แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 1032

ตอนที่ 1032

เป็นสายโทรเข้าของวินเซนต์

“พี่ใหญ่ เนตราคนนั้นฟื้นแล้ว และร้องโอดครวญอยู่ เสียงดังจนพวกเราพี่น้องต่างก็นอนไม่หลับ จะทำยังไงดี?”

ดวงตาของบุริศร์มีแววเย็นอำมหิตพาดผ่านเสี้ยวหนึ่ง

“จะต้องทำยังไงยังต้องให้ฉันสอนอีกเหรอ? หลายปีมานี้นายใช้ชีวิตสงบสุขมากเกินไปแล้วใช่ไหม ลืมไปแล้วใช่ไหมว่าตอนตัวเองฝึกฝนนั้นผ่านมายังไง?”

น้ำเสียงของบุริศร์ค่อนข้างเย็น

วินเซนต์เฉลียวฉลาดขึ้นมาทั้งตัว

หลายปีมานี้บุริศร์ใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ไม่ค่อยได้ปล่อยพลังของตัวเองออกมาสักเท่าไหร่ จนทำให้เขาคิดว่าบุริศร์ได้กลายเป็นคนธรรมะธัมโมไปแล้วจริง ๆ พอตอนนี้มาได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ วินเซนต์ก็ตื่นขึ้นมาทันที

“ครับ พี่ใหญ่”

“ต่อไปถ้ายังมาถามคำถามไร้สาระแบบนี้กับฉันอีก เจ้าของสหภาพQTก็จะต้องเปลี่ยนให้คนอื่นมาเป็นแล้ว”

บุริศร์พูดจบก็วางสายโทรศัพท์ไปเลย

ภรรยาและลูกสาวยังรอให้เขาทำกับข้าวอยู่

ความโหดเหี้ยมทั้งตัวของบุริศร์พอนึกถึงนรมนและกมลแล้วก็สลายหายไปไม่เหลืออะไรเลยทันที

เขาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มแล้วส่ายหัวเล็กน้อย นึกถึงนรมนที่หึงหวงขึ้นมาเมื่อกี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปในครัว

นรมนกลับมาถึงห้องนอนแล้ว ถึงรู้สึกตัวว่าตัวเองทำอะไรไป

อืม

นี่เธอหึงหวงลูกสาวของตัวเองอย่างมีเหตุมีผลขนาดนั้นเลยเหรอ

เก่งแล้วนะ

แต่ว่าความรู้สึกแบบนี้มันไม่เลวจริง ๆ เลยนะ

เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะ จ้องมองดูโทรศัพท์ที่มีสายของพริมาเคยโทรมาหาตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะโทรกลับไป

“มีอะไรเหรอ?”

“ประธานนรมนคะ ศิลปินของเราเกิดเรื่องแล้วค่ะ”

คำพูดของพริมาทำให้นรมนค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้น

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“คือณัจยาค่ะ พ่อแม่ของเธอก่อนหน้านี้คือพ่อแม่บุญธรรม เธอเป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยง หลังจากที่รับเธอมาเลี้ยงแล้วพวกเขาก็มีลูกชายอีกคนหนึ่ง พอมีลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองแล้วพวกเขาก็ไม่ดีกับณัจยา ตอนนี้ก็ยิ่งชอบมาขอเงินกับณัจยาไม่หยุด แล้วณัจยาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพวกเรา ตอนนี้พ่อแม่ที่รับเธอมาเลี้ยงได้ฟ้องเธอขึ้นมาแล้ว เรื่องราวก็ค่อนข้างใหญ่โต นักข่าวมาห้อมล้อมประตูบริษัทไว้หมดแล้ว บริษัทของเราถือได้ว่าโด่งดังขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว”

พริมาพูดขึ้นอย่างประชดประชันเล็กน้อย

นรมนขมวดหัวคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ณัจยาคือศิลปินชั้นรองที่เราเซ็นสัญญามาคนนั้นใช่ไหม?”

“ก็ใช่นะซิ? ตอนนั้นที่มาเซ็นฉันยังคิดไม่ตกอยู่เลย ทำไมถึงเลือกมาเซ็นกับบริษัทของเราได้ แต่ว่าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ใครจะไปคิดว่าจะเป็นตัวปัญหาแบบนี้ ฉันไปสืบเสาะมาแล้ว ต้นสังกัดเก่าของเธอก็โดนพ่อแม่บุญธรรมของเธอไปเอะอะโวยวายจนเขากลัวก็เลยยกเลิกสัญญา”

พอได้ยินพริมาพูดแบบนี้แล้ว ในใจนรมนก็พอมีความคิดขึ้นมาบ้างแล้ว

“ไม่ว่าจะพูดยังไง ตอนนี้เธอก็เป็นศิลปินของบริษัทเรา เกิดเรื่องขึ้นมาบริษัทเราก็จะต้องรับผิดชอบแก้ไข อย่าเพิ่งไปสนใจว่าโลกโซเชียลจะพูดยังไง คุณไปตรวจสอบการเดินบัญชีและบันทึกการโอนของเธอในช่วงนี้ ดูซิว่ามีบันทึกโอนเงินไปให้พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเธอหรือเปล่า และนอกเหนือจากนั้นก็ไปตรวจสอบดูว่ามีบันทึกข้อเท็จจริงที่เธอโดนกระทำทารุณตอนเด็กไว้หรือเปล่า ในเมื่อเรื่องก็เกิดขึ้นมาแล้ว เราก็ทำได้แค่แก้ไข ไม่ว่ายังไง ณัจยาก็โด่งดังขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ถึงจะเป็นในด้านลบก็ตาม แต่ขอแค่เราจัดการให้เหมาะสม ไม่แน่เรื่องนี้อาจจะเป็นการกลับมุมครั้งหนึ่งก็ได้ และก็จะสามารถโฆษณาบริษัทเราออกไปได้ด้วย พอถึงตอนนั้นก็จะทำให้พอมีชื่อเสียงขึ้นมาในวงการนี้บ้างแล้ว”

มุมมองที่นรมนมองดูปัญหาต่างกันกับพริมา

พริมาอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมนรมนขึ้นมาบ้าง

“ได้ค่ะ ประธานนรมน ฉันจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ทางด้านประชาสัมพันธ์ตอนนี้จะไม่สนใจอะไรเลยใช่ไหมคะ?”

“ตอนนี้ทิ้งไว้ก่อน ดูสถานการณ์ต่อไปก่อน ถ้าอีกฝ่ายมีการเตรียมการก่อนมา ก็จะต้องไม่มีทางให้เรามีโอกาสได้หายใจแน่ รีบไปทำตามเรื่องที่ฉันสั่งก่อน”

หลังจากที่นรมนวางสายไปแล้วนั้น อยู่ ๆ ก็หัวเราะอย่างมีความสุขขึ้นมา

ถ้าเรื่องนี้จัดการให้ดีได้ บริษัทนักแสดงของตัวเองก็จะสามารถมีชื่อเสียงขึ้นมาได้แล้วจริง ๆ เธอกำลังหงุดหงิดอยู่เลยว่าจะทำเรื่องอะไรออกมาสักหน่อยดี แต่กลับคิดไม่ถึงว่ากำลังง่วงอยู่พอดีก็มีคนยื่นหมอนมาให้เลย

วงการบันเทิงก็เป็นแบบนี้ ไม่มีใครสนใจหรอกว่าความจริงของคุณคืออะไร สิ่งที่ทุกคนรอดูล้วนคือความสนุก ขอแค่คุณมีชื่อเสียง ก็จะไม่โดนผู้คนหลงลืม จุดนี้ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

บุริศร์เข้ามาก็เห็นภรรยาตัวน้อยของตัวเองกำลังหัวเราะราวจิ้งจอกยังไงอย่างงั้น จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “เรื่องอะไรทำไมถึงได้มีความสุขขนาดนี้?”

“ไม่บอกคุณหรอก”

นรมนพูดอ้อมค้อมขึ้นทีหนึ่ง

พอเห็นบุริศร์ขึ้นมา เธอก็ถามขึ้นว่า “กับข้าวทำเสร็จแล้วเหรอคะ?”

“อืม”

“ทำของอร่อยอะไรบ้างคะ?”

“นอกจากปีกไก่ต้มโค้กแล้ว กับข้าวอย่างอื่นที่เหลือล้วนเป็นของที่คุณชอบ”

บุริศร์พูดขึ้นอย่างมีความพยายามเอาตัวรอดสูงมาก

เห็นได้ชัดว่าการตอบแบบนี้ทำให้นรมนรู้สึกพอใจขึ้นมาบ้างแล้ว

“อืม แบบนี้ยังค่อยดีขึ้นมาหน่อย แต่ว่าก็จะให้ลูกสาวหิวไม่ได้ รู้หรือยัง?”

“ได้”

บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองยากมากเลย

นรมนถึงได้ลงจากชั้นบนมากับบุริศร์อย่างพึงพอใจ

กมลล้างมือเสร็จแล้วและกำลังรออยู่ในห้องทานอาหาร

“หม่ามี้ จะกินข้าวอยู่แล้ว ทำไมหม่ามี้ยังจะต้องให้แด๊ดดี้ไปถามอีกคะ?”

“สามีของฉัน ฉันพอใจ”

นรมนโอ้อวดขึ้นอย่างปัญญาอ่อนมากเลย

กมลขมวดคิ้วขึ้นมา

“แต่ว่าหนูไม่พอใจค่ะ นี่เป็นแด๊ดดี้ของหนู ถ้าทำให้แด๊ดดี้ของหนูเหนื่อยเกินไปจะทำยังไงคะ?”

“สามีของฉันก็เป็นของฉัน ฉันอยากจะใช้ยังไงก็จะใช้ยังไง เธอมีความเห็นเหรอ? ตัวเองก็ไปหาสามีคนหนึ่งมาเป็นทาสตัวเองซิ”

นรมนเป็นอย่างกับเด็กคนหนึ่ง คล้องแขนของบุริศร์เอาไว้

ปากเล็ก ๆ ของกมลค่อย ๆ เบ้ขึ้นมา

“แด๊ดดี้!”

ท่าทางที่น้อยอกน้อยใจแบบนั้นของเธอ บุริศร์เห็นแล้วในใจก็บิดกันจนเจ็บปวดขึ้นมา

“หม่ามี้ล้อเล่นกับหนูเท่านั้น กมลอย่าโกรธนะ มา แด๊ดดี้อุ้มมา”

“บุริศร์”

นรมนจ้องมองบุริศร์ ท่าทางแบบว่าคุณลองอุ้มดูซิ

บุริศร์รู้สึกปวดหัวขึ้นมาบ้าง

“เธอยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเอง”

กมลแลบลิ้นใส่นรมนเล็กน้อย แล้วก็ทำหน้าผีใส่ นรมนโกรธจนแทบอยากจะกระชากยัยเด็กนี่ออกมาจากอกของสามีของเธอ

สำหรับเรื่องที่พวกเธอสองแม่ลูกแย่งความรักกันนั้น บุริศร์เลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็น แล้วก็อุ้มกมลเดินเข้าไปในห้องทานอาหารเลย

นรมนพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “รอเธอโตขึ้นมาแล้ว จะรีบให้เธอแต่งงานออกไปแน่ จะได้ไม่ต้องมาแย่งสามีกับฉัน”

“รอหม่ามี้แก่แล้ว จะรีบให้หม่ามี้แต่งงานออกไปเลย จะได้ไม่ต้องมาแย่งแด๊ดดี้กับหนู”

คำพูดของกมลทำให้บุริศร์สำลักขึ้นมาทันที

“แค่ก แค่ก กมล หนูอยากจะได้พ่อเลี้ยงอีกคนเหรอ?”

“ไม่เอาค่ะ เนเน่ในห้องของหนูบอกว่าแม่ของเธอหาพ่อเลี้ยงมาให้เธอคนหนึ่ง แล้วพ่อเลี้ยงก็มักจะตีเธอบ่อย ๆ ตอนที่หม่ามี้ไม่อยู่ หนูไม่เอาพ่อเลี้ยงค่ะ”

กมลพูดแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

บุริศร์จึงรีบพูดขึ้นว่า “เพราะฉะนั้นจะให้หม่ามี้แต่งงานกับคนอื่นไม่ได้นะรู้ไหม?”

“อ๋อ”

กมลรีบพยักหน้าขึ้นมา และยังรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว

ยังไงแด๊ดดี้ก็ฉลาดที่สุด

เธอจ้องมองบุริศร์อย่างรู้สึกชื่นชมเต็มใบหน้า จากนั้นก็จุ๊บม๊วฟที่แก้มของเขาทีหนึ่ง

“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ฉลาดมากเลยค่ะ”

การประจบประแจงนี้ทำให้มุมปากของนรมนอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้น

นี่

ยัยเด็กนี่ไม่เคยที่จะชื่นชมเธอเลยนะ

หึ!

เห็นได้ชัด ๆ ว่าเป็นศัตรูแห่งความรัก

หลังจากที่บุริศร์จัดแจงให้ลูกสาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เห็นภรรยากำลังโกรธจัดอยู่อีกข้างหนึ่ง จึงรีบเอานมที่อุ่นเสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นไปให้

“ดื่มนมดับความโกรธหน่อยนะ กมลยังเด็กอยู่ จะต้องค่อย ๆ สอนไป”

“ในเมื่อคนรักตัวเล็กของคุณอยู่ในสายตาคุณอะไรก็ดีไปหมด ฉันจะบอกอะไรคุณนะ ถ้ามีลูกกันอีกฉันจะไม่เอาลูกสาวแน่! มีศัตรูแค่คนเดียวก็มากพอแล้ว ถ้ามาอีกคนฉันจะต้องบ้าแน่ ๆ”

ร่างกายของบุริศร์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างกับไม่มีเรื่องอะไร “อืม ไม่เอาแล้ว แค่มีพวกเขาก็ดีมากแล้ว ถ้ามีอีกคนหนึ่งคุณก็จะต้องเหนื่อย เทียบกับให้ผมเอาความคิดไปไว้ที่ลูก ยังสู้เอามาเอาอกเอาใจคุณไม่ดีกว่าเหรอ”

การประจบประแจงนี้ทำให้นรมนรู้สึกสบายใจมาก

“ถือได้ว่าคุณยังพอมีหัวใจ แต่ว่าต่อไปถ้าปัจจัยเหมาะสมแล้วละก็ ฉันก็ยังหวังว่าจะสามารถมีลูกให้กับคุณได้อีกคนหนึ่ง ตอนนั้นตอนที่พวกเขาอยู่ในท้องฉันนั้นคุณไม่ได้อยู่มีส่วนร่วมด้วย ถ้าหากว่าลูกคนก่อนหน้านี้ยังมีชีวิตอยู่ละก็ ตอนนี้ก็น่าจะเกือบครบสี่เดือนแล้ว”

อยู่ ๆ ท่าทีของนรมนก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย

กมลถามขึ้นอย่างเพิ่งจะรู้ตัวทีหลัง “อ๋อใช่ซิ หม่ามี้ น้องที่อยู่ในท้องของหม่ามี้ล่ะ?”

นรมนรู้สึกไม่อยากจะสนใจลูกสาวที่หยาบกระด้างคนนี้แล้ว

ยัยเด็กนี่ถ้าโตแล้ว จะแต่งออกไปได้จริง ๆ เหรอ?

เธอรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างลึกซึ้งแล้วจริง ๆ

ในแววตาของบุริศร์มีแววโศกเศร้าพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง แต่ว่ากลับพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “น้องที่อยู่ในท้องของหม่ามี้กลับขึ้นไปบนสวรรค์แล้ว”

“ทำไมถึงกลับขึ้นไปบนสวรรค์ละคะ?”

กมลกะพริบดวงตาคู่โตอย่างสงสัยแล้วถามขึ้น

“เพราะว่าเด็ก ๆ ต่างก็เป็นเทวดาตัวน้อยที่อยู่บนสวรรค์ ที่พวกหนูมาอยู่ข้างกายแด๊ดดี้และหม่ามี้นั้น ต่างก็เป็นบัญชาของสวรรค์ อย่างเช่นหนูกับพี่ชายของหนู ก็เป็นเทวดาน้อยของแด๊ดดี้และหม่ามี้ เพื่อที่จะอุ้มท้องพวกหนูแล้วหม่ามี้ต้องทนลำบากมาก ส่วนน้องก็มีธุระกะทันหันก็เลยกลับสวรรค์ไปก่อน”

พอได้บุริศร์อธิบายแบบนี้ กมลก็พยักหน้าขึ้นอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง “งั้นน้องยังจะกลับมาอีกไหมคะ?”

“อันนี้เป็นความลับอย่างหนึ่ง”

“ความลับเหรอ ก็ได้ค่ะ”

กมลพยักหน้าขึ้น แล้วก็ไม่ได้ติดอยู่ที่ปัญหานี้อีกต่อไป

บุริศร์รีบใช้โอกาสนี้สั่งสอนขึ้นมา “กมล หนูดูซิหม่ามี้ไม่มีน้องแล้ว หนูควรจะไปปลอบใจหม่ามี้หน่อยใช่ไหม?”

“หนูให้กอดที่มีความรักกับหม่ามี้ทีหนึ่งได้ไหมคะ?”

“ได้แน่นอนอยู่แล้วจ้ะ”

กมลกระโดดลงมาจากเก้าอี้ แล้วก้าวเท้าน้อย ๆ เดินมาถึงตรงหน้านรมน และก็เขย่งเท้าน้อยขึ้นกางแขนเล็ก ๆ ทั้งสองข้างไปที่นรมน

“หม่ามี้ หนูให้กอดกับหม่ามี้ค่ะ”

ใจของนรมนก็ละลายขึ้นมาทันที

แล้วเธอก็อุ้มกมลขึ้นมาโดยตรง และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “หัวใจของหม่ามี้เจ็บปวดมากเลย เมื่อกี้กมลยังจะให้หม่ามี้แต่งงานออกไปอีก”

“แต่ว่าหม่ามี้ก็จะให้หนูแต่งงานออกไปเหมือนกันนี่คะ”

กมลรีบโต้เถียงกลับ

นรมนถอนหายใจทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “หม่ามี้พูดเล่นทั้งนั้น”

“หนูก็พูดเล่นเหมือนกันค่ะ เพราะฉะนั้นหม่ามี้ พวกเราอย่าแย่งแด๊ดดี้กันเลยดีไหมคะ? พวกเรามารักกันดี ๆ ได้ไหมคะ?”

“ก็ได้”

นรมนรีบพยักหน้าขึ้น

กมลรีบพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “แด๊ดดี้นอนเป็นเพื่อนหม่ามี้มาทั้งคืนแล้ว เพราะฉะนั้นคืนนี้ให้แด๊ดดี้นอนเป็นเพื่อนหนูได้ไหมคะ?”

มุมปากของนรมนกระตุกขึ้นมาอีกครั้ง

ยัยเด็กนี่จะให้หน้ากับเธอหน่อยไม่ได้เลยจริง ๆ ไม่งั้นก็จะเหลิงขึ้นมาทันที

นรมนกำลังอยากจะพูดขึ้นมาว่าไม่ได้ ก็ได้ยินบุริศร์พูดมาอย่างยิ้มแย้มว่า “ได้ คืนนี้แด๊ดดี้จะนอนเป็นเพื่อนหนูนะ”

“เย้! แด๊ดดี้ดีที่สุดเลย! ดีจังเลย!”

กมลหอมอย่างเป็นเอกลักษณ์ทีหนึ่งลงบนแก้มของนรมน จากนั้นก็ตะเกียกตะกายลงพื้น แล้วมานั่งลงข้างกายบุริศร์

“แด๊ดดี้ หนูจะกินปีกไก่ต้มโค้กค่ะ”

“ได้”

บุริศร์เอาปีกไก่ต้มโค้กยื่นมาตรงหน้ากมลอย่างอ่อนโยน

นรมนนี่เรียกว่าหงุดหงิดมากเลย

นี่มันเรื่องอะไรกันนี่!

กว่าจะเฝ้ารอสามีกลับมาได้ และสามารถอยู่เป็นเพื่อนเธอได้สักหน่อย แต่นี่ดีเลย กลับมีคนรักตัวเล็กคนหนึ่งแบบนี้ปรากฏตัวออกมาแย่งคนกับเธอซะงั้น

“ที่รัก ฉันยังบาดเจ็บอยู่เลย หรือคุณไม่ควรจะอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยเหรอ?”

นรมนจ้องมองบุริศร์อย่างน่าสงสาร

บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “อืม ก็เพราะว่าคุณกำลังบาดเจ็บอยู่พอดี เพราะฉะนั้นจำเป็นจะต้องพักผ่อนให้ดี เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าบาดแผลที่หลังคุณจะตกสะเก็ด ผมก็จะนอนเป็นเพื่อนกมลอยู่ตลอด”

นรมนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท