“ใครหน่ะ?”
ในที่สุดคนเฝ้าประตูก็เห็นพวกเขา จึงเดินเข้ามาไถ่ถาม
นรมนหัวเราะเบา ๆ ยังไม่ทันพูดออกมา ก็ได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างเคารพทันที: “คุณหนู?คุณหนูหายดีแล้วเหรอ?คนข้างคุณหนูเป็นใครครับ?”
สีหน้าของบุริศร์บึ้งตึงทันที
“แกมองไม่ออกหรือไง แกมองให้ดีสิ นี่คือคุณหนูของพวกแกหรือไง?”
ผู้ชายคนดังกล่าวมองนรมนหัวจดเท้า จากนั้นตอบว่า: “ คุณหนู ดูเหมือนคุณหนูจะอ้วนขึ้นนะครับ”
“แกมองให้ดี ๆ สิ!”
ความโกรธของบุริศร์เพิ่มขึ้นไม่หยุด
นรมนรีบดึงเขาเอาไว้
“ไม่มีประโยชน์หรอก คุณพูดกับพวกเขาไปก็ไม่ได้อะไร ตอนแรกที่ฉันเห็นฉัตรยาก็เป็นแบบนี้ เหมือนกับส่องกระจก ฉันเดาว่านี้คือจุดประสงค์สำคัญที่สุดที่ปีนั้นรเมศศัลยกรรมให้ฉันกลายเป็นฉัตรยา บางทีอาจมีคนคิดว่าฉันจะกลายเป็นตัวแทนของใครบางคนเข้าสักวัน ”
นรมนใช้เสียงที่ได้ยินแค่เพียงสองคนพูดกับบุริศร์
บุริศร์บีบมือของนรมนแน่น กล่าวเสียงเบาว่า: “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณก็คือคุณ ไม่มีทางเป็นตัวแทนของใครได้ ผมไม่ยินยอมแน่นอน!”
“ฉันเชื่อใจคุณ แต่เรื่องนี้เดาว่าไม่ได้ขึ้นอยู่ที่พวกเรา”
ในระหว่างที่พูด มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินออกมาจากด้านใน เมื่อมองเห็นนรมนกับบุริศร์ ทั้งสองน้ำตาไหลพราก
“ฉัตรยา ฉัตรยาของแม่ ในที่สุดลูกก็กลับมา”
ผู้หญิงคนนั้นก้าวขึ้นมา กอดนรมนเอาไว้แน่น
ในขณะที่บุริศร์กำลังจะผลักผู้หญิงคนนี้ออกไป ก็มองเห็นแสงแฟลชไม่ไกล “แชะ” ทันใดนั้นเองนักข่าวจำนวนมากทะลักออกมา
“คุณฉัตรยา อาการป่วยของคุณหายดีแล้วเหรอคะ?”
“คุณฉัตรยา ได้ยินมาว่าคุณหมั้นหมายแล้ว อีกฝ่ายคือประธานรเมศจากบริษัทวัชโรทัย เป็นเรื่องจริงไหมคะ?”
“คุณฉัตรยา งานแต่งงานของพวกคุณจะจัดขึ้นเมื่อไหร่คะ?”
คำถามมากมายนับไม่ถ้วนทำให้นรมนกับบุริศร์แยกออกจากกัน
นัยน์ตาของบุริศร์เยือกเย็นทันที อยากพุ่งเข้าไปดึงนรมนออกมา กลับมองเห็นนรมนส่ายหน้าให้เขา
ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการให้เธอเสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนมาก ถ้าเธอไม่เข้าไป ละครนี้จะแสดงอย่างไร?
บุริศร์เห็นนรมนเป็นเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นห่วงร่างกายของเธอมาก แต่นรมนเป็นคนรู้ตัวเองดี ไม่มีทางให้ตนเองต้องลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาจัดกำลังคนเอาไว้ด้านนอกแล้ว ภายใต้แรงผลักดันของทุกคน บุริศร์ถอนตัวออกจากวงล้อมที่ประตูบ้านของตระกูลจันทรวงศ์อย่างแนบเนียน
คู่สามีภรรยาตระกูลจันทรวงศ์เห็นบุริศร์ถูกเบียดออกไป และให้คนแอบพาบุริศร์ไปทันที
หลังจากคุณนายตระกูลจันทรวงศ์กอดนรมนร้องไห้สักพักหนึ่ง ก็รีบดึงนรมนมาปกป้องไว้ในอ้อมแขน ถึงแม้คนนอกเห็นว่าปกป้องเธอ แต่นรมนกลับรู้ว่า นี่คือการขู่บังคับอย่างหนึ่ง
เพราะมือของอีกฝ่ายบีบเอวบางของนรมนแน่น ใช้พละกำลังอย่างมาก
เพื่อลูกน้อยในท้อง นรมนเก็บเอาไว้ในใจ เธอต้องการเห็นว่าตระกูลจันทรวงศ์ตระกูลที่ใหญ่โตนี้จะมีลูกไม้อะไร
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์อยู่ต่อหน้าสื่อมวลชน แกล้งทำเป็นพูดอย่างน่าสงสาร: “ขอบคุณทุกคนมากค่ะ ลูกสาวของฉันฉัตรยาเพิ่งจะรักษาร่างกายจนแข็งแรงเป็นปกติกลับมาจากข้างนอก กำลังวังชายังไม่ค่อยดีนัก หวังว่าทุกคนจะไม่กดดันเธอมากเกินไป ส่วนเรื่องการแต่งงานกับตระกูลวัชโรทัย หลังจากนี้พวกเราตระกูลจันทรวงศ์จะออกมาแจ้งกับทุกคน ตอนนี้ลูกสาวของพวกเราต้องการพักผ่อน ขอเชิญทุกคนกลับไปก่อนนะคะ”
นักข่าวจำนวนหนึ่งได้ยินคุณนายตระกูลจันทรวงศ์พูดเช่นนี้ ก็มีท่าทางเห็นอกเห็นใจ
“จริงด้วย ๆ คุณฉัตรยาสามารถรักษาตัวจนหายดีถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี พวกเราอย่ารบกวนคนในครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไว้วันหลังก็ได้”
“จริงด้วย ๆ วันหลังเถอะ”
คนเหล่านั้นจงใจชักจูง นักข่าวสลายตัวไปแล้ว ในเวลานี้ยังจะมีเงาของบุริศร์อยู่ที่ไหนอีก?
นรมนมองผู้หญิงตรงหน้า เธออายุประมาณสี่สิบ ดูแลตัวเองอย่างดี เพียงแต่ดูจากสายตาไม่กล้าที่จะมองไปที่นรมน
หลังจากทุกคนแยกย้าย ผู้หญิงคนนั้นกระซิบว่า: “ฉันรู้ว่าเธอไม่เต็มใจ แต่ตอนนี้มาถึงตรงนี้ พวกเราก็ไม่มีทางเลือก ถ้าเธอยังอยากมีชีวิตออกไปจากที่นี่ ก็ร่วมมือกับพวกเราซะดี ๆ พวกเราก็อยากเล่นละครนี้ให้จบเร็ว ๆ แล้วฝังศพฉัตรยา”
นรมนหัวเราะอย่างไม่แยแส และไม่ได้พูดอะไร
ตอนนี้พูดอะไรก็สิ้นเปลือง
ดร.ฐานทัตเหลือบมองนรมน ต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนกับลูกสาวของตนเองจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ก่อนหน้านี้ว่าลูกสาวของตนเองไม่อยู่แล้ว เขาอาจจะจำนรมนผิดก็ได้
มองเห็นความรักของพ่อพรั่งพรูออกมาจากแววตาดร.ฐานทัต นรมนถอนหายใจและกล่าวว่า: “ฉันกับฉัตรยาเคยเจอกันมาก่อน นับว่าเป็นเพื่อนกัน ตราบใดที่พวกคุณไม่มากเกินไป ฉันจะรับรองความปลอดภัยของพวกคุณ”
“เธอกับฉัตรยาเป็นเพื่อนกัน?”
เห็นได้ชัดเจนว่าผู้หญิงคนนั้นแปลกใจมาก
“เป็นไปได้อย่างไร? ฉัตรยาออกจากบ้านน้อยมาก เธอ……”
“พวกเราเคยเจอกันที่เมืองใต้ดิน”
ประโยคนี้ของนรมนทำให้สีหน้าผู้หญิงคนนั้นกับดร.ฐานทัตเปลี่ยนไปทันที
“นภดลอยู่ที่ไหน? ฉันต้องการเจอเขา”
นรมนมาเพื่อนภดล วันนี้เห็นว่าพวกเขายังสามารถพูดคุยได้ จึงเอ่ยถามออกมาอย่างอดไม่ได้
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์นิ่งไปชั่วคราวก่อนจะกล่าวว่า: “อย่าเพิ่งพูดถึงนภดลเลย เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ด้านนอกมีสายตามากมายจับจ้องอยู่ พวกเราอยู่ตรงนี้ต่อไปคงจะไม่ดี ถ้าเธอไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายของเธอ ทางที่ดีร่วมมือกับพวกเราซะ”
“คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ ฉันค่อนข้างไม่ชอบน้ำเสียงที่คุณข่มขู่ฉัน คุณต้องรู้ไว้นะ ถ้าฉันยอมร่วมมือ พวกคุณก็อาจจะสะดวก แต่ถ้าฉันไม่ยอมร่วมมือ ฉันก็มีวิธีทำให้ทุกคนรู้เรื่องนี้ อย่าคิดว่ามีเพียงแค่พวกคุณตระกูลจันทรวงศ์ถึงจะสามารถจ้างนักข่าวได้”
สีหน้าของนรมนบึ้งตึงลงมาก
ดร.ฐานทัตโล่งใจทันที
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ลูกสาวของเขา!
ลูกสาวของเขาตายไปแล้ว!
นอกจากนี้ฉัตรยาไม่มีทางพูดแบบนี้กับเขา!
นัยน์ตาของดร.ฐานทัตเฉยชา กล่าวว่า : “ไปเถอะ เข้าไปข้างใน”
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์เห็นว่าดร.ฐานทัตไม่พูดอะไร จึงรีบหุบปาก
สามารถมองออกว่า ในครอบครัวนี้ คุณนายตระกูลจันทรวงศ์เชื่อฟังดร.ฐานทัต
นรมนกับคุณนายตระกูลจันทรวงศ์และดร.ฐานทัตเข้าไปในตระกูลจันทรวงศ์
ตระกูลจันทรวงศ์นับว่าเป็นวงศ์ตระกูลเก่าแก่ ถ้านาวินไม่ได้เล่าข้อมูลเหล่านั้นในนรมนฟัง บางทีเธออาจจะยังไม่เข้าใจตระกูลจันทรวงศ์จริง ๆ แต่ตอนนี้เข้ามาแล้ว นรมนมองการจัดวางโครงสร้างของที่นี่ก็รู้ว่า ตระกูลจันทรวงศ์มีความแข็งแกร่งมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
นี่คือการออกแบบสวนหย่อมแบบโบราณ มีศาลา และภูเขาน้ำตกจำลอง สร้างขึ้นโดยอาศัยมาตรฐานของบ้านตระกูลใหญ่สมัยโบราณ วันนี้ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิม
ผ่านซุ้มประตูเข้าไป นรมนรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปสมัยโบราณจริง ๆ
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์กับดร.ฐานทัตมองเห็นท่าทางผ่อนคลายของนรมนเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนมุมมองใหม่ที่มีต่อเธอ
ถ้าฉัตรยามีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญแบบนี้ ฉัตรยาของพวกเขาจะยังอยู่ข้างกายของพวกเขาใช่ไหม?
แค่คิดถึงตรงนี้ สามีภรรยาตระกูลจันทรวงศ์ก็น้ำตาซึม
“ไม่ต้องมองแล้ว รีบเดินเข้าไป มีคนรอเธออยู่”
“เรณุกาใช่ไหม?”
นรมนพูดสิ่งที่คาดเดาอยู่ในใจออกมา
สามารถรออยู่เบื้องหลังอย่างใจเย็นได้ถึงตอนนี้ เรณุกามีความอดทนพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งนรมนรู้ว่า นอกจากเรณุกา คนอื่นไม่มีทางอดทนเดินหมากได้นานขนาดนี้
ตั้งแต่เธอตกหลุมรักบุริศร์ ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นการวางแผนของเรณุกาก็ได้
คุณนายคนนี้น่ากลัวเกินไป ต่อสู้กับเธอ นรมนไม่มีความมั่นใจ แต่ถ้ามีบุริศร์อยู่ด้วย นรมนอยากจะหัวเราะเล็กน้อย
เห็นนรมนอมยิ้ม คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ถอนหายใจและกล่าวว่า: “ในเมื่อเธอรู้ว่าเป็นใคร ก็รีบเข้าไปสิ เห็นแก่ที่เธอมีความคล้ายคลึงกับลูกสาวของฉันมาก ฉันขอเตือนเธอด้วยความหวังดี เรณุกาคือคุณย่ารองของตระกูลจันทรวงศ์ ครองตำแหน่งที่สำคัญมากในตระกูลของพวกเรา สามารถพูดได้ว่า ในตระกูลจันทรวงศ์นี้ ทุกคนเชื่อฟังหล่อน และเธออย่าคิดว่าหล่อนเป็นคนแก่อายุเกินครึ่งร้อยไปจะสามารถดูถูกหล่อนได้ ฉันจะบอกเธอให้ เส้นสายกับฝีมือของหล่อนเธอไม่อาจจินตนาการได้”
“ขอบคุณ”
นรมนพยักหน้าให้คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ ไม่ได้พูดอะไรมาก
แน่นอนว่าเธอไม่กล้าดูถูกเรณุกา ในเมื่อเธอเคยเสียเปรียบภายใต้เงื้อมมือของเธอ แต่จะไม่เดินตามเส้นทางที่เรณุกาวางเอาไว้ให้แก่เธอ
ดร.ฐานทัตดูมีความลังเล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
คนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านซุ้มประตู มาถึงห้องโถงใหญ่
ห้องโถงใหญ่นี้เหมือนกับห้องโถงใหญ่สมัยโบราณ ประตูไม้มะฮอกกานีสองบานเปิดอยู่ ภายในห้องโถงแขวนรูปบรรพบุรุษตระกูลจันทรวงศ์ที่ไม่รู้จักเอาไว้ เรณุกานั่งอยู่ในห้องโถงดั่งราชินี สายตาเย็นชามองไปที่นรมนกับสามีภรรยาตระกูลจันทรวงศ์ที่เดินเข้ามา
“คุกเข่า!”
เรณุกาตวาดขึ้นมาโดยพลัน สองสามีภรรยาตระกูลจันทรวงศ์ตกใจทันที
แต่นรมนกลับยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่แยแส ถามว่า: “คุณเรณุกา ตอนนี้คุณมีฐานะอะไรมาสั่งให้ฉันคุกเข่า?”
“แกพูดว่าอะไรนะ?ในตระกูลโตเล็ก ฉันคือแม่สามีของแก แกควรจะเชื่อฟังฉัน ส่วนที่นี่ ฉันคือนายหญิงของตระกูลจันทรวงศ์ แผ่นดินที่แก่กำลังเหยียบอยู่นี้ ก็ควรจะเชื่อฟังฉัน!”
ได้ยินเรณุกาตอบอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ นรมนหัวเราะออกมาทันที
“สำหรับตระกูลโตเล็ก คุณนายตระกูลโตเล็กได้ตายจากไปนานแล้ว ไม่ทราบว่าแกเป็นผีเหรอ?ในตระกูลจันทรวงศ์ แกสั่งให้ฉันเชื่อฟังแก ไม่ทราบว่าฉันมีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลจันทรวงศ์ของพวกแกด้วย?”
“นรมน แกยังคิดว่าตัวเองอยู่ในตระกูลโตเล็กเหรอ? คิดว่ายังมีกิมจิปกป้องแกอยู่เหรอ? ฉันจะบอกแกให้นะ เข้ามาในประตูตระกูลจันทรวงศ์ ไม่ว่าจะอย่างไร หรือจะทำอะไรก็ต้องเชื่อฟังฉัน !และตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แกไม่ใช่นรมน แต่เป็นฉัตรยา!”
สีหน้าของเรณุกาน่าเกลียดมาก น่าเกลียดยิ่งกว่าตอนเธอออกไปจากตระกูลโตเล็กด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ห่างกันไกล นรมนอยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่า เธอป่วยหรือเปล่า?
สำหรับคำพูดของเรณุกา นรมนส่งเสียงเยาะเย้ย
“ฉันก็คือฉัน ฉันชื่อนรมน แกอยากเสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนมาก ก็ดูว่าแกมีความสามารถนี้หรือเปล่า ทำไมพวกเราไม่พูดถึงเรื่องที่ฉันเปลี่ยนหน้าเมื่อห้าปีก่อนว่าแท้จริงมันเป็นอย่างไร?”
เรณุกากลับหัวเราะอย่างไม่แยแส: “แกนี่มันไร้เดียงสาจริง ๆ แกคิดว่าวันนี้ฉันเชิญแกมาเป็นแขกเหรอ?ฉันจะบอกแกให้นะ อยู่ในที่ของฉัน แกเป็นมังกรก็ต้องหมอบให้ฉัน แกเป็นเสือก็ต้องหมอบให้ฉัน ใครก็ได้ มาทำให้มันคุกเข่าลงซะ!”
ในระหว่างที่พูด ผู้ชายร่างสูงใหญ่สี่ห้าคนออกมาจากห้องโถง ในมือของแต่ละคนถือกระบอง ตีไปที่หัวเข่าของนรมน
“ช้าก่อน!”
นรมนมองเห็นกระบองในมือของพวกเขา ใจไม่สู้ทันที
หากกระบองนี้ตีลงไป ไม่ต้องพูดถึงว่าเข่าของเธอจะทนไหวหรือเปล่า ลูกในท้องอาจจะทนไม่ไหวในเวลาอันรวดเร็ว
มองเห็นแววตาลุกลี้ลุกลนและหวาดกลัวของนรมน เรณุกายิ้มออกมาบาง ๆ
“ทำไม? รู้จักกลัวเป็นแล้วเหรอ?”