แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 1189

ตอนที่ 1189

ความโศกเศร้าของนงลักษณ์แน่นอนว่าคนอื่นต้องดูไม่เข้าใจอยู่แล้ว

ทางด้านนรมน มองเห็นนภดลออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้ว และก็ได้ยินหมอบอกว่าอาการของเขาไม่ได้หนักมาก ถึงได้โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง

ในตอนที่นภดลโดนเข็นออกมานั้น ก็มองซ้ายมองขวาทีหนึ่ง แล้วพอมองไม่เห็นคุณนายตระกูลจันทรวงศ์แล้วก็โล่งใจได้เปลาะหนึ่ง

นรมนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย

“ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วเหรอ? คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ทำกับนายมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ฉันนึกว่านายมีความสุขกับมันซะอีก”

ถึงแม้ว่าจะสงสารนภดล แต่ว่าพอนึกถึงการอดทนอยู่อย่างนั้นของนภดลแล้วนรมนก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเลย

นภดลยิ้มขมขื่นขึ้นแล้วพูดว่า “ก็ผมมัวแต่คิดถึงคำสั่งเสียของฉัตรยา ก็เลยไม่อยากจะทะเลาะกับเธอไปใหญ่โต?”

“คนบางคนนายยิ่งไม่อยากจะเอาเรื่องกับเธอ เธอก็ยิ่งได้คืบจะเอาศอก ถ้าหากว่าตั้งแต่แรกนายก็แสดงเจตนารมณ์ของนายออกมา หลายปีมานี้ก็คงจะไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างนี้หรอก เอาล่ะ เรื่องของนายฉันก็จะไม่พูดแล้ว เห็นนายตอนนี้ก็ได้ทำการตัดสินใจออกมาแล้ว แน่นอนว่าฉันก็จะไม่ยุ่งกับนายแล้ว ตอนนี้คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ก็โดนควบคุมตัวไว้แล้ว นายกะว่าจะให้เธออยู่ข้างในเลยไหม?”

นรมนมีความสงสัยอยู่บ้าง

ดูจากภายนอกแล้วนภดลเป็นเย็นชา แต่ที่จริงแล้วเป็นผู้ชายที่ใจอ่อนมาก หลายปีมานี้คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ทำไม่ดีกับเขา แต่ว่าฉัตรยาดีกับเขา นรมนกลัวมากเลยว่านภดลแค่จะทำให้เธอตกใจหน่อยเท่านั้น

คนอย่างคุณนายตระกูลจันทรวงศ์นั้นไม่มีทางเป็นคนที่แค่หลอกให้ตกใจหน่อยก็จะยอมแพ้ไปอย่างนั้นหรอก เธออาจจะเดินบนเส้นทางดื้อด้านนั้นยิ่งเดินยิ่งไกลก็ได้ จนสุดท้ายไม่แน่อาจจะทำให้ตัวเองดื้อด้านจนตายด้วยซ้ำ

นภดลเงียบขรึมไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “อืม ให้เธออยู่ในนั้นไปเถอะครับ ข้างในนั้นปลอดภัยกว่า และอาจจะทำให้เธอมองสถานการณ์อะไรชัดเจนขึ้นก็ได้”

“นายไม่กลัวว่าคนอื่นจะด่านายว่าเป็นคนเนรคุณคนเหรอ?”

“ตามสบายเถอะ เป็นคนเนรคุณคนหรือเปล่าในใจผมชัดเจนดี”

พอเห็นนภดลตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว นรมนถึงได้รู้สึกพอใจขึ้นมาบ้าง

เธอจ้องมองนภดล แล้วก็หันไปจ้องมองบุริศร์ จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เรื่องนี้นายไม่ต้องยุ่งแล้ว มอบให้ฉันกับบุริศร์ไปจัดการก็พอ ช่วงระยะนี้หน้าที่หลักของนายก็คืออยู่เป็นเพื่อนปาณีไป แล้วก็รักษาร่างกายของตัวเองให้หายดีด้วย ฉันให้เวลานายสิบวัน หลังจากสิบวันแล้วก็ไปประเทศFกับฉันและบุริศร์”

“ได้ครับ”

ตอนนี้นภดลไม่มีความสงสัยอะไรเลย

หลังจากที่ออกมาโรงพยาบาลมาแล้ว นรมนกับบุริศร์ก็ขึ้นรถ

บุริศร์ถามเสียงต่ำขึ้นว่า “ทำไมต้องรอสิบวันให้หลังถึงจะไป? ผมนึกว่าคุณจะไปทันทีเลยซะอีก”

“ไม่ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาทำให้ชีวิตของเรายุ่งเหยิงเพราะว่าคนอื่น แล้วอีกอย่าง พวกเราไปหรือไม่ไป ความวุ่นวายในประเทศFก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ กล้าณรงค์ก็ยังคงต้องการชีวิตของเราอยู่ดี การต่อสู้กันของราเชนกับทศพลก็ไม่มีทางที่จะจบลงภายในสิบวันนี้ เพราะฉะนั้นไปช้าหรือไปเร็วสำหรับเราแล้วนั้นไม่มีอะไรแตกต่างกัน คนที่ร้อนใจก็เป็นคนอื่นเท่านั้น”

พอคำพูดนี้ของนรมนพูดออกมา บุริศร์ก็รู้แล้วว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว หนักแน่นแล้ว

ที่จริง ตอนนี้พวกเขาจะไปหรือไม่ไปจุดจบมันก็เหมือนกัน มันก็แค่เรื่องเป็นฝ่ายกระทำหรือเป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้น ถ้าหากที่นงลักษณ์พูดมาเป็นความจริง ตอนนี้พวกกล้าณรงค์กับทศพลและราเชนยังเอาตัวเองไม่รอดเลย ไม่มีทางที่จะมีเวลาว่างมาหาเรื่องพวกเขา งั้นทำไมพวกเขาจะต้องรีบไปหาเรื่องใส่ตัวด้วย?

ถ้ามีเวลานี้ พวกเขาเอาไปทำเรื่องที่ตัวเองอยากจะทำไม่ดีกว่าเหรอ

“คุณมีแผนการอะไร?”

“ถ้าชัยยศหาเบาะแสของมิลินเจอแล้ว ก็ให้แอบส่งคนไปช่วยมิลินออกมา สำหรับเรื่องอื่นเอาไว้สิบวันให้หลังแล้วค่อยว่ากันเถอะ ตอนนี้พวกเราพาลูก ๆ ออกไปเที่ยวเล่นกันดีกว่า”

นรมนรู้สึกว่าเวลาที่ตัวเองมีให้กับลูก ๆ นั้นน้อยเกินไปแล้ว เธอไม่รู้ว่ารอให้ตัวเองมีเวลาว่างขึ้นมาแล้วลูก ๆ จะยังต้องการตัวเองอีกไหม ในตอนนี้ที่ลูก ๆ ยังต้องการพ่อแม่อยู่นั้น เธอหวังว่าตัวเองจะสามารถหาเวลาว่างออกมาอยู่กับพวกเขาให้ได้มากที่สุด

บุริศร์ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ ก็ต้องดีใจอยู่แล้ว

“ได้ มีที่ที่อยากไปไหม?”

“ไม่มีค่ะ”

นรมนรู้สึกขำขึ้นมาบ้างแล้ว

เธอเพียงแต่แค่อยู่ ๆ ก็คิดขึ้นมาแบบนี้ แต่ว่าจะไปไหนนั้นยังไม่ได้คิดเลยจริง ๆ ทางนี้อากาศค่อนข้างหนาว ถ้าหากว่าจะออกเที่ยวเล่นกันจริง ๆ ละก็ น่าจะไปที่ที่อากาศอบอุ่นหน่อยละมั้ง

เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงยูนนานขึ้นมา

แต่เพราะว่าเรื่องของหมู่บ้านดารายน นรมนก็ตัดสินใจว่าไม่ไปที่นั่นดีกว่า

บุริศร์เอามือของเธอมาวางไว้บนฝ่ามือของตัวเอง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เดี๋ยวกลับบ้านไปถามพวกเด็ก ๆ ดู ว่าพวกเขาอยากจะไปไหนกัน”

“พวกเราไปรับกมลออกมาดีไหมคะ?”

นรมนรู้ว่า ที่กมลอยู่ที่บ้านคริชณะก็เพื่อจะเล่นเป็นเพื่อนดนัย แต่ว่าถ้าพวกเขาออกไปเที่ยวแล้วทิ้งกมลไว้ มันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

บุริศร์ถอนหายใจทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นคำหนึ่งว่า “เดี๋ยวพวกเราไปถามดู”

“ได้ค่ะ”

รถเปลี่ยนทิศทางเพราะว่าความคิดกะทันหันของนรมน

รอจนพวกเขามาถึงบ้านคริชณะอีกครั้งนั้น ยามรักษาการณ์ของที่นี่ยังคงเข้มงวดมากเช่นเดิม

นรมนคิดถึงเรื่องที่งามสุดาฝากให้เธอไปตรวจเช็กเมื่อคราวที่แล้ว ถึงแม้ว่าทางอาณาจักรรัตติกาลจะไม่มีข่าวคราวอะไรเลย แต่นรมนรู้ว่างามสุดาไม่ได้เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอขนาดนั้น

ครั้งนี้มีเรื่องแปลกอยู่บ้าง ที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่ามีความเกี่ยวข้องกับธรรศหรือเปล่า

ทั้งนรมนและบุริศร์ต่างก็คิดไปแบบนี้ จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านตระกูลทวาทสิน

งามสุดายังคงรดน้ำดอกไม้บ้าง อ่านหนังสือบ้าง มีชีวิตที่เรียบง่ายสวยงาม

ตอนที่เห็นนรมนและบุริศร์มานั้น เธอยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “โยว่ วันตรุษจีนแบบนี้มาอวยพรตรุษจีนให้ฉันเหรอ?”

“ใช่ค่ะ พี่สะใภ้สุขสันต์วันตรุษจีน”

นรมนรีบยิ้มแล้วก็เดินเข้าไป

บุริศร์เองก็พูดพี่สะใภ้สุขสันต์วันตรุษจีนขึ้นมาประโยคหนึ่งเหมือนกัน จากนั้นก็ไปดูพวกเด็ก ๆ ที่ด้านหลังแล้ว

งามสุดาจูงมือนรมนมานั่งลง แล้วยิ้มและถามขึ้นว่า “ข้างนอกหนาวใช่ไหม?”

“ยังพอไหว แต่ในบ้านคุณนี่ช่างอบอุ่นจริง ๆ”

“ก็ใช่น่ะซิ ฉันเปิดเครื่องปรับอากาศไว้นี่”

งามสุดายิ้มแล้วก็ให้คนไปชงชามาให้นรมน

ในตอนที่ห้องรับแขกเหลือแค่พวกเธอสองคนนั้น นรมนก็พูดเสียงเบาขึ้นว่า “พี่สะใภ้ ที่คุณให้ฉัน…….”

“ที่ฉันให้เธอไปช่วยซื้อเสื้อโค้ตมา คิดว่าน่าจะใส่ไม่ได้แล้ว เธอดูซิตอนนี้ฉันก็ออกไปไหนไม่ได้ หรือไม่เธอเก็บไว้ใส่เองเถอะ”

ตอนแรกนรมนอยากจะพูดว่าเรื่องที่คุณให้ฉันไปสืบยังไม่ได้ข่าวคราวเลย แต่กลับโดนงามสุดาพูดเปลี่ยนเรื่องไปกะทันหัน หนำซ้ำยังพูดเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยเลยด้วย จึงทำให้นรมนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที

เธอมองตามสายตาของงามสุดาไป งามสุดาจ้องมองดูโต๊ะแล้วยิ้มอ่อน ๆ ถึงแม้จะไม่พูดอะไร แต่นรมนก็เข้าใจแล้ว

ในบ้านมีเครื่องดักฟัง

อารมณ์ของนรมนไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย

ใครทำแบบนี้กันนะ?

อาสามเหรอ?

ตอนนี้อาสามมารับตำแหน่งของคริชณะแทนอยู่ จะช่วยเบื้องบนต่อการและเฝ้าสังเกตการบ้านคริชณะอยู่หรือเปล่า?

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจของนรมนก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

“อาสามของฉันเคยมาเหรอคะ?”

นรมนรู้ว่าตัวเองไม่ควรจะมาพูดเรื่องแบบนี้ในตอนนี้ แต่ว่าเธอทนไม่ไหวจริง ๆ

งามสุดาอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เคยมา ตอนวันตรุษจีนได้มาอวยพรตรุษจีนให้ฉัน หัวหน้าธรรศนี่ก็จริง ๆ เลย ตอนนี้สถานการณ์อย่างนี้ เขามาอวยพรตรุษจีนให้ฉันมันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะ”

พอได้ยินงามสุดาพูดอย่างนี้ กลับเป็นนรมนก็ที่อึ้งไปครู่หนึ่ง

ดูท่าเธอจะเข้าใจอาสามผิดไปเหรอ?

เรื่องทางนี้ทำให้นรมนรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง

“ฉันอยากจะพากมลกลับไปไม่กี่วัน แต่ว่ายังจะต้องดูความต้องการของยัยเด็กนี่ด้วย ถ้าหากเธอไม่อยากกลับพวกเราก็จะไม่บังคับ”

แต่งามสุดากลับไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “เธอไม่ควรที่จะโดนขังอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พากลมกลับไปเถอะ เทศกาลตรุษจีนแบบนี้ กลับไปพร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้านก็ดี”

นรมนมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด และมีเรื่องมากมายอยากจะพูด แต่ว่าตอนนี้ต่อหน้างามสุดา ต่อหน้าระบบเครื่องดักฟังที่อยู่ในบ้านนี้ เธอกลับไม่พูดออกมาสักคำเลย

นี่มันช่างอัดอั้นจริง ๆ เลย

ช่วงเวลาแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสิ้นสุดสักที

นรมนพูดกับตัวเองอยู่เงียบ ๆ ครั้งนี้ออกไปแล้วจะต้องให้ทางด้านอาณาจักรรัตติกาลเร่งมือหน่อยแล้ว ไม่งั้นละก็เธอกลัวว่าตัวเองคงจะอัดอั้นตายแน่

แล้วทั้งสองคนก็พูดคุยเรื่องของลูกผู้หญิงไปอีกนิดหน่อย

ในตอนที่บุริศร์พากมลกลับมานั้น พวกดนัยและเวธนีก็ตามอยู่ข้างหลัง สามารถดูออกได้ว่า เจ้าตัวเล็กทั้งสามคนนี้เล่นด้วยกันได้ไม่เลวเลย

พอเห็นนรมน ดนัยและเวธนีก็กล่าวทักทายอย่างมีมารยาทขึ้น

“หม่ามี้ คุณป้างามสุดาให้อั่งเปาหนูด้วย หม่ามี้ดูซิ เงินเยอะมากเลย”

กมลเอาอั่งเปามาซุกเข้ามาในอกของนรมนอย่างดีใจ

ไม่ได้อุ้มลูกสาวของตัวเองมานานแล้ว นรมนรู้สึกคิดถึงเธอเป็นอย่างมาก

เอากมลอุ้มขึ้นมาไว้บนตักตัวเอง แล้วก็ยื่นมือออกไปแตะจมูกเธออย่างรักใคร่ทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เธอนี่มันยัยเด็กไม่มีจิตใจ เธอยังจำได้อีกเหรอว่าฉันเป็นหม่ามี้ของเธอ?”

“จำได้ซิคะ หม่ามี้ดีที่สุดเลยค่ะ กมลรักหม่ามี้ที่สุดเลยค่ะ”

กมลยิ้มจนคิ้วโก้งโค้งขึ้น มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างกอดคอนรมนไว้แน่นอย่างออดอ้อน

น้ำเสียงที่อ่อนหวานนั่นทำให้คนทั้งหมดดีใจจนยิ้มขึ้นมาทันที

“คุณอานรมน คุณอาบุริศร์ สุขสันต์วันตรุษจีนครับ”

ดนัยและเวธนีรีบพูดอวยพรตรุษจีนขึ้น ท่าทีไม่ได้ดูผิดหวังมากเท่าไหร่ อารมณ์ดูไม่ได้แตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่

นรมนไม่รู้ว่างามสุดาอธิบายให้เด็กสองคนนี้เข้าใจได้ยังไง แต่ว่าเป็นความจริง ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ พวกเด็ก ๆ ไม่โดนกระทบกระเทือนถือได้ว่าเป็นผลที่ดีที่สุดแล้ว

“ดี ดี ดีจ้ะ อานรมนมากะทันหัน ก็เลยไม่ได้เตรียมอั่งเปาไว้ เอาแบบนี้ละกัน เดี๋ยวอาจะส่งอั่งเปาไปทางWeChatให้พวกหนูดีไหม?”

“ไม่ต้องหรอก”

งามสุดารีบห้ามปรามไว้

นรมนกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “แบบนี้จะได้ยังไง? อย่างน้อยก็ต้องให้เป็นเงินปีใหม่ให้พวกเด็ก ๆ ซิ”

พูดแล้วนรมนก็ไม่ใจอะไร แล้วก็โอนเงินให้เด็ก ๆ ทั้งสองคนไปเลย ให้คนละหนึ่งพันหกร้อย ให้มีความหมายว่าขอให้ทุกอย่างราบรื่น

ดนัยและเวธนีขอบคุณนรมนอย่างมีดีอกดีใจ

ตอนแรกนึกว่ากมลจะเป็นเหมือนอย่างคราวก่อนที่ไม่ยอมกลับไปกับพวกเขา แถมนรมนยังทำใจไว้ว่าจะต้องผิดหวังแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่ากมลจะถามอย่างดีใจขึ้นว่า “หม่ามี้ แด๊ดดี้บอกว่าพวกเราจะออกไปเที่ยวเล่น หม่ามี้กะว่าจะพาพวกเราไปไหนเหรอคะ?”

นรมนอึ้งไปครู่หนึ่งทันที

“หนูจะกลับกับพวกเราเหรอ?”

“ใช่ค่ะ หรือว่าหม่ามี้ไม่ชอบหนูแล้วเหรอคะ?”

กมลทำเบ้ปากขึ้น ดวงตาโตคู่นั้นกะพริบถี่ขึ้น ดูท่าน้ำตากำลังจะไหลลงมาแล้ว ทำให้นรมนตกใจแทบแย่

“อย่างร้องซิ ลูกรัก หม่ามี้จะไม่ชอบหนูได้ยังไงกันจ๊ะ? หม่ามี้ก็แค่ดีใจเท่านั้น หรือว่าเรากลับบ้านกันตอนนี้เลยไหม? ไปดูซิว่าพวกพี่ ๆ อยากจะไปที่ไหนกัน?”

“ดีค่ะ”

กมลยิ้มแฉ่งขึ้นมาทันทีเลย

พอเห็นว่าลูกสาวจะตามตัวเองกลับไปด้วย นรมนและบุริศร์ก็ไม่กะว่าจะอยู่วุ่นวายที่นี่ต่ออีก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ จะอยู่นานไปไม่ได้ เพราะว่าจะไม่เป็นผลดีต่อพวกคริชณะและงามสุดา

บุริศร์พูดเสียงเบาขึ้นว่า “พี่สะใภ้ พวกเรากลับก่อนนะครับ มีเรื่องอะไรก็โทรหาพวกเราได้ตลอดเลยนะครับ”

“ได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องมาแล้วนะ ในเมื่อตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษอยู่ สามารถไม่หาเรื่องติดตัวได้ถือว่าดีที่สุด”

คำพูดของงามสุดาพูดจนนรมนรู้สึกจมูกจี๊ด ๆ ขึ้นมาบ้าง

บุริศร์พาภรรยาและกมลเดินออกไปจากบ้านตระกูลทวาทสิน

ดนัยและเวธนีเองก็ไม่ได้ร้องไห้ งามสุดาส่งคนก็แค่ส่งอยู่ในบ้านเท่านั้น

อารมณ์ของนรมนยังคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากที่บุริศร์ขับรถออกมาแล้ว ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พวกคุณคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย ข้างหลังมีรถตามพวกเราอยู่ ผมจำเป็นที่จะต้องสลัดหางทิ้ง”

พอได้ยินแบบนี้ นรมนก็รีบหันหลังกลับไปดู ก็เห็นรถเก๋งคันหนึ่งที่ไม่มีทะเบียนรถกำลังตามติดพวกเขาเป็นเงาอยู่

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท