แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1246 การรุกฆาตที่ตั้งใจพุ่งเป้าหมายมาที่เธอกับบุริศร์

บทที่ 1246 การรุกฆาตที่ตั้งใจพุ่งเป้าหมายมาที่เธอกับบุริศร์

“คุณกลัวอะไรที่สุดเหรอ?”

นรมนรู้อยู่แล้ว

เธอรู้ว่าบุริศร์กลัวสถานการณ์ที่ควบคุมตนเองไม่ได้จนถึงขั้นทำร้ายเธอที่สุด แต่เธอก็รู้ บุริศร์ไม่ทำร้ายเธอหรอก แต่ทำร้ายตนเองได้

นี่จึงเป็นสิ่งที่นรมนเป็นห่วงที่สุด

บุริศร์ไม่นึกว่าจะได้ยินนรมนถามคำถามที่ไร้เดียงสาขนาดนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเหม่อลอย

ก็เหม่อลอยขนาดนั้น จนนรมนมาถึงด้านหน้าของเขาแล้ว

“บุริศร์ คุณไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่ตรงนี้ ไม่เป็นไรหรอก”

นรมนยื่นมือออกมากอดบุริศร์เอาไว้อย่างไม่ลังเล

ร่างกายที่อ่อนโยนทำให้ร่างของบุริศร์ชะงักเล็กน้อย อยากจะผลักนรมนออกไปด้วยสัญชาตญาณ แต่กลับโดยนรมนจับข้อมือเอาไว้ พูดอย่างนุ่มนวล “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ฉันอยู่ด้วย แค่มีฉันอยู่ ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายคุณ ถึงจะเป็นหนอนพิษกู่ก็ไม่ได้ ฉันจะคิดหาวิธี หาวิธีให้มันออกไปจากคุณ บุริศร์ คุณรู้สึกถึงฉันใช่ไหม? ฉันรู้ คุณรู้สึกได้”

เสียงที่นุ่มนวลของนรมน ก็เหมือนมือที่ไร้รูปร่างกำลังปลอบประโลมอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงของบุริศร์ อย่างอ่อนโยน

ดวงตาสีเหลืองทองของเขาค่อยๆลดลง กอดนรมนกลับไป กอดเธอเอาไว้แน่น

ยังคงเจ็บหน้าอกอยู่ แต่บุริศร์กลับรู้สึกว่าตนเองไม่ได้แบกรับเอาไว้เพียงลำพัง ราวกับมีนรมนมาช่วยแบ่งเบา ความเจ็บปวดนั้นก็ลดลงไปเยอะเลย

เสียงแหบพร่าของเขาพูดขึ้น “นรมน ผมเจ็บ”

ตอนนี้บุริศร์เหมือนกับเด็กคนหนึ่ง ที่รู้สึกเศร้าใจและน้อยใจ ได้ยินเสียงหัวใจของนรมนที่กำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

“ไม่เจ็บแล้วไม่เจ็บแล้ว ฉันจะอยู่กับคุณ บุริศร์ ฉันจะอยู่กับคุณ”

เธอกระซิบเบาๆ รู้สึกว่าหัวที่อยู่บนไหล่หนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ

นรมนพบว่าบุริศร์หลับไปแล้ว

เขาขมวดคิ้วแน่น บางทีความเจ็บปวดอาจจะยังไม่หายไป เขาไม่ได้หลับสนิทมาก

นรมนเรียกหาลูกน้อง ให้ช่วยเธอยกบุริศร์เข้าไปนอนบนเตียงในห้องนอน

เห็นใบหน้าขาวซีดของบุริศร์ ในใจของนรมนก็ทนไม่ได้จริงๆ

เดิมทีคิดว่าพิษกู่ทองคำนี่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก เดี๋ยวพวกเขาค่อยๆคิดหาวิธีก็เอามันออกมาจนได้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว พิษกู่ทองคำสามารถระเบิดออกมาตอนไหนก็ได้

ตอนที่นรมนดึงผ้าห่มจะเอามาห่มให้บุริศร์ ถึงได้เห็นผ้าพันแผลบนข้อมือของเขา

เลือดซึมออกมาเต็มผ้าพันแผลแล้ว

ใจของนรมนบีบแน่น แกะผ้าพันแผลออกโดยไม่รู้ตัว จึงพบว่าบาดแผลด้านในเป็นรอยมีดบาด เหมือนเธอรู้สึกได้ถึงอะไรแล้ว

เธอมองบุริศร์อยู่นาน จากนั้นจึงไปหยิบกล่องยามาอีกครั้ง หลังจากพันแผลที่ข้อมือของบุริศร์เรียบร้อยดีแล้ว ก็ห่มผ้าให้แล้วเดินออกไป

นรมนหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาป้อง

“มีวิธีอะไรที่จะกำจัดพิษกู่ทองคำได้บ้าง? คุณรู้ไหมคะ? บอกสิ่งที่คุณรู้ให้ฉันเถอะ”

ป้องพูดอย่างกลุ้มใจ “พี่สะใภ้รอง ไม่ใช่ว่าผมไม่บอกคุณ แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะทำยังไงดี ผมเรียนแพทย์แผนปัจจุบัน ถึงจะเข้าใจแพทย์แผนจีนอยู่บ้าง แต่เจ้านี่กับพิษกู่ไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ได้เรียนมาเลย สิ่งนี้เป็นทักษะพิเศษของทางชาวเหมียว ไม่มีการเผยแพร่ออกมา คราวก่อนผมดูหนังสือโบราณเล่มนั้นของหมู่บ้านดารายนแล้ว ก็เข้าใจแค่ผิวหนังสัตว์ที่มีขนนิดหน่อย ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมไม่เข้าใจจริงๆ อีกอย่างหนอนพิษกู่ทองคำถือว่าเป็นปฐมาจารย์ของหนอนพิษกู่ ถือเป็นหนอนพิษกู่ขั้นสูงสุดแล้ว แม้แต่พิษกู่ทั่วๆไปผมยังจัดการไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพิษกู่ทองคำ คุณถามผมคงไม่ดีเท่าถามกิจจาหรอก บางทีเขาอาจจะเข้าใจมากกว่าผมอยู่บ้างนะ”

แม้นรมนจะเตรียมใจไว้อย่างดีแล้ว แต่ตอนที่ได้ยินป้องพูดเช่นนี้ในใจก็ยังคงเศร้าและผิดหวัง

“ทราบแล้ว ขอบคุณค่ะ”

นรมนพูดจบก็อยากจะวางสาย แต่กลับได้ยินป้องถามขึ้น “พี่รองเกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”

“ยังพอไหว แค่จู่ๆก็ปวดมาก อารมณ์ก็ค่อนข้างหุนหันพลันแล่นโมโหง่าย อย่างอื่นไม่มีอะไร”

นรมนไม่ได้บอกป้องที่ดวงตาของบุริศร์เปลี่ยนสี แม้ตอนนี้จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว แต่เธอก็ค่อนข้างกลัว

บุริศร์ที่เป็นอย่างนั้นราวกับโดนอะไรสิงร่าง เปลี่ยนไปจนไม่เหมือนเขาเลย

ป้องพูดขึ้นเบาๆ “ผมติดต่อไปถามคนของวงการแพทย์จำนวนหนึ่งแล้ว แต่ไม่กล้ารับปากว่าจะมีใครรู้ สิ่งนี้ทำได้เพียงเริ่มต้นจากหมู่บ้านดารายน หรือคุณรู้จักคนของชาวเหมียวที่เข้าใจในพิษกู่ลองถามๆดูก็ได้นะ”

นรมนพยักหน้า

หลังจากวางสาย นรมนก็ค่อนข้างอึดอัดใจ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นติดๆกันในช่วงนี้ แล้วยังมีคนได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องด้วย

นาวิน วินเซนต์ กานต์ ตอนนี้แม้แต่บุริศร์ก็เกิดอาการเจ็บปวด

คนข้างกายของพวกเขาเหมือนเจอแต่เรื่องไม่ดีทีละคนๆ ทำให้นรมนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน

พวกเขาต่างก็มีคนเบื้องหลังคนเดียวกันหมด นั่นก็คือกล้าณรงค์

นรมนรู้สึกได้ ไม่ว่าเธอกับบุริศร์จะไปหรือไม่ไปหมู่บ้านดารายน ไม่ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร มักจะมีกล้าณรงค์อยู่ด้วยตลอด

คนๆนี้ก็คือหนูตัวหนึ่งนี่เอง ตั้งใจหลบอยู่ในมุมมืดเพื่อลอบทำร้ายพวกเขา

แค่จัดการคนๆนี้ พวกเขาถึงจะปลอดภัยได้บ้างชั่วคราว แล้วก็ให้บุริศร์ไปกำจัดพิษกู่ทองคำได้อย่างเต็มที่

ดังนั้นกล้าณรงค์ต้องตาย!

หรืออาจจะบอกว่ากล้าณรงค์ต้องถูกประหารชีวิต

แต่กล้าณรงค์อยู่ที่ประเทศ F เธอจะทำยังไงล่ะ?

คงจะไม่ไปประเทศ F แล้วจับตัวกล้าณรงค์กลับมาในประเทศนะ

ต่อให้เธอสามารถเข้าไปในประเทศ F ได้ ก็ไม่แน่ว่าจะพาตัวของกล้าณรงค์ออกมาจากด้านในได้

อันที่จริงพระราชาของประเทศ F คือใครเธอยังไม่รู้เลย เพราะอะไรถึงให้ท้ายกล้าณรงค์เช่นนี้เธอก็ไม่ชัดเจน

เรื่องที่ไม่รู้มากมายไม่ได้แก้ปมออก ไปประเทศ F ก็คือหาเรื่องตาย แต่ถ้าไม่ไป ตอนนี้พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย

คริชณะที่ด้านนั้นยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะเสร็จสิ้น เป็นเพราะเรื่องของหมู่บ้านดารายนอีกแล้ว แม้แต่คุณท่านตนุวรยังโดนกักบริเวณ ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาถึงจะไม่เกิดเรื่องอะไร แต่อาธรรศที่โดนส่งไปทำภารกิจที่ต่างประเทศ ยังไม่มีข่าวคราว

คิดๆดูอย่างรอบคอบ อำนาจทั้งหมดรอบๆตัวของนรมนกับบุริศร์โดนควบคุมเอาไว้แล้ว นี่ก็คือการรุกฆาต

การรุกฆาตที่ตั้งใจพุ่งเป้าหมายมาที่เธอกับบุริศร์

ถ้าเกิดพวกเขามีการเคลื่อนไหว หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม้แต่คนพวกนั้นที่อยู่รอบๆก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

เจตต์ไม่ใช่ตัวอย่างเหรอ?

ตอนนี้นรมนนึกขึ้นมาถึงพบว่าที่เจตต์ตะกั่วเป็นพิษบางทีอาจจะไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การกระทำของเจตต์ แต่เพื่อให้เจตต์ไม่มีเวลาสนใจเรื่องของเธอกับบุริศร์ที่ด้านนี้

นรมนไม่โง่ หลังจากเธอล้างกระบวนการคิดตั้งแต่ต้นแล้วคิดใหม่อีกรอบ ก็เดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายออกแล้ว

พวกเขากำลังบีบให้นรมนกับบุริศร์ยอมจำนวน

ถ้าบอกว่าเรื่องทั้งหมดของคนพวกนี้เกี่ยวข้องกับกล้าณรงค์ งั้นเส้นสายที่มีอยู่ของกล้าณรงค์ก็แน่นหนาเกินไปแล้ว

แต่ตอนนี้ ถ้าเธอกับบุริศร์อยากจะบุกทะลวงการรุกฆาตนี้ ทางออกเพียงทางเดียวก็คือจับกุมกล้าณรงค์

นรมนขมวดคิ้วแน่น

จับกุมกล้าณรงค์ ไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดสินะ?

ลมพัดเข้ามาจากหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศส ทำให้สมองของนรมนปลอดโปร่งได้สักพัก

ตอนนี้นาวินโดนส่งกลับมาแล้ว

บุริศร์ยังหลับสนิทอยู่ นรมนจึงออกไปต้อนรับ

แม้จะเตรียมไว้แล้ว แต่ตอนที่นรมนเห็นนาวินก็ยังค่อนข้างหวั่นใจ

สีหน้าของนาวินซีดเผือดจนน่าตกใจ บนคอพันผ้าพันแผลหนาๆเอาไว้ ถึงจะยังไม่ได้สติ แต่คิ้วก็ยังคงขมวดแน่น เหมือนไม่อยากเชื่อจริงๆว่าธิดาวีร์จะลงมือกับเขาได้

นรมนถอนหายใจพูดขึ้น “จัดการด้วยนะ หาพยาบาลพิเศษมาดูแล อย่าให้เกิดปัญหาแม้แต่นิดเดียว”

“ครับ”

ลูกน้องพานาวินไป

นรมนจึงไปดูกานต์อีกครั้ง กานต์ยังไม่ตื่น แต่สัญญาณชีพไม่น่าเป็นห่วงแล้ว

หลังจากที่เธอออกมา ก็มาถึงห้องของเกวลินโดยไม่รู้ตัว

เกวลินก็ประหลาดใจมากที่นรมนมา

“คุณมาแล้ว?”

“อื้ม”

นรมนพยักหน้า แล้วนั่งลงไปในห้องของเกวลิน

เธอไม่รู้ว่าตนเองควรพูดอะไรกับเกวลิน แค่รู้สึกว่าในห้องนี้สามารถทำให้เธอสงบจิตสงบใจได้สักครู่

เกวลินคิดว่านรมนจะพูดอะไรกับตนเองบ้าง แต่ตั้งแต่หลังจากนรมนเข้ามาก็นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่พูด ไม่ถาม เหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่ แล้วก็เหมือนให้ตนเองได้พักผ่อนสักหน่อย

เธออยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยวมองไปทางไหนก็ไม่มีญาติพี่น้อง หลังจากเกิดเรื่องของวินเซนต์ เธอยิ่งโดดเดี่ยวไม่มีคนคอยสนับสนุน ทุกวันทุกเวลาทุกวินาทีที่อยู่ที่นี่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าสหายพวกนั้นของวินเซนต์จะมาฆ่าเธอเมื่อไหร่

วันนี้เห็นนรมนไม่พูดไม่จา เกวลินค่อนข้างไม่สบายใจ

“คุณมาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

เธอถาม แต่น้ำเสียงระมัดระวัง

นรมนถึงได้มีสติกลับมา ส่ายหัวพูดขึ้น “ไม่มีอะไร แค่มานั่งเฉยๆ อ้อ ใช่สิ ฉันจะบอกเธอว่า เจอคนที่ฆ่าทมโภลีแล้ว ไม่ใช่เธอ”

ได้ยินคำนี้ เกวลินก็คลายกังวลทันที

“ขอบคุณคุณมากๆ ถ้าไม่ใช่คุณ ฉันอาจจะโดนหาว่าเป็นฆาตกรจริงๆแล้ว”

เกวลินรู้ ตนเองมาที่นี่ด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ พวกเขาปฏิบัติกับตนเองด้วยความแค้นเคืองก็สมควรแล้ว แต่เรื่องที่เธอไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ เธอไม่ได้ฆ่าสหายของพวกเขาจริงๆ

นรมนมองเกวลิน รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ยังมีขอบเขตอยู่ นอกจากวินเซนต์แล้ว เธอมีความเมตตาต่อคนอื่นๆจริงๆ

บางทีที่ทำกับวินเซนต์ เธอก็คงจะละอายใจสินะ

“เธอรู้จักทรรศยาไหม?”

คำพูดของนรมนทำให้เกวลินคิดเล็กน้อย แล้วส่ายหัว

“บุณพจน์บอกว่าเพราะใบหน้านี้ของฉันถึงให้ฉันเข้ามา เขาชี้ขาดว่าที่วินเซนต์ฆ่าฉันไม่ได้ก็เพราะใบหน้านี้ ฉันรู้จักชื่อทรรศยาจากปากของวินเซนต์ แต่ฉันไม่ใช่เธอจริงๆ”

คำพูดของเกวลินทำให้นรมนชะงักเล็กน้อย

เธอมองเกวลินที่อยู่ตรงหน้า จู่ๆก็ถามขึ้น “เธออายุเท่าไหร่?”

“สิบแปดค่ะ”

เกวลินค่อนข้างเจ็บปวด

เธอเพิ่งจะผ่านวันเกิดปีที่สิบแปดมาได้ไม่นาน คิดว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว คิดว่าสามารถแต่งงานกับบุณพจน์เพื่อเป็นของขวัญที่ได้เป็นผู้ใหญ่ของตนเอง ไม่คิดว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องตลกที่น่าเยาะเย้ย

แต่นรมนกลับขมวดคิ้ว

ถ้าทรรศยายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้น่าจะ 27-28 ปีแล้ว แต่เกวลินเพิ่งจะสิบแปด ถ้าทั้งสองคนเกี่ยวข้องกัน จะเป็นพี่น้องแท้ๆได้หรือเปล่านะ?

อันที่จริงตอนที่ทรรศยาสละชีวิตยังไม่ถึงยี่สิบปีเลย เวลานั้นพ่อแม่ของทรรศยายังสามารถมีลูกได้อีก

หลังจากทรรศยาสละชีวิต ทั้งสองคนจะมีลูกอีกคนก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ไม่ง่ายเลยที่จะให้กำเนิดลูก ทำไมพวกเขาถึงทำลูกหายได้ล่ะ?

นรมนไม่เข้าใจ แต่กลับรู้สึกว่าควรจะสืบหาจากทิศทางนี้

เธอรีบออกจากห้องของเกวลิน พูดกับลูกน้อง “ส่งคนไปสืบว่าหลังจากที่ทรรศยาสละชีวิตพ่อแม่ของทรรศยาได้ให้กำเนิดลูกอีกไหม ฉันต้องการรู้ผลให้เร็วที่สุด”

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท