“ประธานบุริศร์ของเธอเหรอ?”
คมทิพย์เข้าใจว่าบุริศร์โทรมา กำลังคิดจะหลบหลีก กลับถูกนรมนห้ามเอาไว้
“ไม่ใช่เขา”
“หือ?”
“น่าจะเป็นโฆษณาส่งเสริมการขาย”
นรมนพูดจบก็กดตัดสายทิ้ง
สำหรับเบอร์ที่ไม่รู้จัก เธอไม่อยากกดรับสาย
แต่อีกฝ่ายเหมือนจะมีความแน่วแน่มาก หลังจากที่ถูกนรมนตัดสาย ก็โทรมาอีกครั้ง จนทำให้คนว้าวุ่นใจ
คมทิพย์กล่าวเสียงเบา “ ถ้าไม่อยากรับก็บล็อกไปเถอะ”
“หรือว่าจะลองรับสายดู อาจจะได้รางวัลอะไรก็ได้”
ในขณะที่พูด นรมนก็กดปุ่มรับสาย
ปลายสายมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาทันที
“คุณนายบุริศร์ ช่วยลูกชายของฉันด้วยค่ะ!”
แค่เริ่มพูดอีกฝ่ายก็รู้จักตัวตนของนรมน หัวคิ้วของเธอขมวดเข้าหากันเบา ๆ
คมทิพย์กลับแย่งมือถือไปทันที
“ภรรยาคุณพชรล์?พชรล์อยู่ไหนคะ?”
ในตอนที่พยายามตามหาแทบตายกลับไม่เจอ แต่พอเลิกหาเลิกสนใจกลับได้มาอย่างคาดไม่ถึงจริง ๆ
นรมนชะงักไปเล็กน้อย
ภรรยาของพชรล์?
แน่นอนว่าเธอไม่คิดว่าคมทิพย์ฟังผิด เพียงแต่รู้สึกไม่สบายใจ ภรรยาของพชรล์รู้เบอร์มือถือของตนเองได้อย่างไร?เห็นได้ชัดว่าภรรยาของพชรล์คิดไม่ถึงว่าคมทิพย์ก็อยู่ด้วย ทั้งสองครอบครัวเป็นเพื่อนบ้านกันมาเนิ่นนาน ดีกว่าที่ไม่มี จำเสียงได้โดยปริยาย เมื่อได้ยินเสียงของคมทิพย์ ภรรยาของเขาคิดจะวางสายโดยไม่รู้ตัว
“คุณอย่าคิดวางสายนะ พชรล์ทำเรื่องอะไรเอาไว้ คุณอย่าคิดว่าไม่มีใครรู้ ในเมื่อฉันถามคุณแบบนี้ แน่นอนว่าเรื่องที่พชรล์ชนแล้วหนีปิดไม่อยู่แล้ว ภรรยาคุณพชรล์ คุณกับครอบครัวของฉันเราไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน แถมยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกด้วยซ้ำ สามีของคุณเกือบจะชนแฟนของฉันตายแท้จริงแล้วมีเจตนาอะไรกันแน่?”
คมทิพย์ค่อนข้างกระวนกระวาย
ถ้าเป็นคนอื่นก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นคนที่ตนเองคุ้นเคย ทำให้คมทิพย์รู้สึกรับไม่ได้อย่างยิ่ง
เสียงภรรยาของพชรล์สะอึกสะอื้น
“ขอโทษค่ะ คุณคมทิพย์ ขอโทษจริง ๆ พชรล์ก็ไม่มีทางเลือก ชีวิตของพวกเรายากลำบากเหลือเกิน”
“ชีวิตยากลำบากก็สามารถเอาชีวิตของคนอื่นไปล้อเล่นได้ตามใจชอบเหรอ?นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกคุณชนแล้วหนีใช่ไหม?”
คมทิพย์สั่นไปทั้งตัว
ถ้าภรรยาของพชรล์อยู่ตรงหน้า คมทิพย์จะตบเธอสักทีอย่างไม่ลังเล
เห็นได้ชัดว่า ภรรยาของพชรล์ก็รู้สึกเสียหน้า ในขณะที่คมทิพย์ถามอย่างเอาเรื่องเช่นนี้ จึงกล่าวออกมาอย่างไม่สบายใจ “ ขอโทษค่ะ”
“สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่คำขอโทษ แต่เป็นเบาะแสของพชรล์ ภรรยาคุณพชรล์ การหนีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา อีกไม่ช้าพวกเราจะตามหาตัวพชรล์จนเจอ เขาจะยอมมอบตัวเอง หรือจะรอให้ตำรวจจับกุม สภาพการณ์ไม่เหมือนกัน มาตรการลงโทษก็ต่างกัน หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
คำพูดของคมทิพย์ทำให้ภรรยาของพชรล์ยิ่งรู้สึกแย่
“ฉันขอคุยกับคุณนายบุริศร์ได้ไหม?”
คมทิพย์ถึงจะนึกขึ้นมาได้ว่า เดิมทีภรรยาของพชรล์โทรมาหานรมน
ถึงแม้เธอจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังส่งมือถือในนรมน
นรมนรู้ว่าคมทิพย์อยากฟัง จึงถือโอกาสเปิดลำโพงไปเลย และวางเอาไว้บนเตียง
“คุณมีเรื่องอะไรต้องการคุยกับฉันเหรอคะ?”
เสียงของนรมนไม่สูงไม่ต่ำ แต่กลับมีความน่าเกรงขามและเย็นชา
เธอเกลียดคนที่ลงมือกับคนคุ้นเคยที่สุด
ปกติแล้วทุกคนไม่ได้มีปัญหากัน คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุหรือเหตุผลอะไร ก็ทำให้คนรู้สึกรับไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้พฤกษ์ยังนอนเป็นผักอยู่บนเตียง
แน่นอนว่าภรรยาของพชรล์ ฟังออกว่านรมนไม่ยินดี เพียงแต่เธอไร้หนทางแล้วจริง ๆ
“คุณนายบุริศร์ ฉันรู้ค่ะ สามีของฉันทำเรื่องที่ไม่สามารถยกโทษให้ แต่พวกเราไม่มีทางเลือกแล้ว ลูกชายของพวกเราโดปี้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ต้องการค่ารักษาจำนวนมาก พวกเราต่างเป็นชนชั้นแรงงาน ยังต้องจ่ายค่าบ้าน เงินเดือนจำนวนเล็กน้อยทุกเดือนของพชรล์ ไม่เพียงพอที่จะให้ลูกชายของพวกเราเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลได้ ในเวลานี้มีคนมาหาพชรล์ให้เขาสร้างสถานการณ์อุบัติเหตุรถยนต์ แล้วให้พวกเราห้าแสน สำหรับพวกคุณห้าแสนคงจะไม่ได้มากมายอะไร แต่สำหรับพวกเรามันคือความหวังสุดท้ายของลูกชายของฉัน ฉันรู้ว่าฉันพูดแบบนี้อาจจะน่าอับอายไปหน่อย แต่พวกเราไม่มีหนทางแล้วจริง ๆ ”
ภรรยาของพชรล์พูดร้องห่มร้องไห้
นรมนสลดใจ แต่กลับไม่มีความเห็นใจ
“ชีวิตของลูกชายพวกคุณมีค่า แล้วชีวิตของคนอื่นไม่มีค่าหรือไง?อย่าคิดว่านี่เป็นเหตุผลที่พวกคุณจะทำผิดกฎหมายได้”
นรมนพูดอย่างโมโห
ภรรยาของพชรล์ยังคงพูดไปร้องไห้ไป “ฉันรู้ว่าพวกเราผิดอย่างมหันต์ พวกเราจึงไม่คิดหนี แค่รอให้อาการป่วยลูกชายของพวกเราคงที่สักหน่อย พวกเราจะมอบตัว แต่ตอนนี้ลูกชายของพวกเราเพิ่งจะดีขึ้นนิดเดียว กลับหายตัวไป พวกเราไม่ได้ไปล่วงเกินใคร ฉันรู้จักฝีมือและความสามารถของประธานบุริศร์ ในไม่ช้าก็เร็วจะสามารถหาพวกเราเจอ ตอนนี้ฉันหวังว่าคุณนายบุริศร์จะเข้าใจ และปล่อยลูกชายของฉันไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น เด็กไม่มีความผิดไม่ใช่เหรอ?คุณนายบุริศร์คุณเองก็เป็นแม่คน ได้โปรดช่วยเห็นแก่ความรักที่ฉันมีต่อลูก ปล่อยลูกฉันไปเถอะค่ะ”
นรมนยังพอเข้าใจ
รู้สึกว่าลูกชายของพชรล์หายตัวไป?
และพวกเขาคิดว่าเธอให้คนไปจับตัวลูกชายของพชรล์?
นรมนกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ฉันไม่เหมือนกับพวกคุณ ใครทำผิด ฉันก็จะหาคนนั้น ไม่เอาไปลงกับเด็กคนนั้น การหายตัวไปของลูกชายคุณไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉัน”
ภรรยาของพชรล์ชะงักงัน เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเชื่อ
“เป็นไปไม่ได้ นอกจากพวกคุณแล้วจะยังมีใครที่สามารถเอาตัวลูกชายของฉันไปได้?”
“คุณน่าจะลองถามสามีของคุณนะ ว่าคนที่ให้เขาทำได้พาตัวลูกชายของพวกคุณไปหรือเปล่า”
เสียงของคมทิพย์ดังขึ้น ทำให้ภรรยาของพชรล์อึ้งไปทันที
นรมนไม่สนใจว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกอย่างไร เพียงแค่ถามอย่างเย็นชา “คุณรู้เบอร์มือถือของฉันจากที่ไหน?”
เบอร์มือถือของเธอเป็นเบอร์ส่วนตัว มีคนรู้เพียงไม่กี่คน
วันนี้คิดไม่ถึงว่าภรรยาของพชรล์จะรู้เข้า จำเป็นต้องพูดว่า นรมนแปลกใจมาก
แต่เห็นได้ชัดเจนว่า ภรรยาของพชรล์ไม่ได้รู้สึกว่าจะเป็นปัญหาใหญ่อะไร เธอเอ่ยตอบทันที “แน่นอนว่าประธานบุริศร์เป็นคนบอกฉันเองค่ะ”
“บุริศร์?คุณแน่ใจเหรอ?”
ตอนนี้นรมนแน่ใจอย่างยิ่งว่า ภรรยาของพชรล์ถูกคนหลอก
ถ้าบุริศร์รู้เบอร์มือถือและที่อยู่ของภรรยาพชรล์ ทำไมถึงยังปล่อยเธอเอาไว้?จับตัวไปเพื่อหลอกล่อให้พชรล์ติดกับ
และยิ่งไม่มีทางให้เบอร์มือถือของตนเองแก่คนอื่น
เห็นได้ชัดว่า เรื่องนี้มีคนอื่นอยู่เบื้องหลังด้วย
จะเป็นใครนะ?
กล้าณรงค์หรือเปล่า?
ถ้าเป็นกล้าณรงค์จริง นี่จะไม่เป็นการขุดหลุมฝังตัวเองเหรอ?
นรมนรู้สึกว่าแนวคิดนี้ไม่ถูกต้อง
เมื่อภรรยาของพชรล์ได้ยินนรมนซักถามก็แปลกใจเล็กน้อย เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
“ไม่ใช่ประธานบุริศร์เหรอคะ? มีคนส่งเบอร์นี้มาให้ฉัน บอกว่าเป็นเบอร์ของคุณนายบุริศร์ ถ้าไม่ใช่ประธานบุริศร์แล้วจะเป็นใคร?”
ได้ยินภรรยาของพชรล์พูดแบบนี้ คมทิพย์กล่าวด้วยเสียงหัวเราะเย็นชา “คุณคิดว่าบุริศร์โง่เหมือนคุณหรือไง?เอาเบอร์ภรรยาของตัวเองให้คนอื่น?โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าบุริศร์รู้เบอร์ของพวกคุณ แน่นอนว่าต้องรู้ตำแหน่งของพวกคุณด้วย แฟนของฉันเป็นพี่น้องคนสนิทของบุริศร์ วันนี้นอนอยู่บนเตียงจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ คุณคิดว่าบุริศร์จะยกโทษให้พวกคุณ แล้วให้คุณโทรหาคุณนายบุริศร์ขอความเมตตาเหรอ?มีสมองหน่อยได้ไหม?”
ภรรยาของพชรล์ตกตะลึง สีหน้าดูไม่ได้อย่างยิ่ง
นรมนมองเวลา กล่าวเบา ๆ ว่า “ส่งเบอร์ที่ส่งข้อความให้คุณมาให้ฉัน ส่วนอีกเรื่อง พวกคุณคิดให้ดี ๆ ว่าจะยอมมอบตัวเองหรือรอตำรวจไปหา”
พูดจบนรมนก็กดวางสาย
คมทิพย์เงียบไม่พูดจา
นรมนเห็นท่าทางของเธอ แน่นอนว่ารู้สึกสงสาร
“วางใจเถอะ บุริศร์จะต้องให้ความยุติธรรมกับพฤกษ์แน่นอน”
“ฉันแค่รู้สึกผิดหวัง เป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งหลายปี พยักหน้าให้ทุกเช้าที่ตื่นนอน ปกติที่ไม่สบายเล็กน้อย ฉันก็จะช่วยเหลือ และดูแลลูกชายของเขาอย่างไม่ลังเล แต่ทำไมพวกเขาถึงได้ทำกับแฟนของฉันได้ลงคอ?”
คมทิพย์ผิดหวังอย่างขมขื่น
แท้จริงแล้วเป็นคนอย่างไร?
เพื่อลูกของตนเอง สามารถทำร้ายคนอื่นได้อย่างไม่แยแส?
นรมนกุมมือของคมทิพย์ กล่าวเสียงเบาว่า “อย่าเอาความผิดของคนอื่นมาลงโทษตนเองสิ ตอนนี้พวกเราต้องตามหาพชรล์กับคนที่อยู่เบื้องหลัง ตราบใดที่มีหลักฐาน ก็สามารถทำให้พวกเขาชดใช้ได้”
“ฉันรู้แล้ว ฉันแค่รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมากะทันหัน”
สีหน้าของคมทิพย์ดูไม่ได้อย่างยิ่ง
นรมนรู้ว่าตนเองปลอบใจเธอไปก็เท่านั้น มีหลายอย่างที่ต้องออกไปเผชิญหน้าด้วยตนเอง แก้ไขปัญหาเอง
เธอโทรหาบุริศร์ เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
บุริศร์รู้สึกเป็นห่วง
“คุณกับคมทิพย์พยายามอย่าออกไปข้างนอก ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้ มีอะไรโทรหาผมนะ”
“ได้ค่ะ คุณเองก็ระวังตัวด้วย”
ได้ฟังความกังวลใจของภรรยา บุริศร์รู้สึกไม่มีความสุขเอามาก ๆ
“อืม วางใจเถอะ คนชั่วเหล่านั้นทำอะไรผมไม่ได้”
“ค่ะ เพียงแต่ภรรยาของพชรล์บอกว่าลูกชายของเธอหายตัวไป นี่อาจจะเป็นจุดอ่อน ในเมื่อพชรล์เต็มใจที่จะเสี่ยงเพื่อลูกชายของเขา นั่นแปลว่าลูกชายมีความสำคัญต่อพวกเขามาก ทางที่ดีควรจะตามหาเด็กให้เจอก่อนแล้วค่อยว่ากันไหม?”
“ผมเข้าใจแล้ว ผมจะให้คนรีบออกตามหา”
หลังจากบุริศร์พูดจบ ก็กล่าวเสียงเบาว่า “ผมให้คนนำของกินไปส่งให้แล้ว เดี๋ยวอีกสักพักคุณกับคมทิพย์กินอาหารอยู่ในห้องผู้ป่วยนะ อย่าออกมา”
“ค่ะ”
หลังจากวางสาย นรมนเหลือบมองคมทิพย์ เห็นเธอไม่มีการตอบสนองใด ๆ จึงรู้สึกสงสารและไม่สบายใจไม่น้อย
“อย่าคิดเลย ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”
“อืม”
คมทิพย์พยักหน้า
ในขณะที่พูด เสียงบอดี้การ์ดด้านนอกดังขึ้น
“คุณนายครับ คนส่งอาหารมาถึงแล้ว”
“ฉันจะออกไปรับเอง”
คมทิพย์ลุกขึ้นและเดินออกไป
คนส่งอาหารเป็นคนของร้านLamoon สวมชุดของพวกเขา
คมทิพย์รับมา วางลงตรงหน้าของนรมน
“ประธานบุริศร์ของเธอนั้นรักเธอจริง ๆ รู้ว่าเธอชอบกินรสชาติของร้านLamoon คิดไม่ถึงว่าจะให้คนจากเมืองชลธีส่งมาให้?”
นรมนเผลอหัวเราะออกมา
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?ที่นี่มีสาขาของร้านLamoon เอาล่ะ อย่าหัวเราะเยาะฉันเลย กินก่อนเถอะ กินอิ่มแล้วพวกเราถึงจะมีแรงใช้สมองต่อสู้กับคนชั่วจริงไหม?”
นรมนชี้กับข้าวตรงหน้า
มีกับข้าวเต็มไปหมด เป็นจำนวนสำหรับสองที่
คมทิพย์ก็ไม่งอแงไร้เหตุผล
เธอรู้สึกไม่ดี แต่นรมนพูดถูกต้อง เมื่อกินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงต่อสู้กับคนพวกนั้นต่อ
ทั้งสองคนนั่งรับประทานอาหารที่หน้าเตียง
นรมนกินไปได้ไม่กี่คำ ทันใดนั้นก็รู้สึกคันไปทั้งตัว
เธอก้มหน้ามองเล็กน้อย พบว่าบนแขนมีผืนสีแดงขึ้น
นรมนใจหายวาบทันที
“คมทิพย์ รีบเรียกหมอเร็ว!ดูเหมือนฉันจะแพ้!