งใจมาก เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งอกตั้งใจคุยเรื่องนี้กับเธออย่างมากเลย

“หืม?” เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของเขากลับเอ๋อไปเล็กน้อย ไม่มีการตอบสนองออกมาเลย

แน่นอนว่าการตอบสนองของเวินลั่วฉิงนั้นเร็วเลยทีเดียว ได้เข้าใจขึ้นมาทันที “คุณก็เลยโกรธเพราะเรื่องนี้?”

มุมปากของเย่ซือเฉินได้เม้มออกมาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมา แน่นอนว่าการที่ได้เงียบไปตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการยอมรับแบบกลาย ๆ นั่นเอง

“คุณจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” เวินลั่วฉิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาโกรธเพราะเรื่องไป๋ยี่รุ่ยจริง ๆ แล้วยังโกรธจนทำให้ตัวเองได้กลายเป็นอย่างนั้นอีก มันจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

“ทำไมมันจะไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ คุณพยายามช่วยเขาสุด ๆ ไม่เพียงแต่จะช่วยเขา แต่ยังจะดูแลบริษัทของเขาให้เขาอีก” สีหน้าของคุณชายสามเย่เห็นได้ชัดว่าได้นิ่งขรึมออกมาอีกแล้ว ทำไมมันจะไม่ถึงขนาดนั้นกัน?

เขาคิดว่านี่มันเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมากเรื่องหนึ่งเลย

“ตอนนี้เขาเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้น ในฐานะที่เป็นเพื่อนกัน ฉันจะไม่สนใจไม่ได้…” เวินลั่วฉิงมองออกว่าคุณชายสามเย่โกรธจริง ๆหึงจริง ๆ แต่ไป๋ยี่รุ่ยเกิดเองร้ายแรงอย่างนั้นขึ้นมา หลิวหยิงได้โทรมาหาเธออีก เธอไม่อาจจะไม่สนใจได้

ถ้าเธอไม่ออกตัวเข้าไปจัดการ ตอนนี้เรื่องของไป๋ยี่รุ่ยกับไป๋หยิงก็คงจะถูกปิดเผยออกไปแล้ว เรื่องอย่างนั้นถ้าเกิดว่าได้เปิดเผยออกไป จะต้องเกิดผลเสียหายต่อตัวไป๋ยี่รุ่ยมันยับเยินแน่ ๆ เลย

“เพื่อน? พวกคุณเป็นเพื่อนอะไรกัน? คุณกับเขาเป็นเพื่อนกันเหรอ?” แต่คุณชายสามเย่กลับพูดขัดคำพูดของเวินลั่วฉิงออกมาทันที ฟังออกว่าในเสียงของคุณชายสามเย่ตอนนี้ได้ประดับไปด้วยความเย็นชาออกมาอย่างเห็นได้ชัด

เวินลั่วฉิงพูดไม่ออกเลย ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าจะตอบคำถามในตอนนี้ของเย่ซือเฉินออกไปยังไงไปชั่วขณะนึง

เธอกับไป๋ยี่รุ่ยเป็นเพื่อนกันเหรอ?

เมื่อก่อนเธอกับไป๋ยี่รุ่ยเคยรักกันมาก่อน แต่ตอนนี้ได้เลิกกันไปแล้ว จบสิ้นไปแล้ว ครั้งที่แล้วเธอก็ได้พูดกับไป๋ยี่รุ่ยไปชัดเจนแล้วเหมือนกัน

ไป๋ยี่รุ่ยทำอะไรเห็นได้ชัดว่าบางครั้งก็จะดื้อรั้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนที่ดันทุรังชนิดที่จะให้ตายยังไงก็ไม่เปลี่ยนมายอมรามือเด็ดขาดอย่างนั้นเช่นกัน นับจากนั้นมา ไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่ได้ติดต่อเธอมาอีกเลยเช่นกัน

แน่นอนว่า เดิมทีแล้วเธอก็ไม่ได้คิดจะติดต่ออะไรกับไป๋ยี่รุ่ยอีกเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ไป๋ยี่รุ่ยได้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น เธอจะมองดูอยู่เฉย ๆ ไม่สนใจเลยจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?

“ทำไมไม่พูด? คำถามนี้ตอบยากมากเลยเหรอ?” เย่ซือเฉินมองเธอ ดวงตาทั้งสองข้างได้หรี่ออกมาเล็กน้อย คำถามง่าย ๆ คำถามนึงเธอจำเป็นต้องคิดนานขนาดนี้เลยเหรอ?

หรือไม่ก็บางทีในใจเธอนั้นอันที่จริงแล้วยังมีความรู้สึกต่อไป๋ยี่รุ่ยอยู่อีก?

“ตอบไม่ยาก ฉันตอนนี้กับเขาตอนนี้ไม่อาจนับว่าเป็นเพื่อนกันได้เหมือนกัน แต่เขาเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น จะให้ฉันทำเป็นมองดูอยู่เฉย ๆ ฉันทำไม่ได้หรอก” เวินลั่วฉิงไม่ค่อยเชื่อคำพูดที่ว่าคนรักกันเลิกกันไปแล้วจะยังเป็นเพื่อนกันได้มาโดยตลอด แต่คนรักที่ได้เลิกรากันไปก็ไม่ถึงขนาดที่จะต้องกลายเป็นศัตรูกันนี่ ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ของเธอกับไป๋ยี่รุ่ยมันก็ยังค่อนข้างที่จะซับซ้อนอีกด้วย

ระหว่างเธอกับไป๋ยี่รุ่ยไม่อาจพูดได้ว่าใครผิดใครถูก ตอนนี้เธอไม่ได้โกรธแค้นชิงชังอะไรแล้วเหมือนกัน ดังนั้นแล้วไป๋ยี่รุ่ยเกิดเรื่องขึ้น เธอก็อยากจะช่วยสักหน่อย เธอคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติมาก

“เขาเป็นรักแรกของคุณ” เย่ซือเฉินเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างจะพึงพอใจกับคำตอบอย่างนี้ของเธอเลยทีเดียว แต่เกี่ยวกับเรื่องรักแรกนี้ เห็นได้ชัดว่าคุณชายสามเย่ไม่ได้ปล่อยผ่านไปง่าย ๆ อย่างนั้นแน่

เวินลั่วฉิงตกตะลึงไป ดวงตาที่มองเขาอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะกะพริบออกมา นี่ทำไมถึงยังดึงรักแรกมาเกี่ยวด้วยอีก?

แต่ไป๋ยี่รุ่ยก็เป็นรักแรกของเธอจริง ๆ นั่นแหละ เพราะถึงยังไงตั้งแต่เด็กเธอก็แต่งตัวน่าเกลียดมาโดยตลอด คนอื่นต่างก็หลบเลี่ยงเธอกันไปหมด แน่นอนว่าไม่มีผู้ชายมาชอบเธอเลย แน่นอนว่าเมื่อก่อนไป๋ยี่รุ่ยเธอเองก็ไม่เคยจะมีความคิดอย่างนั้นมาก่อนเลยเหมือนกัน ในด้านความรู้สึกนั้น เธอหัวช้าอยู่บ้างมาตลอด

แต่คุณชายสามเย่ในตอนนี้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องรักแรกกับเธอขึ้นมาเป็นพิเศษมันหมายความว่าอะไรกัน

“แล้วไงล่ะ?” เวินลั่วฉิงมองเขา ในดวงตาได้ประดับไปด้วยความสงสัยออกมาเล็กน้อย

“ว่ากันตามหลักแล้วผู้หญิงต่างก็ไม่มีวันลืมรักครั้งแรกของตัวเองกันทั้งนั้น ต่างก็ยากที่จะลืมมันกันทั้งนั้น” เห็นได้ชัดเจนมากว่าคุณชายสามเย่แคร์เรื่องนี้ที่สุด ไป๋ยี่รุ่ยเป็นรักแรกของเธอ เธอจะไม่มีวันลืมไป๋ยี่รุ่ยตลอดไปเลยใช่มั้ย

เวินลั่วฉิงเห็นได้ชัดว่าได้ตะลึงค้างไปแล้ว มีลักษณะการพูดแบบนี้ด้วยเหรอ? ทำไมเธอถึงไม่เห็นจะรู้เลย?

รักแรกมันต่างจากรักครั้งที่สองด้วยเหรอ?

ไม่ใช่ว่าเป็นการรักกันทั้งนั้นเหรอ?

ทำไมครั้งแรกมันจะต้องไม่มีวันลืมด้วย?

“ดังนั้นแล้ว คุณก็เลยยังไม่ลืมไป๋ยี่รุ่ย?” เย่ซือเฉินเห็นเธอไม่ตอบ แต่กลับกำลังตกตะลึงอยู่คนเดียว ภายในใจของคุณชายสามเย่มันหม่นลง สีหน้าเองก็เยือกเย็นออกมาอย่างเห็นได้ชัดด้วยเช่นกัน

ดังนั้นแล้ว เธอก็ไม่ลืมไป๋ยี่รุ่ยมาโดยตลอดเลย? ดังนั้นแล้วไป๋ยี่รุ่ยเกิดเรื่องขึ้น เธอเลยทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อไปช่วยไป๋ยี่รุ่ยสุดชีวิต

ดวงตาของเวินลั่วฉิงได้กรอกไปเล็กน้อย กวาดตามองเขาไปแวบนึง จากนั้นก็ผันร่างไป หันหลังให้เขา ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะสนใจเขา

ตอนนี้เธอไม่อยากคุยกับเขา เดิมทีก็ถูกเขาทรมานมาทั้งวันแล้ว มันก็ทั้งเหนื่อยทั้งหิวอยู่แล้ว ไม่มีแรงแล้ว ตอนนี้มาได้ยินคำพูดนี้ของเขาอีก เธอยิ่งไม่อยากพูดเลย

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Status: Ongoing

มองที่เด็กๆ ที่มีหน้าตาเหมือนกับตัวเอง สมองเขาว่างเปล่า ชั่วคราว”แม่เราก็คือภรรยาของคุณนะคะ ทำไม ภรรยาของ คุณมีลูกสองคน คุณไม่รู้หรอ”เด็กๆ จ้องมองเขา เตือนเขา อย่าง”มีน้ำใจ” เขาชะงักไปสองวินาที สีหน้าเปลี่ยนหลาย แบบ”ที่รัก อยู่ไหน” วินาทีต่อไป เขาโทรหาเวินลั่วฉิง “ได้ รอ ฉันสักครู่ ฉันจะไปที่ที่อยู่ทันที จะมีSurpriseให้นะ”ดี ดีจัง เขาอยากจะดูว่าเธอยังมีเรื่องอะไรที่ปิดบังเขาไว้ จะคิดบัญชี อย่างจริงจังแล้วนะ”นี่มันร้ายใจเกินไปมั่ง”เด็กสองคนนี้ตะลึง Surpriseนี่มันใหญ่จัง ดูเหมือนว่า คนนั้นจะซวยค่ะ! ! !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท