แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1290 ฉันสาบานด้วยชีวิตฉันได้

บทที่ 1290 ฉันสาบานด้วยชีวิตฉันได้

บุริศร์พานรมนและพรวลัยที่หมดสติเดินไปตามเส้นทางลับอยู่นานมาก นานจนพวกเขานึกว่าจะต้องเดินอยู่ที่นี่ตลอดไป ในที่สุดนรมนก็เห็นแสงสว่างหนึ่ง

“มีแสงอยู่ข้างหน้า เราออกไปได้แล้วใช่ไหม?”

ดวงตาของบุริศร์มีความสุขเคลื่อนผ่านไป

“เราเดินมาสามวันแล้ว คงออกไปได้แล้ว”

บุริศร์มองพรวลัยที่ยังคงหลับสนิท ในใจก็โล่งอกเล็กน้อย

ตราบใดที่ออกไปแล้ว พวกเขาก็อาจจะปลอดภัย

นรมนเห็นรุ่งอรุณ อารมณ์ก็ผ่อนคลายอยู่บ้าง มองพรวลัยที่หมดสติ ถามขึ้นอย่างค่อนข้างสงสัย “พรวลัยนี่ฉันแค่สับเบาๆ เองนะ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหมดสติไปสามวัน? ถ้าเธอไม่หายใจปกติ ฉันกลัวว่าฉันจะลงมือแรงจนเธอตายไปแล้ว”

“ไม่หรอก”

บุริศร์ส่ายหน้า หยิบกระติกน้ำจากเอวลงมา ส่งให้นรมนแล้วพูดขึ้น “ดื่มน้ำหน่อย”

นรมนรับกระติกน้ำมาดื่มสองสามคำ จากนั้นก็ส่งให้บุริศร์อีกครั้ง

บุริศร์ดื่มไปสองสามอึกอย่างไม่ลังเลสักนิด

เห็นทั้งสองคนดื่มน้ำพร้อมกัน ในใจนรมนก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

“แล้วทำไมเธอไม่ตื่นตลอดเลยล่ะ?”

“คงเป็นเพราะบุณพจน์ให้เธอกินอะไรบางอย่าง ทำให้เธอหลับสนิท พอเป็นแบบนี้ถึงแม้เธอจะตื่นขึ้นมารู้อะไรบางอย่าง กลับไปก็สายไปแล้ว”

คำพูดนี้ของบุริศร์ทำให้นรมนสงสัยไม่เข้าใจ

“หมายความว่าไง?”

“เธอคือคนที่บุณพจน์ไหว้วานให้ฉันพาออกมา เธอท้องลูกของบุณพจน์ แค่ตัวพรวลัยไม่รู้เท่านั้น”

บุริศร์เล่าเรื่องพรวลัยและบุณพจน์ให้นรมนฟังอีกรอบ

หลังจากนรมนฟังจบก็พูดขึ้นอย่างเสียใจเล็กน้อย “ความรักของทุกคนมันคดเคี้ยวขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันคิดว่าความรักระหว่างเราก็ไม่ง่ายมากพอแล้ว ไม่คิดว่าพวกเขาก็ยังยากขนาดนี้อีก พี่ใหญ่กับพรวลัยนี่ถือเป็นวันเวลาผ่านไปค่อยๆ กลายเป็นความรักไหม?”

“อาจจะใช่ แต่ระหว่างพวกเขามันไม่ง่ายอย่างที่เราเห็นแน่นอน วันเวลาผ่านไปค่อยๆ เกิดเป็นความรักก็คือด้านหนึ่ง เดาว่ามิตรภาพในการฝ่าอันตรายมาด้วยกันของพรวลัยและบุณพจน์มันมากขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งมีเวลาสิบสองปีกี่ครั้ง? พรวลัยมอบชีวิตนี้ให้กับบุณพจน์ทั้งหมด และไม่เสียใจภายหลังด้วย ถึงแม้ว่าจะถูกทำร้ายจนแท้งลูกไปสองสามคนแล้วก็ยังคงตัดสินใจยืนเคียงข้างบุณพจน์ ถึงแม้ในอนาคตจะไม่สามารถมีลูกได้อีกก็ไม่สนใจ ความรักระหว่างพวกเขาพวกเราไม่เข้าใจ แต่สัญญากับบุณพจน์ไปแล้ว ว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดี”

เมื่อก่อนบุริศร์คงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ระหว่างทางที่ตนกับนรมนเดินมา ความรักที่ขรุขระมันทำให้เขาเห็นบุณพจน์ยากลำบากแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะช่วยสักหน่อย

นรมนพยักหน้า

หลังจากทั้งสองคนพักผ่อนมากพอแล้ว ก็พาพรวลัยเดินไปข้างนอกต่อ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าหางตาพรวลัยมีน้ำตาไหลลงมา

เมื่อเดินออกไปจากอุโมงค์ในที่สุด นรมนและบุริศร์ก็ไม่แน่ใจว่าที่นี่คือที่ไหน

พวกเขามองซ้ายขวา

ที่นี่คือเทือกเขาจริงๆ แต่แยกไม่ออกว่าคือเทือกเขาหมู่บ้านน้ำใสหรือหมู่บ้านดารายน พื้นที่ตรงหน้าดูค่อนข้างแปลกตา

“ที่นี่คือที่ไหนอ่า? หมู่บ้านน้ำใสเหรอ?”

