“ผมหมายถึงอย่างนั้นซะที่ไหนล่ะ? แค่ล้อคุณเล่นเท่านั้น โกรธจริง ๆ แล้วเหรอ?”
พอเห็นภรรยาน้อยใจ บุริศร์ก็หยอกล้อเธอขึ้นมาทันที
นรมนกลับหัวเราะพรืดขึ้นมาทันที
“ฉันก็ล้อคุณเล่นเหมือนกันค่ะ”
“ดีนี่ เดี๋ยวนี้รู้จักแกล้งทำให้ผมตกใจแล้วใช่ไหม? หึ?”
บุริศร์หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง พอเห็นในดวงตาของภรรยามีแววซุกซนกะพริบผ่านไป ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจั๊กจี้เธอที่ใต้รักแร้
“ไม่เอา! ฮา ฮา! จั๊กจี้!”
นรมนรีบวิ่งหนีขึ้นมาทันที
“อย่าหนีนะ! ถ้าวันนี้ไม่จัดการคุณสักหน่อย ผมดูท่าคุณจะซุกซนจนเสียคนแล้ว”
บุริศร์แสร้งทำเป็นดุ แล้วก็วิ่งไล่ตามนรมนขึ้นมา
นรมนจะไปกล้าให้เขาตามทันได้ยังไง?
วิ่งไปด้วยแล้วก็หัวเราะไปด้วย เสียงหัวเราะที่ไพเราะเด่นชัดนั่นดังอยู่ในค่ำคืนที่ว่างเปล่าฟังแล้วช่างเสนาะหูยิ่งนัก
ธรณีจ้องมองเงาร่างของบุริศร์และนรมนวิ่งไล่กันห่างออกไปเรื่อย ๆ จากหน้าต่าง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะคลี่มุมปากยิ้มขึ้น
“ตอนนี้นรมนมีชีวิตอย่างกับเด็กคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าบุริศร์ดีกับเธอมากจริง ๆ”
“ประธานบุริศร์ดีกับคุณหนูมากจริง ๆ ครับ”
ไม่รู้ว่าพ่อบ้านจัดการธุระเสร็จแล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมายืนอยู่หลังธรณี และจ้องมองดูพวกบุริศร์และนรมนไปด้วย
“เมื่อกี้ฉันยังกลัวว่านรมนจะเสียใจเพราะว่าเรื่องของพี่รอง นี่แค่ผ่านไปนานแค่ไหนเอง? ก็อารมณ์ดีขนาดนี้แล้ว ดูท่าบุริศร์จะมีวิธีเอาอยู่จริง ๆ”
พ่อบ้านนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายสี่ครับ ทำไมคุณไม่ให้คุณหนูเข้าร่วมกับเรื่องนี้ด้วยครับ? เป็นเพราะว่ากลัวคุณชายรองจะคิดไม่ซื่อกับคุณหนูเหรอครับ?”
ดวงตาของธรณีขรึมลงหลายส่วน แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตอนนี้พี่รองอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้ อยู่ที่ประเทศFสถานะจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่ชัดเจน ถ้าอยู่ ๆ นรมนก็ไป แล้วทั้งสองคนเกิดต่อสู้กันขึ้นมา มันก็จะคือการเข่นฆ่ากันเอง และอีกอย่างผู้หญิงอย่างนงลักษณ์ก็ลึกซึ้งจนยากที่คาดเดาได้ ที่เธอมาหาฉัน นายนึกว่าแค่มาบอกเล่าเรื่องราวเมื่อตอนนั้นให้ฉันรู้เหรอ? เธอบอกว่าติดค้างพี่สะใภ้คิมไว้ทั้งชีวิต ก็เลยมาบอกเล่าเรื่องราวให้ชัดเจน เพื่อจะได้คือความจริงให้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ หึ! คำพูดแบบนี้นายเชื่อเหรอ? คนก็ตายไปแล้ว คืนความจริงให้แล้วมีประโยชน์อะไร”
สมองของพ่อบ้านหมุนไม่ค่อยทันเท่าไหร่
“คุณชายสี่ งั้นคุณว่าเธอมาพูดเรื่องพวกนี้ที่บ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเพื่ออะไรกันครับ?”
“เพื่ออะไรเหรอ? เพื่อยืมคนมั้ง ขอแค่พวกเรารู้ว่าพี่รองยังมีชีวิตอยู่ ก็จะต้องส่งคนไปตามหาเบาะแสของพี่รองที่ประเทศFแน่ แต่พอคนของเราเหยียบลงบนแผ่นดินประเทศFปุ๊บ ก็จะต้องโดนเธอเอาไปใช้เป็นประโยชน์แน่ พอถึงตอนนั้นเธอมาพูดว่าคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเราเป็นกองหนุนของเธอ นายรู้สึกว่าผู้นำของประเทศFจะเชื่อเธอหรือว่าเชื่อพวกเราล่ะ?”
พอคำพูดนี้ของธรณีพูดออกไป สีหน้าของพ่อบ้านก็เปลี่ยนไปทันที
“ก็จะต้องเชื่อเธออยู่แล้ว! ผู้หญิงคนนี้นี่เจ้าเล่ห์มากจริง ๆ”
ดวงตาของธรณีมีแววเยือกเย็นกะพริบผ่านไป
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องการให้คนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเข้าไปแทรกในประเทศF แต่ว่าพี่รองยังไงฉันก็ยังต้องตามหาอยู่แล้ว ตอนนั้นพ่อพลีชีพไปกะทันหัน ท่านจึงไม่ค่อยรู้เรื่องการตัดขาดของพี่รองนัก แต่ว่าแม่รู้ดี หลายปีมานี้ พี่รองเป็นบาดแผลที่อยู่ในใจของแม่มาตลอด เพียงแต่แค่ไม่ได้เอ่ยมาตลอดก็เท่านั้น หลังจากที่พี่ใหญ่พลีชีพแล้ว แม่ก็ยิ่งขังตัวเองไว้ในห้องหลายวันไม่ยอมออกมา จนสุดท้ายได้หมดสติไปเพราะว่าไม่ได้กินอะไรมาหลายวันจนต้องส่งตัวไปช่วยเหลือฉุกเฉินที่โรงพยาบาล เวลานั้นแม่น่าจะคิดถึงพี่รองมาก ที่จริงหลายปีมานี้ แม่ไม่เคยยอมแพ้ที่จะตามหาเบาะแสของพี่รองเลย แต่น่าเสียดายตอนนั้นพี่รองไม่ได้บอกเราไว้ว่าไปประเทศไหน แล้วใครจะไปคิดล่ะว่าเขาจะไปประเทศF? จนแม่เสียชีวิตไป แล้วมีการรายงานข่าวที่ใหญ่โตมากขนาดนั้น แต่พี่รองก็ไม่ปรากฏตัวออกมา ตอนนั้นฉันคิดว่าเขาน่าจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว และคิดไม่ถึงว่าจะยังสามารถมีข่าวคราวของเขาได้อีก เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงฉันก็จะต้องตามหาพี่รองกลับมาให้ได้ ไม่ว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไง มีสถานะอะไรอยู่”
มือของธรณีกำเข้าหากันแน่น
พ่อบ้านรู้จักนิสัยของธรณี และตอนนี้ก็ไม่พูดอะไรแล้ว ขอแค่คุณชายสี่สั่งมา เขาก็จะรีบไปทำตาม
หลังจากที่บุริศร์และนรมนหยอกเล่นกันไปพักหนึ่งแล้ว ร่างกายก็ไม่หนาวมากแล้ว
ใบหน้าของเธอดูแดงระเรื่อ มองไปแล้วก็ดูมีเสน่ห์น่ารักมาก
“ขึ้นรถเถอะ บนรถมีเครื่องปรับอากาศ”
บุริศร์จูงมือนรมนไปขึ้นรถ
ทั้งสองคนเปิดเครื่องปรับอากาศในรถขึ้น จากนั้นก็จ้องมองซึ่งกันและกัน แล้วอยู่ ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา
เมื่อกี้พวกเขาเหมือนอย่างกับเป็นเด็กเลย
“คุณนี่นะ คาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยเลย พวกเราจะไปโรงพยาบาลกันแล้ว”
บุริศร์หัวเราะขึ้นหัวเราะจาง ๆ ความรักและเอ็นดูที่ระหว่างคิ้วใช้ได้ดีกับนรมนมาก
ตอนที่ทั้งสองคนขับรถมาถึงโรงพยาบาลนั้น ได้เป็นเวลากลางคืนแล้ว คนในโรงพยาบาลก็น้อยลงไปเยอะ
บุริศร์จูงมือนรมนเอาไว้แล้วก็มาถึงห้องหน้าห้องไอซียูที่ปาณีอยู่อย่างรวดเร็ว
นภดลนั่งอยู่ตรงนั้น และจ้องมองไปข้างในอย่างเป็นกังวล หัวคิ้วขมวดกันแน่น ตอนที่รู้สึกว่ามีคนมาก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วก็เห็นว่านรมนจูงมือบุริศร์เดินเข้ามา
นรมนจ้องมองนภดลที่อยู่ตรงหน้า
ไรหนวดของเขาขึ้นมาแล้ว ในดวงตาก็มีเส้นเลือดฝอยแดงชัดขึ้น เห็นได้ชัดว่าน่าจะไม่ได้พักผ่อนดี ๆ หรือจะพูดว่าตั้งแต่ที่ปาณีโดนยิง เขาก็อาจจะไม่ได้พักผ่อนเลย
“ปาณียังสบายดีไหม?”
นรมนเปิดปากพูดขึ้น
นภดลส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หมอบอกว่ากระสุนยิงทะลุกระดูกไหล่ อาจจะเป็นแผลเป็น และที่สำคัญต่อไปแขนขวาอาจจะอ่อนแรง เวลาวันฝนตกก็อาจจะปวดด้วย”
ตอนที่พูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของนภดลมีความสงสารและความซับซ้อนที่ไม่รู้ว่าคืออะไรพาดผ่านไป
นรมนสามารถมองออกได้ว่า นภดลนั้นชอบปาณีอยู่ เพียงแต่แค่คนคนนี้ค่อนข้างยึดติดอยู่กับคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับฉัตรยาที่ตายไปแล้วเท่านั้น
คนเห็นแก่คำสัญญาไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ว่าจะชดใช้ด้วยทั้งชีวิตของตัวเองไม่ได้
นรมนจ้องมองนภดล แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นเล็กน้อยว่า “ทั้ง ๆ ที่ปาณีสามารถมีชีวิตแบบอื่นได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเธอชอบนาย เธอก็คงจะไม่มาบังกระสุนให้นาย เรื่องนี้ฉันคิดว่าฉันไม่ต้องพูดนายก็น่าจะรู้แล้วนะ”
“ผมรู้ครับ ผมจะไม่ทำให้เธอเสียใจครับ”
อยู่ ๆ นภดลก็ตัดสินใจได้ซะที
ในใจนรมนรู้สึกโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง
เธอรู้ว่านภดลเป็นคนดื้อด้าน ถ้าได้ทำการตัดสินใจอะไรไปแล้วก็จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงง่าย ๆ มาวันนี้การเสียสละของปาณีเขาก็เห็นกับตาแล้ว และเพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีความรู้สึกกับปาณีอยู่แล้ว และการบาดเจ็บครั้งนี้ก็ยิ่งมาผลักดันความรู้สึกให้กับทั้งสองคน ในจุดนี้ทั้งบุริศร์และเธอต่างก็มองเห็นได้ชัดเจน
แต่ว่านรมนก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ความรักกับการสำนึกในบุญคุณนั้นจะเอารวมกันไม่ได้นะ นภดล ถ้านายไม่รักเธอ ก็อย่ามาให้คำมั่นสัญญาอะไรง่าย ๆ บุญคุณมันมีวิธีที่จะทดแทนได้มากมาย วิธีที่จะใช้ร่างกายมาทดแทนนั้นเป็นวิธีที่โง่เขลา แล้วก็ไม่ใช่สิ่งที่ปาณีอยากจะได้ด้วย นายต้องรู้ไว้นะ ว่าสิ่งที่เธอต้องการมาตลอดคือความรักที่บริสุทธิ์เท่านั้น ไม่ใช่เงินทองของนาย ไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่การงานของนาย เพียงแค่นายเป็นนาย แค่เท่านั้น”
ร่างกายของนภดลสั่นไปครู่หนึ่ง
เขารู้ว่าสิ่งที่นรมนพูดมานั้นคือความจริง
สำหรับปาณีแล้ว มันคือการสำนึกบุญคุณเหรอ?
นภดลไม่รู้
หัวสมองของเขานึกย้อนไปที่เรื่องราวต่าง ๆ นานาในตอนที่ได้อยู่กับปาณีอย่างรวดเร็ว
ที่จริงเวลาที่อยู่กับปาณีนั้นไม่ได้นานมาก แล้วก็แค่ไม่กี่ครั้ง แต่ว่าเขาก็สามารถนึกถึงท่าทางที่มีรอยยิ้มของปาณีขึ้นมาได้
เวลาเธอยิ้มขึ้นมามันดูอ่อนโยนมาก ทำให้คนรู้สึกสงบสุขเสี้ยวหนึ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ
เขาชอบเวลาที่ได้อยู่กับปาณี
ความรู้สึกแบบนี้ไม่เกี่ยวกับการสำนึกบุญคุณ เขารู้
อยู่ ๆ นภดลถึงเพิ่งพบว่า ถึงแม้เวลาที่ได้อยู่กับปาณีจะไม่นาน แต่ว่าทุกครั้งก็เป็นเวลาที่เขารู้สึกสบายใจที่สุดและมีความสุขที่สุด ถึงแม้ว่าปากของเขาจะไม่พูด แต่ว่าความรู้สึกในใจนั้นหลอกลวงคนไม่ได้หรอก
เขาชอบปาณี!
นี่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
นภดลไม่รู้ แต่กลับเพิ่งจะรู้สึกตัว
หรืออาจจะเริ่มจากวินาทีที่ปาณีช่วยเขาบังกระสุน หรืออาจจะเริ่มจากช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่ปาณีล้อมหน้าล้อมหลังเขาอยู่ หรืออาจจะยิ่งเริ่มจากตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกับปาณี
เขาจำไม่ได้แล้ว แต่กลับจำได้ว่าทุก ๆ รอยยิ้มของปาณีล้วนยิ้มให้กับตัวเอง ทุกครั้งที่จะต้องลำบากก็เพื่อตัวเอง
ความรู้สึกชอบแบบนี้ไม่ได้ปรากฏออกมานานหลายปีแล้ว
ตั้งแต่ตอนที่อายุสิบแปด ฉัตรยาบอกกับเขาว่าชอบเขา
รอบยิ้มของเธอสวยมาก เหมือนกับดวงอาทิตย์ยังไงอย่างงั้น
ในตอนนั้นหัวใจของนภดลก็สั่นไหวอยู่ แต่เพราะว่าความรู้สึกชอบของฉัตรยา เขาต้องทนทุกข์กับการด่าทอทุบตีของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ ตอนนั้นเขารู้ดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับฉัตรยา
แล้วรักครั้งแรกของเขาก็จบลงภายใต้สถานการณ์กดดันแบบนี้
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉัตรยากลายเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งของเขาไป และยิ่งไปกว่านั้นก็คือความรู้สึกผิด
ในเมื่อเด็กสาวแบบนั้นสามารถมีทางเลือกที่มากกว่านี้ได้ แต่กลับเลือกที่จะทะเลาะกับแม่เพราะเขา ทุกครั้งที่ทะเลาะกันก็จะโดนคุณนายตระกูลจันทรวงศ์กักบริเวณ แต่ฉัตรยาก็จะเริ่มใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เจอเขา
อดอาหาร และ ฆ่าตัวตาย
ถึงแม้ความพยายามแต่ละครั้งจะทำให้นภดลซาบซึ้งมาก แต่ก็กดดันมาก
ความรู้สึกแบบนี้มันโดนคุณนายตระกูลจันทรวงศ์แทรกเข้ามาทำให้เปลี่ยนแปลงไปตั้งนานแล้ว
แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉัตรยายังคงยืนหยัดมาตลอด นภดลจึงได้แต่ต้องอยู่เป็นเพื่อนด้วย
ต่อมาคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ทนฉัตรยาที่ลุ่มหลงอยู่ในความรักมากเกินไปไม่ไหวแล้ว ก็เลยร่วมมือกับคนนอกขายนภดลไป
ครั้งนั้นนภดลรู้สึกดีใจมากจริง ๆ
ถึงแม้ว่าการโดนคนขายไปในเมืองใต้ดินทำให้เขารู้ว่าอนาคตตัวเองอาจจะตายได้ แต่ว่าเขาก็โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่งยังไงไม่รู้ หนำซ้ำยังรู้สึกว่าก้อนหินใหญ่ที่อุดอยู่ในใจก็ได้โดนยกออกไปแล้ว
ในที่สุดเขากับฉัตรยาก็ได้แยกจากกันแล้ว
เขาจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับแววตาที่อ่อนโยนของฉัตรยาอย่างรู้สึกผิดอีกแล้ว แล้วก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากท่ามกลางคุณนายตระกูลจันทรวงศ์กับฉัตรยาอีกแล้ว
ฉัตรยาเหมือนกับนางฟ้า ส่วนคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ก็เหมือนกับปีศาจ
ชีวิตที่มีสวรรค์กับนรกอยู่รวมกันแบบนี้ นภดลอยู่มามากพอแล้ว แต่กลับไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
ในตอนที่เขาโดนพาตัวเข้าไปในเมืองใต้ดินนั้น นภดลรู้สึกว่าในที่สุดเขาก็ได้หลุดพ้นแล้ว
ถึงแม้ว่าจะโดนคนฆ่าตายไป ดูดเลือดจนแห้งไปก็เป็นการตายที่มีความสุขทั้งนั้น
ความรักที่ติดค้างฉัตรยาอยู่ เขาเอาชีวิตมาชดใช้ ก็พอแล้ว
แต่ว่าเขากลับคิดไม่ถึงว่า เพื่อเขาแล้วฉัตรยาจะตามมาถึงเมืองใต้ดิน ไม่เพียงแค่มาเมืองใต้ดิน แต่ยังมีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับนรมนอีก
ที่จริงตอนนั้นนภดลไม่อยากจะไปจริง ๆ แต่ทำยังไงได้เพราะที่เมืองใต้ดินมันวุ่นวายมากเกินไป ถ้าฉัตรยาเป็นอะไรไปที่นี่ ถึงแม้ว่านภดลจะต้องตายก็คงจะตายตาไม่หลับ
เขาก็เลยจำเป็นต้องส่งตัวฉัตรยากลับไป
แต่ว่าครั้งนี้กลับทำให้ฉัตรยาออกมาไม่ได้อีกเลย
เธอป่วย แล้วต่อมาก็ตายไป และเอาความรักมากมายที่มีให้กับนภดลไปจากโลกนี้ด้วย
วินาทีนั้น นภดลรู้สึกสิ้นหวังมาก
เขาจะชดใช้บุญคุณที่มีต่อฉัตรยายังไงดี?
ในตอนแรกยังมีความหวังอยู่เสี้ยวหนึ่งว่าจะสามารถใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปได้ ถึงแม้ว่าจะต้องตายก็ยังจะสามารถหลุดพ้นได้แต่ทำยังไงได้ในเมื่อก่อนฉัตรยาจะตายได้ฝากฝังให้เขาดูแลพ่อแม่เธอด้วย และถือได้ว่าเป็นเป้าหมายและแรงขับเคลื่อนที่ทิ้งไว้ให้เขามีชีวิตต่อไป
แต่ว่าฉัตรยาไม่เคยรู้เลย ว่าที่จริงแล้วนภดลนั้นรู้สึกเหนื่อยตั้งนานแล้ว
ในความรักครั้งนี้ ไม่มีความซาบซึ้งและความหวั่นไหวอย่างตอนแรกทั้งนานแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีแต่เพียงความเหนื่อยล้าและบาดแผลมากมาย
แต่ว่าแม้แต่สิทธิ์ที่จะตายเขาก็ยังไม่มี
เขาไม่มีวิธีที่จะพูดคุยเรื่องทุกอย่างกับฉัตรยา แม้แต่โอกาสแค่นิดเดียวก็ไม่มี เขาได้แต่มีชีวิตอยู่อย่างซากศพเดินได้ตัวหนึ่ง และคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับปาณีเข้า
ปาณีเป็นคนที่มาช่วยให้เขามีชีวิตรอด ทำให้หัวใจที่เหมือนกับตายไปแล้วของเขามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่าเขาก็รู้ว่าชาตินี้เขาไม่มีทางที่จะสลัดคุณนายตระกูลจันทรวงศ์หลุดได้ แล้วเขาจะให้ปาณีมาตกนรกไปกับตัวเองด้วยได้ยังไง?
มาวันนี้ความไม่คิดชีวิตของปาณีทำให้นภดลไม่มีทางที่จะหลีกหนี และไม่มีทางที่จะไม่สนใจความรู้สึกของตัวเองได้อีก วินาทีนี้ เขารู้แล้วว่า เพื่อปาณีแล้ว เขาจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
พอคิดมาถึงตรงนี้ นภดลก็เงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วอยากจะพูดอะไร แต่อยู่ ๆ เสียงสัญญาณฉุกเฉินในห้องไอซียูก็ดังขึ้นมา
สีหน้าของนรมน บุริศร์ รวมทั้งนภดลเปลี่ยนไปทันทีเลย