“ฉวยโอกาสก่อนที่กลุ่มทหารยามอีกชุดหนึ่งจะมาถึง รีบค้นหารอบ ๆ ดูสักหน่อย ไม่แน่อาจจะยังอยู่ละแวกนี้ก็ได้ แล้วก็จะไม่ให้พวกเขารู้แผนการของพวกเราไม่ได้เด็ดขาด ต้องฆ่าพวกเขาไปอย่างเงียบเชียบให้ได้”
คำพูดของธีรตาทำให้ดวงตาของนรมนเย็นลงไปหลายส่วน ชัญญาก็ยิ่งมีท่าทางเหมือนเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ได้ทุกเวลาเลย
ผู้ชายและธีรตาเร่งรีบค้นหากันขึ้นมา
ในตอนที่พวกเขาเข้ามาใกล้ถังขยะนั้น ใจของนรมนและชัญญาต่างก็เต้นแรงขึ้นมาจนถึงคอหอยแล้ว
แต่ยังดีที่สองคนนั้นไม่ได้คิดถึงทางนี้ด้วยซ้ำ
พวกเขาค้นหาตามมุมทุกมุมของที่นี่จนทั่ว แต่ก็หาไม่เจอ พอเห็นว่าทหารยามอีกชุดใกล้จะมาแล้ว ธีรตาก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เดี๋ยวฉันจะเดินย้อนกลับไปตามทางเดินนี้ดูสักหน่อย ทางนี้เป็นทางที่ผู้หญิงใช้กันโดยเฉพาะ ไม่แน่พวกเขาอาจจะเดินตามเส้นทางนี้ไปข้างหน้าแล้วก็ได้ องค์หญิงบอกแล้วว่า อยู่ที่นี่พวกเขาไม่คุ้นเคยกับพื้นที่และผู้คน ถ้าบุกเข้าไปตำหนักอื่นไปเรื่อยพวกเราก็ต้องบอกว่าไม่รู้จักกับพวกเธอ แต่ว่าเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรที่ไม่ควรเกิดขึ้น ยังไงก็ต้องรีบลงมือให้รวดเร็วที่สุด”
“ได้ เดี๋ยวผมก็จะลองเดินหาตามทางเดินของผู้ชายดู ไม่แน่พวกเธออาจจะเดินตามหลังพวกเฉียงเข้าไปแล้วก็ได้”
ทั้งสองคนปรึกษากันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มแยกย้ายไปทำตามหน้าที่
ใจที่ตื่นเต้นอยู่ของนรมนและชัญญาถึงได้โล่งไปได้บางส่วน
“อันตรายจริง ๆ เลย ดูท่าหงส์คนนี้ได้เตรียมการไว้สองแผนเลย ฉันว่าแล้วไง ผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ในวังนั้นจิตใจโหดเหี้ยม ไม่ใช่เธอที่เป็นคนไร้เดียงสาคนหนึ่งจะสามารถเทียบได้ เธอว่าถ้าตั้งแต่แรกยอมกลับไปอย่างเชื่อฟังคำพูดของบุริศร์ละก็ คงจะไม่ต้องมาเจออันตรายแบบนี้หรอกใช่ไหม?”
ชัญญารู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
หงส์อยู่ท่ามกลางวังที่ลึกลับและมีความเปลี่ยนแปลงแต่ยังสามารถเอาตัวรอดมาได้ จะต้องไม่ใช่ผู้หญิงที่ง่าย ๆ คนหนึ่งแน่ แต่พอเห็นท่าทางที่ใสซื่อบริสุทธิ์แบบนี้ของนรมนแล้ว ชัญญาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อย
นรมนกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่มาเที่ยวนี้ แล้วจะไปรู้เรื่องสนุกมากขนาดนี้ได้ยังไง”
“เรื่องสนุกเหรอ? ฉันว่าเธอนี่ตกใจจนโง่ไปแล้วใช่ไหม? เรื่องแบบนี้มันสนุกตรงไหนกัน? ตอนนี้รีบพูดมาเร็วว่าพวกเราควรจะทำยังไงต่อดี? คงจะไม่ต้องอยู่แต่ในถังขยะอย่างนี้ตลอดหรอกนะ? ถ้าเดี๋ยวมีคนมาเทขยะ พวกเราก็จะถูกพบเห็นเข้าเหมือนกัน พอถึงตอนนั้นไม่แน่จุดจบอาจจะแย่ยิ่งกว่าอีก”
ชัญญาจ้องมองท่าทางที่สงบนิ่งแบบนั้นของนรมน ไม่รู้ว่าเธอตกใจจนโง่ไปแล้ว หรือว่าเป็นอะไรไป แต่มักจะรู้สึกว่านรมนที่เป็นแบบนี้มันดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
แต่นรมนกลับไม่ได้สนใจการพูดจาถากถางของชัญญา แต่กลับเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วก็โทรศัพท์หาราเชนเลย
อยู่ที่นี่ คนที่เธอสามารถพึ่งพาได้ก็มีแต่เพียงราเชนเท่านั้น
ในตอนที่ราเชนเห็นเบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ นั้น หัวคิ้วก็ขมวดกันขึ้นมา
เขาจ้องมองข้างนอกเล็กน้อย แล้วก็ถือโทรศัพท์เดินเข้าไปในห้องนอน แล้วก็ปิดระบบกล้องวงจรปิดทั้งหมด แล้วถึงจะรูดหน้าจอรับสายขึ้น
“ใคร?”
“พี่ราเชน นี่ฉันเอง นรมน ตอนนี้ฉันอยู่ในวังของพวกคุณ แต่ว่าหาทางออกไม่เจอ คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
น้ำเสียงของนรมนเบามาก แต่ใจของราเชนกลับตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างแรง
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้? แล้วบุริศร์ล่ะ? เขาทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียวเหรอ?”
“เรื่องนี้ไว้ฉันค่อยเล่าให้คุณฟังทีหลังนะ พวกเราอยู่ตรงปากทางที่ผู้ชายกับผู้หญิงต้องแยกกันเดิน และมีถังขยะอยู่อันหนึ่ง พวกเราอยู่ที่นี่แหละ คุณรีบมานะ”
คำพูดของนรมนทำให้ราเชนอึ้งไปครู่หนึ่ง
“พวกเธอ? นอกจากเธอแล้วยังมีใครอีก?”
“อย่าเพิ่งถามเลยได้ไหม? คุณคิดว่าฉันอยู่ในถังขยะมันสบายมากนักเหรอ? ตกลงนี่คุณเป็นพี่ชายของฉันหรือเปล่าเนี่ย?”
น้ำเสียงที่มีความออดอ้อนเล็กน้อยของนรมนทำให้ราเชนรู้สึกทนไม่ไหวเล็กน้อย
“อยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไปก่อน ฉันจะรีบส่งคนไปเดี๋ยวนี้ ตัวฉันนั้นออกไปไม่ได้หรอก ข้างนอกมีแต่คนเฝ้าจับตาดูฉันอยู่ ถ้าฉันปรากฏตัวออกไปจะเป็นจุดเด่นมากเกินไป เธอฟังคำสั่งจากคนของฉันละกัน ถ้าหล่อนให้เธอทำยังไงเธอก็ทำตามอย่างนั้น เข้าใจไหม?”
ใจของราเชนนั้นตื่นตระหนกจนพูดไม่ถูก
ในเวลาแบบนี้นรมนมาได้ยังไงกันนะ?
หรือว่าจะมาเพื่อโสธรเหรอ?
แต่ว่าโสธรโดนส่งตัวไปที่ตำหนักน้องห้าแล้วนี่ แล้วในเวลาแบบนี้ถ้าจะส่งตัวนรมนไปที่ตำหนักน้องห้าอีก มันคงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง?
ราเชนรู้สึกลำบากใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ไรยา”
ราเชนวางโทรศัพท์ลงแล้วเดินออกไป และเรียกเสียงต่ำขึ้นคำหนึ่ง ก็มีสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา
“องค์ชายรอง มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“เอาขยะถุงนี้ไปทิ้งที่ถังขยะตรงปากทางขาวดำ”
คำพูดของราเชนทำให้ไรยาอึ้งไปเล็กน้อย
“พวกเราไม่ได้อยู่ใกล้กับปากทางขาวดำเลย ทำไมจะต้องไปทิ้งขยะที่นั่นด้วยคะ?”
ใช่ซิ นี่ถึงจะเป็นจุดที่มีปัญหา
ตำแหน่งของตำหนักที่ราเชนอยู่นั้นห่างจากปากทางขาวดำเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะทิ้งขยะก็ไม่น่าจะต้องไปทิ้งถึงที่นั่น การกระทำแบบนี้จะยิ่งทำให้เป็นจุดเด่น ทำให้คนเกิดความสงสัยขึ้นมาเท่านั้น
พอคิดมาถึงตรงนี้แล้ว หัวคิ้วของราเชนก็ขมวดเข้าด้วยกันแน่น
“องค์ชายรอง คุณมีเรื่องอะไรอยู่ใช่ไหมคะ?”
“อืม”
ไรยาเป็นคนที่นงลักษณ์ทิ้งเอาไว้ให้ดูแลราเชน แน่นอนว่าราเชนจะต้องเชื่อใจได้ และสำหรับเรื่องนี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว จึงได้แต่เอาเรื่องของนรมนบอกกับไรยาไป
ไรยาอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “องค์ชายรอง ถ้าจะรับคนมาที่ตำหนักเรานี้ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ซะเท่าไหร่ ตำหนักของเราห่างจากปากทางขาวดำมากเกินไป ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะทำให้คนเกิดความสงสัยได้ แต่ว่าปากทางขาวดำนั้นใกล้กับตำหนักของคุณผู้หญิงเจ็ดมากกว่า”
คำพูดประโยคนี้เตือนราเชนได้ทันที
“ใช่ซิ วันเกิดของแม่ฉันใกล้ถึงแล้ว ถ้าฉันพูดว่าไปรำลึกถึงแม่ที่ตำหนักของแม่สักหน่อย ก็คงจะไม่มีใครว่าอะไรหรอก”
“ใช่ค่ะ องค์ชายรอง เดี๋ยวฉันจะรีบไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
คำพูดของไรยาทำให้ราเชนพยักหน้าเล็กน้อย
“จำไว้นะ อย่าให้ใครพบเห็นพิรุธอะไรเด็ดขาด”
“ค่ะ”
ไรยาจากไปแล้ว แต่ใจของราเชนกลับยังวางไม่ลง
ที่นี่มีอันตรายรอบด้าน กล้าณรงค์ก็ยิ่งบีบเขาทุกฝีก้าว ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าสมชัยออกคำสั่งมาแล้วว่า ไม่อนุญาตให้ทำถึงขั้นเอาชีวิตคนละก็ บางทีก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
แล้วตอนนี้อยู่ ๆ นรมนก็เข้ามาถึงที่นี่ ราเชนก็ไม่รู้ว่าควรจะจัดการยังไงถึงจะดี แต่ว่าจะไม่สนใจนรมนเลยก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
เธอเป็นญาติเพียงคนเดียวในชีวิตที่มีขีดจำกัดของตัวเองแล้ว
แค่เอาตามความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี้ ราเชนก็ละเลยไม่ได้
เขาทอดถอนใจทีหนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
ไรยาได้เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ออกจากตำหนักพร้อมกับราเชนมาที่รถ แต่กลับโดนคนขวางไว้ที่หน้าประตู
“นี่องค์ชายรองจะไปไหนเหรอครับ?”
กล้าณรงค์ยิ้มเย็นแล้วจ้องมองมาที่ราเชน ดวงตาที่ชาญฉลาดคู่นั้นทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเอามาก ๆ
ราเชนไม่มองเขาตรง ๆ สักนิด และก็พูดเสียงเย็นชาขึ้นว่า “ไสหัวไป!”
สีหน้าของกล้าณรงค์ดูไม่ค่อยดีขึ้นมาเลย
“ราเชน พระราชามีคำสั่งมาว่า ช่วงนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามออกไปข้างนอก คุณอยากจะขัดคำสั่งเหรอ?”
“ท่านพ่อของฉันพูดอะไรไป จำเป็นจะต้องให้นายมาบอกฉันด้วยเหรอ? กล้าณรงค์ ทางที่ดีนายจดจำสถานะของนายไว้ให้ดีนะ นายมันก็แค่ที่ปรึกษาคนหนึ่งของไอ้สามเท่านั้น ทำไม? นายนึกว่าตัวเองเป็นบุตรแห่งสวรรค์จริง ๆ เหรอ?”
น้ำเสียงที่เยาะเย้ยของราเชนกลับยิ่งทำให้สีหน้าของกล้าณรงค์ดูไม่ดีขึ้นมา
“ราเชน ทางที่ดีคุณอย่ามาทำให้ผมโกรธดีกว่า ระวังผมจะคิดบัญชีย้อนหลังกับคุณนะ”
“บัญชีของเราเหมือนกับว่าจะมีมาตั้งนานแล้วนะ จะย้อนหลังหรือไม่ย้อนหลังฉันก็ไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ว่าฉันจะดูที่ตำหนักของแม่ฉันสักหน่อย ทำไม? นี่ยังต้องผ่านการอนุมัติจากนายด้วยเหรอ? หรือว่านายจะคาบข่าวอะไรไปฟ้องพ่อฉันเหรอ? เป็นชายชาตรีคนหนึ่งทำตัวอย่างกับเป็นผู้หญิงวัน ๆ เอาแต่คาบข่าวไปฟ้อง อย่างนายมันก็มีความสามารถแค่นี้แหละ”
พูดจบแล้วราเชนก็ไม่ได้สนใจใบหน้าที่เป็นสีม่วงครึ้มของกล้าณรงค์เลยสักนิด และก็พูดกับไรยาขึ้นว่า “ไปขับรถ ไป! ถ้าใครกล้าขวางทาง ก็ขับทับไปเลย ถ้าตายฉันรับผิดชอบเอง!”
คำพูดที่วางอำนาจมากขนาดนี้ทำให้กล้าณรงค์แทบจะโมโหจนระเบิด แต่ว่าตำแหน่งของราเชนก็อยู่ตรงนี้ แต่ว่าสถานะของเขาตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปิดเผยออกมา ชั่วขณะหนึ่งจ้องราเชนไว้เขม็ง แทบจะอยากกินเขาเข้าไปเลยยังไงอย่างงั้น
“มองอะไรมอง! ถ้ายังไม่ไสหัวไปอีกจะชนนายจริง ๆ แล้วนะ”
ราเชนยังคงมีท่าทางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จนทำให้กล้าณรงค์โมโหจนหน้าแดงและใจเต้นเร็ว แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้
พอไรยาได้ยินคำสั่งของราเชน ก็ไม่สนใจว่ากล้าณรงค์จะเป็นยังไง แล้วก็เข้าเกียร์รถทันที แล้วเหยียบคันเร่งขับออกไปเลย
พอเห็นรถยนต์ที่มีท่าทางมุ่งร้าย สุดท้ายแล้วกล้าณรงค์ก็รู้สึกกลัวอยู่บ้าง และก็กระโดดหลบไปอย่างอัตโนมัติ แล้วได้แต่จ้องมองรถของราเชนขับออกไปจากตำหนักทั้งอย่างนั้น
“คุณชายกล้าณรงค์ครับ นี่มัน……”
“จับตามองไว้ให้ดี ๆ ขอแค่เขามีความเคลื่อนไหวหรือความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ฉันก็จะไม่มีทางปล่อยให้เขาได้อยู่สุขสบายแน่”
กล้าณรงค์กัดฟันกรอกพูดไป แล้วคนที่อยู่ข้างกายก็ตามออกไปทันที
ไรยาเห็นคนที่ตามมาข้างหลังก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “องค์ชายรอง ข้างหลังมีหางตามมาค่ะ”
“ปล่อยฉันลงตรงทางเลี้ยวข้างหน้านี้ แล้วเธอก็พาหางพวกนี้ไปวนเล่นสักหน่อย”
“ได้ค่ะ”
ถึงแม้ไรยาจะเป็นผู้หญิง แต่ก็มีความสามารถและประสบการณ์เป็นอย่างมาก พอเลี้ยวอย่างรวดเร็วแล้วก็เปิดประตูออกทันที ราเชนก็กลิ้งออกไปแล้วกระโดดลงจากรถไปเลย ส่วนไรยาก็ไม่ได้หยุดรถเลยสักนิดแล้วก็ขับต่อไปเรื่อย ๆ
ราเชนซ่อนตัวอยู่ตรงหลังเสา จ้องมองคนของกล้าณรงค์ตามหลังไรยาไป แล้วถึงได้ไปที่ปากทางขาวดำอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่นรมนเห็นราเชนจากช่องแคบในถังขยะนั้นก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
“พี่ ตรงนี้”
ถึงแม้ว่าชัญญาจะไม่ได้สนใจถังขยะนี้มากเท่าไหร่แล้ว แต่ว่าพออยู่นานไปก็ทำให้คนรู้สึกไม่สบายมากจริง ๆ พอตอนนี้เห็นคนของนรมนมาถึงแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
“ในที่สุดก็สามารถออกไปได้ซะที”
ราเชนเปิดถังขยะออกอย่างรวดเร็ว กลิ่นเหม็นเปรี้ยวอย่างหนึ่งลอยฟุ้งขึ้นมา ทำให้เขาสำลักจนไอไม่หยุด
“แค่ก แค่ก เธอนี่ก็จริง ๆ เลย ถึงกับมาหลบอยู่ในนี้ได้ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวบนตัวเธอนี่สามารถทำให้คนเหม็นตายได้แล้ว”
ราเชนปิดจมูกไว้อย่างท่าทางรังเกียจเป็นอย่างมาก
นรมนกลับกระโดดออกมาอย่างไม่สนใจ ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “ว่ากันว่าตอนลำบากจะทำให้เห็นความจริงใจ พี่ ว่าแล้วเชียวว่ายังไงก็พี่ชายฉันก็พึ่งพาได้มากที่สุด”
“เลิกโม้ได้แล้ว รีบตามฉันมาเร็ว เดี๋ยวกลุ่มทหารยามก็จะมาแล้ว”
ราเชนจูงมือนรมนไว้แล้วก็จะไปเลย แต่นรมนกลับดึงเขาไว้ครู่หนึ่ง
“รอเดี๋ยว คุณอา มาเร็วค่ะ!”
นรมนยื่นมือไปลากชัญญาออกมา
ราเชนอึ้งไปครู่หนึ่ง
นี่เป็นใบหน้าที่แปลกหน้าคนหนึ่ง แต่ว่าของราเชนกลับรู้สึกว่าเหมือนมีอันตรายเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ
“เธอคือ……”
“โถ่เอ๊ย อาของฉันเอง คุณอย่าสนใจเลย รีบไปกันเถอะ ฉันเหม็นจะตายอยู่แล้ว”
นรมนพูดขัดคำถามของราเชนไปทันควัน
“เธอเองก็รู้ว่าเหม็นจะตายด้วยเหรอ? สมองของเธอนี่มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง? ถึงได้เข้าไปหลบในนี้ได้? แล้วอีกอย่าง บุริศร์ล่ะ? หรือว่าทะเลาะกันแล้ว? ทำไมเธอถึงวิ่งมาที่นี่ตัวคนเดียวได้? แม่ทูนหัว แม่ทูนหัวของฉัน เธอรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ที่นี่มันอันตรายมากแค่ไหน?”
ราเชนพูดพร่ำบ่นไปด้วย และรีบพาพวกนรมนและชัญญาวิ่งไปทางตำหนักของนงลักษณ์อย่างรวดเร็วไปด้วย
“ตำหนักของแม่ฉันปล่อยร้างไว้นานมากแล้ว แต่ว่าก็ยังมีคนมาทำความสะอาดตามกำหนดเวลาอยู่ เพราะฉะนั้นพวกเธอตามฉันมา อย่าส่งเสียงดังล่ะ”
ใจของราเชนเต้นมาถึงคอหอยแล้ว
สถานการณ์อย่างตอนนี้ เขากลัวว่าจะเจอกับใครเข้าจริง ๆ ตัวเองยังพอว่า แต่นรมนที่อยู่ข้างหลังและคุณอาที่ว่านี่ซิน่าจะต้องยุ่งยากแน่
แต่ว่ากลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริง ๆ ในตอนที่ราเชนกำลังคิดอยู่นั้น อยู่ ๆ ฝั่งตรงข้ามก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวออกมา แล้วก็เดินตรงมาทางพวกเขาด้วย
“แย่แล้ว”
ราเชนลนลานขึ้นมาทันที แล้วก็รีบเอาตัวนรมนและชัญญามาซ่อนไว้ข้างหลังอย่างอัตโนมัติ แต่ว่านี่เป็นการเผชิญหน้ากันซึ่ง ๆ หน้า ทั้งสองกลุ่มคนต่างก็หลีกเลี่ยงกันไม่ได้แล้ว