นรมนมองรอบๆ แล้วถามขึ้น

บุริศร์ส่ายหน้าพูดขึ้น “ไม่ใช่ ระยะทางระหว่างหมู่บ้านน้ำใสกับด้านหลังภูเขานั้นใกล้กันมาก แต่เราเดินมาสามวันแล้ว เวลาสามวันนี้พิรุณจะต้องตั้งยามรักษาการณ์มาสืบหาพวกเราที่ละแวกหมู่บ้านน้ำใสหรือไม่ก็ด้านหลังภูเขาแล้ว แต่คุณดูสิ ที่นี่ไม่มีใครเลย แม้แต่เสียงนกร้องก็ไม่ได้ยิน ต้องไม่ใช่ด้านหลังภูเขาหมู่บ้านน้ำใสแน่ๆ”

นรมนก็รู้สึกได้

ที่นี่บรรยากาศอึมครึม ไม่มีพลังงานการดำรงชีวิตเลยสักนิด

“ทำไมจู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ?”

“ตามติดฉันมา อย่าเดินหลงทาง ฉันก็รู้สึกเหมือนกันว่าที่นี่มันแปลกมาก”

บุริศร์เกิดความคิดไม่สงบ ทำได้แค่ให้นรมนตามตัวเองมาอย่างใกล้ชิด

นรมนประคองพรวลัยอยู่ เดินซ้ายขวาไปกับบุริศร์

ที่นี่ไม่มีถนน ทุกที่ล้วนเป็นต้นไม้ใบหญ้าที่สูงกว่าคน พวกเขาต้องเดินไปข้างหน้าแหวกต้นไม้ไปพร้อมๆ กับประคองพรวลัย

แต่เดินมานานมากแล้ว พวกเขาก็พบว่ากลับมาที่เดิมอีกครั้ง

สีหน้านรมนและบุริศร์ไม่ดีแล้ว

“เหมือนเราย้อนกลับมาที่เดิมตลอดเลย”

นรมนพูดสิ่งที่ตัวเองค้นพบออกไป

แน่นอนว่าบุริศร์ก็ค้นพบเช่นกัน เขาพูดเสียงทุ้ม “ไม่งั้นคราวนี้เราเดินไปด้านหลังกัน”

“โอเค”

ทั้งสองคนเดินกันอยู่นานมาก เมื่อพวกเขาพบว่ากลับมายังจุดเดิม ในใจนรมนก็ไม่ค่อยสบายใจแล้ว

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“มันคือค่ายกล”

พรวลัยไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อไร

เธอมองทุกอย่างของที่นี่ สีหน้าแววตาสงบนิ่งมาก

นรมนแปลกใจเล็กน้อย อยากถามอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากอย่างไร ทำได้แค่เหลือบมองบุริศร์อย่างช่วยไม่ได้

บุริศร์มองพรวลัย ขมวดคิ้วเล็กน้อย มีประกายแสงแวววับในดวงตา

“เธอตื่นนานแล้วเหรอ?”

“อืม ตื่นตอนที่ใกล้ออกจากเส้นทางลับ แต่ไม่อยากให้พวกคุณลำบากใจ ก็เลยแกล้งหลับ เมื่อกี้ไม่พูดออกไปก็เพราะอยากรู้ว่าที่ฉันเดาในใจมันถูกต้องไหม ยังไงตอนนี้มันก็สมัยนี้แล้ว คนที่ทำค่ายกลได้มีไม่เยอะแล้ว”

พรวลัยพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปข้างๆ บุริศร์ หรี่ตาไม่รู้ว่ากำลังมองอะไร

นรมนรีบเดินไปข้างๆ บุริศร์ แล้วพูดเสียงทุ้ม “ฉันรู้สึกว่าเธอผิดปกติมากๆ”

“ดูสถานการณ์เงียบๆ แล้วเตรียมรับมือ”

ดวงตาบุริศร์ก็มีความหนักอึ้งเล็กน้อย

ค่ายกล!

นี่มันคือคำนามที่โบราณมาก

บางทีอาจจะเห็นสิ่งเหล่านี้ในละครหรือภาพยนตร์ แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าพรวลัยตรงหน้าจะบอกว่าที่นี่มีค่ายกลจริงๆ

ก้นบึ้งหัวใจบุริศร์สั่นสะเทือน

เดิมทีแล้วคนที่มอบของขวัญบรรลุนิติภาวะให้กับบุณพจน์คือพิรุณ เป็นไปได้อย่างมากว่าพรวลัยคือคนของพิรุณ แต่บุณพจน์เชื่อใจเธอ บุริศร์ก็เลือกที่จะเชื่อ

แต่เดาว่าบุณพจน์ก็คงไม่รู้ว่าพรวลัยทำค่ายกลเป็น

ผู้หญิงที่มีทักษะความสามารถเช่นนี้จะยอมเป็นของขวัญบรรลุนิติภาวะของบุณพจน์ได้อย่างไร

แถมอยู่มาสิบสองปี!

หรือพรวลัยเป็นคนของพิรุณจริงๆ?

ความสงสัยเล็กน้อยนี้ผ่านเข้ามาในก้นบึ้งหัวใจบุริศร์

แน่นอนว่านรมนก็ระมัดระวังเช่นกัน เธอจ้องพรวลัยอย่างใกล้ชิด เห็นพรวลัยเดินไปทางซ้ายไม่กี่ก้าว ไม่รู้กำลังหาอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เดินไปทางขวาไม่กี่ก้าว หาอะไรบางอย่างอีกรอบ จัดการอะไรบางอย่างทุกทิศทางอยู่ตลอดเป็นเวลานานมาก จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียว “นี่คือกระบวนพยุหะแปดทิศ ทำให้ติดอยู่ที่นี่ออกไปไม่ได้ ถ้าฉันเดาไม่ผิด ด้านนอกค่ายกลนี้คงมีอะไรบางอย่างสำคัญที่ไม่สามารถให้คนภายนอกค้นพบ เราจึงเดินออกไปไม่ได้”

พรวลัยในขณะนี้ ใบหน้ามีความเหนื่อยล้า เหมือนไม่ค่อยเหมือนกับตอนที่อยู่ข้างๆ บุณพจน์

ทั้งร่างเธอแผ่กระจายความเย็นชาและห่างเหินออกมา

ถ้าไม่ใช่เพราะบุณพจน์ บุริศร์ไม่อยากเอาปัจจัยที่ไม่มั่นคงแบบนี้ไว้ข้างกายเลยจริงๆ

“เธอเป็นใคร?”

ดวงตาบุริศร์แฝงไปด้วยการป้องกันเล็กน้อย

พรวลัยเหลือบมองบุริศร์และนรมน พูดขึ้นอย่างราบเรียบ “พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะไม่ทำร้ายคุณชายบุณพจน์”

“บางเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ปากพูด”

“ฉันสาบานด้วยชีวิตฉันได้เลย”

เมื่อพรวลัยพูดคำนี้ออกไป นรมนก็ดึงแขนเสื้อบุริศร์ บ่งบอกว่าเขาไม่ต้องถามแล้ว

เธอสามารถมองออกได้ว่าความรักที่พรวลัยมีต่อบุณพจน์นั้นเป็นเรื่องจริง ใครไม่มีความลับนิดหน่อยบ้างล่ะ?

พรวลัยเห็นพวกเขาไม่มีอะไรจะถามแล้ว ก็พูดขึ้น “พวกคุณอยากออกไปจากที่นี่ไหม?”

“คุณมีวิธีเหรอ?”

“มี หนึ่งคือหลีกเลี่ยงกระบวนพยุหะแปดทิศนี้ เราไปที่อื่นเพื่อตามหาเส้นทางที่พวกเราต้องหา อีกหนึ่งคือทำลายกระบวนพยุหะแปดทิศนี้โดยตรง เข้าไปด้านหลังค่ายกลนี้ แต่แบบนี้มันจะอันตรายมาก เพราะฉันไม่รู้ว่าค่ายกลนี้พิรุณเป็นคนทำหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็เท่ากับว่าเราโยนตัวเองเข้าไปในแห มันก็จะเสียความพยายามของคุณชายบุณพจน์”

ความหมายของพรวลัยเรียบง่ายมาก เธอหวังว่าบุริศร์และนรมนจะอ้อมกระบวนพยุหะแปดทิศนี้ แล้วตามหาทางออกอื่น

นรมนก็คิดแบบนี้เช่นกัน

“บุริศร์ ไม่งั้นเราหาทางออกอีกครั้งเถอะ คุณคิดดูสิ ทางออกของเส้นทางลับนี้มันคือกระบวนพยุหะแปดทิศ ไม่แน่ว่าพิรุณมันอาจจะสร้างขึ้นจริงๆ กว่าเราจะพ้นอันตรายมาได้ มีเรื่องมากมายยังไม่ได้ทำ ถ้าโยนตัวเองเข้าไปในแห ไม่รู้ว่าจะเกิดการปั่นป่วนแบบไหน เราเชื่อฟังพรวลัยดีกว่า ออกไปที่อื่นก่อน กลับไปถึงหมู่บ้านดารายนก่อนค่อยเตรียมตัวให้เพียงพอก่อนกลับมาที่นี่ เพื่อดูว่าด้านนอกค่ายกลมันคืออะไร โอเคไหม?”

นรมนระมัดระวังรอบคอบ

อย่างไรแล้วเป้าหมายเดียวของพิรุณก็คือบุริศร์

เธอกลัวว่านี่คือกับดักของพิรุณ

จริงๆ แล้วบุริศร์ก็สนใจอะไรบางอย่างที่ด้านหลังค่ายกลมาก แต่เมื่อเห็นท่าทางกังวลของนรมน เขาก็ทำได้แค่พยักหน้า

“โอเค ถ้าคุณคิดว่าทำแบบนี้โอเค งั้นก็ทำอย่างที่คุณต้องการ”

พรวลัยได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ ก็เริ่มลงมือวางแผนเอาชนะค่ายกลนี้

สำหรับค่ายกล นรมนและบุริศร์ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันแม้แต่น้อย นรมนรู้สึกแปลกใหม่ด้วยซ้ำ

“บุริศร์ ฉันมักรู้สึกเหมือนกำลังฝันเลย ไม่ว่าจะเป็นหนอนกู่ของหมู่บ้านดารายน หรือว่าค่ายกลอะไรนี่ เหมือนฉันกำลังย้อนเวลาอยู่ ดูไม่ใช่เรื่องจริง”

“ฉันก็เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ประสบด้วยตัวเอง เดาว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ยังไงแล้ววัฒนธรรมสังคมสมัยใหม่มันพัฒนาเร็วเกินไป ของโบราณมากมายมันสูญหายไปหมดแล้ว”

คำพูดของบุริศร์ทำให้พรวลัยชะงักเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นเสียงทุ้ม “มันไม่ได้หายไป แต่ถูกซ่อนไว้ต่างหาก ยังไงแล้วของพวกนี้มันก็นำภัยพิบัติมาสู่พวกเรา และคนในครอบครัวฉันก็ถูกฆ่าตายไปเมื่อหลายปีก่อนเพราะค่ายกล”

เพราะหันหลังให้กับบุริศร์และนรมน พวกเขาไม่เห็นการแสดงออกบนใบหน้าพรวลัย แต่เสียงที่เศร้าโศกนั้นทำให้รู้สึกแย่มาก

เพราะบุริศร์คือผู้สืบทอดหนอนกู่จึงดึงดูดภัยพิบัติมากมายขนาดนี้มา แน่นอนว่าเข้าใจความหมายของพรวลัย

“ออกไปก่อนค่อยว่ากัน”

พรวลัยก็ไม่พูดอะไรอีก มีสมาธิจัดการอะไรบางอย่างอยู่ แต่สิบนาทีต่อมา จู่ๆ พรวลัยก็อาเจียนเป็นเลือด ทั้งร่างล้มลงกับพื้น สีหน้าซีดเซียวราวกับกระดาษ

“พรวลัย คุณเป็นอะไร?”

นรมนรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงเธอ

“ถ้ามันไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนแล้ว เราค่อยหาทางอื่นอีกที ตอนนี้สภาพร่างกายคุณทนทรมานขนาดนี้ไม่ได้”

นรมนเพิ่งพยุงพรวลัยขึ้นมา ทางด้านบุริศร์ก็ตะคอกเสียงทุ้มทันที

“นรมน กลับมา!”

“อะไร?”

นรมนหันศีรษะกลับมาทันที เห็นบุริศร์เหมือนถูกอะไรบางอย่างลากไป จากนั้นก็เกิดเสียงฟึ่บ หายไปต่อหน้าพวกเธอทันที

“บุริศร์! บุริศร์!”

นรมนตกใจเกินกว่าจะพรรณนา อยากไปดูสักหน่อย แต่รู้สึกว่าจู่ๆ ใต้ฝ่าเท้าก็สั่นขึ้นมาเหมือนเกิดแผ่นดินไหว

“พรวลัย!”

เธอคว้าตัวพรวลัยเอาไว้ แต่จู่ๆ ก็ทรงตัวไม่คงที่ ปล่อยฝ่าเท้า ทั้งร่างจึงตกลงไปใต้ดิน

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท