ข้าวหนึ่งมื้อผ่านไปด้วยท่ามกลางแววตาที่โกรธเคืองของนรมน บุริศร์รู้สึกราวกับว่านั่งอยู่บนเบาะนั่งที่เต็มไปด้วยเข็มแหลมทิ่มแทง แต่ว่าพอนึกถึงการผ่าตัดที่ตัวเองเพิ่งทำมาเมื่อไม่นานนี้แล้ว เขาก็จะไม่ทำอย่างนี้ไม่ได้
แต่กมลกลับกินได้อย่างอิ่มหนำสำราญใจ พอกินข้าวเสร็จแล้วก็ดึงดันลากบุริศร์ให้มาเล่านิทานให้เธอให้ได้
เรื่องของอิงฟ้าทำให้เป็นภาพฝังใจอยู่ในใจกมลเป็นอย่างมากเลย ถึงแม้ว่านรมนจะหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ก็ยอมปล่อยให้บุริศร์ไปอยู่เป็นเพื่อนลูกสาว
ตอนที่รมิดามาล้างแผลเปลี่ยนยาให้นรมนนั้น สีหน้าของนรมนยังคงหงุดหงิดอยู่บ้าง
“โย่ว นี่ใครทำคุณโกรธเนี่ย? ถึงได้หน้าตึงใหญ่ขนาดนี้”
“ยังจะมีใครซะอีกล่ะ ก็ศัตรูความรักของฉันไง”
นรมนส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายขึ้นมา
“ศัตรูความรักเหรอ?”
รมิดารู้สึกฟังไม่เข้าใจอยู่บ้าง
“ใครเหรอ? ใครมาชอบบุริศร์เข้าล่ะ? ไม่ใช่ซิ ช่วงก่อนหน้านี้เขาอยู่ในห้องขังไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยังดึงดูดผู้หญิงได้ล่ะ? หรือเป็นตำรวจหญิง?”
พอได้ยินการคาดเดาของรมิดา นรมนก็ขำขึ้นมาทันที
“ที่นั่นจะไปมีตำรวจหญิงอะไรกัน เป็นกมลของบ้านเรานี่ นี่ไม่ใช่คนรักตัวเล็กของพ่อเธอเหรอ? ที่ตั้งใจมาแย่งสามีกับฉัน เมื่อกี้บุริศร์ยังพูดอยู่อีกว่า ก่อนที่บาดแผลของฉันจะตกสะเก็ด เขาจะนอนกับองค์หญิงน้อยของเขาไป คุณว่าฉันลำบากอุ้มท้องมาตั้งสิบเดือน แต่กลับลำบากลำบนคลอดศัตรูความรักแบบนี้ออกมาคนหนึ่ง แถมยังตั้งใจมาแย่งสามีกับฉันโดยเฉพาะด้วย บ้านคุณมีตั้งสองคน จัดการกันยังไงบ้างเหรอ?”
นรมนเจอเข้ากับคนหัวอกเดียวกันเข้า ก็รีบขอคำปรึกษา
รมิดาขมวดหัวคิ้วแล้วก็พูดขึ้นว่า “บ้านเรายังดีหน่อย ไอรดาเป็นคนมีนิสัยเหมือนกับเด็กผู้ชายปลอมคนหนึ่งตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ขอแค่พริมาไม่ไปแย่งอรรณพกับเธอ ปกติแล้วเธอก็จะไม่ติดแด๊ดดี้ของเธอหรอก ส่วนพริมามีนิสัยสงบนิ่ง จึงแค่นาน ๆ ทีจะถามหาแด๊ดดี้ของเธอครั้งหนึ่ง แต่กลับเป็นอรรณพนะซิ ฉันหวังแทบตายอยากจะให้เขาไปดูแลลูกสาวบ้าง อย่ามาทำให้ฉันรำคาญเลย”
“โย่ว คำพูดนี้ทำไมฟังดูจี๊ด ๆ นะ?”
นรมนจ้องมองรมิดาอย่างรู้สึกขำขัน
“ไป เลยไป ตัวเองไม่ได้กินองุ่นก็อย่ามาว่าองุ่นเปรี้ยว เมื่อช่วงสายนี้บุริศร์เพิ่งมาทำการผ่าตัดไป ยังไงก็ต้องรอสักประมาณครึ่งเดือนถึงจะสามารถร่วมหอกับคุณได้ เพราะฉะนั้นคุณอย่าโกรธเคืองเขาเลย เรื่องแบบนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำทุกวันหรอก”
คำพูดของรมิดาทำให้นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ผ่าตัดอะไร?”
รมิดานิ่งอึ้งไปทันทีครู่หนึ่ง
“คุณไม่รู้เรื่องหรอกเหรอ?”
“รู้เรื่องอะไรคะ? คุณรีบพูดมาเร็ว ผ่าตัดอะไร?”
แล้วนรมนก็จะลุกขึ้นมานั่งทันที แต่กลับโดนรมิดากดตัวไว้ซะก่อน
“อย่าขยับ ฉันกำลังทำแผลให้คุณอยู่ ก็ไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่อะไรหรอก คุณอย่าร้อนใจมากไปเลย มันก็แค่การผ่าตัดทำหมันเท่านั้น เมื่อช่วงเช้าพอดีฉันไปทางนั้นเพื่อทำการส่งมอบงานต่อให้กับโพนี่ ก็เห็นเขามาหาป้องเพื่อทำการผ่าตัด จึงลองถามดูไปสักหน่อย ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณไม่รู้เรื่องนี้ด้วย แต่ว่าเรื่องนี้บุริศร์บ้านคุณไม่ได้บอกกับคุณหรอกเหรอ?”
นรมนมึนงงไปทั้งตัวแล้ว
เธอนึกถึงตอนที่ตัวเองบอกว่าต่อไปถึงปัจจัยเพียงพอละก็จะมีลูกให้บุริศร์อีกคนหนึ่ง ตอนนั้นปฏิกิริยาของบุริศร์ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนี่
ผู้ชายคนนี้แกล้งแสดงอยู่ต่อหน้าเธอได้ดีเกินไปแล้ว
ผ่าตัดทำหมันเหรอ?
นี่กะว่าต่อไปไม่คิดที่จะมีลูกอีกแล้วเหรอ?
ถึงว่าละถึงได้พูดว่ามีลูกเยอะแล้วกลัวเธอเหนื่อย
แต่ว่าในใจลึก ๆ ของนรมนกลับรู้สึกว่าอบอุ่นขึ้นมา
“เขาได้พูดไหมคะ ว่าทำไมถึงได้ไปทำการผ่าตัดนี้?”
รมิดาจ้องมองมุมปากของนรมนคลี่ออกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็พูดขึ้นอย่างดูถูกขึ้นเล็กน้อยว่า “ทั้ง ๆ ที่คุณเองก็รู้อยู่แก่ใจหมดทุกอย่างยังจะมาถามฉันอีก? ทำไมเขาทำการผ่าตัดนี้คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอ?”
“ฉันรู้ซิ แต่ว่าฉันชอบฟังที่คนอื่นพูดออกมา แบบนั้นฉันจะรู้สึกซาบซึ้งมาก ๆ เลย”
นรมนพูดขึ้นอย่างยิ้มแฉ่ง
“คุณนี่โรคจิตหรือเปล่าเนี่ย”
รมิดาหัวเราะแล้วด่าเธอไปคำหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ที่จริงการกระทำแบบนี้ของบุริศร์นั้นถูกต้องแล้ว ร่างกายของคุณในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ไม่สามารถที่จะตั้งครรภ์ได้อีก คราวที่แล้วตั้งแต่แรกก็ยังไม่ได้ดูแลร่างกายให้หายดีก่อน ก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาซะ แล้วพวกคุณก็เก็บเด็กเอาไว้ นั่นเป็นเพราะว่าไม่มีทางเลือก แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่มีโชคชะตาต่อกันไม่ใช่เหรอ? ร่างกายของคุณไม่สามารถที่จะแบกรับอาการบาดเจ็บที่ใหญ่ขนาดนี้ได้อีกแล้ว ถ้าเกิดตั้งท้องขึ้นมาจริง ๆ ก็จะอันตรายถึงชีวิตแน่ ๆ บุริศร์ของบ้านคุณเป็นคนที่เชื่อมั่นได้ รู้จักคำนึงเผื่อร่างกายคุณ การทำหมันเป็นวิธีที่ตรงและมีผลดีที่สุดแล้ว”
“แต่ว่าชีวิตนี้ของเขาจะต้องมีเรื่องเสียใจ ตอนนั้นที่ฉันตั้งท้องเขาไม่ได้อยู่ข้างกายด้วย แล้วเขาก็พลาดการเติบโตของพวกเด็ก ๆ ไป ตอนแรกฉันนึกว่าถ้ามีลูกให้เขาอีกคนหนึ่งได้ จะสามารถทดแทนเรื่องเสียใจนี้ได้”
นี่เป็นคำพูดจากในจริงของนรมน
รมิดากลับไม่ค่อยเห็นด้วยแล้วก็พูดขึ้นว่า “ตอนนั้นตัวเขาเองไม่มองจิตใจของตัวเองให้ชัด แล้วก็ไม่ได้จัดการความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขมิกาให้ดี ถึงได้ทำให้คุณต้องมาแบกรับกับความยากลำบากและเคราะห์กรรมมากขนาดนั้น เรื่องเสียใจที่เขาเหลือทิ้งไว้เป็นสิ่งที่เขากระทำขึ้นเอง แต่กลับเป็นคุณเอง ที่ต้องมาแบกรับอะไรมากมายขนาดนี้เพื่อเขา มีสิทธิ์อะไรที่จะต้องให้คุณมาเช็กบิลเพราะความไร้ความสามารถของตัวเขาล่ะ? ชีวิตคนเราชาติหนึ่งต้องมีเรื่องเสียใจตั้งเยอะแยะมากมาย ถ้าเกิดต้องให้คุณมาเช็กบิลให้หมดเลยละก็ คุณจะไม่เหนื่อยตายเหรอ? คุณนึกว่าตัวเองเป็นซานตาคลอสหรือไง? เอาแต่คอยมาส่งของขวัญให้กับคนอื่น คุณตื่นหน่อยเถอะ บุริศร์บ้านคุณยังไม่สนใจเรื่องเสียใจนี้เลย คุณจะมาติดใจทำบ้าอะไร”
นรมนทอดถอนใจทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ทำไมเขาจะไม่เสียใจล่ะ? เพียงแต่ว่าเขาได้ทำการเลือกระหว่างเรื่องเสียใจกับฉันแล้วเท่านั้น”
“พอ พอ รู้แล้วว่าบุริศร์บ้านคุณรักคุณมากกว่ารักตัวเอง คุณก็อย่ามาโอ้อวดต่อหน้าฉันอีกเลยได้ไหม? คุณระวังเถอะเดี๋ยวฉันจะไม่รักษาให้แล้วนะ”
คำพูดของรมิดาทำให้นรมนหัวเราะขึ้นมาทันที
“คุณชายอรรณพบ้านคุณก็ไม่เลวเลยนี่”
“อืม ไม่ว่าจะยังไง ปฏิบัติกับฉันกับลูกยังถือว่าใช้ได้ แต่งั้นฉันก็ไม่เอาเขาตั้งนานแล้ว”
รมิดาพูดขึ้นอย่างวางอำนาจ แต่ว่าระหว่างคิ้วกลับมีแววอ่อนโยนเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
นรมนยิ้มอย่างกับคนโง่คนหนึ่ง แค่นึกถึงเรื่องทั้งหมดที่บุริศร์ทำเพื่อตัวเอง เธอก็ยิ้มขึ้นมาอย่างหุบปากลงไม่ได้
ผู้ชายคนนี้ไปทำหมันแต่กลับไม่บอกเธอ
ดูซิว่าอีกเดี๋ยวเธอจะจัดการกับเขายังไง
นรมนแทบจะสามารถถึงภาพสถานการณ์นั้นออกได้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะมีเสียงขึ้นมา
“พอแล้วมั้ง คุณคิดว่าฉันเป็นคนล่องหนจริง ๆ แล้วเหรอ?”
รมิดารู้สึกว่านรมนรู้สึกพอใจง่ายเกินไปแล้ว
ถ้าเป็นเธอคงจะทำถึงจุดนี้ไม่ได้หรอก
นรมนใช้ทั้งหมดของแรงกายแรงใจไปรักบุริศร์ ไม่ว่าจะต้องแบกรับเท่าไหร่ ไม่ว่าเพื่อรักส่วนนี้แล้วจะต้องจมอยู่ในโคลนตมแบบไหน ขอแค่บุริศร์ดีกับเธอเพียงเล็กน้อย เธอก็จะเดินต่อไปอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
รมิดาชื่นชมความกล้าในส่วนนี้ของเธอจริง ๆ
นรมนดูไปแล้วดูอ่อนแอ แต่ว่าความเพียรพยายามของรักในส่วนนี้ทำให้คนนับถือจริง ๆ ยังดีที่บุริศร์เองก็ไม่ได้ทำให้ความรักลึกซึ้งส่วนนี้สูญเปล่าไป
รมิดาทอดถอนใจไป แล้วใส่ยาให้เธออย่างรวดเร็ว และพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันได้ยินอรรณพและป้องพูดคุยตอนโทรศัพท์มานิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่บุริศร์บ้านคุณเลือกคืออะไร แต่ฉันจะบอกคุณล่วงหน้านะ คุณจะได้เตรียมใจไว้ก่อน ถ้าเกิดเขาได้ทำการตัดสินใจออกมาแล้ว ความแตกต่างในใจคุณจะได้ไม่ต้องเยอะขนาดนั้น”
“เรื่องอะไร? เป็นความลับขนาดนี้เลยเหรอ?”
นรมนจ้องมองรมิดา
รมิดาไม่ใช่คนปากมาก และยิ่งไม่ใช่คนที่จะนินทาใคร ตอนนี้สามารถมาบอกเรื่องพวกนี้กับเธอได้ แสดงว่าจะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอแน่นอน
นรมนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
รมิดาค่อย ๆ พูดขึ้น “ฉันได้ยินมาว่าในตัวบุริศร์ยังมียศทหารอยู่ แล้วหัวหน้าคริชณะก็เหมือนจะถามเขาว่าเมื่อไหร่จะกลับมาทำงานในกรมทหารอีก ยังมีอีก พฤกษ์ไม่ได้โดนชนจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา แต่ว่ายืมเหตุผลนี้มาใช้ตั้งแต่แรกเพื่อเสี่ยงเข้าไปค้นหาและรวบรวมหลักฐานในเครือบริษัทของกล้าณรงค์ ได้ยินมาว่ากล้าณรงค์มีความเกี่ยวข้องกับนายทหารขั้นสูงของกองทัพด้วย และก็ไปเพื่อรายชื่อฉบับนี้แหละ และนี่เป็นหน้าที่ที่เบื้องบนมอบให้บุริศร์และพฤกษ์ เมื่อวานพอบุริศร์กลับมาแล้วก็ได้ไปที่กองทัพกลางดึก บางทีพวกเขาอาจจะกลับไปรับตำแหน่งเร็ว ๆ นี้แล้ว ถ้าเกิดว่าพวกเขากลับเข้ากองทัพไป นรมน คุณจะทำยังไงล่ะ? คุณกับพวกลูก ๆ จะทำยังไง?”
นรมนอึ้งทันทีครู่หนึ่ง
เรื่องพวกนี้เธอไม่รู้จริง ๆ ด้วย
แต่ว่าก็โทษบุริศร์ไม่ได้
กองทัพมีสัญญาในการรักษาความลับ ในขณะที่หน้าที่ยังปฏิบัติไม่จบนั้นไม่สามารถที่จะบอกกับใครได้ รวมทั้งญาติของตัวเองด้วย ในส่วนนี้นรมนไม่ได้ไปกังวล
สิ่งที่เธอเป็นกังวลก็คือถ้าบุริศร์จะกลับแล้วไปจริง ๆ ต่อไปเวลาที่ตัวเองจะได้เจอกับเขาก็ยิ่งน้อยลงนะซิ?
ยังมีพฤกษ์อีก!
เขาแกล้งทำงั้นเหรอ!
ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคมทิพย์จะรู้เรื่องแล้วหรือเปล่า ถ้าหากรู้แล้วละก็ ก็คงจะต้องตกใจจนกระวนกระวายไปอีกรอบแน่
อยู่ ๆ นรมนก็ปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย
“คมทิพย์รู้เรื่องหรือเปล่า?”
“นรมน คุณสนใจผิดจุดไปหรือเปล่า? ที่ฉันพูดคือถ้าบุริศร์กลับไปแล้วคุณจะทำยังไง? คุณจะมาเป็นห่วงคมทิพย์ทำไม? ปัญหาความรู้สึกของคนอื่นคุณก็จะต้องยุ่งด้วยเหรอ?”
รมิดารู้สึกว่าช่องทางความคิดในสมองของนรมนนั้นช่างอัศจรรย์จริง ๆ
นรมนกลับยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนที่ฉันแต่งงานกับบุริศร์นั้นไม่ได้รู้ว่าในตัวของเขายังมียศทหารอยู่ เขาเป็นคนที่ประเทศชาติปลูกฝังมา ถึงแม้ว่าจะกลับไปก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่ ฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ? คงจะแย่งคนกับประเทศชาติไม่ได้หรอกมั้ง? ได้แต่เพียงรีบใช้ช่วงเวลาที่เขายังอยู่ข้างกายฉันมาหวานชื่นกันดี ๆ และอีกอย่างฉันคิดว่าบุริศร์เองก็น่าจะมีความคิดและทางเลือกของตัวเองอยู่ ฉันไม่อยากจะแทรกแซงเขา ”
รมิดานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ่งนับถือต่อนรมนมากขึ้น
“คุณนี่เหมาะจะเป็นภรรยาทหารจริง ๆ เลย อย่างอื่นฉันก็จะไม่พูดแล้ว ในเมื่อคุณคิดตกได้แล้ว งั้นก็จะดีที่สุดเลย อ๋อใช่แล้ว พรุ่งนี้พี่คริชณะชวนพวกเราสี่ครอบครัวไปรวมตัวกันสักหน่อย พอถึงตอนนั้นค่อยคุยกันนะ”
รมิดาพูดจบก็เริ่มเก็บข้าวของ
นรมนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็อดที่จะนึกถึงงามสุดาขึ้นมาไม่ได้
“คุณรู้จักงามสุดาภรรยาของพี่คริชณะหรือเปล่า?”
“รู้จักซิ ทำไมเหรอ?”
รมิดาจ้องมองนรมนอย่างสงสัยเล็กน้อย
นรมนอ้ำอึ้งอยู่ตั้งนานถึงได้ถามออกมา “ฉันได้ยินเธอเรียกพี่คริชณะว่าน้าเล็ก มันเรื่องอะไรกันเหรอ?”
อยู่ ๆ รมิดาก็หัวเราะขึ้นมาเลย
“เรื่องนี้พรุ่งนี้คุณถามเธอเองกับตัวดีกว่า รับรองว่าคุณจะต้องแปลกใจแน่ เอาล่ะ ฉันไปก่อนดีกว่า จำไว้นะ ตัวคุณมีบาดแผลช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งใช้แรงมากนะ มีงานอะไรที่จะต้องใช้แรงเยอะ ๆ ก็มอบให้บุริศร์บ้านคุณไปทำ ยังมีอีกอย่างต้องงดกิจกรรมสามีภรรยาด้วยนะ! จุดนี้จะต้องจำไว้ให้ดีเลยนะ”
น้ำเสียงของรมิดาไม่ดังมาก แต่กลับทำให้ใบหน้าของนรมนแดงขึ้นมาทันที
“อ๋ายหยา คุณรีบกลับไปเถอะ”
รมิดายิ้มแฉ่งเล็กน้อยแล้วก็จากไป
นรมนใส่รองเท้าแล้วก็ลงไปข้างล่าง ก็เห็นบุริศร์กำลังกล่อมกมลนอนกลางวันอยู่พอดี
มือของกมลคล้องอยู่บนคอของบุริศร์ จนแทบจะแขวนอยู่บนตัวบุริศร์ทั้งตัว แต่บุริศร์กลับไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจเลยแม้แต่น้อย แล้วตบหลังของกมลไปเบา ๆ ในปากก็ฮัมเพลงกล่อมเด็กไปด้วยเบา ๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่นรมนได้ฟังบุริศร์ร้องเพลง
อย่าพูดเลย ฟังเพลงกล่อมเด็กไปก็เพราะมากเลย แฝงไว้ด้วยแรงดึงดูด เหมือนราวกับเชลโล่ที่ไพเราะทำให้คนลุ่มหลง
ตัวเธอเองก็ยังจะหลงไปด้วยแล้ว
บุริศร์เอากมลที่นอนหลับไปแล้วไปวางลงในห้องนอน พอหันหน้ากลับมาก็เห็นนรมนที่ยืนอยู่หน้าประตู จ้องมองเขาอยู่ด้วยดวงตาที่มีรอยยิ้ม
เขารีบระแวดระวังขึ้นมาทันที
แววตาและรอยยิ้มแบบนี้ของนรมนนั้นช่างคุ้นเคย แต่ว่าเขาเพิ่งจะทำการผ่าตัดมา คงจะไม่สามารถทำให้ท่านภรรยาสมปรารถนาได้
ทำยังไงดีล่ะ?