บุริศร์กะพริบตา แสร้งทำเป็นถามอย่างไม่รู้เรื่อง “มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“คุณแกล้งทำเป็นโง่ใช่ไหม?”
นรมนหยิกหูของบุริศร์ทันที “ จะพูดไม่พูด?”
บุริศร์ตกใจ
เหตุการณ์แบบนี้เคยเห็นแต่ในทีวี คิดไม่ถึงว่าตนเองจะกลายเป็นหนึ่งในนั้นด้วย เดิมเคยคิดว่าจะต้องโกรธมาก จนแม้แต่ต่อต้าน แต่น้ำหนักมือของนรมนไม่ได้แรงมาก แถมตอนถามยังแกล้งทำเป็นโกรธด้วยซ้ำ เผยให้เห็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้บุริศร์กลืนน้ำลายลงคอโดยไม่ตั้งใจ
“คุณภรรยา ตอนนี้คุณช่างกล้าหาญจริง ๆ ”
“เหอะ แล้วยังไง?ยังไม่ยอมบอกมาอีก!”
นรมนทำปากมุ่ย ท่าทางแกล้งทำเป็นโกรธนั้นทำให้บุริศร์อยากจะผลักเธอลงไปบนพื้น แล้วลงโทษให้สาสม แต่เขายังมีสติอยู่ รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน
“ไม่มีอะไรหรอก คุณวางใจเถอะ ผมรับรองว่าผมเป็นผู้ชายที่มีแนวทางตามปกติ นอกจากคุณผมไม่ต้องการใคร จริงนะ ฟ้าดินเป็นพยานได้”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนตะลึงเล็กน้อย นึกถึงเรื่องที่ราเชนชอบผู้ชายขึ้นมา จึงผลักบุริศร์ออกไปอย่างช่วยไม่ได้
“คุณเบี่ยงเบนหัวข้อให้มันน้อยหน่อย ถ้ามีสักวันคุณกล้าวุ่นวายกับผู้ชาย ฉันจะทำให้คุณกลายเป็นฝ่ายรับถึงที่สุด ให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติชีวิตของขันที”
นรมนพูดอย่างเย่อหยิ่งมาก
บุริศร์หัวเราะขึ้นมาอย่างเอาอกเอาใจ
ภรรยาตัวน้อยคนนี้ นับวันยิ่งกล้าหาญ และนับวันยิ่งทำให้เขารู้สึกชอบอย่างยิ่ง
“ไม่กล้าหรอก”
“ดีมาก!”
นรมนสัมผัสได้ว่าบุริศร์ตัวร้อน จึงรู้สึกเป็นห่วงทันที
“ทำไมตัวคุณถึงได้ร้อนขนาดนี้? คงจะไม่……”
“ไม่มีอะไรหรอก ที่นี่ค่อนข้างอบอ้าว พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับผม คุณสบายใจได้เลย”
เห็นบุริศร์ยังดูมีชีวิตชีวา นรมนจึงวางใจ
“ราเชนบอกว่าจะให้คนพาตัวเนตราส่งกลับไปเมืองชลธี คุณคิดจะทำอย่างไรกับเนตรา?”
“เอาตามที่คุณต้องการเลย”
ณ จุดนี้ บุริศร์หวังเอาไว้เสมอว่านรมนจะเป็นคนจัดการเนตราเอง
“ได้ คุณอยู่ที่นี่ให้สบายใจสักพัก พักผ่อนสักหน่อย เรื่องข้างนอกส่งมาให้ฉัน ในเมื่อพวกมันคิดว่าคุณคือที่พึ่งพิงของฉัน ตอนนี้จึงขังคุณเอาไว้ในนี้ แน่นอนว่าจะต้องพุ่งเป้าลงมือกับฉัน ปีศาจร้ายมากมายเช่นนี้ ฉันต้องจับออกมาทันที จะได้ไม่ต้องคอยอยู่ข้างหลังแอบวางแผนทำร้ายพวกเราทุกวัน ทำร้ายพวกเราจนชีวิตไม่มีความสุข”
นรมนเล่นเนกไทของบุริศร์ กล่าวออกมาเบา ๆ
แน่นอนว่าบุริศร์ไม่มีความคิดเห็นใด ๆ
“ดูแลตัวเองให้ดี ถ้าไม่ไหวก็ให้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดากับตระกูลพรโสภณมาช่วย”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี”
นรมนไม่อยากจากบุริศร์ไป แต่รู้ว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว
เดิมทีสามารถเข้าไปเจอบุริศร์ได้ก็เป็นเรื่องที่แปลกใจเหนือความคาดหมายแล้ว ถ้าตนเองยังคิดจะแหกกฏเพราะความไม่รู้จักพอ นรมนไม่รู้ว่าหลังจากนี้บุริศร์จะเป็นอย่างไร
เธอเป็นห่วงมาก
“ไปเถอะ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไร รอคุณมารับผมออกไป ผมจะคอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ คุณ”
เมื่อบุริศร์พูดคำเหล่านี้ออกมา แววตามีความคลุมเครือ
“แค่ก ๆ ”
นรมนแกล้งทำเป็นไอสองที เพื่อปกปิดความเขินอายของตนเอง
“อืม”
บุริศร์รู้สึกตัดใจไม่ลงขึ้นมากะทันหัน ไม่ยอมปล่อยมือที่จับนรมน
มองเห็นบุริศร์เหมือนเด็ก ในใจของนรมนก็รู้สึกแย่
“ฉันหาเส้นสายพาคุณออกมาดีกว่าไหม?”
“ช่างเถอะ อีกฝ่ายพยายามอย่างหนักเพื่อเอาผมเข้ามา ไม่ควรเสียหน้าเร็วขนาดนี้ มีเรื่องอะไรคุณไปหาชัยยศกับธรณีได้ ผมบอกพวกเขาเอาไว้แล้ว”
บุริศร์รู้สึกว่ายิ่งอยู่กับนรมนนานขึ้น ก็ยิ่งตัดใจปล่อยเธอไปไม่ได้
“ได้ ฉันไปก่อนนะ”
นรมนจูบบุริศร์เบา ๆ กลับถูกบุริศร์จับท้ายทอยเอาไว้ทันที ตามมาด้วยจูบที่รุนแรงพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
นรมนรู้สึกว่าริมฝีปากของตนเองบวมฉึ่ง
“คนบ้า”
นรมนผลักบุริศร์ออกและวิ่งออกไป
มองแผ่นหลังของเธอ มุมปากของบุริศร์ยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าอ่อนโยน
ทันใดนั้นเขาก็กุมศีรษะของตนเองอย่างกะทันหัน และขดไปทั้งตัว ถึงแม้จะพยายามเก็บมันเอาไว้ แต่ร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
“คุณเป็นอะไรไป?”
ผู้คุมเห็นท่าทางแปลก ๆ ของบุริศร์ จึงรีบไถ่ถาม แต่กลับไม่กล้าเข้าไปใกล้ตรงหน้า เพราะกลัวว่าบุริศร์จะจงใจแกล้งทำ
บุริศร์กัดฟันกรามแน่น บนศีรษะมีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด
อาการเจ็บเส้นประสาทของเขาไม่ได้กำเริบมานานแล้ว ครั้งก่อนป้องยังเคยถามเขา เขาเข้าใจว่าตนเองหายดีแล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าอาการจะมากำเริบในนี้
ผู้คุมเห็นบุริศร์มีอาการผิดปกติ จึงรีบติดต่อคนให้พาบุริศร์ไปโรงพยาบาล และเพื่อป้องกันเขาหลบหนี จึงวางกำลังคนนอกเครื่องแบบโดยรอบจำนวนมาก และทั้งหมดนี้ นรมนไม่รู้เรื่องเลยสักนิดเดียว
หลังจากนรมนออกไป ใบหน้ายังคงร้อนผ่าว
บุริศร์คนนี้……
คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่สามารถหาคำที่เหมาะสมมาบรรยายได้
นรมนคิดว่าตนเองจะต้องเรียกรถถึงจะสามารถกลับไปได้ คิดไม่ถึงว่าคนชุดดำยังอยู่ เมื่อมองเห็นนรมนก็รีบก้าวเข้ามา ด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม
“คุณนรมน ผมจะคุ้มกันคุณไปสนามบิน ตั๋วเครื่องบินถูกเปลี่ยนเรียบร้อย คือหลังจากนี้หนึ่งชั่วโมง ตอนนี้เวลาที่พวกเราเดินไปทางค่อนข้างเร่งด่วน”
เมื่อนรมนฟังจบก็นิ่งไปสักพัก ถามว่า “คำสั่งของราเชนเหรอ?”
“ใช่ครับ”
นรมนหรี่ตาลง ไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นขึ้นไปบนรถ
ความเร็วของรถไม่ช้าและไม่เร็ว แต่กลับเพียงพอเวลาขึ้นเครื่องบินที่ประมาณการเอาไว้ล่วงหน้า
หลังจากนรมนขึ้นเครื่องบิน คนชุดดำก็หายไป
สำหรับการกระทำของราเชน นรมนรู้สึกประหลาดใจ แต่กลับไม่พูดอะไร
เธอหลับตาพักผ่อน
หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า เครื่องบินก็ลงจอดที่เมืองชลธี
นรมนรู้ว่าเรื่องของบุริศร์มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะลามมาถึงเมืองชลธีอย่างรวดเร็ว ไม่แน่ว่าด้านนอกอาจมีนักข่าวมากมายรอเธออยู่ก็ได้
ตอนนี้เธอบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง จึงไม่มีแรงรับมือกับนักข่าว ทำได้เพียงออกทางช่องฉุกเฉิน
เมื่อนรมนออกมาจากช่องฉุกเฉิน ก็มองเห็นรถมายบัคจอดอยู่เงียบ ๆ ตรงนั้น เมื่อเห็นนรมน กระจกรถก็ลดลงมา ปรากฏโฉมหน้าอันหล่อเหลาของธรณีตรงหน้าเธอทันที
“นรมน ขึ้นรถ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน”
นรมนไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดกับการปรากฏตัวของธรณี ในเมื่อบุริศร์บอกว่า เขาแจ้งกับธรณีเอาไว้แล้ว ดังนั้นนรมนจึงรีบเดินเข้าไป เปิดประตูรถ และยังมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่พบคนอื่นถึงจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ผมได้ให้คนเคลียร์สถานที่แล้ว วางใจเถอะ”
แน่นอนว่าธรณีรู้ว่านรมนกังวลเรื่องอะไร
นรมนมองธรณี ยิ้มอย่างมีความสุขขึ้นมาทันที
“คุณอาเล็ก ดีใจที่ได้เจอคุณจริง ๆ ”
“ให้มันน้อยหน่อย ตอนคุณอยู่ใน เมืองBหาเงินไม่ได้ก็ไม่มาหาผม ยังเห็นผมเป็นคนในครอบครัวอยู่ไหม?ตอนนี้ยังคิดจะสอพลอเพื่อเอาใจผม สายไปแล้ว ผมโกรธแล้ว”
ธรณีรู้เรื่องที่นรมนอยู่ใน เมืองB จึงรู้สึกโกรธโดยปริยาย เขาโกรธที่นรมนไม่เห็นเขาเป็นคนในครอบครัว
ได้ฟังธรณีพูดแบบนี้ นรมนก็รู้สึกไม่เป็นธรรม
“คุณอาเล็ก คุณพูดปรักปรำฉันเกินไปหรือเปล่า ฉันแค่อยากลองดูว่าตัวเองมีความสามารถไหม ถ้าตั้งแต่เริ่มก็ร้องหาครอบครัวแล้ว ฉันจะออกไปทำธุรกิจทำไม?ฉันอยู่ในตระกูลทวีทรัพย์ธาดาหรือตระกูลโตเล็กไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถมอบธุรกิจทั้งหมดของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาให้คุณ”
ธรณีพิจารณาอย่างจริงจังสุด ๆ
“อย่า ๆ ๆ ฉันไม่สนใจธุรกิจ”
นรมนรีบปฏิเสธ
ล้อเล่นหน่ะ ถ้าเธอรับช่วงธุรกิจของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจริง ๆ เธอยังจะมีเวลาพูดเรื่องความรักกับบุริศร์อีกเหรอ?
ธรณีส่ายหน้า แต่ก็ไม่ฝืนใจเธอ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “วันนี้คุณอาสามไม่อยู่บ้าน ผมพาคุณออกไปกินข้าวข้างนอกดีไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะกลับไปตระกูลโตเล็กก่อน เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับบุริศร์ ตอนนี้ธิดาก็ท้องอีก ไม่รู้ว่านักข่าวพวกนั้นจะทำให้พวกเขาอับอายหรือเปล่า ฉันอยากกลับไปดูก่อน”
เมื่อนรมนพูดถึงเรื่องนี้ ธรณีจึงเหลือบมองท้องของเธอโดยไม่รู้ตัว และกล่าวอย่างเสียดาย “นรมน ตอนนี้คุณมีลูกสามคนแล้ว อย่ามีลูกอีกเลย ร่างกายของคุณไม่รู้ว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้หรือเปล่า พูดตามตรง ในเรื่องนี้ บุริศร์ค่อนข้างน่าผิดหวัง”
“คุณอาเล็ก อย่าโทษเขาเลย”
นรมนรู้ว่าธรณีสงสารตนเอง แต่ลูกไม่อยู่แล้ว เรื่องนี้อธิบายไม่ได้จริง ๆ ถึงแม้จะเป็นความผิดของบุริศร์ นรมนก็ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นมาพูดว่าสามีของตนเองผิดได้
“คุณเนี่ยนะ ชอบเข้าข้างเขา”
ธรณีถอนหายใจ และสั่งให้คนขับกลับไปที่บ้านตระกูลโตเล็ก
ที่นี่มีนักข่าวเกาะติดอยู่จำนวนหนึ่ง แต่เพราะบอดี้การ์ดของตระกูลโตเล็กนั้นยอดเยี่ยมมาก พวกเขาจึงเข้าไปไม่ได้
รถของธรณีขับเข้าไปในบ้านตระกูลโตเล็กโดยตรง ป้องกันไม่ให้นักข่าวมีโอกาสก่อความวุ่นวายกับนรมน
หลังจากนรมนกลับมาที่ตระกูลโตเล็ก ธิดากับนาวินก็ออกมาทันที
“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ปลอดภัยใช่ไหม?บนอินเทอร์เน็ตบอกว่าพี่ชายของฉันฆ่าคนตาย เป็นความจริงหรือเปล่า? พี่ชายของฉันล่ะ?”
ในชีวิตนี้ธิดาได้อยู่กับคนในครอบครัวน้อยมาก ดังนั้นจึงเอาใจใส่บุริศร์เป็นพิเศษ ถึงแม้บุริศร์จะไม่ค่อยมีน้ำใจไมตรี แต่สำหรับเธอก็เพียงพอแล้ว
นาวินกลับไม่พูดอะไร เพียงแต่สายตาที่มองนรมนมีความร้อนรน
นรมนมองเห็นท้องของธิดาที่มีอายุหลายเดือน นึกถึงตนเองที่เสียลูกไป จึงอดรู้สึกทุกข์ใจไม่ได้ แต่กลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะจัดการเรื่องพี่ชายของเธอ อย่ากังวลใจไปเลย ฉันกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ว่าพี่สะใภ้ พี่หายบาดเจ็บแล้วเหรอ?บนอินเทอร์เน็ตบอกว่าเนตราทำร้ายพี่จนบาดเจ็บอย่างรุนแรง ตอนนี้พี่กลับมาจะไม่เป็นอะไรเหรอ?ถ้าพี่ชายของฉันรู้จะรู้สึกเสียใจแค่ไหน”
ธิดานึกถึงบาดแผลของนรมนในคลิปวิดีโอก็รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว
นาวินรีบกล่าวว่า “เอาล่ะ ให้พี่สะใภ้เข้าไปในบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไม่เห็นหรือไงว่าสีหน้าของพี่สะใภ้ไม่สู้ดีเลย?”
“จริงด้วย ๆ พี่สะใภ้พี่รีบเข้าไปเถอะ”
ธิดาดึงนรมนเข้าบ้าน
นรมนมองไปรอบ ๆ อย่างไม่รู้ตัว จู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “คุณน้าล่ะ?”
ธิดารีบตอบว่า “แม่ของฉันได้ยินมาว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพี่ชาย จึงออกไปสืบข่าวตั้งแต่เช้าตรู่ หวังว่าจะสามารถช่วยพี่ชายของฉันได้ พี่สะใภ้ พี่ก็รู้ ฉันท้องโตขนาดนี้แล้ว ออกไปไหนไม่ได้ ออกไปก็ไม่รู้จักใคร”
นรมนได้ฟังก็หรี่ตาลงทันที
ธิดาเกิดและโตในเมืองชลธี ไม่มีเส้นสาย ส่วน แพรวามาที่เมืองชลธีนานแค่ไหนแล้ว?คิดไม่ถึงว่าจะสามารถออกไปสืบข่าวได้?
เธอจะไปสืบข่าวจากใครนะ?