“แจ้งตำรวจไม่ได้! นรมน อย่าทำอย่างนี้”
ความเร็วของแม่นรมน เกือบจะเทียบเท่ากับนักวิ่ง แต่น่าเสียดายที่คนที่อยู่ตรงหน้าเธอคือ นรมน
นรมนหันข้าง ก่อนจะกดหมายเลขหาตำรวจอย่างเร็ว
“สวัสดีค่ะ ฉันอยากแจ้งความ มีคนจะฆ่าฉัน!”
“ไม่!”
เมื่อแม่นรมนต้องการเข้ามาทำร้ายเธอ สมจิตก็รีบก้าวมาข้างหน้าและจับกุมตัวเธอกดไว้ที่ตรงกำแพง
“อย่าขยับ ทำตัวดีๆหน่อย!”
เมื่อครู่สมจิตต้องการลงมือ แต่นรมนส่งสายตาไม่ให้เธอขยับ เธอทำได้เพียงมองจากข้างๆ ตอนนี้แม่นรมน กำลังมุ่งไปทางด้านหลังของนรมน ทันใดเธอก็จำได้ว่าหลังของนรมนบาดเจ็บ จึงค่อยลงมือ
สีหน้าของนรมนไม่ดีเสียแล้ว
บนร่างกายของเธอมีแผล และแม่นรมนรู้ เมื่อกี้ใช้กำลังไม่สำเร็จ คิดไม่ถึงว่าแม่นรมนจะวางแผนลงมือกับบาดแผลของตัวเองได้
เมื่อกี้นรมนยังมีความลังเลเล็กน้อยอยู่ แต่ในตอนนี้ความคิดที่ว่าจะปล่อยคนพวกนี้ไปมันไม่มีอีกต่อไปแล้ว
พวกเขาไม่สมควรได้รับความรู้สึกที่ดีของเธอ
“คุณต้องการจะทำอะไรกับฉัน”
ดวงตาของนรมนมีแววดุดัน
สภาพของแม่นรมนตอนนี้เหมือนกระป๋องที่บุบ ดึงคอและพูด “ฉันพูดไปแล้ว ฉันต้องการให้แกตายไป แกแจ้งตำรวจมาจับฉันแล้วนี่ ฉันจะให้แกมีชีวิตอยู่ไปทำไม?”
“คุณคิดว่าจะทำร้ายฉันได้เหรอ? คุณคิดแค่อาศัยความใจอ่อนของฉัน คิดว่าฉันไม่กล้าลงมือทำอะไร เลยทำร้ายและข่มเหงฉันอย่างไม่มียางอาย แต่ฉันไม่สนบุญคุณที่เคยพวกคุณเคยเลี้ยงดูฉันแล้ว แล้วก็ยิ่งไม่สนว่าพวกคุณจะดุด่าฉันอย่างไรด้วย พวกคุณคิดว่าจะพึ่งอะไรเหรอถึงจะจับฉันได้? เนตราทำให้ไอคิวของพวกคุณลดน้อยลงหรือยังไงกัน?”
ทันทีที่นรมนพูดจบ สีหน้าของงามพลและแม่นรมนก็เปลี่ยนไปทันที
“นรมน แกไม่สนใจพวกเราแล้วจริงเหรอ?”
แม่นรมนทำราวกับว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้เพิ่งจะตระหนักได้ว่านรมนโกรธของจริง
จู่ๆนรมนก็รู้สึกเหนื่อยใจ
มันคงไร้ประโยชน์ที่จะพูดคุยกับพวกเขาอีกต่อไป
เธอโบกมือ ก่อนพูดกับสมจิต “ดูเธอไว้ เดี๋ยวตำรวจคงมาถึงแล้ว เรื่องวันนี้ฉันหวังว่าจะจัดการอย่างเข้มงวด บอกหัวหน้าใหญ่ด้วย”
“ค่ะ”
สมจิตพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
นรมนรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ที่นี่
เธอก้าวไปยังมุมหน้าต่าง คิดอยากจะไปสูดอากาศ
แม่นรมนจู่ๆ ก็ร้องไห้โฮออกมา
“นรมน แกมันไม่มีคุณธรรม แกไม่กลัวจมน้ำตายเพราะคำพูดของประชาชนเหรอ?”
ในขณะนี้เอง ที่ชัยยศวิ่งเข้ามา
“คุณนายครับ ไม่รู้ว่าข้างนอกใครเรียกนักข่าวมา แต่ถูกผมไล่ไปแล้ว คุณออกไปได้แบบไม่ต้องกังวลแล้ว”
ทันทีที่พูดจบ แม่นรมนก็ชะงักไป ก่อนจะร้องไห้ขึ้นมา
เห็นได้ชัด ว่าเธอเป็นคนเรียกนักข่าวมา
เพียงแค่นรมนย่างเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลนี้ ไม่ว่าแผนของงามพลจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แม่นรมนจะฆ่าเธอสำเร็จหรือไม่ ที่หน้าประตูโรงพยาบาล เธอยังเหลือปัญหาให้นรมนอีก
เมื่อเธอและงามพลถูกตำรวจคุมตัวไป หรือเพราะว่านรมนแจ้งตำรวจ อย่างนั้นนรมนก็จะเป็นคนดังไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็เป็นความดังในทางไม่ดี
แม่นรมนจ้างนักเขียนนิรนามไว้แล้ว และวางแผนจะทำให้นรมนอกกตัญญู เขียนเรื่องราวที่เลือดเย็นของเธอออกมา แต่ตอนนี้กลับโดนชัยยศทำให้มันสลายหายไปหมดแล้ว
ทันใดนั้น เธอก็ค้นพบว่านรมน ไม่ใช่นรมนที่พวกเขาเคยคุ้นเคยอีกต่อไป
อย่างที่นรมนพูดกับตัวเองไปว่า เมื่อนรมนไม่มีความรู้สึกกับพวกเขาแล้ว พวกเขาจะพึ่งอะไรได้อีก?
ในรอบนี้พวกเขาแพ้ และเป็นความพ่ายแพ้ที่เป็นหายนะ
แม่นรมนมองไปยังแผ่นหลังของนรมน ก่อนจะพูดว่า “นรมน เห็นแก่ว่าแม่ขอร้องละ อย่าทำร้ายเนตราเลย โอเคไหม? ถ้าลูกรู้สึกน้อยใจ แม่จะชดใช้ให้ทั้งชีวิตของแม่ แค่หวังว่าลูกจะไม่ทำอะไรเนตรา เธอเป็นแค่เด็ก”
นรมนยิ้มอย่างขมขื่น
เนตราอายุเท่ากันกับเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าแม่จะพูดว่าเธอคือเด็ก
แล้วเธอล่ะ?
ทำไมเธอถึงต้องยอมรับความเจ็บปวดของเนตรา
“ขอโทษ ฉันทำไม่ได้”
นรมนไม่ได้หันกลับไปมอง เธอไม่อยากเห็นหน้าแม่นรมน
ถึงอย่างไรเธอยังคงไม่สามารถเผชิญหน้ากับแม่นรมนที่พูดอะไรไร้ไมตรีเช่นนี้ได้
ตำรวจมาถึงเร็วมาก อาจเพราะคุณท่านธนาศักดิ์ธนทักทายพวกเขา คนที่มาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่จริง
เมื่อเขาเห็นนรมน หัวหน้าใหญ่ก้มหัวทักทาย ก่อนจะนำตัวแม่นรมนจากมือของสมจิตไป
เรื่องตลกนี้จบลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่านรมนจะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ แต่เธอก็ไม่มีความรู้สึกยินดีเลย ตรงกันข้าม เธอรู้สึกเศร้ามาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เธอคิดถึงบุริศร์
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง อาการเส้นประสาทของเขาจะดีขึ้นบ้างเล็กน้อยหรือไม่
สมจิตต้องการเข้าไปหาเธอ แต่ถูกชัยยศห้ามไว้
“ให้คุณนายได้อยู่คนเดียวเถอะครับ”
ชัยยศพูดพลางดึงสมจิตไปอีกทาง
นรมนรู้เสมอว่ารสชาติการคิดถึงเป็นอย่างไร แต่น่าเสียดายที่เธอใช้เวลาในตอนคำนึงถึงมากไป
ตอนนี้เธอไม่ต้องการทำร้ายตัวเอง
นรมนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาป้องโดยตรง
อีกฝั่งรับสายอย่างรวดเร็ว
“เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“สลบไปสองครั้ง ตอนนี้ตื่นแล้ว”
ทันทีที่เสียงของป้องเงียบลง ก็ได้ยินเสียงคำรามต่ำของบุริศร์แว่วมา
“ป้อง แกหุบปาก”
“ส่งโทรศัพท์ให้เขา”
นรมนรู้มาโดยตลอดว่าเสียงของบุริศร์ไพเราะ แต่ไม่คิดว่าจะเพราะขนาดนี้ ไพเราะเสียจนเธอได้ยินแล้วอยากจะร้องไห้เลย
ป้องโยนโทรศัพท์ไปให้บุริศร์
บุริศร์ถอนหายใจ และพูดว่า “ผมไม่เป็นไร อย่าไปฟัง เขากำลังทำให้คุณกลัว คุณไม่ใช่ไม่รู้ ว่าคำพูดของหมอต้องฟังอย่างละครึ่ง พวกเขาชอบทำราวกระต่ายตื่นตูม”
“บุริศร์”
ทันใดนรมนก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแฝงกับความน้อยใจ ทันใดบุริศร์ก็รู้สึกปวดใจอย่างหาที่สุดไม่ได้
“เป็นอะไรไป? ใครรังแกคุณ”
“ฉันแจ้งตำรวจจับพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน ฉันคิดว่าฉันจะดีใจ แต่มันไม่ใช่ ฉันเสียใจมาก ฉันอยากซบอยู่ในอ้อมกอดของคุณ ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นของคุณ บุริศร์ ฉันเตือนคุณนะ ถ้าคุณไม่ดูแลตัวเองดีๆ ฉันก็ไม่ต้องการคุณแล้ว ฉันจะไปหาผู้ชายคนอื่น ฉันจะทำให้คุณริษยาจนตาย”
ดวงตาของนรมนเปียกชื้นในขณะที่เธอพูด
เธอคิดถึงเขามากจริงๆ
บุริศร์พูดอย่างปวดใจว่า “ถ้าคุณลงมือเองไม่ได้ ก็น่าจะมอบหมายให้ชัยยศทำ ไม่ต้องทรมานตัวเอง คุณก็รู้ ว่าถ้าคุณเป็นแบบนี้ผมจะเจ็บปวด”
“เจ็บปวดก็เจ็บไปสิ อย่างไรก็ดีกว่าเป็นโรคประสาทอย่างคุณ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่นรมนพูด บุริศร์ก็ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
“โรคประสาทของผมไม่มีอะไรจริงๆ”
“ใช่สิ ไม่มีอะไรจนเจ็บและเป็นลมไป ไม่มีอะไรจนต้องให้ป้องที่มีภรรยาท้องแก่อยู่ต้องวิ่งโร่ไปหา บุริศร์ คุณคิดว่าฉันเป็นเด็ก หลอกอะไรฉันก็เชื่อเหรอคะ?”
น้ำเสียงของนรมนที่พูดกระแทกมา ทำให้บุริศร์พูดไม่ออก
“พูดมา”
“กำลังคิดอยู่ว่าพูดยังไงดีให้คุณไม่โกรธ”
บุริศร์ก็พูดความจริงเช่นกัน
นรมนก็ยิ้มทันที
“สามี ฉันคิดถึงคุณ คิดถึงคุณจริงๆ”
เสียงที่นุ่มนวลของนรมน ทำให้บุริศร์ไม่สามารถต้านทานได้
เขาต้องการบินไปข้างกายนรมนเสียเดี๋ยวนี้
“ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว กลับมาเถอะ ผมจะให้คนไปจัดการหนอนบ่อนไส้ที่ซ่อนตัวอยู่เงียบๆเอง”
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องรออีกนาน แต่ฉันรอไม่ไหวแล้ว ฉันอยากจัดการเรื่องทางนี้ให้มันจบไปเสียที จากนั้นก็ไปเที่ยวกับคุณตอนคุณแต่งงาน คุณเป็นหนี้ไปเที่ยวฮันนีมูนกับฉันนะ ตอนคุณไปยูนนานคุณบอกว่าจะชดใช้ให้ฉัน? ยังมีคนโง่เขลาอีกมากมายที่คอยกวนใจเรา ดังนั้นเราจึงต้องจับผีพวกนี้ให้ได้ จากนั้นถึงจะได้ออกไปเที่ยวอย่างมีความสุขสักครั้ง โอเคไหม?”
น้ำเสียงของนรมนอ่อนโยน ราวกับว่าความหวานแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของบุริศร์โดยตรง แม้ว่าจะไม่ได้อยู่เคียงข้าง แต่จิตใจของบุริศร์ก็เริ่มเพ้อถึงวันที่เขาสองคนออกเดินทางท่องเที่ยว
“โอเคสิ”
“คุณต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังป้อง รักษาโรคประสาทให้หายเร็วขึ้น ป้องจะลำบากเอานะ โพนี่ก็ท้องแก่แล้ว แถมยังมีป้องให้ต้องดูแลอีก ถ้าป้องต้องอยู่ข้างกายคุณนานวันเข้า คุณจะถูกคนเกลียด รู้ไหม?”
นรมนเตือน
ริมฝีปากของบุริศร์ยกยิ้มอ่อนโยน
“โอเค”
“แล้วก็ อย่าลืมคิดถึงฉันทุกวัน ถึงแม้ฉันเพิ่งกลับมา แต่อย่ารอช้าที่จะคิดถึงฉัน ถ้าหากเงื่อนไขผ่านแล้ว คุณควรส่งข้อความ ราตรีสวัสดิ์ อรุณสวัสดิ์มา ถ้าปวดเส้นประสาท อย่าปิดบังฉัน ทำอย่างนั้นมันจะทำให้รู้สึกว่าคุณไม่เห็นฉันเป็นภรรยาของคุณ”
“โอเค”
ตอนนี้บุริศร์เป็นเพียงชายหนุ่มที่แสนดี นรมนพูดอะไรเขาก็โอเคไปหมด
ป้องเขย่าตัว ก่อนจะพูดติดตลกว่า “พวกนายสองผัวเมียอย่ามาทำให้อิจฉากันได้ไหม? ลูกๆก็โตกันหมดแล้วยังจะมาหวานใส่กัน ไม่อายคนหรือไง”
“ไสหัวไป!”
ทันใดนั้น บุริศร์ก็รู้สึกว่าป้องเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง น่าเสียดายที่ไม่สามารถไล่มันออกไปไหนได้ ไม่อย่างนั้นตัวเขาเองจะคุยกับนรมนไม่ได้
ไม่ได้ เขาต้องคิดหาวิธีให้คนส่งโทรศัพท์มาให้
เมียบอกเขาแล้ว ว่าต้องส่ง อรุณสวัสดิ์และราตรีสวัสดิ์มาให้เธอทุกวัน
บุริศร์คิดอย่างนั้น ก่อนจะได้ยินนรมนพูดว่า “ใกล้จะถึงวันเกิดคุณแล้ว ฉันหวังว่าเราจะได้ไปทะเลในวันนั้น”
คำพูดของเธอ ทำให้บุริศร์ชะงักไปนิด
เขาจำวันเกิดตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อนับดูแล้ว ก็ใกล้จะถึงแล้วไม่กี่วันเอง
ความหมายของนรมนชัดเจนมาก หวังว่าในอีกไม่กี่วันนี้จะจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้ดี จากนั้นจึงจะได้ไปทะเลด้วยกันราวกับอยู่ในโลกกันเพียงสองคน
บุริศร์ตั้งตารอ
“อืม ผมจะพยายาม”
“โอเค วางสายเถอะ รักนะที่รัก”
นรมนจูบบุริศร์ผ่านทางโทรศัพท์
บุริศร์หน้าแดงขึ้นมาทันที
“โอ้ ประธานบุริศร์ ไร้ดียงสาเสียจริง”
ป้องแซวบุริศร์ บุริศร์เลยโยนโทรศัพท์ไปให้เขา
“รักษาโรคประสาทของฉันให้หายสักทีได้ไหม? นี่แกเป็นหมอกำมะลอหรือเปล่า?”
มุมปากของป้องกระตุกเล็กน้อย
“นี่ ลูกพี่ ต้องเข้าใจให้ชัดนะครับ นี่คือโรคประสาท มันเป็นโรคที่รักษายาก โอเคไหม? ตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพึ่งยาเพื่อรักษาประคองอาการ อีกอย่างแกก็อย่าเครียดเกินไป พักผ่อนให้มาก แต่ว่าทำไมแกไม่ให้ยมราชมิลินมาดูแกหน่อยละ? กิจจาก็ออกไปสักพักแล้วไหม? ควรให้เขากลับมาแล้วไหม? ให้ลูกไปเติบโตอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานเกินไป จะทำให้แกกับเขาเป็นคนแปลกหน้ากันนะ”
คำพูดของป้องทำให้บุริศร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ฉันจะจัดการ”
แต่หลังจากที่นรมนวางสาย เธอก็รู้สึกดีขึ้น
แน่นอนว่าสามีเป็นยาของเธอ
นรมนเก็บโทรศัพท์ ก่อนจะหันไปพูดกับสมจิตและชัยยศ “กลับกันเถอะ กลับไปทานข้าว คุณตาน่าจะรอจนร้อนใจแล้ว”
หลังจากพูดจบ เธอถึงเพิ่งพบว่าสมจิตและชัยยศไม่อยู่แล้ว