แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1359 ต่างก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน

บทที่ 1359 ต่างก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน

ในตอนที่นรมนกำลังลังเลอยู่นั้น ก็ได้ยินบุริศร์พูดขึ้นว่า “องค์หญิงหกคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับราเชนเหรอ?”

นรมนที่กะว่าจะร้องไห้ในตอนแรก พอได้ยินแบบนี้ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเขาสองคนเพิ่งจะร่วมมือกันหรือจะพูดให้ถูกต้องคือร่วมมือกันเพราะว่าฉัน เมื่อเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว ฉันกลับรู้สึกว่าที่หงส์ดูปลอดภัยมากกว่า อย่างน้อยเธอก็จะไม่ทำอะไรคุณแน่”

คำพูดนี้ทำให้ใจของบุริศร์รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก

“ไปที่นั่นคุณจะลำบากใจได้”

“ใครลำบากใจยังไม่แน่เลย”

นรมนยิ้มอ่อน ๆ ขึ้น ประกายในดวงตาทำให้บุริศร์สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ได้ แต่ว่าถ้าเธอรังแกคุณละก็ คุณจะต้องบอกกับผมเลยนะ”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ก็คุณเป็นยันต์คุ้มกายของฉันอยู่แล้ว”

นรมนกอดแขนของบุริศร์ไว้อย่างออดอ้อน ร่างกายที่อ่อนนุ่มถูไถไป บุริศร์รู้สึกว่าไฟร้อนระอุที่อยู่ทั่วตัวโดนดึงดูดออกมาหมดแล้ว

“คุณอยากจะทำอะไร?”

นำเสียงของเขาแหบแห้ง แต่ว่านรมนกลับมองเห็นคลื่นลมแรงที่เกิดขึ้นในดวงตาของเขา แล้วก็รีบออกห่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยิ้มแหะแหะแล้วพูดขึ้นว่า “ความเคยชินน่ะ”

“ตอนกลางคืนผมไม่รังเกียจที่คุณจะเคยชินแบบนี้หรอกนะ”

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโอกาสไม่เหมาะสม บุริศร์จะยอมปล่อยเธอไปได้ยังไง ตอนนี้ก็ได้แต่ทอดถอนใจเท่านั้น

นรมนยิ้มอย่างยิ้มทื่อ ๆ อยู่อย่างงั้น แต่กลับไม่ตอบอะไร

“ใช่แล้ว ถ้าหากว่าเราจะไปก็เร็ว ๆ หน่อย ฉันกลัวว่าองค์หญิงหกจะพึ่งพาไม่ได้ ฉันไปหาคุณน้าชัญญาก่อนนะคะ”

บุริศร์ยังไม่ทันได้พูดอะไร นรมนก็วิ่งออกไปเลย อย่างกับว่าเขาเป็นอันตรายใหญ่หลวงยังไงอย่างงั้น

เขายิ้มขึ้นมาแล้วก็ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ว่าสีหน้ากลับเคร่งขรึมขึ้นมา

ในตอนที่ออกมาจากตำหนักของหงส์นั้นเขาได้พูดอย่างแตกร้าวขนาดนั้นไว้ แล้วตอนนี้พานรมนกลับไปด้วย หงส์จะเกลียดแค้นนรมนหรือเปล่านะ?

พอคิดมาถึงตรงนี้ ยังไงบุริศร์ก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยแล้ว

แล้วในเวลานี้พอดีสายของหงส์ก็โทรเข้ามาพอดี

“เฮียบุริศร์ คุณอยู่ไหนคะ? ท่านพ่อของฉันไปที่ตำหนักของพี่รองแล้ว ฉันจะรีบตามไปเดี๋ยวนี้ คุณรีบฉวยโอกาสหลบซ่อนตัวเข้ามาที่ทหารองครักษ์ของฉัน แล้วฉันจะพาคุณออกมานะ”

น้ำเสียงของหงส์ร้อนรนเป็นอย่างมาก

สำหรับบุริศร์แล้ว หงส์นั้นทนเห็นเขาบาดเจ็บไม่ได้แม้แต่นิดเดียวเลย พอสมชัยไปที่ตำหนักของราเชน ก็ทำให้หงส์ตกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ในใจจะรู้สึกไปพอใจต่อความแตกร้าวที่บุริศร์มีต่อตัวเอง แต่ว่าตอนนี้ก็สนใจมากไม่ได้แล้ว

พอฟังมาถึงตรงนี้ บุริศร์ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่ต้องไปหรอก ฉันไม่ได้อยู่ที่ตำหนักราเชน อีกเดี๋ยวฉันจะพานรมนกลับไปนะ ถ้าหากเธอรู้สึกว่ายอมรับไม่ได้ละก็ เราก็จะสถานที่อื่นพักชั่วคราวก่อน”

ความหมายที่แอบแฝงของคำพูดนี้ก็คือ เธอสามารถยอมรับนรมนได้ฉันก็ไป ถ้าไม่ได้ก็ช่างเถอะ

หงส์อึ้งไปเล็กน้อย แต่ว่าจากนั้นก็ยิ่งอิจฉามากยิ่งขึ้นเลย

เพื่อผู้หญิงอย่างนรมนแล้ว เฮียบุริศร์กลับพูดจาแรง ๆ ใส่เธอครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วตอนนี้ก็หวาดระแวงกับตัวเองขึ้นมาอีกด้วย นี่คือสิ่งที่หงส์คาดคิดไม่ถึง

ดูท่านรมนคนนั้นคงจะมีน้ำหนักอยู่ในใจบุริศร์มากจริง ๆ

ถ้าหากหงส์จะใช้ไม้แข็งกับนรมนให้ได้จริง ๆ ละก็ คิดว่าบุริศร์คงจะห่างตัวเองไปยิ่งอยู่ก็ยิ่งไกลแน่ หนำซ้ำความผูกพันที่ก่อเกิดขึ้นมาในตอนที่พวกเราร่วมกันสู้รบมาด้วยกันนั้นก็อาจจะหายไปจนหมดสิ้นด้วย นี่คือข้อได้เปรียบของหงส์ เธอจะต้องไม่มีทางให้นรมนมาเอาข้อได้เปรียบอันน้อยนิดของเธอนี้ไปแน่

พอคิดมาถึงตรงนี้ หงส์ก็รีบพูดขึ้นว่า “เฮียบุริศร์คุณพูดอะไรไปนะ ในเมื่อเป็นพี่สะใภ้ ฉันก็จะต้องต้อนรับด้วยใจอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันส่งคนไปรับพวกคุณเองดีกว่า”

“ได้”

คำว่าพี่สะใภ้คำนี้ทำให้ใจของบุริศร์สงบนิ่งลงมาครู่หนึ่ง แต่ว่าก็ไม่ได้ปล่อยวางความระแวงไป

เขานั้นจำได้ดีว่าการต่อสู้ของผู้หญิงนั้นเป็นการต่อสู้อย่างไร้สุ้มเสียง ในเวลาแบบนี้เขาจะต้องอยู่ข้างกายภรรยาอย่างหนักแน่น

ในตอนที่นรมนพาชัญญาออกมานั้น บุริศร์เองก็จบการคุยโทรศัพท์แล้วเช่นกัน

“ไปได้หรือยังคะ?”

นรมนรู้ดีอยู่แก่ใจ ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกรังเกียจอยู่ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา และยังดูใจกว้างเล็กน้อยจนทำให้บุริศร์รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ก็ทำให้บุริศร์เข้าใจดีว่า ถ้าอยากจะปกป้องชีวิตของนรมนและชัญญาเอาไว้ ยังไงก็มีเพียงแต่ตำหนักของหงส์จะปลอดภัยมากกว่าจริง ๆ

ชัญญาจ้องมองนรมนเล็กน้อย แล้วก็หันไปมองบุริศร์ แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราก็ไปกันดีกว่า อยู่ที่นี่เป็นเวลานานไปเกรงว่าคงจะไม่ดีเท่าไหร่”

“ได้”

นรมนเป็นฝ่ายเข้าไปคล้องแขนบุริศร์ก่อน แล้วทั้งสามคนก็เดินออกไปเลย

ในตอนที่ดารัณเห็นพวกเขาเดินออกมานั้นก็ไม่ได้แปลกเลยสักนิด แถมยังยิ้มอ่อนหวานแล้วก็พูดขึ้นว่า “นี่พวกคุณปรึกษากันดีแล้ว ว่าจะจากไปแล้วใช่ไหมคะ?”

ใจของนรมนหล่นตุ๊บทีหนึ่ง

เธอมักจะรู้สึกว่าดารัณคนนี้เหมือนจะรู้เรื่องอะไรอยู่ ฉะนั้นก็เลยมักจะไม่สบายใจเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายรู้เรื่องครอบครัวเธอจนหมดเปลือกแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนอื่นเขาเลย การนึกคิดแบบนี้มันทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเลย

บุริศร์หรี่ตามองดูดารัณไปครู่หนึ่ง จากใบหน้าของเธอนั้นดูอะไรไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ไม่ก็เก็บซ่อนได้ดีมาก ไม่ก็ใสซื่อบริสุทธิ์มากจริง ๆ แต่ว่าบุริศร์รู้สึกว่าความเป็นไปได้อย่างที่สองนั้น ตัวเองยังไม่เชื่อเลย เห็นได้ชัดเลยว่าผู้หญิงที่อยู่ในวังนั้นล้วนเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก

“ใช่ พวกเราจะไปแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ต้องขอบคุณที่คุณดูแลภรรยาผม บุญคุณนี้ต่อไปผมค่อยชดใช้คืนให้นะครับ”

บุริศร์พูดจาอย่างเป็นทางการมาก ขอแค่อีกฝ่ายยังมีประโยชน์ร่วมกัน เขาก็รู้สึกว่ายังสามารถสานสัมพันธ์ต่อไปได้

ดารัณกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ได้ค่ะ คำพูดนี้ฉันจะจำไว้ แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่มีอะไรที่จะต้องการให้พวกคุณช่วย รออีกหน่อยเถอะ ไม่แน่อาจจะต้องลำบากคุณจริง ๆ ก็ได้ค่ะ”

คำพูดนี้พูดออกมาแล้วทำให้นรมนรู้สึกลังเลอยู่บ้าง แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ก็ทำให้เธอทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

“ทางด้านพี่ชายฉันคงจะไม่มีอะไรหรอกมั้ง?”

ในเมื่อดารัณได้สืบค้นครอบครัวของเธอมาจนหมดเปลือกแล้ว ตัวเองจะมาปิดบังอีกก็ไม่มีความหมายแล้ว นรมนก็เลยพูดจาให้กระจ่างไปเลย

“ไม่เป็นไรหรอก ท่านพ่อจะไม่ทำอะไรพี่รองหรอก วางใจเถอะ ที่สำคัญพี่รองก็ได้รับปากว่าจะร่วมมือกับลูกพี่ลูกน้องของฉันแล้ว ท่านพ่อของฉันคงจะเห็นแก่หน้าลูกพี่ลูกน้องของฉันและไม่ทำให้พี่รองลำบากหรอก”

ในตอนที่ดารัณพูดถึงลูกพี่ลูกน้องจณัตว์นั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก แถมยังมีความภาคภูมิใจอยู่ด้วยนิดหนึ่ง

นรมนแอบจดจำชื่อนี้ไว้อย่างเงียบ ๆ และกะว่าจะให้คนไปสืบค้นสักหน่อยว่าตกลงผู้ชายคนนี้มีความเป็นมายังไงกันแน่

“พวกคุณจะไปยังไงคะ? จะไปเอง? หรือจะให้ฉันส่งคนพาพวกคุณไปส่ง?”

ดารัณนั้นกลับดูใจกว้างเป็นอย่างมาก

“พวกเราไปกันเองเถอะ คงจะไม่รบกวนคุณแล้ว”

พูดคำพูดออกมาอย่างนี้ แต่ว่านรมนรู้ว่า ตัวเองก็แค่ไม่อยากจะให้ดารัณรู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหนก็เท่านั้น แต่ว่าอยู่ในวังแห่งนี้ หน่อยข่าวกรองของดารัณนั้นสุดยอดมากจริง ๆ

“พวกคุณคงจะไปที่ตำหนักพี่ห้าใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างนี้พวกคุณก็ไม่ต้องไปใช้เส้นทางปากทางขาวดำแล้ว มันมีอยู่เส้นทางหนึ่งที่สามารถทะลุไปได้เลย”

และก็ไม่รู้ว่าดารัณนั้นตั้งใจหรือว่าไม่ได้ตั้งใจ ที่ชี้ทางอีกเส้นทางหนึ่งให้พวกนรมน

เส้นทางนี้ไม่มีกลุ่มทหารยามเดินตรวจ ไม่มีทหารคอยเฝ้า และก็ค่อนข้างใกล้กับตำหนักของหงส์ด้วย แค่ดูก็รู้แล้วว่าตอนที่หงส์ให้พวกเขาไปใช้เส้นทางปากทางขาวดำนั้นมีเจตนาที่คิดไม่ซื่อมากแค่ไหน แต่ว่าตอนนี้นรมนก็แสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ยิ้มแล้วก็พูดกับดารัณขึ้นว่า “ขอบใจคุณมาก”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น”

สุดท้ายดารัณก็ยังให้คนส่งพวกนรมนออกไปจากตำหนัก แล้วพอไปถึงทางเล็กแล้วถึงได้แยกตัวจากไป

ตั้งแต่ที่บุริศร์รู้ว่าไม่ต้องใช้เส้นทางปากทางปากทางขาวดำเป็นต้นมา ใบหน้าก็เอาแต่เคร่งขรึม

ดูท่าตัวเองไม่ได้เข้าใจหงส์ผิดจริง ๆ เธออยากจะทำอะไรกับนรมนจริง ๆ ด้วย

พอคิดมาถึงตรงนี้ บุริศร์ก็ดึงนรมนไว้ทีหนึ่ง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อีกเดี๋ยวผมจะติดต่อวินเซนต์ ให้เขามารับคุณกับคุณน้าชัญญาไปด้วยตัวเอง”

“ฉันไม่ไป”

นรมนรู้ว่าบุริศร์เป็นห่วงตัวเธอ แต่ว่าเวลาแบบนี้ถ้าจะให้วินเซนต์เข้ามานั้นเป็นการเสี่ยงอันตรายมากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

ลำพังพวกเขาสามคนยังไม่รู้เลยว่าจะสามารถออกไปได้หรือเปล่า แล้วทำไมยังจะต้องดึงคนอีกคนหนึ่งเข้ามาด้วยล่ะ?

แล้วอีกอย่างผู้หญิงอย่างหงส์คนนี้ ไม่ว่ายังไงนรมนก็จะต้องสักหน่อยให้ได้ ในส่วนนี้ไม่ว่าใครก็มาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถึงจะเป็นบุริศร์ก็ไม่ได้

บุริศร์เองก็หงุดหงิดเล็กน้อย

“นรมน!”

“นายให้เธออยู่ต่อเถอะ ส่งเธอจากไปแบบนี้ ไม่แน่ในใจเธออาจจะคิดเรื่องนายกับหงส์ไปยังไงบ้างก็ไม่รู้ เทียบกับการให้เธอกลับไปคิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ยังสู้ให้เธอเจอกับหัวหน้าหน่วยหงส์ของนายหน่อยไม่ได้เลย ใจของเธอจะยังเป็นสุขซะมากกว่า”

พอชัญญาเห็นท่าทีของพวกเขาสองคนแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดขึ้นมา

บุริศร์ทอดถอนใจทีหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “ผมกับเธอไม่ได้มีอะไรกัน และก็จะไม่มีทางมีอะไรด้วย”

“งั้นคุณจะกลัวฉันอยู่ต่อทำไมคะ?”

แววตาของนรมนแฝงไว้ด้วยความโกรธเคืองเสี้ยวหนึ่ง

บุริศร์รู้สึกจากใจจริงว่าสถานการณ์อย่างนี้ทำให้เขาไม่มีทางควบคุมได้เล็กน้อย

“ผมกลัวว่าเธอจะทำร้ายคุณ ผมกลัวว่าคุณจะต้องลำบากใจ”

“ใครจะลำบากใจยังไม่แน่เลย”

ตอนนี้นรมนเป็นเหมือนนักรบที่สวมใส่ชุดเกาะไว้ พร้อมที่จะปกป้องชีวิตแต่งงานของตัวเองและผู้ชายของตัวเอง หงส์คนนั้นไม่ว่าจะเก่งกาจซะแค่ไหน ก็ปล่อยของมาได้เต็มที่เลย นรมนไม่กลัวเธอหรอก

พอเห็นว่านรมนดื้อดึงเช่นนี้ ที่สุดแล้วบุริศร์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ทั้งสามคนเดินตามเส้นทางเล็ก ๆ มาถึงตำหนักของหงส์

ในตอนที่หงส์เห็นบุริศร์และนรมนเดินตามเส้นทางเล็ก ๆ นี่เข้ามานั้น สีหน้าก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย และในเวลาเดียวกันก็มองไปที่บุริศร์อย่างรวดเร็ว แล้วก็พบว่าบุริศร์ก็มองเธออยู่ ดวงตานกฟีนิกซ์ที่สวยงามคู่นั้นมีแววผิดหวังและโกรธเคืองกะพริบอยู่เสี้ยวหนึ่ง แล้วหงส์ก็มีความรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อยทันที

ตกลงใครเป็นคนบอกเส้นทางเส้นนี้ให้พวกเขารู้กัน?

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการขายเธอแล้วชัด ๆ

แต่ว่าในเวลานี้หงส์เองก็ไม่พูดอะไร แต่กลับมองไปที่นรมนตรง ๆ

ว่าแล้วเชียวว่าต้องหน้าตาเย้ายวนจริง ๆ ด้วย

หงส์ประเมินอยู่ในใจ แต่บนใบหน้ากลับไม่ได้แสดงออก

นี่มันยอดฝีมือเลย

ภาพแรกที่นรมนรู้สึกก็คือแบบนี้ เธอเคยนึกภาพหงส์ไว้มากมาย แต่กลับไม่เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะมีหน้าตาที่สวยขนาดนี้ เยือกเย็นเช่นนี้ เหมือนกับดอกเหมยที่หนาวเย็นอยู่บนยอดเขาสูง เบ่งบานต้อนรับสายลม ซึ่งทำให้คนไม่สามารถมองข้างความงามของเธอได้

ผู้หญิงแบบนี้มาแอบรักสามีของเธอ นรมนรู้สึกว่ามีความกดดันเป็นสูงมากเลย

บุริศร์เองก็สามารถรู้สึกได้ถึงส่วนประกอบของความไม่สงบสุขในอากาศ จึงกระแอมไอขึ้นมาคำหนึ่ง “นี่คือภรรยาของฉันนรมน นรมน นี่คือหงส์ น้องสาวที่ผมเคยบอกคุณ”

นรมนเป็นฝ่ายยิ้มแย้มขึ้น แล้วก็ยื่นมือออกไปทางหงส์

“สวัสดี หงส์ ช่วงระยะเวลานี้ต้องรบกวนเธอให้ดูแลหน่อยนะ”

“ได้”

หงส์จับมือนรมนไว้ แต่กลับแอบใช้แรงอย่างไม่มีสุ้มเสียง

การต่อสู้ของทั้งสองคนเริ่มตั้งแต่สบตากันมาแล้ว พอตอนนี้รู้สึกถึงการยั่วยุของหงส์ นรมนก็ยิ้มเล็กน้อยขึ้น แล้วก็เอาเรี่ยวแรงมารวมกันที่แขนและข้อมือ

พอเรี่ยวแรงปะทะกันอย่างรวดเร็ว อยู่ ๆ หงส์ก็ปล่อยมือออก ทุกอย่างดูเป็นปกติมาก แต่เรี่ยวแรงของนรมนกลับเหมือนกับว่าจะเก็บกลับมาไม่ทัน ร่างกายจึงอดไม่ได้ที่จะเซไปข้างหน้าเล็กน้อย จู่ ๆ ที่เอวก็มีมือที่มีเรี่ยวแรงคู่หนึ่งมาโอบกอดเธอไว้ได้ทันเวลา และน้ำเสียงที่อ่อนโยนก็ดังขึ้นที่ข้างหูด้วยว่า

“หิวแล้วใช่ไหม? ผมเห็นคุณยืนไม่ค่อยมั่นคงนิดหน่อยแล้ว”

ดวงตาของบุริศร์อ่อนโยนราวกับสายน้ำ แต่กลับเหมือนกับมีดสั้นที่อาบยาพิษไว้ ทิ่มแทงเข้าไปที่กลางใจหงส์อย่างลึกมาก

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท