“คุณหนูกมลพอดีฉันมีธุระ ตอนนี้ไปไม่ได้แล้วค่ะ”
ปีวราเพิ่งพูดจบก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่โหดร้ายพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอตกใจจนตัวสั่น
กิจจาหันกลับมาทันที พูดอย่างเย็นชา “วันนี้ต่อให้ฟ้าจะถล่มลงมา พี่ก็ต้องให้ผมดูบาดแผลให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไม่งั้นน้องสาวผมจะซึมไปทั้งวันแน่ๆ”
คำพูดนี้ทำให้ปีวรายกมุมปากขึ้นมาอีกครั้ง
นี่คงเป็นสไตล์ที่รักน้องสาวมากๆสินะ
เธอรู้สึกว่าเด็กสองคนที่อยู่ตรงหน้าใครก็หาเรื่องไม่ได้
“ฉัน……”
“เร็วๆหน่อย!”
กิจจาพูดจบก็หมุนตัวเดินไป
กมลมองปีวรายิ้มอย่างเบิกบาน รอยยิ้มนั้นเปล่งประกายเหลือเกิน แต่กลับทำให้เธอเสียวสันหลัง
“ฉันไป ฉันไปยังไม่พอใจอีกเหรอ?”
ปีวราส่งมือถือไปให้ลูกน้อง พูดเบาๆ “รีบกลับไปดูหน่อย อย่าให้เกิดเรื่อง อีกเดี๋ยวฉันจะกลับไป”
“ครับ”
อีกฝ่ายรีบออกไป
ปีวราตามพวกกมลเข้ามาในห้อง กิจจาให้เธอนอนลงบนเตียง
เขาตรวจร่างกายให้ปีวรารอบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “แค่อาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น ไม่ถึงกับตายหรอก ทายานิดหน่อยก็หายแล้ว วันละสามครั้ง สามวันก็ดีขึ้นแล้ว”
พูดจบกิจจาก็โยนขวดยาไปให้ปีวรา แต่ตอนที่หันไปหากมลกลับสีหน้าอ่อนโยน
“กมล เหนื่อยไหม? อยากนอนพักหน่อยไหม? งั้นเธอไม่ต้องตามพี่ไปหรอก อยู่บ้านเป็นเพื่อนหม่ามี้เถอะ”
“ไม่เอา หนูว่าหม่ามี้ก็คงไม่อยู่บ้าน หนูไปเปลี่ยนชุดก่อน พี่กิจจาต้องรอหนูนะ”
กมลพูดจบก็หมุนตัววิ่งออกไป
ปีวราเห็นเธอออกไปแล้วถึงเป่าปากคลายกังวลลงได้
เจ้าปีศาจน้อยอยู่ตรงนี้ เธอกดดันมากจริงๆรู้ไหม
แต่กิจจากลับพูดขึ้นอย่างไม่ชอบใจ “เหมือนพี่จะไม่ค่อยมีไมตรีกับน้องสาวผมเลยนะ”
“ไม่ ไม่ใช่นะ คุณหนูกมลน่ารักขนาดนั้น ทำไมฉันจะไม่ชอบเธอล่ะ?”
ปีวราพูดออกไปไม่เหมือนกับที่ใจคิด ยิ้มสดใสสุดๆ
แต่กิจจากลับพูดอย่างเย็นชา “ด้วยหลักจิตวิทยาบอกว่าตอนที่คนๆหนึ่งโกหกมักจะมีการกระทำเล็กๆที่ไม่ได้ใส่ใจออกมาเพื่อปกปิดความคิดที่แท้จริงในใจ เมื่อกี้พี่บิดชายเสื้ออยู่นะ”
เพิ่งพูดจบ รอยยิ้มของปีวราก็ฝืนเอาไว้ไม่ได้แล้ว
ตระกูลโตเล็กนี่เป็นปีศาจกันหมดเลยเหรอ?
ไม่ต้องพูดถึงเด็กห้าขวบที่น่ารักเหมือนตุ๊กตานางฟ้าแต่เป็นมือปืนซุ่มยิง เด็กชายตรงหน้าก็เหมือนจะไม่ได้โตกว่ามาก ไม่นึกว่าจะมีความรู้ด้านจิตวิทยาอีก?
ปีวรารู้สึกว่าความคิดกับความรู้สึกของตนเองโดนทำลายไปแล้ว
“เอาเถอะ ไม่มีอะไรพี่ก็ไปได้แล้ว ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
นี่เป็นการไล่แขกกลับไปอย่างโจ่งแจ้ง
กมลไม่อยู่ ใบหน้าของกิจจาก็ขี้เกียจจะรักษามารยาทขั้นพื้นฐานเอาไว้แล้ว
อันที่จริงเขารู้สึกแย่มากๆ
ตอนที่ภัยอันตรายมาเยือน เขาไม่คิดว่าจะโดนหม่ามี้ทำให้หมดสติไป
เฮ้อ
ขายหน้าชะมัดเลย
คิดอย่างนี้ สีหน้าของกิจจายิ่งแย่กว่าเดิมอีก
ปีวราจึงไม่กล้าอยู่นานอยู่แล้ว รีบลุกออกไป
บุริศร์ไปที่ถ้ำ
ทหารรับจ้างพวกนี้โดนบอดี้การ์ดของบุริศร์จับตาดูอยู่ที่นี่ กำลังบีบบังคับให้สารภาพออกมา แต่เห็นได้ชัดว่า ปากของพวกเขาแข็งมาก
ตอนที่เห็นบุริศร์มาถึง บอดี้การ์ดพวกนั้นจึงพูดขึ้น “ประธานบุริศร์ กระดูกของพวกเขาแข็งใช้ได้เลยครับ”
“กระดูกแข็งไม่เป็นไร วิธีของฉันแข็งกว่า พวกนาย ไปหาคีมปากยาวมาอันหนึ่ง ฉันได้ยินว่าเอาซี่โครงออกมาจากตัวคนน่าจะไม่ถึงตาย แต่ไม่รู้ว่าเจ็บหรือเปล่า ฉันก็ไม่ใช่หมอซะด้วย แต่ทว่าให้ลงมือก็เชี่ยวชาญพอตัวนะ”
บุริศร์นั่งลงไปที่ด้านหน้าของทหารรับจ้างพวกนั้นตามอำเภอใจ กำลังมองท่าทีที่ไม่เกรงกลัวต่อความตายของพวกเขา รอยยิ้มที่ราวกับยมทูต ทำให้คนตัวสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว
ทหารรับจ้างสองคนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
เลาะซี่โครงออกมาจากตัวคน นี่คงไม่ใช่ความเจ็บปวดธรรมดาๆ ถึงขั้นตายได้เลย
เหมือนมองออกถึงความคิดของพวกเขา บุริศร์จึงยิ้มอย่างโหดเหี้ยมพูดขึ้น “ตายสักคนสองคนก็ไม่เป็นไร ยังไงซะก็จับได้ตั้งหลายคน ฉันไม่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะไม่เหลือศัตรูที่จับไว้ได้สักคนเลย ต่อให้ตายหมดก็ไม่เป็นไร มีการจู่โจมครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง ครั้งนี้ไม่สำเร็จยังมีครั้งที่สองอีก ฉันไม่รีบ”
คำพูดนี้โจมตีขีดจำกัดความอดทนของสองคนนั้นแตกกระเจิงทันที
“อย่า อย่าทำกับพวกเราอย่างนี้ พวกเราจะบอก”
“หยุดนะ!”
คนอื่นๆยังคิดจะห้ามสองคนนี้เอาไว้ แต่เมื่อบุริศร์ส่งสายตาออกไป ก็มีคนอุดปากของพวกเขาไว้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังโดนตีจนบวมเป่งด้วย
ทหารรับจ้างสองคนนั้นขดตัวเล็กน้อย พูดขึ้น “พวกเราก็ไม่รู้ว่านายจ้างเป็นใคร แค่ให้พวกเรามาฆ่าคุณ ไม่ได้มีคำสั่งอื่น”
“ฆ่าฉัน? พูดอย่างนี้เป้าหมายคือฉันสินะ?”
บุริศร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ใช่ แค่บอกว่าฆ่าคุณ”
“ใครเป็นคนสั่ง?”
คำพูดของบุริศร์ทำให้ทหารรับจ้างสองคนกลุ้มใจ
“พวกเราไม่รู้จริงๆ อีกฝ่ายแค่โทรติดต่อกับลูกพี่ของพวกเรา เพราะให้เงินค่อนข้างเยอะ พวกเราก็เลยรับงานนี้”
“เท่าไหร่ที่ใช้ซื้อชีวิตของฉัน?”
“สิบล้าน ดอลลาร์สหรัฐ”
ทหารรับจ้างพูดอย่างระมัดระวัง แต่บุริศร์กลับยิ้ม
“คิดไม่ถึงว่าชีวิตของฉันจะมีมูลค่าใช้ได้เลยนะ”
หลังจากพูดจบบุริศร์ก็ยืนขึ้น แล้วเดินออกไปด้านนอก
“ฆ่าไปเลยแล้วกัน ไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สักเท่าไหร่”
หลังจากบุริศร์ออกคำสั่งอย่างเย็นชา ด้านหลังจึงมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น แล้วทั้งหมดก็กลับมาเงียบสงบเหมือนเดิม
อากาศด้านนอกค่อนข้างสดชื่นปลอดโปร่ง แต่บุริศร์กลับรู้สึกกลัดกลุ้ม
คนที่อยากได้ชีวิตเขาเยอะเกินไป แต่คนที่รู้ว่าเขามาที่นี่ไม่เยอะ จะเป็นใครได้ล่ะ?
บุณพจน์สามคำนี้วิ่งออกมาจากในหัวของเขา แต่กลับโดนเขาระงับเอาไว้
ดวงอาทิตย์ขึ้นมาถึงกลางท้องฟ้าแล้ว ถ้ายังไม่ออกเดินทางอีกคงสายแน่ๆ
บุริศร์กลับไปที่ห้องนอน นรมนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วกำลังรออยู่
“ทำไมไม่นอนอีกหน่อย?”
ตอนที่บุริศร์เห็นนรมนอารมณ์ก็สงบลงแล้ว
นรมนยิ้มพูดขึ้น “พักพอแล้ว เด็กๆล่ะ?”
“น่าจะอยู่ในห้อง ผมไปเรียกพวกเขาให้”
“ไปด้วยกันเถอะ”
นรมนลุกขึ้นคล้องแขนของบุริศร์เอาไว้
กลิ่นหอมอ่อนๆที่อัดแน่นอยู่ในจมูกของบุริศร์นั้น ทำให้เขาค่อนข้างใจลอย แต่คิดถึงว่าวันนี้ต้องไปทำอะไรบ้าง เขาจึงต้องปรับสภาพจิตใจให้ดี ยิ้มให้นรมนแล้วเดินออกไป
กิจจากับกมลรออยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว
กมลสวมชุดกระโปรงเจ้าหญิงสีขาว ถักเปียเล็กๆสองเปีย น่ารักมาก ราวกับตุ๊กตาเซรามิคเลย
กิจจาสวมสูทสีดำทั้งชุด ท่าทางเคร่งขรึมสง่าผ่าเผย
“กิจจา ดีขึ้นหรือยัง?”
ยิ้มหวานของนรมนทำให้กิจจาค่อนข้างทำตัวไม่ถูก
“หม่ามี้ คราวหน้าในสถานการณ์อย่างนี้ห้ามทำให้ผมสลบอีกนะ”
“โอ้โหว กิจจาของพวกเราโกรธเหรอเนี่ย?”
นรมนพูดหยอกเย้า
ถ้ามีอีกครั้ง เธอคงทำแบบนี้อยู่ดี
กิจจาพูดขึ้นอย่างเคอะเขิน “ไม่ใช่สักหน่อย ผมแค่ แค่……”
เขาแค่มาครึ่งวันแล้วแต่ก็ยังพูดเหตุผลไม่ออก
“เอาล่ะ สายมากแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
บุริศร์เอ่ยปากได้ทันเวลา ตัดบทสถานการณ์ที่น่าอึดอัดของพวกเขา กิจจาจึงมองเขาด้วยสายตาขอบคุณ แล้วรีบเดินตามไป
ตอนที่ผ่านข้างกายของบุริศร์ กิจจาพูดขึ้นเบาๆ “แด๊ดดี้ ผมคิดดีแล้ว โควตานี้ผมไม่เอาแล้ว ให้กานต์หรือกมลเถอะครับ”
“ลูกแน่ใจ?”
บุริศร์ค่อนข้างประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้เกินกว่าที่คาดคิด
กิจจาพยักหน้า พูดขึ้น “ผมยืนยันแล้วก็แน่ใจมาก ผมไม่ต้องการโควตานี้แล้ว ไม่เป็นแพทย์ทหารผมเป็นแพทย์ทั่วไปก็ได้ เพียงแค่ทักษะการรักษาของผมโดดเด่น อยู่ที่ไหนก็เป็นคนมีพรสวรรค์ได้ทั้งนั้น”
“เจ้าเด็กแสบ!”
บุริศร์ไม่ได้พูดต่อ แต่แฝงไปด้วยความลึกซึ้งเล็กน้อย
กิจจาฟังไม่เข้าใจ แต่กลับรู้สึกสบายใจ โล่งใจขึ้นมาก
หลังจากพวกเขาขึ้นรถก็ไปที่หลุมศพของตรินท์
บุริศร์หาคนมาสร้างสุสานไว้ที่นี่ ซื้อที่ดินผืนนี้ไว้แล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นสุสานส่วนตัวของตระกูลโตเล็ก
หลังจากกิจจามาถึงที่นี่ก็รู้สึกหน่วงๆ แต่ก็แค่หน่วงๆเท่านั้น
ตรินท์มอบสิ่งที่ตราตรึงในใจให้เขาแค่การอยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่เดือน แต่คนๆนั้นกลับไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของเขา
ดังนั้นสำหรับพ่อคนนี้ กิจจาไม่รู้ว่าในใจควรจะมีความรู้สึกยังไงต่อเขา
บุริศร์จูงมือกิจจาเดินเข้าไป
ตรินท์ที่อยู่บนรูปภาพยังหนุ่มอยู่มาก สวมเครื่องแบบตำรวจท่าทางยิ้มแย้มเล็กน้อยทำให้กิจจาเจ็บปวดใจ ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาทันที
“แด๊ดดี้”
เสียงของกิจจาเบามาก เบาจนแทบจะฟังไม่ชัดเจน
บุริศร์มองป้ายชื่อหน้าหลุมศพที่อยู่ด้านหน้า ในใจก็ค่อนข้างซับซ้อน
“ตรินท์ ฉันพากิจจามาเยี่ยมนายแล้วนะ ไม่รู้ว่านายอยู่ข้างล่างเป็นยังไงบ้าง ฉันกับเด็กๆสบายดี นายไม่ต้องเป็นห่วง”
นรมนยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไร
เธอมองต้นสนไซเปรสที่เขียวชอุ่มอยู่รอบๆ แล้วก็ดูฮวงจุ้ยของที่นี่ ด้านหน้ามีสายน้ำหล่อเลี้ยงด้านหลังมีภูเขาให้พักพิง ช่างเป็นฮวงจุ้ยที่เต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง
“กมล หม่ามี้พาลูกออกไปเดินๆดูดีกว่า”
นรมนรู้ว่าบุริศร์กับกิจจาคงมีคำพูดที่อยากบอกตรินท์มากมาย เธอจึงพากมลเดินออกไป
“ค่ะ”
กมลก็ยื่นมือเล็กๆไปให้นรมนอย่างว่าง่าย แล้วเดินไปตามทางกับนรมนจนถึงอีกที่หนึ่ง
“หม่ามี้ ถ้าหากคุณอายังอยู่ ตอนนี้จะเป็นยังไงเหรอ?”
กมลเงยหน้า ดวงตากลมโตใสแป๋วกำลังมองนรมนถามขึ้น
นรมนชะงักเล็กน้อย “หม่ามี้ก็ไม่รู้ บนโลกนี้จะมีถ้าหากมากมายขนาดนั้นที่ไหนกัน”
กมลพยักหน้า พูดเบาๆ “หนูรู้สึกว่าแด๊ดดี้น่าสงสารจัง คุณอาไม่อยู่ คุณน้าก็กลายเป็นอย่างนั้น คุณปู่คุณย่าก็ไม่อยู่อีก ข้างๆแด๊ดดี้มีแค่พวกเราแล้ว หม่ามี้ ต่อไปหนูจะรักแด๊ดดี้ให้เต็มที่ หม่ามี้อย่าหึงได้ไหม?”
นรมนกลุ้มใจขึ้นมาทันที
“เด็กโง่ หม่ามี้จะหึงอะไร ลูกเป็นลูกรักของหม่ามี้กับแด๊ดดี้นะ เราหวังว่าพวกลูกจะมีความสุขดีก็พอแล้ว แต่ว่าเจ้าหญิงน้อยของหม่ามี้เริ่มมีเรื่องปิดบังหม่ามี้แล้วนะ”
กมลประหลาดใจขึ้นมาทันที แต่ก็เพียงชั่วครู่ ยิ้มพูดขึ้น “หม่ามี้ ถ้ารู้แล้วแต่ไม่เปิดโปง เราจะยังเป็นแม่ลูกที่ดีต่อกันนะคะ”
“ถ้ารู้แล้วเปิดโปงก็เป็นไม่ได้แล้วเหรอ?”
นรมนตั้งใจยอกย้อนคำพูดของเธอ
กมลไม่เห็นด้วยขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“หม่ามี้ ทำไมเป็นแบบนี้อะ?”
“หม่ามี้เป็นแบบไหน?”
สองแม่ลูกถกเถียงกันขึ้นมา
จู่ๆ เหมือนกมลเห็นอะไรผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เธอเคยเรียนใช้ปืนซุ่มยิงมาก่อน จึงตอบสนองกับแสงสะท้อนรวดเร็วเป็นพิเศษ แทบจะพร้อมๆกัน ที่กมลผลักนรมนออกไป แล้วเธอเองก็กระโจนเข้าไปบนตัวของนรมน
“อร๊าย!”
นรมนตกใจ ทั้งตัวล้มลงไปบนพื้น และในเวลาเดียวกัน ขณะที่กมลกระโจนเข้ามา กระสุนเม็ดหนึ่งก็เฉียดผ่านหัวของกมลไป…..