แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 1040

ตอนที่ 1040

“ขวัญตา ถือซะว่าผมขอร้องคุณละได้ไหม? ให้ผมได้อยู่อย่างสงบสักหน่อยเถอะ”

เจตต์พูดไม่ออกว่าใจมันจี๊ด ๆ ยังไง

เขาเป็นคนไข้อยู่นะ โอเคไหม

“ฉันจะไม่พูด คุณนอนพักผ่อนไปก็พอ”

คำพูดของขวัญตาทำให้มุมปากของเจตต์กระตุกขึ้นเล็กน้อย

“ที่ผมพูดหมายความว่าคุณอย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าผมชั่วคราวได้ไหม?”

“ไม่ได้ ฉันเป็นคนที่น้องสาวคุณบอกให้มาอยู่ดูแลคุณนะ”

ขวัญตาเอานรมนออกมาอ้างโดยตรงเลย

“ใคร?”

“นรมนไง ไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของคุณเหรอ? ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นล่ะ”

ขวัญตาดึงนรมนมาบังหน้าอย่างหน้าตาย แล้วเจตต์ก็หุบปากลงจริง ๆ

ถ้ารู้ว่าเอานรมนมาใช้ได้ง่ายขนาดนี้ เธอก็ควรพูดอย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

นรมนฟังขวัญตารังแกเจตต์แบบนี้อยู่ที่ด้านนอก ในใจก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย

แล้วเธอก็ผลักประตูเปิดเข้าไป

“ขวัญตา ฉัน……”

“น้องสาวคุณกลับมาแล้วเหรอ? หมอว่ายังไงบ้าง? เจตต์ของบ้านเราคงจะไม่พิการอยู่บนเตียงหรอกใช่ไหม?”

ขวัญตารีบพูดขัดคำพูดของนรมนขึ้นมา

ล้อเล่นซิ

ถ้าให้เจตต์รู้เข้าว่าตัวเองดึงนรมนมาบังหน้า ต่อไปไงจะยอมพูดดี ๆ กับเธออีกเหรอ?

ขวัญตาถามไปด้วย แล้วก็กะพริบตาให้นรมนไปด้วย จนนรมนเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บตาแทน

พอเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของเจตต์ก็มองมาที่ตัวเอง ถึงแม้ว่าความสนิทชิดเชื้อจะน้อยไปเสี้ยวหนึ่ง แต่ว่าก็ยังคงอบอุ่นอยู่

“คุณมาได้ยังไงกัน?”

“เรื่องใหญ่ขนานนี้ ถ้าฉันไม่มาคุณจะรอให้ใครมาเซ็นชื่อให้คุณผ่าตัดกัน?”

นรมนถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อย่าพูดคำพูดไร้เยื่อใยขนาดนั้นกับเด็กสาวเขาซิ”

ขวัญตาเห็นว่านรมนพูดแบบนี้ ก็รีบวิ่งมาอยู่ข้างหน้าเจตต์แล้วพูดขึ้นว่า “เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าน้องสาวของคุณแนะนำฉันมา”

ท่าทางแบบนั้นพูดไม่ออกมาว่าได้ใจขนาดไหน

ในเมื่อนรมนก็พูดแบบนี้แล้ว เจตต์เองก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว

เขาไอขึ้นมาทีหนึ่ง “ผมไม่เป็นไร ก็แค่อุบัติเหตุเล็ก ๆ อันหนึ่ง พักไม่กี่วันก็หายแล้ว”

“อุบัติเหตุเล็กๆ ยังต้องให้ศัลยแพทย์มือหนึ่งระดับโลกมาผ่าตัดให้อีก อุบัติเหตุของคุณนี่เล็กจริง ๆ เลยนะ เจตต์ ขอร้องล่ะเทศกาลตรุษจีนทั้งที คุณจะทำตัวดี ๆ หน่อยไม่ได้เหรอ? คุณว่าจะออกนอกประเทศไปเที่ยวเล่น ก็ไม่มีใครห้าม แต่ว่าคุณกลับมาในสภาพแบบนี้ จะให้คนได้มีเทศกาลตรุษจีนดี ๆ หน่อยได้ไหม?”

คำพูดของนรมนทำให้หน้าของเจตต์รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย

“ผมไม่ได้อยากจะทำให้คุณเป็นห่วง”

“แบบนั้นก็ดี หาผู้หญิงคนหนึ่งแล้วใช้ชีวิตดี ๆ อยู่ในเมืองชลธีดี ๆ เลิกออกไปโอ้อวดไปทั่วได้แล้ว แค่ช่วงระยะเวลาสั้นที่ไม่เจอคุณ คุณนี่เก่งนะ พาผู้หญิงกลับมาทีละสองคนเลย ยังไง? หรือคุณอยากจะกอดซ้ายคนหนึ่งขวาคนหนึ่งหรือไง?”

คำพูดของนรมนทำให้เจตต์มึนงงไปเลย

“อะไรผู้หญิงสองคนเหรอ? ผู้หญิงสองคนไหนกัน?”

“ก็อรอุรชาไง นี่ก็เป็นเพราะว่าเธอบอก ฉันถึงได้รู้ว่าคุณนอนโรงพยาบาลนะ ”

เจตต์หรี่ตาคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็คิดไม่ออกว่าอรอุรชาคือใคร

ขวัญตาพูดเสียงเรียบขึ้นว่า “ก็คือเด็กนักเรียนคนนั้นที่คุณไปช่วยเหลือให้ได้เรียนมหาลัยไง ไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ เป็นถึงเด็กมหาลัยแล้วยังต้องการให้ช่วยเหลืออีก? เธอมีเวลาและเรี่ยวแรงที่จะไปทำงานเลี้ยงดูตัวเองได้ โอเคไหม”

พอโดนขวัญตาพูดเตือนแบบนี้แล้ว เจตต์ถึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้

“ผมไม่สนิทกับเธอ”

“ไม่สนิทคนเขาจะมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณเหรอ? ไม่สนิท คุณเกิดอุบัติเหตุแล้ว คนเขาจะโทรศัพท์หาเธอเป็นคนแรกเหรอ? แจตต์ ขอร้องล่ะ ต่อไปคุณช่วยมีสมองหน่อยได้ไหม?”

จากปฏิกิริยาของเจตต์นรมนสามารถมองออกได้ว่า เจตต์ไม่ได้สนิทกับอรอุรชาคนนั้นจริง ๆ

แต่ว่าถ้าไม่สนิทกันจริง ๆ ละก็ งั้นการกระทำทั้งหมดของอรอุรชาก็จำเป็นจะต้องตรวจสอบสักหน่อยแล้ว

ในส่วนนี้เจตต์เองก็ไม่ได้โง่ แน่นอนว่าต้องนึกออกอยู่แล้ว

ยากที่ขวัญตาไม่ได้มาพูดแทรก ในขณะที่เขาและนรมนพูดคุยกันนั้น ขวัญตาก็ได้ปลอกแอปเปิลเสร็จแล้วลูกหนึ่งแล้วยื่นมาให้เจตต์

“เอ้า กินสักลูกเถอะ แอปเปิลมีสารอาหารเยอะ”

หัวคิ้วของเจตต์ขมวดกันเล็กน้อย

“ให้นรมนกินเถอะ ผมไม่ชอบกิบแอปเปิล”

ขวัญตากลับจ้องมองเขาแล้วพูดว่า “น้องสาวก็ต้องมีประธานบุริศร์มารักใคร่อยู่แล้ว ยังต้องให้คุณเป็นกังวลอีกเหรอ? แล้วอีกอย่างตอนนี้คุณเป็นคนป่วย รีบกินเร็ว ๆ ไม่งั้นฉันจะป้อนคุณนะ”

ประโยคสุดท้ายนั่นทำให้เจตต์ตัวสั่นทั้งตัวขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบรับแอปเปิลมากัดอย่างแรงคำหนึ่ง อย่างกับว่าแอปเปิลนั่นเป็นขวัญตายังไงอย่างงั้น

นรมนหัวเราะขึ้นมาทันทีเลย

ยังมีคนสามารถปราบเจตต์ให้อยู่หมัดได้ด้วยจริง ๆ

แล้วขวัญตาก็หยิบส้มออกมาจากตะกร้าผลไม้อีกลูกยื่นให้กับนรมน และยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงต้องเสริมวิตามินหน่อยถึงจะดี”

“ขอบคุณ”

นรมนรับมาอย่างมีมารยาท

เธอจำได้ว่าตอนที่ตัวเองออกไปจากห้องผู้ป่วยนั้น ในห้องไม่มีอะไรเลยนี่ แล้วเวลาแค่สั้น ๆ นี้ ในห้องมีแจกันเพิ่มขึ้นมาอันหนึ่ง ในแจกันมียังมีดอกได้ปักอยู่ช่อหนึ่ง ที่ข้าง ๆ มีตะกร้าผลไม้ ผลไม้สดใหม่อะไรก็มีหมด แถมยังแทบจะเป็นผลไม้ที่เจตต์ชอบกินทุกอย่าง

ที่เหลือด้านข้างยังมีโจ๊กถ้วยเล็ก ๆ วางอยู่ ดูไม่ชัดว่าเป็นโจ๊กอะไร แต่ว่าดูท่าทางน่าจะไม่เลวเลย

“ของพวกนี้เป็นของที่คุณเพิ่งสั่งซื้อเข้ามาเหรอ?”

นรมนถามขึ้น

ขวัญตารีบพูดขึ้น “ของที่สั่งมาไม่สะอาด ฉันก็เลยให้พ่อครัวที่บ้านฉันทำมา ตั้งแต่รู้ว่าเขาเกิดอุบัติเหตุขึ้น ฉันก็ให้พ่อครัวที่บ้านเตรียมไว้ให้แล้ว ให้เขากินผลไม้รองท้องไปก่อน ฉันได้ยินมาว่าก่อนการผ่าตัดเขาเพิ่งกินข้าวมา เลยกลัวว่าหลังผ่าตัดแล้วมากินโจ๊กต่อจะทำให้ปวดกระเพาะเอา ยังไงก็ให้ผ่อนคลายหน่อยก่อนดีกว่า”

นรมนไม่ได้พูดอะไร แล้วมองเจตต์อย่างความหมายไม่ชัดเจนทีหนึ่ง

เจตต์เป็นเหมือนกับเด็กที่ทำผิดคนหนึ่ง แล้วก็รีบหลบสายตาของนรมนไป

นี่มันจะต้องมีเรื่องเกี่ยวข้องกับขวัญตาแน่ ๆ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นรมนเองก็ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอต่อที่นี่แล้ว

เธอยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณตาของฉันบอกว่า จะตรุษจีนแล้ว ถ้าคุณไม่มีอะไรก็ให้กลับไปเยี่ยมที่บ้านบ้าง แล้วก็กินข้าววันสิ้นปีด้วย แต่ว่าฉันดูสภาพคุณแบบนี้ ไม่น่าจะกลับไปกินข้าววันสิ้นปีได้หรอกมั้ง”

เจตต์อึ้งไปเล็กน้อย

ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่าคุณท่านตนุวรจะเชิญตัวเองกลับไปกินข้าววันสิ้นปีด้วย

ในเมื่อแม่ของเขาไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ของคุณท่านตนุวร

เหมือนกับว่านรมนจะดูออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณตาพูดว่า ยังไงคุณน้าก็เรียกท่านว่าพ่อมาหลายปี ถือเป็นคนบ้านเดียวกัน แล้วจะรอคุณกลับมา”

พูดจบเธอก็ตบบ่าของเจตต์เบา ๆ แล้วพูดกับขวัญตาว่า “ต้องรบกวนคุณด้วยนะ”

“ไม่รบกวนเลย นี่เป็นสิ่งที่ฉันสมควรทำอยู่แล้ว”

ขวัญตาส่งสายตาที่ซาบซึ้งไปให้นรมนทีหนึ่ง

นรมนยิ้มเล็กน้อยแล้วก็ลุกขึ้นจากไป

ตอนที่ออกมานั้น บุริศร์กำลังสูบบุหรี่หมดม้วนหนึ่งพอดี พอเห็นเธอจะจากไป ท่าทีก็ดูมีความสุขเล็กน้อย

เขานึกว่านรมนยังจะอยู่ข้างในนั้นอีกสักพักหนึ่ง

จมูกของนรมนย่นขึ้นเล็กน้อย

“สูบบุหรี่อีกแล้วเหรอ?”

“อืม”

“สูบน้อยลงหน่อย ถ้าคุณไม่อยากจะจากไปก่อนวัยอันควร จากนั้นฉันก็พาลูก ๆ ไปแต่งงานใหม่ละก็ ทางที่ดีที่สุดเลิกเจ้าของสิ่งนั้นให้ฉันซะ”

คำพูดของนรมนพูดได้อย่างโหดเหี้ยมเล็กน้อย

บุริศร์ลูบจมูกเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ผมจะพยายาม”

ปกติถ้าเขาพูดแบบนี้แล้วละก็ ก็หมายความว่ายอมตอบตกลงแล้ว

นรมนเองก็ไม่ได้ติดอยู่ที่ปัญหานี้อีก

“ไปเถอะ ไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนฉันหน่อย”

อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกอยากจะช้อปปิ้ง กลับทำให้บุริศร์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“วันนี้อารมณ์ดีขนาดนี้เลยเหรอ?”

“ก็พรุ่งนี้จะไปรวมตัวกับพวกพี่คริชณะไม่ใช่เหรอ ฉันไม่ได้ซื้อเสื้อผ้ามานานแล้ว ออกไปดูซะหน่อยดีกว่า”

ที่จริงนรมนนั้นตื่นเต้นต่างหาก

แต่งงานมาแปดปี ลูก ๆ ก็มาเป็นก้างขวางคอได้แล้ว แต่ตัวเองกลับยังไม่เคยไปเจอพี่น้องพวกนั้นของบุริศร์เลย พอมาวันนี้ในที่สุดก็จะได้เจอกันสักครั้งแล้ว เธอก็ตื่นเต้นแทบแย่แล้ว

บุรศร์เองก็รู้สึกว่านรมนตื่นเต้น แล้วก็ยื่นมือออกมาประสานมือสิบนิ้วกับเธอไว้ แล้วถามอย่างอ่อนโยนขึ้นว่า “ตื่นเต้นเหรอ?”

“เปล่า”

นรมนทำเป็นปากแข็ง

ริมฝีปากของบุริศร์คลี่ขึ้นมาเล็กน้อย

“พรุ่งนี้ก็เป็นแค่การรวมตัวกันทั่วไปเท่านั้น เป็นเพราะว่าผมไม่ดีเอง ควรจะแนะนำให้พวกคุณรู้จักกันตั้งนานแล้ว”

นรมนคล้องแขนของเขาไว้ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “บุริศร์ พวกคุณกลายมาเป็นพี่น้องกันได้ยังไงคะ? ในเมื่อพวกเขาและคุณก็ไม่ได้อยู่ในฐานเดียวกันใช่ไหม”

ดวงตาของบุริศร์ลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย ความทรงจำก็ล่องลอยไปไกลเล็กน้อย

เขาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พวกเราต่างก็เป็นทหาร เป็นเพื่อนร่วมรบ เป็นความสัมพันธ์ของคนที่คลานออกมาจากกองซากศพด้วยกัน”

นรมนไม่ค่อยได้ยินบุริศร์พูดถึงเรื่องในกองทัพมาก่อน เพราะว่าเรื่องเกี่ยวข้องกับความลับ เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะถามดีหรือไม่ ก็เลยไม่ถามเลย

แต่พอวันนี้มาได้ยินบุริศร์พูดถึงเรื่องพวกนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขาหนักหน่วงไปหน่อย

“บุริศร์ ความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมรบของพวกคุณนั้นเหนียวแน่นมากเลยใช่ไหม?”

“สามารถพูดแบบนั้นได้ พวกเราสามารถยอมเสียสละชีวิตเพื่อซึ่งกันและกันได้”

มิตรภาพแบบที่บุริศร์พูดนั้นนรมนไม่เข้าใจ

บางทีอาจจะมีแต่ทหารเท่านั้นถึงจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ได้ นรมนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมา

“อิจฉาความรู้สึกของผู้ชายอย่างพวกคุณจริง ๆ เลย”

“ไม่ต้องอิจฉาหรอก ผมก็สามารถเสียสละชีวิตเพื่อคุณได้เหมือนกัน ตายก็ไม่เปลี่ยนแปลง”

คำหวานที่มาแบบจู่โจมของบุริศร์ทำให้ใบหน้าของนรมนมีสีแดงเล็กน้อย

“คุณเก็บชีวิตนั้นไว้รักฉันให้ดีดีกว่ามั้ง”

นรมนพูดจบแล้ว ตัวเองยังรู้สึกว่าเขินอายมาก

“ได้”

บุริศร์และนรมนออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมกัน

หลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว บุริศร์ก็ไม่ได้รีบที่จะสตาร์ทรถ แต่กลับพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “รู้ไหม? พวกเรานั้นล้วนเป็นห้องเดียวกัน ตั้งแต่ตอนที่เป็นทหารใหม่ถูกแบ่งให้มาอยู่ห้องเดียวกัน นี่คือโชคชะตา ในห้องของเรามีพี่น้องแปดคน จนสุดท้ายเดินมาถึงตอนนี้ก็เหลือแค่พวกเราสี่คนแล้ว”

“อีกสี่คนที่เหลือละคะ?”

คำถามของนรมนทำให้ดวงตาของบุริศร์มีความเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ

“เสียสละไปแล้ว ผมเห็นพวกเขาล้มลงไปต่อหน้าพวกผมด้วยตาตัวเอง หนึ่งนาทีก่อนหน้านั้นพวกเขายังหัวเราะพูดคุยกับพวกผมอยู่ แต่ว่าวินาทีต่อมาก็ได้กลายเป็นศพที่เย็นยะเยือกไปแล้ว บางทีตอนนี้คนมากมายไม่มีทางที่จะเข้าใจความหมายของการสู้รบและปกป้อง แต่ว่าบนโลกนี้กลับไม่ได้สงบสุขไปทุกที่ การสู้รบยังมีอยู่ทุกวัน อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ผมหวังแค่ว่าในชีวิตที่มีเวลาจำกัดของผม จะมีคุณ มีพวกลูก ๆ ก็พอแล้ว สำหรับความเสียใจเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้น เทียบไม่ได้กับการต้องสูญเสียพวกคุณเลย”

คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกหนักหน่วงขึ้นมานิดหน่อย

เธอกุมมือของบุริศร์ไว้แน่นแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเราจะเดินไปด้วยกันตลอดไป”

“มีคนเคยพูดกับผมว่า มาเจอกับครอบครัวตระกูลโตเล็กที่เป็นกับบ่อโคลนลึกแบบนี้นั้น ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปคงจะหนีไปตั้งนานแล้ว แล้วก็มีแต่ผู้หญิงโง่ ๆ อย่างคุณเท่านั้นที่ยอมทนลำบากลำบนเดินมากับผมจนถึงวันนี้ ผมหวงแหนคุณมากจริง ๆ นะ นรมน หวงแหนมากจริง ๆ ตลอดชีวิตต่อจากนี้ ต่อให้เป็นแค่อุบัติเหตุเล็ก ๆ เกิดขึ้นกับตัวคุณ ผมก็แบกรับไว้ไม่ไหว”

นรมนได้ยินคำพูดแบบนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกสบายใจมาก แต่ว่าเธอกลับไม่ได้ลืมคำพูดที่บุริศร์พูดเมื่อกี้หรอกนะ

“เจ้าโง่คนไหนบอกว่าฉันเป็นเมียโง่นะ?”

คำพูดประโยคนี้ทำให้บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อยทันทีเลย

ในขณะที่ผู้หญิงฟังคำหวานนั้นไม่ใช่ว่าต้องรู้สึกซาบซึ้งไปหมดทั้งตัวหรอกเหรอ? ทำไมจุดสนใจของนรมนถึงได้ไม่เหมือนกับคนอื่นล่ะ?

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท