มู่เฉิงมองดูสีหน้าที่ขอความชื่นชมของหลินจื่อ ส่ายหัวอย่างจนปัญญา จู่ๆ หลินจื่อก็เผยรอยยิ้มออกมา อ่อนโยนเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านทะเลสาบ มู่เฉิงไม่รู้ว่าทำไม ถึงหวั่นไหวแล้ว……
มู่เฉิงรู้สึกว่า ในรอยยิ้มนี้ มีความเอาใจอยู่ แต่ว่าความเอาใจนี้ ดูไม่มีความจริงจัง เหมือนว่าแค่รอยยิ้มหนึ่ง ทว่ามู่เฉิงเก็บไว้ในใจแล้ว
สีหน้าบนใบหน้าของมู่เฉิงก็เลือนหายไป วินาทีเขาเข้าใจแล้วว่า หลินจื่อสำหรับเขาแล้ว ไม่เหมือนกัน เจอกันครั้งนี้ ชอบความเกรี้ยวกราดบนตัวของหลินจื่อ เจอครั้งที่สอง ชอบใบหน้าของหลินจื่อ และตอนนี้ ชอบความรู้สึกที่หลินจื่อมีให้เขา ทุกครั้ง ความชอบเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ผิวเผิน ทว่าพอกองอยู่ด้วยกัน เพียงแค่การกระทำง่ายๆ ก็ทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้
มู่เฉิงเข้าใจทันที ความสมยอมที่ตนเองมีต่อหลินจื่อในวันนี้มาจากไหน มีผู้หญิงเข้าใกล้เขามากมาย ไม่เคยมีใคร สามารถปลดปล่อยเหมือนหลินจื่อ การสารภาพรักที่หลงตัวเอง การใช้กลอุบายในการจูบ ยั่วยวนด้วยการปล่อยทำเป็นไม่สนใจก่อน เขามองออก หลินจื่อไม่ได้ใส่ใจ แต่ว่า เขาเดินตามความคิดของหลินจื่อลงไป ไม่ใช่เพราะไม่ได้งอล แต่ว่าเพราะไม่ได้ระบายออกมา เพราะว่า เขาอยากจะเห็นสิ่งที่หลินจื่อต้องการอย่างชัดเจน หรืออาจจะพูดว่า อยากรู้ว่าหลินจื่อจะเริ่มก่อนถึงขั้นไหน ตอนนี้ เขาพอใจมาก!
หลินจื่อยอมเป็นแฟนของเขาก่อน งั้นทุกการกระทำของตนเอง ก็มีเหตุผลอย่างสมเหตุสมผล อีกอย่าง หลินจื่ออยากจะปล่อยตัวเองไป ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ใครให้หลินจื่อมาหาเรื่องตนเองก่อนล่ะ? ในเมื่อเข้ามาในห้องของหมาป่าแล้ว ก็อย่าโทษว่าหมาป่าโหดร้ายเกินไป มู่เฉิงอดเก็บรอยยิ้มไม่ไหว หลินจื่อ หลินจื่อ หากหลังจากนี้หลินจื่อรู้ว่า ตนเองมีความคิดแบบนี้ จะเสียใจหรือเปล่านะ?
มู่เฉิงคิดว่า ความคิดก่อนหน้านี้ของตนเอง ไม่จำเป็นต้องมีผลแล้ว เขามีความสนใจกับตระกูลโม่มีความเป็นไปได้ที่ว่า เพราะมีความสนใจหลินจื่อมากกว่า ตระกูลแบบไหนกัน ถึงได้อบรมบ่มสอนผู้หญิงอย่างหลินจื่อออกมา? หญิงสาวสูงส่งร่ำรวย เขาเจอมามากมาย ทว่าบ้าคลั่งอิสระเหมือนหลินจื่อ คนที่ไม่สนใจวงศ์ตระกูล เป็นคนแรกเลยที่เจอ ตระกูลโม่เป็นคนให้ความมั่นใจกับเธอเหรอ? แต่หลินจื่อดันไม่อยู่บ้าน墨 เพราะตัวเธอเองเหรอ? หากไม่มีตระกูลโม่ล่ะ? หลินจื่อจะเป็นยังไง? จู่ๆ มู่เฉิงก็อยากรู้ขึ้นมา
จะกินหรือไม่กินกันแน่? หลินจื่อเห็นว่ามู่เฉิงจ้องตนเองอยู่ตลอดเวลา ก็อดถามไปอีกทีไม่ไหว ใช้นัยน์ตาแบบนี้จ้องมองตนเอง เธอมีความกดดันมาก
ไม่เคยได้ยินประโยคหนึ่งเหรอ? ความสวยทำให้อิ่มท้อง มู่เฉิงตั้งใจพูด จับมือของหลินจื่อไม่ปล่อย ใช้มือซ้ายหยิบตะเกียบขึ้นมา
ได้! พวกเขาสองคน ความคิดต่างกันมาก หลินจื่อรู้สึกจนปัญญา เมื่อกี้เธอยังพูดอยู่ว่า ความสวยทำให้อิ่มนั้นใช้ไม่ได้ มู่เฉิงก็มาพูดประโยคนี้ให้เธอแล้ว นี่ตั้งใจต่อต้านกับตนเองเหรอ?
แต่ว่ามู่เฉิงหยิบตะเกียบขึ้นมากินอาหารอีกครั้ง หลินจื่อจึงรู้สึกว่าค่อยปกติหน่อย พูดขึ้นแล้ว ตั้งแต่งานประมูลถึงตอนนี้ เป็นเวลาสี่ห้าชั่วโมงแล้ว ควรจะหิวแล้ว กินของหน่อยจึงจะปกติ
หลินจื่อเห็นมู่เฉิงใช้ตะเกียบข้างซ้ายอย่างคล่องแคล่ว มองเขาด้วยความแปลกใจ มือซ้ายและมือขวาของคุณคล่องแคล่วขนาดนี้เลยเหรอ?
หลินจื่อดวงตาสดใส มู่เฉิงกลับคิดเอียงไปทางอื่น มือซ้ายมือขวา……คล่องแคล่ว เขาวางตะเกียบลง ขยี้ผมของหลินจื่อ ตอนเด็กๆ เคยฝึกใช้มือซ้ายทานอาหาร
เป็นเหมือนกับที่คิดไว้เลย หลังจากที่เข้าใจแล้วก็ไม่อยากปล่อยมือ ถึงแม้ว่าจะเป็นการยื่นมือไปลูบเธอ ก็ไม่อยากปล่อย จูงมือของเธออยู่แบบนี้ ไม่ปล่อยออก
อ๋อ หลินจื่อพยักหน้า คิดว่าเขาถนัดมือซ้าย เธอไม่ได้มีการติดตามโลกภายนอกมากเท่าไหร่ ตอนนี้รู้สึกว่ามู่เฉิงจูงมือสายของเธออยู่ตลอดเวลา อยากปล่อยออก แต่ว่าเหตุผลที่ปฏิเสธมู่เฉิงเธอคิดไว้แล้ว ก็ไม่ไปลองดีกว่า อีหอย่าง เธอใช้มือขวาทานข้าวก็พอแล้ว
มู่เฉิงอุ่นใจที่หลินจื่อเชื่อฟัง ในใจก็อดพร่ำบ่นไม่ไหว หลินจื่อไม่รู้เหรอว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ พึ่งชัดเจนสถานะกัน ก็เอ็นดูแฟนแบบนี้ ดูบังอาจ……เดินไปหรือเปล่า
มู่เฉิงจำคำที่ตนเองเคยเห็นได้ ผู้ชายหลังจากที่จีบติดแล้ว ก็ไม่รู้จักรักษาแล้ว ส่วนตัวเอง ในตอนที่จีบหลินจื่อติด พึ่งชอบเธออย่างถ่องแท้ นี่นับว่าเป็นอะไร? อีกอย่างหลังจากนี้ เกรงว่าจะยิ่งอยู่ยิ่งชอบเธอ แค่ชอบเธอเท่านั้น
มู่เฉิงลืมไปเลย ไม่ใช่เขาจีบหลินจื่อ แต่เป็นหลินจื่อจีบเขา หากไม่รักษา ก็คือหลินจื่อที่ไม่รักษา
อาหารมื้อหนึ่ง หลินจื่อทานอย่างสบายใจ ความสนใจหลักๆ ของเขา อยู่บนตัวของหลินจื่อ มือที่ถูกหลินจื่อจับ ไม่เคยขยับเลย ไม่ได้จับแน่น ไม่ได้ปล่อยออก แค่วางอยู่บนมือของเขา จากนั้นมู่เฉิงก็ไม่พอใจ ในตอนที่เขายื่นมือไปจับหลินจื่อ หลินจื่อยังมองเขาด้วยความสงสัย ให้ความรู้สึกฝ่ายตรงข้ามไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และมู่เฉิงก็รู้สึกได้ว่า ความสัมพันธ์นี้ไม่เท่าเทียมกัน เขาเข้าใจดี เขาชอบหลินจื่อ ทว่าหลินจื่อ เหมือนไม่ได้จริงใจ ถึงแม้ว่าตอนนั้น ทั้งสองจะจับมือแน่น หลินจื่อก็มีท่าทีเหมือนเฉยๆ ไม่ได้จริงใจ เขาไม่พอใจมาก
อาหารมื้อนี้ หลินจื่อกินได้อย่างพึงพอใจ อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ เป็นอาหารที่ตนเองชอบ มือที่จับอยู่ในมือของตนเอง คือคนที่คนเองชอบ ชีวิตสมบูรณ์แบบมากๆ เธอแอบรู้สึกได้ว่า มู่เฉิงไม่ค่อยมีความสุข ทว่าไม่เข้าใจว่า มู่เฉิงไม่มีความสุขที่ไหน เขาอยากทำอะไร ตนเองก็ตามใจ ถึงแม้ว่ามือข้างหนึ่งจะทานอาหารไม่สะดวก เขาก็ไม่ได้ดึงมืออีกข้างออกมา เขาอยากทำอะไร ก็สามารถทำได้ อีกอย่างตอนที่ทานอาหาร เธอยังคีบอาหารที่อร่อยให้เขาไม่น้อยเลย ทั้งมื้อนี้สนใจเขาอยู่ตลอด มู่เฉิงไม่พอใจที่ไหน?
หลินจื่อคิดไม่เข้าใจ และไม่คิดแล้ว ไม่ว่ายังไงแล้วจากที่หลินจื่อดูมา มู่เฉิงไม่มีทางไม่มีความสุขเพราะเธอ คน ตนเองเป็นคนจีบก่อน มู่เฉิงไม่ได้หวั่นไหว เขารู้สึกว่า ตามความสามารถของตนเอง มู่เฉิงจะหวั่นไหวเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว ทว่าตอนนี้น่าจะยังไม่ถึงขั้นนั้น ไม่ว่ายังไงแล้วเมื่อกี้ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่ยอม ตอบตกลงก็แค่เพราะว่าความอยากชนะ อยากจะชนะใจเธอเท่านั้นเอง ความสัมพันธ์แบบนี้ จะพูดยังไงดีล่ะ ตกลงว่าใสซื่อหรือเปล่า
กินอิ่มมาก ขอบคุณหัวหน้าน้อยที่จ่ายให้ หลินจื่อกินอิ่มดื่มพอ อยากจะเคลื่อนไหวร่างกายหน่อย ทว่ามู่เฉิงจูงมือหลินจื่อแน่น ดึงไม่ออกมา หลินจื่อดึงอีก มู่เฉิงก็จับแน่นขึ้น หลินจื่อมองมู่เฉิงอย่างสงสัย
คุณลุกขึ้น มู่เฉิงพูดกับหลินจื่อ ไม่ได้มีความหมายที่จะปล่อยมือ หลินจื่อก็คล้อยตาม มู่เฉิงใช้แรงดึงในตอนที่หลินจื่อลุกขึ้น ดึงหลินจื่อมาที่ขาของเขา ใช้มือซ้ายโอบเอวของเธอ
การกระทำนี้สวีทหวานมาก ร่างกายของหลินจื่อแข็งทื่อไปที คุณ……
ผมอยากกอดแฟนของผมหน่อย มู่เฉิงพูดคำว่า ‘แฟน’ หนักแน่นมาก ใช้ฐานะนี้ ทำเรื่องที่ดูสมเหตุสมผล หลินจื่อแปลกใจมาก คนคนหนึ่งทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงหน้าหลังมากมายขนาดนี้? อีกอย่างยังเร็วขนาดนี้อีก ถูกอะไรกระตุ้นเหรอ?
การจ่ายของผม พอใจไหม? มู่เฉิงกอดหลินจื่อ ให้เธอพิงอยู่บนตัวของตนเอง การกระทำจองหลินจื่อแข็งทื่อมาก ไม่กล้าพิงไปเลย พูดอย่างถูกต้องคือ ไม่เชื่อใจ ทว่ามู่เฉิงกอดเธอ ไม่ได้มีการกระทำมากมาย ผ่านไปสักพัก หลินจื่อจึงจะค่อยๆ วางใจลง เอนน้ำหนักบนตัวลงบนตัวของมู่เฉิง
พอใจสิ เป็นของที่ฉันชอบหมดเลย ชิงฮวน ‘เป็นรสชาติของชีวิต’ จริงๆ หลังจากที่หลินจื่อรู้สึกผ่อนคลายแล้วจึงจะเอ่ยปากพูด นี่ไม่ใช่ท่าที่สลายที่สุด ในตอนที่ยืน เธอใช้แรงทั้งหมดกดอยู่บนตัวของมู่เฉิง ในตอนที่ตัวเองอยากลุกขึ้น สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทว่าตอนนี้ นั่งอยู่บนตักของมู่เฉิง พลังทั้งหมดล้วนอยู่บนตัวของมู่เฉิง อยากลุกขึ้นมา ยากมาก ถึงขั้นต้องยืมแรงของมู่เฉิง หลินจื่อมีความต้องคล้อยตามเล็กน้อย
ดังนั้น คุณควรแสดงความขอบคุณหน่อยหรือเปล่า? มู่เฉิงได้คืบจะเอาศอก ในเมื่อกี้เขาเข้าใจความคิดของตนเองแล้ว หรือไม่ อาจจะแค่ความคิดชั่วคราว ก็จะพยายามให้ได้รับมา เมื่อกี้ความเอาในที่หลินจื่อได้จากตัวเขาไป ตอนนี้ เขาจะค่อยๆ เอากลับมา
น่าเสียดาย หลินจื่อไม่ติดกับดัก เธอพิงอยู่บนตัวของมู่เฉิง หาตำแหน่งที่สบาย หรือว่า วันนี้หัวหน้าน้อยมาหาฉัน ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรเลยเหรอ? หลินจื่อรู้สึกแปลกใจ ท่าทีที่ไม่จริงจัง มู่เฉิง หัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ วันนี้เสียแรงขนาดนี้มาหาเขา ปรากฏว่า ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีเรื่องสำคัญอะไรเลย ดีจริงเหรอ?
แค่เพื่อที่จะมอบเพชรให้กับเธอเหรอ? แต่ว่า มอบเพชรให้เป็นเพียงแค่ข้ออ้างไม่ใช่เหรอ? หากวันนี้เขาไม่ได้ประมูลคริสทัลสีชมพูไป งั้นก็เป็นของเธอแล้ว ดังนั้นมู่เฉิงแค่อยากหาข้ออ้างเท่านั้นเหรอ?
หลินจื่อรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ วันนี้มู่เฉิงมาเจอเธอ เพื่ออะไรกัน เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้มีเหตุผลที่จำเป็นต้องเจอกัน ทว่าการพบเจอในวันนี้ เธอพอใจมาก มู่เฉิง ตอนนี้ เธอจำเป็นต้องได้มา