พอบุริศร์สัมผัสได้ถึงสายตาของนรมนแล้ว อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
“ที่รัก ปล่อยฉันครั้งหนึ่งนะ!”
ถ้าหากว่าเป็นปกติละก็ นรมนเห็นบุริศร์เป็นแบบนี้คงดีใจไม่น้อย แต่ว่าตอนนี้เป็นช่วงพิเศษ เห็นภรรยาอดอยากปากแห้งแบบนี้ ต้องทำยังไงดี?
นรมนหัวเราะขึ้นมาทันที
คิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะมีวันที่บุริศร์ถูกตัวเองแกล้งได้ถึงขนาดนี้
“ฉันก็ยังไม่ได้บอกว่าจะทำอะไร คุณคิดไปไกลถึงไหนแล้ว?”
นรมนทั้งพูดทั้งหัวเราะ พร้อมกับลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูแล้วโยนไปที่ศีรษะของบุริศร์
“นั่งลง”
บุริศร์ก็ไม่กล้าที่จะขัดขืน
ตอนนี้ขอเพียงแค่นรมนไม่ขอเรื่องนั้น จะขอเรื่องอะไรก็ได้หมด
หลังจากที่บุริศร์นั่งลง นรมนก็เอาผ้าขนหนูเช็ดผมให้เขาจนแห้ง พร้อมกับเอาไดร์เป่าผมมาเป่าให้ พอทำทุกอย่างเสร็จ เธอถึงยื่นชุดให้เขา
“ต่อไปถ้าไม่เช็ดให้แห้งก่อนห้ามออกมา มีประโยคหนึ่งเคยกล่าวว่า เสน่ห์ผู้ชายทำให้ลุ่มหลง คุณเคยได้ยินไหม? คุณออกมาแบบนี้ฉันอาจจะคิดไปไกลได้”
“แล้วเป็นความผิดของฉันเหรอ?”
บุริศร์ทนกลั้นไม่ไหวจึงหัวเราะขึ้น
“ไม่ใช่ความผิดคุณ แล้วเป็นความผิดของฉันงั้นเหรอ?”
“ก็ได้ ความผิดฉันเอง”
บุริศร์ยอมรับผิดด้วยความเต็มใจ จนนรมนไม่รู้จะแหย่เขายังไงแล้ว
“ตอนนี้ปล่อยฉันไปก่อนนะ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันสักพัก บุริศร์ก็ไปที่ห้องทำงานเพราะมีเรื่องงานของบริษัทต้องจัดการ
นรมนนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืน
วันที่สองตอนที่ตื่นขึ้นก็พบว่าเป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว และบุริศร์ก็ไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ เธอแล้ว
ผู้ชายคนนี้วันก่อนยังบอกว่าจะพาตัวเองออกกำลังกายตอนเช้า แต่วันนี้ก็ยังให้นางตื่นสายอีกแล้ว
นรมนบิดขี้เกียจไปมา พร้อมกับจัดการตัวเองเรียบร้อยก็ยังไม่เห็นบุริศร์
ป้าหวานยกรังนกเข้ามาให้เธอ
“คุณนาย คุณท่านบอกว่าให้ท่านดื่มหลังตื่นนอนค่ะ”
“เขาไปไหน?”
บุริศร์จามออกมาทันที และรู้สึกเหนื่อยไปทั้งตัว
แปลกจริง เมื่อคืนไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด ทำไมถึงได้เหนื่อยขนาดนี้?
ป้าหวานรีบพูดขึ้น “คุณท่านบุริศร์ออกไปบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว เหมือนว่าที่บริษัทมีงาน และบอกว่าคุณนายไม่ต้องรอ ตอนเที่ยงคงจะกลับมาไม่ได้”
“ก็ได้”
นรมนโบกมือไปมา และพอดื่มรังนกหมด ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนWeiboดูด้วยความเคยชิน แล้วอยู่ๆ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
นักข่าวของศิลปินณัจยาได้ประกาศว่าทำพังแล้ว!
เป็นได้ยังไง?
พริมาเป็นคนของบุริศร์ เรื่องการทำงานนั้นไม่ต้องพูดถึง และเรื่องของณัจยานั้น เพียงแค่หาหลักฐานได้ก็สามารถเคลียร์ปัญหาได้แล้ว ทำไมถึงพังได้?
นรมนเห็นในWeiboกำลังเม้นด่าณัจยาทั้งหมดเลย แถมยังลามมาถึงบริษัทผลิตภาพยนตร์ของนรมนอีกด้วย คิ้วของเธอขมวดเข้าจนแทบติดกัน
“ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย”
นรมนใส่เสื้อคลุมเสร็จแล้วรีบบึ่งรถออกไปจากบ้านตระกูลโตเล็กทันที พร้อมกับตรงไปที่บริษัทของบุริศร์ แต่ดันไปเจออรอุรชาตรงประตูทางเข้า
ทำไมหล่อนถึงอยู่มาที่นี่?
นรมนขมวดคิ้วมองหล่อน แต่ก็ยังลงมาจากรถ
“พี่นรมน ฉันของคุยกับพี่ได้ไหม?”
อรอุรชาขวางนรมนเอาไว้
นรมนรีบจึงพูดขึ้น “ตอนนี้ฉันมีเรื่องต้องจัดการ กลับมาค่อยคุยกันนะ”
พูดจบเธอก็กำลังจะเดินออกไป แต่หล่อนกลับเข้ามาขวางไว้
“พี่นรมน ฉันมีเรื่องที่ต้องการให้พี่ช่วยจริงๆ นะ ขอร้องล่ะ”
อรอุรชาพูดด้วยท่าทางน่าสงสารมาก แต่ว่าขณะนั้นสีหน้าของนรมนเริ่มไม่ดีแล้ว
“ฉันไม่รู้ว่าฉันพูดไม่ชัดหรือว่า หูของเธอมีปัญหา ไม่ได้ยินเหรอว่าฉันบอกว่าตอนนี้ฉันมีเรื่องต้องจัดการ?”
“แต่ว่าเรื่องของฉันมันเร่งรัดมาก”
อรอุรชาก้มหน้าลง พร้อมกับใบหน้าที่ดูเสียใจ
นรมนสบถออกมาแล้วพูดขึ้น“เรื่องของเธอมันเร่งรัด แล้วคิดว่าคนอื่นว่างงั้นเหรอ? เธอเป็นเงินหยวนเหรอ? ทุกคนต้องห้อมล้อมเธออย่างงั้นเหรอ? เธอคิดให้ดีๆ ว่าตอนนี้เธอกำลังร้องขอให้ฉันช่วยอยู่ ฉันช่วยเธอก็ถือเป็นน้ำใจ ฉันไม่ช่วยก็เป็นสิทธิของฉัน เธอมาทำท่าทางน่าสงสารแบบนี้ให้ใครดูเหรอ? ”
เรื่องของบริษัทอยู่ในช่วงคับขัน นรมนไม่มีอารมณ์มาเสวนากับหล่อนในตอนนี้ เพราะหล่อนเองก็ไม่ได้สำคัญอะไร จะไปโทษนรมนที่โมโหก็ไม่ได้
แต่อรอุรชากลับไม่คิดแบบนั้น
หล่อนคิดว่านรมนจงใจแกล้งตัวเอง จึงทนไม่ไหวแล้วพูดขึ้น “ฉันรู้ เจตต์กับขวัญตาจดทะเบียนกันแล้ว พี่ก็เลยดูถูกฉันอย่างนั้นใช่ไหม? ไม่สิ พี่อาจจะดูถูกฉันตั้งแต่แรกแล้ว ฉันเองที่โง่ เสียดายที่คิดว่าพี่เป็นคนดี”
นรมนยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น พร้อมกับจ้องอรอุรชาด้วยความโมโหถึงขีดสุด
“เธอคงคิดว่าตัวเองเป็นคนจนแล้วพูดอะไรก็ฟังขึ้นใช่ไหม เธอเป็นกลุ่มคนอ่อนแอพวกเราก็ต้องยอมอย่างงั้นเหรอ? ใครสนใจในความจนของเธอ? หลีกไป!”
นรมนพูดจบก็ผลักอรอุรชาออก
แรงของเธอไม่มาก ถึงแม้ว่าจะมีความโกรธ ก็ยังออมมือไว้อยู่ แต่อรอุรชากลับล้มลงไปที่พื้นทันที พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมา
“พี่นรมน ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้กับฉัน?”
เสียงของหล่อนไม่ดังมาก แต่ก็สามารถทำให้คนที่อยู่รอบข้างได้ยินกันหมด
“แฉะ” มีเสียงดังขึ้นเสียงหนึ่ง นรมนรู้สึกแค่ว่ามีแสงสว่างจ้าขึ้นมา และเพียงแค่แวบเดียวบรรดานักข่าวก็ต่างมาล้อมเธอเอาไว้ทันที
“คุณนายบุริศร์ ได้ยินว่าคุณเป็นประธานกรรมการบริษัท splendor เอนเตอร์เทนเมนต์ คงไม่ใช่เป็นเพราะปัญหาเรื่องศิลปินของบริษัทคุณที่ชื่อ ณัจยาแล้วเอามาลงกับคนบริสุทธิ์หรอกใช่ไหม?”
“คุณนายบุริศร์ ถึงคุณจะเป็นภรรยาของคุณบุริศร์ ก็ไม่ควรจะใช้กำลังรังแกคนอื่นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
เหล่าบรรดานักข่าวต่างพากันวิจารณ์และตั้งคำถาม
ถ้าหากว่าตอนนี้นรมนยังไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าเป็นยังไงก็คงโง่มาก
เธอหันไปมองอรอุรชาแวบหนึ่ง และมองเห็นตอนที่หล่อนยังไม่ทันจะหุบยิ้ม
นรมนจึงไม่รีบร้อนในทันที
เธอเอามือขึ้นมากอดอกพร้อมกับจ้องไปที่อรอุรชา แล้วหัวเราะขึ้น“เธอเป็นคนบริสุทธิ์งั้นเหรอ?”
“คุณนายบุริศร์ ฉัน…….”
ตอนนี้ขนาดขานเรียกชื่อ นรมน หล่อนยังเปลี่ยนการเรียกเลย
“ไม่เรียกฉันว่า พี่นรมนแล้วเหรอ? ก็ดี ในเมื่อนักข่าวพวกนี้ก็อยู่ งั้นเราก็มาพูดเรื่องที่เธอจงใจวิ่งตัดหน้ารถของฉันเพื่อต้องการค่าเสียหาย รถของฉันก็ไม่ใช่รถมียี่ห้ออะไร ก็แค่Cayenne ค่าซ่อมแซมฉันจะสั่งให้คนส่งไปให้เธอ ฉันหวังว่าเธอจะจ่ายค่าซ่อมแซมภายในหนึ่งอาทิตย์ เพราะรถคันนั้นฉันใช้เป็นประจำและขับคล่องมือแล้ว”
คำพูดของนรมนทำให้สีหน้าของอรอุรชาซีดขาวหมดแล้ว
จ่ายค่าซ่อมแซมทั้งหมดภายในหนึ่งอาทิตย์งั้นเหรอ?
จะเป็นไปได้ยังไง?
ค่าซ่อมแซมนั่นไม่ว่ายังไงก็น่าจะเกือบแสนกว่า
“พี่นรมน ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้ตกลงกันแบบนี้นี่นา ฉันเคยบอกว่าจะแบ่งจ่ายให้พี่”
อรอุรชารีบพูดขึ้นทันที
นรมนกลับพูดเสียงต่ำ“อันนั้นมันเธอพูดเอง เหมือนฉันยังไม่ได้รับปาก”
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าไม่จำเป็น เพราะยังไงเงินแค่แสนกว่าไม่ได้มากสำหรับเธอ แต่สำหรับอรอุรชานั้นถือว่าเป็นจำนวนมหาศาล แต่ว่าตอนนี้ดูแล้ว ความใจดีของตัวเองกลับไม่ได้รับการตอบแทนที่ดีนัก
อรอุรชาร้องไห้ขึ้นมาทันที
“พี่นรมน ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้น ยังไงในบ้านพี่ก็ยังมีรถอีกมาก ไม่ลอง……..”
“รถเยอะมันก็เป็นเรื่องของฉัน มันเกี่ยวกับเธอด้วยเหรอ? วิ่งชนรถแล้วก็ต้องชดใช้ มันก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลไม่ใช่เหรอ? หรือว่าเธออยากจะฟ้องศาลเหรอ? แบบนั้นก็ได้นะ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแล้ว แต่ว่าตรงที่จอดรถยังมีวิดีโออยู่ ไม่งั้นพวกเราโทรแจ้งตำรวจเลยตอนนี้ แล้วปล่อยให้ตำรวจเป็นคนดำเนินการ”
นรมนพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วย
อรอุรชารีบแย่งโทรศัพท์จากมือนรมนไปทันที
“พี่นรมน พี่ต้องการบีบคั้นฉันถึงจะสบายใจงั้นเหรอ?”
อรอุรชาร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร
นักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณนายบุริศร์ ตระกูลโตเล็กก็มีธุรกิจมีบ้าน ไม่เห็นต้องมารังแกกับคนตัวเล็กอ่อนแอแบบนี้เลยไม่ใช่เหรอ?”
“คนตัวเล็กอ่อนแอ? คุณรู้ความจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหรอถึงได้มาพูดกับฉันแบบนี้?”
สีหน้าของนรมนเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
นักข่าวถูกว่าจนรู้สึกสู้หน้าไม่ไหว น้ำเสียงเองก็ฟังดูแข็งแล้ว
“คุณนายบุริศร์ คุณแสดงท่าทีแบบนี้หมายความว่ายังไง? หรือว่าคุณคิดว่าคุณเป็นภรรยาของคุณบุริศร์แล้วคุณจะทำอะไรก็ได้เหรอ? แล้วสามารถอวดเบ่งอย่างงั้นเหรอ?”
“ภรรยาของบุริศร์ก็มีสิทธิ์ทำแบบนี้! มีปัญหาอะไร? คุณไม่พอใจเหรอ?”
บุริศร์ไม่รู้ว่าลงมาตั้งแต่ตอนไหน พอได้ยินนักข่าวพูดแบบนี้ก็รีบเข้าไปโอบนรมนเอาไว้ทันที สายตาเยือกเย็นของเขาราวกับเป็นคมดาบ หันไปจ้องคนพวกนั้นทันที
นักข่าวก็อดที่จะทำสงครามเย็นกับเขาไม่ได้
“คุณชายบุริศร์ ฉัน……..”
“เรื่องที่ อรอุรชาจงใจวิ่งชนรถภรรยาผมจนเสียหาย ภรรยาผมอุตส่าห์เมตตา ไม่เอาความอะไร แต่ใครจะรู้ว่าเธอกลับไม่รู้จักบุญคุณ ตอนนี้กลับยังมาหาเรื่องไม่รู้จักจบ แล้วทำไม? พวกเรามีเงินแล้วต้องเป็นถูกใส่ร้ายงั้นเหรอ ? พวกเรามีเงินแล้วต้องเป็นฝ่ายถูกคนจนเอาเปรียบงั้นเหรอ? ผู้หญิงก็มักจะทำตัวอ่อนแอ แล้วร้องไห้ บีบน้ำตาออกมาสองสามหยดต่อหน้าคนอื่น ก็สามารถพูดผิดเป็นถูกได้งั้นเหรอ? แต่พวกคุณที่ทำงานเป็นสื่อ กลับมองแค่ภายนอกโดยไม่สนใจผิดถูกงั้นเหรอ?”
บุริศร์ถามมาเป็นชุดจนนักข่าวหน้าแดงแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาแล้ว
ขณะนั้นนรมนก็รู้สึกว่าบุริศร์ในตอนนี้นั้นเท่มาก
บุริศร์หันไปมองรอบๆ และเห็นว่าอรอุรชากำลังจะใช้จังหวะนี้ร้องไห้ออกมา เขาจึงรีบพูดขึ้น“จับเธอเอาไว้ แล้วนำตัวไปให้ตำรวจ ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครยังอยากจะทำร้ายภรรยาฉันได้อีก ภรรยาของคนอย่างบุริศร์ จะให้หมาแมวที่ไหนมารังแกได้ง่าย!”
ประโยคนี้นั้นด่าอรอุรชาเข้าเต็มๆ
จนรอบนี้อรอุรชาร้องไห้ออกมาจริงๆ แล้ว แต่ว่านรมนเห็นน้ำตาของหล่อนจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว
หล่อนจงใจใช้เวลานี้มาขวางหน้าที่หน้าบริษัทของบุริศร์ และยังเรียกนักข่าวมากดดันเธอ ด้วยเหตุผลอะไรน่ะเหรอ?
นรมนพอจะรู้อยู่แก่ใจดี
เธออดดีใจไม่ได้ที่เจตต์ไม่ได้เลือกหล่อน ไม่อย่างงั้นละก็เรื่องนี้คงไม่ง่ายที่จะจัดการ
อรอุรชาเห็นคนของบุริศร์มาแล้ว ก็รีบขอความช่วยเหลือจากบรรดานักข่าว
“พวกคุณไม่ควรจะเอาแต่ดูสิ่งที่พวกเขาทำสิ”
แต่ว่าบรรดานักข่าวเห็นสีหน้าของบุริศร์แบบนั้นก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าช่วย
ตอนที่อรอุรชาถูกพาตัวไป หล่อนก็หันมาจ้องนรมนด้วยความโกรธแค้น แววตาที่เกลียดชังนั้นทำให้นรมนพูดอะไรไม่ออก
เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองได้ไปทำอะไรให้ผู้หญิงคนนี้
บุริศร์โอบเธอเอาไว้ พร้อมกับหันไปมองบรรดานักข่าวแล้วพูดขึ้น “เรื่องในวันนี้ควรจะเขียนออกมายังไงทุกท่านคงน่าจะรู้ดี ผมเองก็ไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่หวังว่าหลังจากนี้ถ้าสื่อต้องการจะเล่นงานภรรยาของผมก็ควรจะรู้ให้ละเอียดและรู้เรื่องราวจริงๆ ก่อน ไม่อย่างงั้นผมเกรงว่าทุกท่านพอถึงเวลานั้นอาจจะไม่มีงานให้ทำ”
ประโยคนี้พูดออกมาแล้วเป็นการข่มขู่ที่ชัดเจนมาก
แต่เสียดายกลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเลยสักคน
บุริศร์จึงเดินโอบนรมนเข้าไปในบริษัททันที
ตอนนี้คนในบริษัทเห็นนรมนต่างก็มองด้วยความเคารพ ก็ช่วยไม่ได้ ใครก็รู้ว่าตอนนี้คุณบุริศร์เป็นคนเอาใจภรรยาแล้ว ใครก็ไม่กล้าแม้แต่จะทำให้เขาไม่พอใจในเวลานี้
ทุกคนมองนรมนด้วยความเคารพตลอดทางจนเข้ามาถึงห้องทำงานของบุริศร์
พอเข้ามาถึง บุริศร์ก็ล็อกประตูทันที จนนรมนต้องมองอย่างงงๆ
ผู้ชายคนนี้จะทำอะไร?
ตอนนี้เขาสามารถใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกได้แล้วหรือ?