เนตราเกาะขอบหน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก ก็พบกับเจ้าของรถสีเงินคันหนึ่ง จากทะเบียนรถแล้วดูจะไม่ใช่คนในท้องถิ่น
เธอรีบลากตัวนรมนออกมา จากนั้นก็ลากเธอเข้าไปในห้องใต้ดิน แล้วปิดผนึกทางลงมาห้องใต้ดินด้วย
พอผู้มาเยือนเข้ามาแล้วก็รีบตรวจสอบรอบๆทันที แต่ก็ไม่พบตัวของนรมน
“คุณนาย ! นรมน !”
นภดลตะโกนเรียก แต่กลับไม่เห็นเงาของนรมนเลย
เป็นไปไม่ได้นี่นา !
ถ้ามาตามตำแหน่งที่กานต์ให้มา จะตามหาตัวไม่เจอได้ยังไง
ในระหว่างนั้นเอง นภดลก็เจอกับกรงเหล็ก อุณหภูมิและความร้อนที่ยังหลงเหลืออยู่บนนั้นทำให้เขาก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย
เมื่อครู่นรมนอยู่ในนี้อย่างนั้นเหรอ ?
ถ้าอย่างนั้นในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้จะไปที่ไหนได้ ?
เนตราเฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหวของนภดลจากทางด้านล่าง พอมองดูท่าทางขมวดคิ้วแน่นของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนก
เธอรีบส่งข้อความทางวีแชทไปให้เชษฐ์ทันที
“คุณอาเชษฐ์ มีคนมาแล้ว จะทำยังไงดี ?”
ทางฝั่งเชษฐ์พอได้รับข้อความก็อยากจะกระทืบเนตราขึ้นมาทันที
ถ้าหากเธอซ่อนตัวอยู่เงียบๆ นภดลก็อาจจะมาแป๊บเดียวแล้วก็ไป แต่ว่าเธอกลับส่งข้อความมาให้ตัวเอง ข้อความนี้ถือว่าเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของพวกเขาแล้ว
ทางฝั่งของกานต์มีสัญญาณสีแดงสว่างขึ้นทันที
“คุณอานภดล หม่ามี้ของผมอยู่ในบ้านหลังนั้นที่คุณอยู่ คุณลองหาดู ว่ามีห้องใต้ดินอื่นๆอยู่ไหม”
คำพูดของกานต์ทำให้นภดลเริ่มกวาดสายตาค้นหาอย่างรวดเร็ว
เนตราร้อนรนแทบตาย จะทำอย่างไรดี ?
ในระหว่างที่ร้อนรนเธอก็รีบยัดตัวนรมนเข้าไปในกล่องเหล็กใบหนึ่ง จากนั้นก็โยนเข้าไปในกองของกล่องทั้งหมด ชั่วขณะหนึ่งขนาดเธอเองก็ยังแยกไม่ออกว่ากล่องใบไหนมีตัวนรมนอยู่
พอทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนตราก็ปาดฝุ่นบนใบหน้าของตัวเอง จากนั้นก็ส่งข้อความไปให้เชษฐ์อีกครั้ง
“คุณอาเชษฐ์ ฉันผิดไปแล้ว โปรดไว้ชีวิตฉันเถอะ คุณปล่อยฉันออกไปเถอะนะ ฉันทนแทบไม่ไหวแล้ว”
พอเชษฐ์เห็นข้อความนี้เข้าก็ชะงักไปเล็กน้อย
กานต์ตามหาที่ซ่อนตัวของเนตราเจอจากข้อความนี้
“คุณอานภดล ตรงใต้เท้าคุณคือจุดที่มีสัญญาณจากข้อความส่งออกมา คุณลองหาดูนะ จะต้องเป็นตำแหน่งที่อยู่ตรงใต้เท้าคุณแน่นอน”
นภดลรีบค้นหาทันที แล้วจู่ๆก็เจอปุ่มควบคุมอันหนึ่งเข้า เขากดลงไปทันที ทันใดนั้นเนตราก็ปรากฏสู่สายตาของเขา
“ช่วยด้วย ! ช่วยด้วยค่ะ !”
