“แกเป็นอะไรกับธนเดช”
นรมนยิงคำถามตรงๆ
พิรุณไม่พูดอะไร แต่จ้องมองนรมนเย็นชา สายตานั้นยากที่จะเข้าใจ
นรมนไม่บีบเขา ยิ้มบางๆ “พิรุณ ฉันทายละกัน แกกลายเป็นหมากตัวหนึ่งที่ถูกทิ้งใช่มั้ย แกถูกพวกเราจับนานขนาดนี้ อีกฝ่ายไม่สนใจแกจะเป็นจะตาย ถึงกับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แกทุ่มเทกายใจทำงานให้คนอื่น แกเต็มใจหรือ”
พิรุณยังคงปิดปากเงียบ สายตาดูถูกทำให้นรมนรู้ว่าตัวเองเดาผิดแล้ว
หรือว่าพิรุณรู้แต่แรกว่าตัวเองเป็นหมากที่ถูกทิ้ง
ไม่ใช่สิ!
ถ้าเขารู้แต่แรกว่าตัวเองเป็นหมากไร้ค่า ไม่มีทางที่จะไม่วางแผนให้ตัวเอง หรือว่านี่คือแผนซ้อนแผนกันแน่
ตอนนี้นรมนระมัดระวัง เธอไม่รู้ว่าคนรอบตัวคนไหนกันแน่ที่เป็นไส้ศึก และยิ่งไม่รู้ว่าคนพวกนั้นวางกับดักเธอกับ บุริศร์อย่างไร
เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว พิรุณถูกจับราบรื่นเกินไป และง่ายเกินไป
คนที่มีแผนการชั่วร้ายเมื่อสามสิบปีก่อน มีประสบการณ์ตกตะกอนมาสามสิบปี จะถูกเธอกับบุริศร์จับตัวเร็วขนาดนี้ได้ยังไง
นรมนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีปัญหา
เธอหุบยิ้มบนใบหน้า
“พิรุณ ไม่ว่าแกจะมีแผนอะไร คิดอะไร วันนี้แกมาถึงที่นี่แล้ว อย่าได้คิดจะออกไป ฉันคิดว่าแกคิดเผื่อทางหนีทีไล่ดีๆ ละกัน”
“ทางหนีทีไล่หรือ ฉันเสียดายจริงๆ ตอนที่บุริศร์เกิดไม่ได้บีบคอมันตาย ปล่อยให้มันเติบโตมาแข็งแกร่งอย่างนี้ วันนี้ฉันถึงได้พ่ายแพ้ แต่นรมน เธออย่าดีใจไป พวกเธอยังเด็กนัก ฉันแค่ถูกพวกเธอจับเท่านั้น ใครแพ้ชนะยังไม่ตัดสิน”
พิรุณพูดอย่างมั่นใจทีเดียว ราวกับการที่ถูกพวกเธอจับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
นรมนสังเกตเขา แต่ก็ไม่อาจมองเห็นอะไรจากท่าทางของเขา ได้แต่พูดเรียบๆ “งั้นเราก็มารอดูกัน แต่ฉันเสียดายแทนป้าโอ รักผู้ชายอย่างคุณ”
นี่คือความในใจของนรมน
ป้าโอแม้ว่าจะทำผิดหลายอย่าง แต่จนกระทั่งตายแล้วเธอคงนึกไม่ถึงคนที่ขายเธอและคนทั้งหมู่บ้านจะเป็นรักแรกของตัวเองอย่างพิรุณ และตอนนี้ก็ยังมองไม่เห็นความรักของพิรุณต่อโอสักนิดเดียว ดูจากทัศนคติของเขาต่อบุณพจน์ก็มองออกแล้ว
เมื่อนึกถึงบุณพจน์ นรมนก็โกรธมาก
พูดกันว่าเสือร้ายไม่กินลูก นึกไม่ถึงพิรุณร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่า
พิรุณเมื่อได้ยินชื่อของโอก็ชะงักนิดหนึ่ง จากนั้นก็แสยะยิ้ม “ผู้หญิงจากหมู่บ้านเล็กๆ จะคู่ควรกับฉันได้อย่างไร ฉันสละเวลาเล่นกับเธอ ก็เป็นเกียรติและโชคดีของเธอแล้ว!”
นรมนอึ้งทันที
ตอนที่พิรุณพูด ความดูถูกที่เขามีต่อโอเข้าถึงกระดูก ราวกับเขาเป็นชนชั้นสูงมาแต่เกิด ความคิดที่ฝังอยู่ในกมลสันดานไม่อาจเปลี่ยนได้
สถานะที่แท้จริงของพิรุณคืออะไรกันแน่
นรมนพลันนึกถึงประเด็นหนึ่ง
ตั้งแต่แรก ทุกคนคิดว่าพิรุณเป็นนักสำรวจธรณีวิทยา คนทั่วไปเห็นอาชีพนี้เกี่ยวข้องกับคนธรรมดา แต่ที่จริงแล้วความคิดนี้ผิดพลาด
ไม่ว่าเธอหรือบุริศร์ ตั้งแต่แรกก็คิดว่าพิรุณเป็นคนธรรมดา แต่เมื่อคิดดีๆ คนธรรมดาจะรู้จักหมู่บ้านดารายนได้อย่างไร และยังเจาะจงไปหมู่บ้านดารายน และถ้าเป็นคนธรรมดาๆ ธนเดชจะร่วมมือกับเขาหรือ
รายละเอียดที่เคยถูกมองข้ามหลั่งไหลเข้ามาในสมองของนรมน
เธอมองพิรุณอย่างนั้น มองพิรุณขนพองสยองเกล้า
“เธอมองฉันทำไม หรือว่าชอบฉันขึ้นมา”
พิรุณพูดจาหยาบคายจริงๆ
นรมนรู้สึกว่าบุณพจน์โตมาได้ทุกวันนี้ไม่ง่ายเลย
“พิรุณ ฉันสงสัยจริงๆ ทำไมบุณพจน์ถึงได้มีพ่ออย่างนี้”
“ไอ้ลูกเนรคุณถูกพวกแกซื้อแล้วใช่มั้ย ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้ต่อต้านฉัน สมแล้วที่เป็นลูกของโอผู้หญิงแพศยานั่น ไม่มีตรงไหนเหมือนฉันสักอย่าง ถ้าไม่ตรวจดีเอ็นเอ ยืนยันว่าเป็นลูกชายฉันละก็ ฉันฆ่ามันไปแล้ว แต่ตอนนี้มันตายในอ่างหนอนพิษ ก็ถือว่าตายตามแม่มันไปปรโลกแล้ว”
ตอนที่พิรุณพูดถึงบุณพจน์ ไม่มีความรักระหว่างพ่อลูก
นรมนขมวดคิ้วพูด “ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกแท้ๆ แกเย็นชากับความตายของเขาขนาดนี้! พิรุณ แกไม่ใช่คน”
“หึ ก็แค่ลูกทรยศ ตายแล้วฉันก็มีลูกใหม่ได้”
พิรุณพูดจาไม่แยแส นรมนรู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่มีทางพูดกันดีๆ ได้ เธอกลัวว่าถือขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปตัวเองจะต้องพลั้งมือฆ่าพิรุณแน่ จึงเลือกเดินออกมาดีกว่า
“เฝ้าเขาให้ดีๆ อย่าให้ผิดพลาดเด็ดขาด”
“ครับ คุณนาย!”
นรมนเดินออกจากถ้ำ เห็นมิลินเดินเข้ามาหา ก็ชะลอฝีเท้า
“เป็นยังไงบ้างคะ พิรุณพูดอะไรบ้าง”
“ไม่ได้พูดอะไร”
นรมนส่ายหน้า
สถานการณ์เช่นนี้ มิลินคาดไว้อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง
เห็นแววตาผิดหวังของมิลิน นรมนพูดเสียงเบา “มิลิน เธอสืบหาเบื้องหลังของพิรุณได้มั้ย”
“เบื้องหลังของพิรุณหรือคะ เขาเป็นแค่นักสำรวจธรณีวิทยาไม่ใช่หรือคะ”
มิลินมองนรมนไม่เข้าใจ
นรมนส่ายหน้า “ตอนแรกฉันก็คิดอย่างนี้ แต่น้ำเสียงของพิรุณเมื่อกี้ทำให้จู่ๆ ฉันก็คิดขึ้นมาได้ บางทีพวกเราอาจถูกความคิดของตัวเองนำทางผิดไป พิรุณรอดจากเหตุการณ์สังหารหมู่ที่หมู่บ้านดารายนมาได้ และยังไม่ทิ้งร่องรอยอีก ถึงกับสามสิบปีนี้ใช้ชีวิตมั่นคง เป็นเพราะธนเดชปกป้องเขาจริงๆ หรือ หลายปีมานี้พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อธนเดชด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะบุริศร์มีช่องทางพิเศษรู้จักธนเดชคนนี้ บางทีพวกเราอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนชื่อนี้อยู่ แต่หลายปีนี้คนคนนี้ไม่มีร่องรอยเลย แสดงว่าพิรุณต้องมีความสามารถจริงๆ เขาต้องไม่ใช่แค่นักธรณีวิทยาธรรมดาๆ แน่”
“เดี๋ยวฉันสืบเรื่องนี้ให้ค่ะ”
นรมนเพิ่งพูดจบ นงลักษณ์ก็เดินออกมา
มิลินเห็นนงลักษณ์ ก็อยากจะหลบไป
“เธอไม่ต้องไปหรอก ตอนนี้ฉันจะไม่บังคับให้เธอพาฉันไปหาธรรศ”
นงลักษณ์พูดเช่นนั้นทำให้มิลินตะลึง
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะตอนนี้ยังไม่ปลอดภัย แม้แต่คริชณะก็ถูกจับตามอง ฉันไม่รู้ตอนนี้ควรจะเชื่อใจใครกันแน่ ยิ่งไม่รู้ว่ารอบตัวพวกเรายังมีสปายอีกหรือไม่ ฉันจะรอไปก่อน ในเมื่อเธอรู้ที่อยู่ของธรรศ ในเมื่อเขายังมีชีวิต ฉันรอมาหลายปีขนาดนี้ ก็ไม่กลัวที่จะรออีกไม่กี่วัน”
นงลักษณ์เป็นคนสุขุมเยือกเย็น ถ้าไม่ใช่เพราะความสุขุมเธอคงอยู่มาไม่ถึงตอนนี้
นรมนรู้ว่าเธอคิดอะไรบางอย่างได้จากเรื่องที่มิลินถูกข่มขู่ ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้
เดิมทีนรมนก็อยากเจอหน้าคุณอาบุญทิวาเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ดูท่าคงต้องชะลอไปก่อน
มิลินรู้สึกผิด พุดเสียงแผ่วเบา “คุณนาย ขอโทษค่ะ ฉันทำให้คุณหนูเป็นอันตราย”
“กมลอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ หรือถ้าเกิดเรื่องจริงๆ เธอก็ไม่ควรพูดขอโทษกับฉัน เรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้บุริศร์ไม่อยู่ พวกเราผู้หญิงสามคนต้องดูแลหมู่บ้านดารายนให้ดี ส่วนหนึ่งไปเฝ้าพิรุณ ส่วนหนึ่งไปเฝ้าบุณพจน์ ฉันไม่ได้บอกพิรุณบุณพจน์ยังไม่ตาย ถือว่าบุณพจน์ค่อนข้างปลอดภัย แค่ไม่รู้เขาจะฟื้นเมื่อไหร่ ป้าคะ ช่วยไปสืบเบื้องหลังของพิรุณ หนูอยากรู้เรื่องนี้เร็วที่สุด”
นรมนจัดการเป็นขั้นเป็นตอน
“จ้ะ”
นงลักษณ์พยักหน้าแล้วออกไป
นรมนเห็นกิจจาเดินเข้ามา ก็รู้ว่าเขามีเรื่องอยากพูดกับมิลิน จึงเดินออกไป
กิจจาเดินมาหามิลิน มิลินเสียใจพูดขึ้น “ขอโทษจ้ะ กิจจา อาจารย์พลาดไปแล้ว อาจทำให้คุณหนูเป็นอันตราย อาจารย์…”
“แด๊ดดี้จะต้องพากมลกลับมาได้แน่ครับ”
น้ำเสียงกิจจามั่นใจ
เขาไม่เคยเป็นคนที่มั่นใจอย่างนี้ แต่เขามั่นใจบุริศร์อย่างนี้ มิลินก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไป
กิจจายื่นมือไปจูงมือมิลินแล้วเอ่ยขึ้น “อาจารย์ครับ ต่อไปอย่างทำอะไรตามใจอีก แด๊ดดี้กับหม่ามี้จะต้องพยายามปกป้องผมเต็มที่แน่นอน อาจารย์ควรเชื่อพวกเขา”
“อึม อาจารย์แค่เป็นห่วงเธอ ในใจอาจารย์ เธอก็เป็นเหมือนลูกชาย”
นี่คือความในใจของมิลิน
ดวงตากิจจาอุ่นจะร้องไห้
“วางใจเถอะ อาจารย์ ผมจะดูแลอาจารย์ยามแก่เฒ่า”
“เธอนี่เด็กบ้า”
ดวงตามิลินรื้นน้ำตา
สองคนเดินเข้าไปในห้องช้าๆ
นรมนมาดูสถานการณ์ทาง บุณพจน์ ก็เห็นพรวลัยกำลังดื่มอะไรบางอย่างดำๆ ก็ตกใจรีบเข้าไป แย่งแก้วในมือของเธอ
“เธอดื่มอะไร”
ความกังวลของนรมนทำให้พรวลัยหลบเลี่ยง
“คุณคืนให้ฉันเถอะ”
“นี่คืออะไร”
สัญชาตญาณของนรมนบอกว่าของนี้ไม่ดี
พรวลัยมองบุณพจน์ที่ยังไม่รู้สึกตัว พูดขึ้น “ยาทำแท้งที่ฉันทำเองค่ะ”
“เธอบ้าไปแล้วหรือไง”
นรมนฟังแล้ว ก็เทยาทิ้งทันที
“พรวลัย เธอรู้มั้ยบุณพจน์อยากได้ลูกคนนี้แค่ไหน เขาถึงกับขอร้องพวกเราไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปกป้องเธอกับเด็กคนนี้ เธอใจแข็งทำร้ายเขาลงหรือ เธอไม่อยากมีลูกกับบุณพจน์หรือไง ไม่ง่ายกว่าจะมีเด็กคนนี้ นี่เธอทำอะไรกัน”
นรมนไม่เข้าใจความคิดของพรวลัย
เมื่อดูจากทุกอย่างที่ทำพรวลัยกับบุณพจน์ เธอรักบุณพจน์จริงๆ แต่ในเมื่อรักแล้ว ทำไมถึงไม่อยากได้ลูกล่ะ
พรวลัยเห็นนรมนเทยาทิ้ง ก็พูดขึ้น “เรื่องของฉันคุณไม่ต้องยุ่ง”
“ฉันจะไม่ยุ่งได้อย่างไรล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเธออย่างเดียว เธอคือคนที่บุณพจน์แคร์มากที่สุด ตอนนี้เขายังไม่ฟื้น เธอจะฆ่าลูกของเขา จะไม่ให้ฉันยุ่งได้ยังไง พรวลัย เธอคิดยังไงกันแน่ บอกฉันได้มั้ย”
นรมนไม่รู้สึกว่าพรวลัยเป็นแม่ใจร้าย ดูจากสายตาของพรวลัยก็เห็นว่าเธอเสียดายเด็กคนนี้ ในเมื่อเสียดายทำไมถึงได้ไม่คิดเก็บเด็กไว้ล่ะ
เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงพิษในตัวบุณพจน์
“เธอกลัวพิษในตัวบุณพจน์จะถ่ายทอดมาถึงเด็กงั้นหรือ เด็กที่เกิดมาจะไม่แข็งแรงก็เลยไม่ต้องการเขาใช่มั้ย”