นรมนเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากปาณี หัวใจของเธอเต้นแรงทันที ความไม่สบายใจปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นอะไรไป?”
บุริศร์เห็นนรมนหน้าซีด จึงปลอบใจเธออย่างอดไม่ได้
“คุณตา !บุริศร์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณตา……”
เธอพูดออกมาแค่นี้ แต่บุริศร์รู้สึกได้ชัดเจนว่านรมนตัวสั่น
“ไม่มีทาง ตุลยาอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเราแล้วไม่ใช่เหรอ ?ไม่แน่ปาณีอาจจะโทรมาบอกว่าคุณตาชวนพวกเราไปกินข้าวก็ได้?”
บุริศร์พูดปลอบใจเช่นนี้ เพียงแต่ข้ออ้างนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากเชื่อ
นรมนกลับอยากได้ข้ออ้างแบบนี้
เธอพยักหน้า สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นกดรับสาย
“ปาณี ว่าไง?”
นรมนเสียงสั่น
การมีอยู่ของตุลยาเป็นเหมือนระเบิดที่ตั้งเวลาเอาไว้ ไม่ว่าเธอจะทำดีแค่ไหนก็กลัวตกหล่น วันนี้ความต้องการที่จะจัดการคุณท่านตนุวรของตุลยาปรากฏขึ้นมาให้เห็นแล้ว นรมนจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?
ถ้าเป็นเพราะตนเองเอาตุลยาไว้กับคุณท่านตนุวรแล้วทำให้เกิดเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นกับท่าน นรมนคิดว่าตนเองตายเป็นหมื่นครั้งก็ไม่อาจชดใช้ได้
ปาณีได้ยินนรมนเสียงสั่น จึงชะงักไปอย่างห้ามไม่ได้ จากนั้นกล่าวว่า “คุณนาย คุณท่านตนุวรจู่ ๆ ก็เป็นลมไปค่ะ”
“จู่ ๆ ก็เป็นลมไป นี่หมายความว่าอะไร?”
นรมนกระวนกระวายใจ
ปาณีรีบตอบ “พาส่งโรงพยาบาลแล้วค่ะ ฉันตรวจสอบแล้ว อาหารและเสื้อผ้าของคุณท่านไม่มีปัญหา และฉันได้ย้ายดอกไม้ในห้องออกไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เป็นลมไปอย่างกะทันหัน”
“ฉันจะรีบไป ส่งตำแหน่งโรงพยาบาลมาให้ฉันด้วย”
หัวใจของนรมนจมดิ่งลงไปไม่หยุด มือก็เริ่มเย็น
บุริศร์รีบกุมมือของเธอ “ไม่เป็นไรนะ คนอายุมากแล้ว บางครั้งก็เป็นลมไปอย่างไม่มีสาเหตุ ผมจะให้คุณหมอตรวจร่างกายของคุณตา คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
นรมนพยักหน้า
เพราะเรื่องนี้ทั้งสองคนจึงต้องออกมาก่อน ส่วนเด็กๆ ก็ให้ป้องและโพนี่ดูแล
เมื่อนรมนกับบุริศร์รีบมาถึงโรงพยาบาล โตษิน ปาณีและตุลยาอยู่กันหมด
ตุลยาตาแดง เหมือนกับร้องไห้มา
นรมนเหลือบมองเธอ จากนั้นถามโตษินทันที “พี่โตษิน คุณตาของฉันเป็นอย่างไรบ้าง?”
ยังไม่รู้เลย เพิ่งจะเข้าไปเอง
โตษินก็มีสีหน้าเป็นห่วง
บุริศร์กระซิบปลอบใจนรมนจากนั้นไปหาผู้อำนวยการ
นรมนรู้ เขาไปเพื่อคุณตา
ตุลยาเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงนั้น ไม่มีท่าทางตอบสนองกับการมาของนรมน
นรมนมองเธอ อารมณ์แปรปรวน
เธอกับผู้หญิงคนนี้มีสายเลือดเดียวกัน แต่จิตใจอำมหิต ก่อนหน้านี้เธอคิดจะลงมือกับคุณตามาแล้ว ครั้งนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเธอ
คิดถึงตรงนี้ นรมนดึงคอเสื้อของตุลยา ดึงเธอขึ้นมาจากเก้าอี้
“เธอเป็นคนทำใช่ไหม?”
นรมนกัดฟันถาม
ตุลยาตาแดง พูดอย่างได้รับความไม่เป็นธรรม “พูดอะไรของเธอ?ฉันจะทำอะไรคุณตาได้ยังไง? เขาเป็นญาติที่เหลืออยู่คนเดียวบนโลกของฉัน”
ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นกับคุณนายทวีทรัพย์ธาดา นรมนอาจจะถูกท่าทางในตอนนี้ของตุลยาหลอกก็ได้ ก่อนหน้านี้ไม่นานปาณีสังเกตเห็นเจตนาฆ่าของตุลยา ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับคุณท่านตนุวร ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับตุลยา
นรมนสูดลมหายใจเข้าลึก และกล่าวอย่างดุร้าย “ทางที่ดีเธอควรภาวนาให้ฉันหาไม่เจอหลักฐาน เพราะไม่งั้นฉันจะทำให้เธอต้องชดใช้ในแบบที่เธอคิดไม่ถึง”
“นี่เธอกำลังขู่ฉันเหรอ?มีสิทธิ์อะไรมาขู่ฉัน ?อย่าคิดว่าตนเองเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรม ฉันจะบอกเธอให้นะ คุณตาเป็นลมไปครั้งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
ตุลยาคิดจะสะบัดนรมนออก กลับทำไม่ได้
นรมนอยากจะบีบเธอให้ตาย ให้มันจบ ๆ ไปเสียที แต่ก็ไม่ได้
ที่นี่คือโรงพยาบาล และคุณตาก็เป็นคนซื่อตรงจิตใจเป็นธรรม ถ้าให้คุณตารู้ว่ามือของตนเองเปื้อนเลือดของตุลยาคงจะผิดหวัง
ความคิดร้อยแปดพันอย่างวนเวียนอยู่ในสมองของนรมน และตกตะกอนอย่างรวดเร็ว
เธอปล่อยตุลยา นัยน์ตาเยือกเย็น
“ดีแล้วที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ ไม่งั้นฉันจะให้เธอรู้สึกว่าตายแล้วตายอีก ไม่เชื่อเธอลองดูได้”
ตุลยาตกใจแววตาของนรมนอย่างเห็นได้ชัด
ออร่าของผู้หญิงคนนี้แตกต่างกับตอนที่คุณนายทวีทรัพย์ธาดายังมีชีวิตอยู่
เพียงแต่ตุลยามีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วมาก รู้สึกโมโหความขี้ขลาดของตนเอง
มีสิทธิ์อะไรมาทำเย่อหยิ่งต่อหน้าเธอ?
ต่างก็เป็นลูกที่แม่คลอดออกมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
เธอมีอะไรดีเลิศ?
เมื่อคิดได้แบบนี้ ตุลยาถลึงตามองนรมนอย่างไม่ยอมแพ้
นรมนก็ขี้เกียจเถียงกับเธอ จึงสะบัดเธอไปด้านข้าง มองไปที่ห้องฉุกเฉินอย่างกังวล
ผ่านไปชั่วโมงกว่า คุณท่านตนุวรถูกเข็นออกมา พวกเขารีบเข้าไปหาทันที
“คุณหมอ คุณตาของฉันเป็นไงบ้างคะ?”
นรมนร้อนใจมาก
คุณหมออยู่ด้านในได้รับสายจากผู้อำนวยการว่าให้ทำการตรวจทั้งร่างกายของคุณท่านตนุวร ซึ่งตอนนี้ผลตรวจออกมาแล้ว
“คุณนายบุริศร์ คุณท่านตนุวรไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะขาดออกซิเจนในสมอง น่าจะเป็นเพราะช่วงนี้พักผ่อนไม่เพียงพอ ผมทำการตรวจทั้งร่างกายให้เขาแล้ว ไม่มีอะไรครับ คุณวางใจได้ อีกสักพักท่านก็จะฟื้นขึ้น”
ได้ยินคุณหมอพูดแบบนี้ นรมนก็รู้สึกสบายใจไม่น้อย
ตุลยากัดฟันพูด “นรมน เธอต้องขอโทษฉัน”
“ขอโทษเธอเหรอ? ชาติหน้าเถอะ”
ถึงแม้ครั้งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับตุลยา แต่เธอก็ไม่อาจประมาทที่ตุลยามีเจตนาฆ่าคุณท่านตนุวรได้
พวกเขาเข็นคุณท่านตนุวรเข้าไปในห้องผู้ป่วย บุริศร์ก็กลับมา
ตุลยาเห็นบุริศร์กลับมา เธอเอนไปที่ด้านหนึ่งอย่างอัตโนมัติ เพื่อลดความรู้สึกการมีอยู่ของตนเอง
นานมากแล้ว นรมนสามารถลำพองใจได้เช่นนี้ อาศัยความรักของบุริศร์ ถึงแม้ตุลยาจะต้องการทำลายความรักนี้ แต่เธอเคยเห็นวิธีการของบุริศร์มาแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อาจแน่ใจว่าโดนโจมตีหรือเปล่า เธอคิดว่าตนเองเก็บแรงเอาไว้ดีกว่า
นรมนเป็นห่วงคุณท่านตนุวรมาก บุริศร์บีบมือเธอแน่น “คุณตาปลอดภัยแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“ค่ะ”
ปาณีเห็นนรมนเป็นห่วงเช่นนี้ จึงกล่าวอย่างละอายใจ “คุณนาย ขอโทษค่ะ เป็นฉันเองที่ดูแลคุณท่านไม่ดี”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอหรอก เธอก็เป็นคน ไม่สามารถคอยเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยไม่ต้องนอนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืนคุณตานอนหลับไม่เพียงพอ เธอก็ไม่มีทางรู้ได้หรอก”
นรมนไม่ได้กล่าวโทษปาณี
เรื่องนี้เธอพยายามเต็มที่แล้ว
โตษินเอาแต่เงียบอยู่ตลอด แต่เมื่อได้ยินว่าคุณท่านตนุวรปลอดภัยก็โล่งอก
ผ่านไปไม่นาน คุณท่านตนุวรก็ฟื้นขึ้นมา
เมื่อเขาเห็นนรมน ก็เลอะเลือนไปเล็กน้อย
“นรมน? ทำไมมาอยู่ตรงนี้? ร้องไห้ทำไม?”
คุณท่านตนุวรเพิ่งจะพูดจบ นรมนก็โผเข้าใส่อ้อมแขนของเขาทันที น้ำตาอาบแก้ม
“คุณตา อย่าทำให้หนูตกใจแบบนี้สิคะ คุณตารู้หรือเปล่า หนูตกใจแทบแย่”
นรมนเสียงสั่น
คุณท่านตนุวรหัวเราะขึ้นมาทันที
“ยัยเด็กคนนี้ ฉันไม่เป็นไร แค่เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย เลยเป็นลมไปพักหนึ่ง เอาล่ะ ๆ ตาไม่ดีเอง เป็นความผิดของตา อย่าร้องไห้นะ ดูเธอสิ เป็นแม่คนแล้วยังขี้แยแบบนี้ ไม่กลัวลูก ๆ หัวเราะเยาะเธอเหรอ”
เขาอารมณ์ดีมาก
“หนูไม่กลัว หนูกลัวคุณตาเป็นอะไรไปมากกว่า”
นรมนอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของคุณท่านตนุวรอย่างไม่รู้สึกเขินอาย
ตุลยามองปฏิสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจสุด ๆ
นี่ก็คุณตาของเธอเหมือนกัน
แต่เธอกลับมาจนถึงตอนนี้ คุณท่านตนุวรไม่เคยกอดเธอเลย ทุกวันนอกจากลงโทษก็คือต่อว่า ไม่เคยพูดจาดี ๆ สักครั้ง
ไอ้แก่คนนี้สมควรตาย!
เป็นหลานสาวเหมือนกัน มีสิทธิ์อะไรถึงชอบนรมนแต่ไม่ชอบตนเอง?
หรือว่าตนเองไม่ใช่ลูกสาวของคิม?
ในเมื่อแกไม่ชอบฉัน แล้วทำไมฉันต้องเห็นแกเป็นคุณตาที่เคารพรักด้วย?
แววตาของตุลยามีเจตนาฆ่าปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
นัยน์ตาของบุริศร์เยือกเย็นทันที ตุลยาตกใจรีบก้มหน้าลง กลับไม่อาจปิดบังความอิจฉาและความเกลียดชังของตนเอง
สองคนนี้มันมากเกินไป!
นรมนสมควรตาย!
คุณท่านตนุวรยิ่งสมควรตาย!
ไม่ว่าใครที่ทำไม่ดีกับเธอก็สมควรตาย!
ตุลยากำมือแน่น
บุริศร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่งสายตาให้โตษิน เขาเข้าใจทันที เมื่อเฝ้าดูตุลยาต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น
นรมนกลับไม่สนใจการกระทำของตุลยา เธอคุยกับคุณท่านตนุวรสักพัก หลังจากมั่นใจว่าคุณท่านตนุวรไม่ได้เป็นอะไรจึงขับรถกับบุริศร์พาคุณท่านตนุวรไปส่งบ้าน
คนของตระกูลพรโสภณต่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ปาณีแทบจะเข้าไปในห้องของคุณท่านตนุวร
มองเห็นทุกคนตึงเครียดเช่นนี้ คุณท่านตนุวรกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ใช่นักปราชญ์ผู้อ่อนแอนะ พวกเธอจะเครียดกันไปทำไม?นรมน ตาไม่เป็นอะไรจริง ๆ อย่าดื้อสิ ไม่ต้องตื่นตระหนกหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตุลยาเด็กคนนี้ไม่กล้าขนาดนั้นหรอก”
บางทีในใจของคุณท่านตนุวร สุดท้ายแล้วตุลยาก็คือหลานสาวของตนเอง เป็นสายเลือดของคิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผ่านมาไม่ว่าตนเองจะให้เธอทำอะไร เธอทำอย่างไม่บ่น นี่ทำให้คุณท่านตนุวรเป็นห่วงหลานสาวคนนี้ไม่น้อย
ไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายเธอก็คือสายเลือดของคิม
นรมนก็ไม่อยากโต้เถียงกับเขา จึงพูดแค่เพียง “หนูจะเข้าไปส่งคุณตาในห้อง”
“อืม”
ตาหลานเข้าไปในห้อง
นรมนเห็นรอบข้างไม่มีใคร จึงเล่าเรื่องก่อนหน้านี้ที่ตุลยาคิดจะทำร้ายเขาให้คุณท่านตนุวรฟัง
หลังจากคุณท่านตนุวรฟังจบ เขาคิ้วขมวด แววตาฉุนเฉียว
“เด็กดีคนหนึ่ง ทำไมถูกเลี้ยงเป็นแบบนี้ ?ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้ ?ฉันเป็นตาของหล่อนนะ คิดไม่ถึงว่าหล่อนอยากจะฆ่าฉัน? หา?”
คุณท่านตนุวรไม่คิดว่านี้จะเป็นเรื่องจริง แต่นรมนไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกเขา ทันใดนั้นเอง คุณท่านตนุวรก็รู้สึกเจ็บหน้าอก
นรมนรีบมาด้านหน้าตบหน้าอกเบา ๆ “คุณตา หนูเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพื่อหวังว่าคุณตาระวังตัวขึ้นสักหน่อย อย่าถูกโฉมหน้าภายนอกของตุลยาหลอกเอาได้ เอาแบบนี้ดีกว่า หนูจะให้คนมาพาตุลยาไป เธออยู่ที่นี่หนูไม่สบายใจเลย”
คุณท่านตนุวรกลับปฏิเสธทันที
“ไม่ต้อง ให้หล่อนอยู่ที่นี่เธอถึงจะปลอดภัย วางใจเถอะ ต่อจากนี้ตาจะระวังตัว”
คุณท่านตนุวรยืนหยัดเช่นนี้ นรมนก็ไม่พูดอะไร แต่เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ตุลยาไม่ได้ลงมือกับคุณท่านตนุวร?
การเป็นลมของคุณท่านตนุวรแท้จริงแล้วเป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นแผนการ?
ถ้าไม่ใช่สองอย่างนี้ ทำไมเธอจึงสังหรณ์ไม่ดีแบบนี้?