เนตราร้องห่มร้องไห้แล้ววิ่งออกมา
นภดลจับข้อมือของเธอไว้ทันที
“คุณนายของบ้านฉันล่ะ ?”
“อะไร ? ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร คุณไม่ใช่คนที่พี่สาวของฉันส่งมาเพื่อช่วยฉันเหรอ ?”
เนตราร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม
นภดลได้ยินจากบุริศร์มาก่อนแล้วว่าเนตรากับเชษฐ์เป็นพวกเดียวกัน ตอนนี้ถึงแม้ว่าเนตราจะร้องไห้อย่างน่าสงสารขนาดไหน นภดลก็ไม่ได้เอาไปใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องแสดงแล้ว คุณนายของพวกเราล่ะ ? ฉันจะพูดอีกรอบนะ ถ้าเธอยังไม่บอกอีก ก็อย่ามาโทษฉัน……”
“โอ๊ย ฉันปวดหัว !”
นภดลมองดูเนตราที่ล้มลงบนพื้นเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ก็โกรธจนแทบตาย
เขามัดตัวเนตราไว้กับเก้าอี้ จากนั้นตัวเองก็ลงไปหาดูรอบหนึ่งแต่ก็ไม่เจอเงาของนรมน
“คุณชายกานต์ คุณนายไม่อยู่ครับ ด้านล่างนี่มีแค่เนตราคนเดียว ดูท่าทางเหมือนจะถูกเชษฐ์ขังเอาไว้”
“จะเป็นไปได้ยังไง ? เนตราเป็นคนพาตัวหม่ามี้ของผมไป เธอจะต้องรู้แน่ๆว่าหม่ามี้ของผมอยู่ไหน คุณบุริศร์กำลังจะไปเดี๋ยวนี้ คุณคอยดูเธอเอาไว้แล้วกัน”
“ได้”
พอนภดลได้ยินว่าบุริศร์กำลังมา ก็โล่งอกขึ้นมาทันที แต่ว่าแววตากลับกังวลอยู่เล็กน้อย
นรมนกำลังตั้งครรภ์อยู่ ตอนนี้ถูกเนตรากับเชษฐ์เอาตัวไปซ่อนไว้ที่ไหนกันแน่ ?
เนตราที่อยู่ด้านนอกได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้ว เธอก็ตกใจมากจนรีบโทรไปหาแม่นรมนทันที
“คุณแม่คะ ช่วยด้วย พี่เขยกำลังจะฆ่าหนู !”
คำพูดของเนตราทำให้นภดลวิ่งออกมาจากห้องใต้ดินทันที
“เธอนี่เก่งจริงๆเลยนะ ? มัดเธอเอาไว้เธอก็ยังโทรศัพท์ได้อีก ?”
“ก็มีหูฟังบลูทูธไงล่ะ !”
เนตราหลงคิดว่าตัวเองฉลาด แต่กลับถูกนภดลต่อยจนสลบไปในหมัดเดียว
ตอนที่บุริศร์มาถึง ก็เห็นฉากนี้เข้าพอดี
“เกิดอะไรขึ้น ?”
“เมื่อกี้เธอโทรศัพท์ออกไปสายหนึ่ง คิดว่าน่าจะโทรหาคุณนายธนาศักดิ์ธน”
คำพูดของนภดลทำให้บุริศร์ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาทันที
แม่นรมนมีความหมายแบบไหนต่อนรมนนั้นเขารู้ดีกว่าใคร ถึงแม้พวกเขาจะคุยเรื่องข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าบุริศร์ก็ยังไม่อยากจะให้นรมนรู้เรื่องทั้งหมดนี้อยู่ดี แต่ถ้าหากนรมนยังอยู่ที่นี่ล่ะก็ เกรงว่าเรื่องบางเรื่องถึงแม้เขาอยากจะหลีกเลี่ยงนรมนแต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
“พาตัวเธอไป ! หานรมนเจอหรือยัง ?”
“ยัง ฉันหาจนทั่วแล้ว แต่ไม่มีเงาของคุณนายอยู่เลยสักที่ อีกอย่างก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากคุณนายเลย”
นภดลรู้สึกโมโหมาก
สีหน้าของบุริศร์มืดมนจนน่ากลัว
เขามองดูรอบๆทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “พาตัวเนตราออกไป ฉันจะไปตามหาตัวเชษฐ์”
“คุณรู้เหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน ?”
“กานต์กำลังตรวจสอบอยู่ แต่ว่าคงได้ข่าวเร็วๆนี้แหละ ที่เขาจับตัวนรมนไปก็คงเพื่อบีบบังคับให้ฉันส่งมอบข้อมูลทางพันธุกรรมออกไป แต่ว่าของสิ่งนั้นฉันมองให้ทางทหารไปแล้ว เรื่องนี้เขาเองก็น่าจะรู้ดี ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คงเป็นการเอาชีวิตฉันเพื่อไประบายความโกรธ สิ่งที่ทำให้ฉันยอมปล่อยมือได้ก็มีแค่นรมนเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้นรมนจะต้องอยู่ในมือเขาแน่ ขอแค่หาตำแหน่งของเขาได้ ฉันก็จะหาตัวนรมนเจอ พวกนายคอยรอข่าวจากฉันก็พอ”
พอบุริศร์พูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที
นภดลมองดูสถานที่นี้อีกครั้ง จากนั้นก็พาตัวเนตราออกมา
นรมนถูกทิ้งไว้ที่นั่นคนเดียว
พอพวกเขาจากไปได้ไม่นาน คนของเชษฐ์ก็มาถึง
พวกเขาเอากล่องทั้งหมดขนขึ้นรถ จากนั้นก็ตรงไปยังที่ซ่อนตัวของเชษฐ์
ตอนนี้เชษฐ์เองก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนตัว พอเขาเห็นลูกน้องขนกล่องกลับมา ก็พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “เปิดออก ! ระวังด้วย อย่าทำให้ลูกสะใภ้ฉันบาดเจ็บ”
ตอนที่นรมนถูกคนยกออกมาจากกล่อง นรมนยังคงไม่ได้สติ
เชษฐ์ยิ้มแล้วพูดว่า “ดูท่าว่าเนตราคนนี้จะมีประโยชน์อยู่บ้าง ช่วงเวลาสำคัญกลับหลอกบุริศร์กับนภดลไว้ได้ ไม่เลวไม่เลว !”
เชษฐ์สั่งให้คนมัดตัวนรมนเอาไว้
นรมนรู้สึกเพียงว่าหน้ามืดเวียนหัว ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็มองเห็นเชษฐ์
“ตื่นแล้วเหรอ ?”
เธออยากจะขยับตัว แต่กลับพบว่าตัวเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ จนขยับเขยื้อนไม่ได้
“คุณเนตราเป็นพวกเดียวกันจริงๆด้วย”
“ไม่ต้องพูดจาไร้สาระแล้ว มันน่าเบื่อ”
เชษฐ์หัวเราะเสียงเย็น
ผู้หญิงคนนี้เอาแต่ทำให้เขาเสียเรื่อง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอยังมีประโยชน์อยู่บ้าง เขาก็แทบอยากจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ให้ตาย
นรมนมองความโหดเหี้ยมและเจตนาฆ่าในแววตาของเชษฐ์ออก เธอยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคิดจะใช้ฉันเป็นตัวล่อบุริศร์สินะ ? ฉันขอเตือนว่าคุณอย่าฝันไปเลยดีกว่า ถึงแม้ว่าเขาจะมาก็มาเพื่อจับกุมคุณ คุณไม่มีทางข่มขู่เขาได้หรอก”
เชษฐ์อย่างแปลกประหลาดเล็กน้อย
“ใครบอกเธอว่าฉันจะใช้เธอเพื่อข่มขู่บุริศร์ ? เขาเป็นลูกชายฉัน ฉันทนเห็นเขาตายไม่ได้หรอก ถึงแม้จะต้องตาย ก็ต้องทำเรื่องบางอย่างให้ฉันก่อน ที่ฉันจับตัวเธอมาไม่ใช่เพื่อจะข่มขู่ลูกชายที่น่ารังเกียจของฉันหรอก”
คำพูดนี้ทำให้นรมนชะงักไปทันที
ถ้าไม่ใช้เพื่อข่มขู่บุริศร์แล้วหมายความว่ายังไงกัน ?
เขายังอยากจะข่มขู่ใครอีก ?
“คุณอยากทำอะไรกันแน่ ? ข้อมูลทางพันธุกรรมบุริศร์ได้ส่งมอบให้ทางฝ่ายทหารแล้ว ชั่วชีวิตนี้คุณอย่าได้หวังอีกเลย อีกอย่างการฐานการวิจัยของคุณก็ถูกทำลายไปแล้ว ความฝันของคุณก็น่าจะจบสิ้นแล้วสิ”
“นรมน มีเรื่องบางเรื่องที่เธออาจจะยังไม่รู้ แต่ว่าฉันจะให้เธอได้รู้เอง เธอเคยเจอพ่อของเธอหรือเปล่า ? ฉันหมายถึงพ่อแท้ๆของเธอ !”
พอเชษฐ์พูดแบบนี้แล้ว นรมนก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกไปในทันที
สิ่งที่เธอเสียดายที่สุดในชีวิตนี้ก็คือการที่ไม่เคยได้เจอกับพ่อแท้ๆของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเคยเห็นรูปถ่าย เธอก็ไม่เคยเจอตัวจริง
แต่ว่าเธอไม่มีทางเผยจุดนี้ออกมาต่อน้าของเชษฐ์เด็ดขาด
เชษฐ์มองออกว่าเธอกำลังพยายามฝืนปิดบังความรู้สึกบีบคั้นของตัวเอง ก็เลยหัวเราะแล้วพูดออกมาทันทีว่า “ฉันสามารถทำให้เธอได้พบกับพ่อของเธอได้นะ พ่อแท้ๆทั้งคน เธอจะไปเจอหน่อยไหมล่ะ ?”
“คุณว่าอะไรนะ ?”
นรมนชะงักไปทันที
จะเป็นไปได้ยังไง ?
ทุกคนต่างก็บอกว่าพ่อของเธอตายไปแล้ว ถึงขั้นถูกระบุชื่อว่าเป็นผู้พลีชีพแล้ว เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ?
พอคิดถึงสิ่งที่เชษฐ์กำลังค้นคว้าอยู่ในตอนนี้ นรมนก็หรี่ตาลงทันที
“คุณอย่าบอกฉันนะ ว่าคุณใช้ยีนของพ่อฉันเพื่อสร้างคนที่คล้ายกับพ่อของฉันขึ้นมา ! เชษฐ์ ถ้าคุณกล้าพูดแบบนั้น ฉันก็กล้าฉีกคุณเป็นชิ้นๆ คุณเชื่อไหมล่ะ ?”
เชษฐ์หัวเราะเสียงดังออกมาทันที
“ความคิดของเธอตรงกับความคิดก่อนหน้านี้ของฉันจริงๆ ฉันคิดอยากจะสร้างเทพแห่งสงครามขึ้นมาจริงๆ ยังไงพ่อของเธอก็เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเขตทหาร อีกอย่างสมรรถภาพทางกายก็ค่อนข้างดี น่าเสียดาย ตอนที่เขาตายการจำแนกDNAไม่สำเร็จ ไม่อย่างนั้นเธออาจจะได้เห็นตัวคัดลอกของพ่อเธอจริงๆก็ได้”
“คุณมันเลวทราม !”
นรมนรู้สึกว่าเชษฐ์ที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นคนบ้าชัดๆ
แต่เชษฐ์กลับไม่สนใจเสียงก่นด่าของเธอ หัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันจะเลวทรามก็ดี ยังไงก็ช่าง ฉันพูดจริงๆนะ ฉันสามารถทำให้เธอได้เจอกับพ่อของเธอได้จริงๆ อีกอย่างตอนนี้เขาก็ยังมีสภาพเหมือนกับตอนที่เพิ่งตายเลย ยังคงรักษารูปลักษณ์เดิมไว้เป็นอย่างดี เธอจะลองเจอกับเขาหน่อยไหมล่ะ ?”
“คุณทำอะไรกับเขากันแน่ ? พ่อของฉันถูกฝังอยู่ที่สุสานวีรบุรุษผู้สละชีพเพื่อชาติ คุณจะมีทาง……”
“ไม่มีอะไรที่ไม่มีทางหรอก บนโลกนี้ขอแค่เป็นเรื่องที่ฉันอย่างทำ ไม่ว่าใครก็หยุดฉันไม่ได้ แค่สุสานวีรบุรุษผู้สละชีพเพื่อชาติ ถ้าฉันคิดจะขโมยศพสักร่างยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว อยากอย่างใครเป็นคนบอกเธอกัน ว่าศพของพ่อเธอถูกขังเอาไว้ ?”
“คุณหมายความว่ายังไง ?”
นรมนเริ่มมึนงงขึ้นมา
เชษฐ์พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนที่พ่อเธอตายเขาอยู่ข้างๆฉัน ถึงขั้นที่พูดได้ว่าฉันเป็นคนฆ่าพ่อของเธอ แต่ว่าศพที่ฉันส่งกลับไปไม่ใช่พ่อของเธอหรอก จนถึงทุกวันนี้ขี้เถ้าที่ฝังอยู่ในหลุมศพของพ่อเธอก็ไม่ใช่ของตัวเขา ฉันก็แค่ใช้เทคโนโลยียีน ทำให้ร่างที่มีน้ำหนักคล้ายๆกับพ่อเธอเสียโฉม จากนั้นก็ใส่DNAของพ่อเธอเข้าไป เพื่อสร้างศพที่เป็นภาพลวงตาของเขาขึ้นมาเท่านั้น”
ถึงแม้เชษฐ์จะพูดเหมือนมันเป็นเรื่องง่าย แต่นรมนกลับมองเชษฐ์เหมือนกำลังฟังนิทานเรื่องเล่าจากเขาอยู่
จะเป็นไปได้ยังไง ?
เขาจะทำเรื่องแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน ?
อีกอย่างเขาเก็บร่างศพของคุณพ่อตัวเองเอาไว้เพื่ออะไรกันแน่ ?
นรมนรู้สึกว่าเชษฐ์ที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นคนบ้าคนหนึ่งขึ้นมาทันที
“ศพของคุณพ่อฉันอยู่ที่ไหน ?”
“อยากตามฉันไปดูแล้วเหรอ ? ก็ถูกนะ แบบนี้สิถึงจะเป็นลูกของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา”
ขณะที่เชษฐ์พูดอยู่ ก็ตบนรมนจนสลบไปอีกครั้ง
“ยังไงก็ไม่มีทางหนีไปจากเมืองชลธีได้เหรอ ?”
สายตาของเขาเริ่มเย็นยะเยือกเล็กน้อย
ลูกน้องแต่ละคนต่างก็เริ่มตัวสั่นเทาขึ้นมา
“พวกเรากำลังคิดหาวิธีอยู่ครับ แต่ว่า……”