ถ้าหากให้สมชัยพบเจอตัวเองซ่อนตัวอยู่ที่ตำหนักของราเชนนี้ ถึงแม้ว่าราเชนจะมีปากหนึ่งหมื่นอันก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนแล้ว
ในเวลานี้บุริศร์ค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกคิดไม่ตกว่าการกระทำของสมชัยในตอนนี้นั้นหมายความว่ายังไง? หรือว่าเขาจะรู้แล้วว่าตัวเองมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่แล้วเหรอ?
หรือจะบอกว่าใครหักหลังเขาแล้ว?
บุริศร์นึกถึงหงส์ขึ้นมา แต่ว่าจากนั้นก็ส่ายหัวขึ้นมา
ถึงแม้ว่าหงส์จะไม่ชอบนรมน ถึงแม้ว่าเธอจะต่อต้านนรมนอยู่บ้าง แต่ว่าสำหรับเขาบุริศร์นั้นก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าเธอจะไม่มีทางหักหลังอยู่
ถ้างั้นทำไมสมชัยจะต้องมาที่นี่ด้วยล่ะ?
บุริศร์คิดไม่ตก
ราเชนกลับไม่รู้ความกังวลของบุริศร์ ตอนนี้กลับไม่ได้สนใจอะไร แต่ว่าในแววตามีแววเยาะเย้ยพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
พ่อที่พูดว่านรมนเป็นคนนอกอยู่เต็มปากเต็มคำ แต่กลับไม่เชื่อแม้แต่ลูกชายของตัวเอง และยังเอาแต่คิดว่าจะสามารถค้นหาอะไรเจอจากที่นี่สักหน่อยเพื่อเอามาควบคุมตัวเอง
และนี่ก็คือความรักของพ่อลูกแบบราชสกุล
นี่มันช่างน่าขำจริง ๆ!
และก็ยังโชคดีที่เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับสิ่งนี้ ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะเศร้าเสียใจอีกครั้งหรือเปล่า
สมชัยเห็นว่าราเชนเพียงแค่หลบไปอยู่ข้าง ๆ อย่างเรียบเฉย และไม่ได้ขัดขวางอะไรต่อการกระทำของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
หรือว่าเขาจะเดาผิดแล้วเหรอ?
คนที่ช่วยชัญญาไปไม่ใช่พวกนรมนกับบุริศร์เหรอ?
และราเชนก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาเหรอ?
ข้อสงสัยมากมายกะพริบผ่านไปในหัวสมองของสมชัย แต่ว่าสีหน้าของราเชนยังคงเรียบเฉย และไม่ได้ขัดขวางการกระทำของเขาสักนิด และนี่ก็เป็นเพราะว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุริศร์อยู่ที่นี่ถึงได้สงบนิ่งขนาดนี้ ถ้าหากรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ละก็ คาดว่าราเชนเองก็คงจะไม่นิ่งเฉยขนาดนี้หรอก
ทหารยามเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยกไม้ยกมือแสดงความเคารพต่อราเชนเล็กน้อยแล้วก็เริ่มค้นหาขึ้นมาเลย
หัวใจของบุริศร์บิดตัวเข้าด้วยกันอย่างแน่นขึ้นมา
แล้วก็ในเวลานี้พอดี เขาก็รู้สึกว่าแขนเสื้อของตัวเองโดนคนดึงทีหนึ่ง
บุริศร์หมุนตัวไปอยากจะตอบโต้ขึ้นมา แต่กลับเห็นว่าเป็นนรมน จึงอดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไปเลย
“นรมน!”
ในใจของบุริศร์รู้สึกดีใจ เป็นความดีใจที่สูญเสียไปแล้วได้กลับคืนมา แต่ว่าก็รู้สึกถึงความกังวลและตื่นเต้นขึ้นมา
ถ้าหากว่านรมนปรากฏตัวออกมาก่อนหน้าที่สมชัยจะมาก็ดีแล้ว แต่เธอปรากฏตัวออกมาตอนนี้เกรงว่าคงจะทำให้สถานภาพของตัวเองและเธอต้องตกอยู่ในอันตรายเล็กน้อย
“ตามฉันมาค่ะ”
เหมือนกับว่านรมนจะรู้ว่าบุริศร์กำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดเสียงเบาขึ้น และยังดึงตัวเขาเล็กน้อยด้วย
บุริศร์ไม่ได้สงสัยอะไรเธอเลย แล้วก็ตามนรมนถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ เพียงแต่ว่าในดวงตาของเขามีความสงสัยอยู่เล็กน้อย นี่น่าจะเป็นทางสับเส้นหนึ่งมั้ง
แล้วนรมนมารู้จักได้ยังไงล่ะ?
แต่ว่าบุริศร์เองก็ไม่ได้ถาม แล้วก็ตามนรมนออกไปจากตำหนักของราเชนอย่างเชื่อใจเป็นอย่างมาก แต่พอออกมาแล้ว บุริศร์ก็เห็นเด็กสาวอ่อนหวานคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น พอเห็นนรมนออกมาแล้ว ถึงได้โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง
“ในที่สุดพวกคุณก็กลับมาสักที เป็นยังไงบ้าง? ไม่ได้โดนท่านพ่อของฉันพบเห็นเข้าหรอกใช่ไหม?”
ดารัณถามขึ้นอย่างรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย
นรมนส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอย่างซาบซึ้งว่า “องค์หญิงหก ของคุณคุณมากค่ะ”
“คุณเป็นคนของพี่รองแน่นอนว่าฉันจะต้องปกป้องคุ้มครองอยู่แล้ว”
ดารัณยิ้มอ่อน ๆ แล้วก็พูดขึ้น
บุริศร์รู้จักสถานะของดารัณขึ้นมาทันที เพียงแต่ว่าเขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย ทำไมนรมนถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับองค์หญิงหกได้ล่ะ?
พอเห็นว่าเขาเหมือนกับมีคำพูดมากมายอยากจะพูด นรมนก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “องค์หญิง พวกเราขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ได้”
ดารัณเองก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร
บุริศร์ตามนรมนเข้าไปในห้อง ในตอนที่เขาเห็นชัญญาอยู่รอดปลอดภัยดีนั้น ก็อดไม่ได้จะที่โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
“นรมน นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
พอเผชิญหน้ากับความสงสัยของบุริศร์ นรมนก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตอนที่พวกเราอยู่ที่ปากทางขาวดำนั้นรอแล้วไม่เจอกับคนของหงส์ แต่กลับพบกับกลุ่มทหารยาม ตอนนั้นกลัวว่าคนของหงส์จะโดนดึงเข้ามาด้วย ฉันกับคุณอาก็เลยซ่อนตัวไว้ แล้วคิดไม่ถึงว่าจะโดนองค์หญิงหกช่วยกลับมาได้ องค์หญิงหกเป็นคนของพี่ราเชน ฉะนั้นพวกเราก็เลยปลอดภัยเป็นอย่างมาก”
คำพูดของนรมนทำให้หัวคิ้วของชัญญาขมวดขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็เก็บซ่อนไปอย่างรวดเร็ว
ผู้หญิงโง่คนนี้ กลับยังปกป้องหงส์เอาไว้ หรือว่าดูไม่ออกเหรอว่าหงส์นั้นอยากจะมาเปลี่ยนตัวเธอไปน่ะ?
และก็ไม่รู้ว่าคิดยังไงอยู่
แต่ว่าสำหรับเรื่องความรู้สึกของคนอื่นแล้ว ยังไงชัญญาก็ยังไม่ค่อยที่จะยื่นมือเข้าไปยุ่งซะเท่าไหร่
พอบุริศร์ได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย
หงส์ไม่ได้เป็นคนทำเหรอ?
เขาจ้องมองดวงตาของนรมน แล้วก็พูดขึ้นทีละคำทีละคำว่า “นรมน คุณเป็นภรรยาของผม ยังจำคำพูดที่ผมเคยพูดไว้ได้หรือเปล่า? ไม่ว่าจะเป็นใครหรือว่าเรื่องอะไร ก็อย่าได้ทำให้ตัวเองต้องลำบากใจทั้งนั้น”
“ฉันไม่ได้ลำบากใจ ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง ถ้าไม่เชื่อคุณก็ถามคุณอาดูซิ”
นรมนเอาเรื่องโยนไปให้ชัญญาเลย
ชัญญารู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย
มาลากเธอตกน้ำไปด้วยในเวลาแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน?
จะต้องช่วยผู้หญิงโง่คนนี้หลอกลวงบุริศร์ และช่วยหงส์คนนั้นด้วยเหรอ?
“ฉันกลับห้องก่อนแล้ว พวกเราสองสามีภรรยาค่อย ๆ คุยกันไปก็แล้วกัน”
ชัญญาลุกขึ้นเดินจากไป เธอไม่อยากจะแปดเปื้อนกับน้ำเน่านี้ไปด้วยหรอก
และบุริศร์เองก็รู้สึกว่าชัญญาอยู่ที่นี่นั้นไม่ค่อยสะดวกจริง ๆ พอเห็นชัญญาไปแล้ว ถึงได้เริ่มสำรวจนรมนอย่างละเอียดขึ้นรอบหนึ่ง พอพบว่าเธอไม่ได้บาดเจ็บอะไรถึงได้โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง
“หงส์ส่งคนมาทำอะไรคุณใช่หรือเปล่า?”
“ไม่มีนี่ คุณยังไม่วางใจคนของตัวเองมากขนาดนี้เลยเหรอคะ?”
นรมนพูดปฏิเสธออกไปโดยตรงเลย
หงส์มีบุญคุณต่อบุริศร์ เธอจะต้องไม่มีทางปล่อยให้บุริศร์ไปสู่ขั้นลืมบุญคุณคนแน่ การต่อสู้ของเธอกับหงส์นั้นเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้หญิง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดึงบุริศร์เข้ามา
บุริศร์ยังคงไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
“งั้นทำไมคุณถึงได้ปิดสัญญาณตำแหน่งของตัวเองไป?”
“กลัวคุณจะร้อนใจรีบมา แล้วจะทำให้สถานะขององค์หญิงหกถูกเปิดเผย อยู่ที่นี่คนทั้งหมดต่างก็คิดว่าองค์หญิงหกไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของโลกภายนอก ถ้าหากให้คนรู้ว่าเธอเป็นคนของพี่ราเชน งั้นก็จะทำให้เธอต้องเดือดร้อนแล้ว แล้วอีกอย่างเมื่อกี้ ถ้าไม่ใช่องค์หญิงหกบอกกับฉันว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันก็ไม่รู้หรอกว่ายังมีทางลับเส้นหนึ่งที่สามารถทะลุไปถึงตำหนักของพี่ราเชนแล้วรับคุณออกมาได้”
ก่อนหน้านี้นรมนยังพูดคุยกับชัญญาอยู่ในห้อง ก็ได้ยินมัทยามาหาเธอว่า องค์หญิงหกมีธุระจะหาเธอ
เธอรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังไปอยู่ดี แต่กลับได้ยินดารัณเรียกเธอว่านรมน จากนั้นก็พูดสถานะของตัวเองและบุริศร์ออกมาเลย และที่สำคัญยังบอกกับเธอว่า สมชัยกำลังไปค้นตำหนัก เป็นความเป็นไปได้สูงมากที่บุริศร์จะตกอยู่ในอันตราย แล้วก็ให้เธอออกไปช่วยคนตามเส้นทางลับ
ตอนแรกนรมนยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ในตอนที่เธอเห็นบุริศร์นั้นใจทั้งดวงก็บิดกันเป็นเกลียวขึ้นมาเลย
ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่าบุริศร์จะอยู่ที่นั่นจริง ๆ!
“ใช่แล้ว คุณไม่ได้อยู่ที่ตำหนักของหงส์หรอกเหรอคะ? ทำไมถึงวิ่งไปถึงตำหนักของพี่ชายฉันได้ละคะ?”
นรมนรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย
เธอเชื่อว่าหงส์จะต้องปกป้องคุ้มครองบุริศร์ให้ดีแน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบุริศร์จะวิ่งออกมาได้
“คุณยังจะพูดอีก? คุณไม่อยู่ คุณหายไปแล้วทั้งคน ผมจะยังสามารถอยู่ที่นั่นเฉย ๆ อีกได้ยังไง? ต่อไปผมจะไม่มีทางทิ้งคุณไว้คนเดียวอีกแล้ว ช่างหัวกฎบ้าบออะไรของมัน ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคุณทั้งนั้น”
บุริศร์แค่นึกถึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากนรมนไม่ได้โดนดารัณช่วยเหลือเอาไว้ หัวใจก็อดไม่ได้ที่จะตื่นกลัวไม่หยุด
ใจของนรมนรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก พิงอยู่ในอกของบุริศร์ ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “ฉันนึกว่าคุณกับหงส์จะมีเรื่องให้คุยกันมากมายซะอีก ในเมื่อพวกคุณไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีขนาดนี้”
“คุณไม่อยู่ พูดอะไรกันไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าเกิดคุณหึงขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?”
หลังจากที่บุริศร์วางใจแล้ว ก็เริ่มมีใจล้อเล่นกับนรมนแล้ว
“ฉันไม่มีทางหึงหรอกน่ะ สามีของฉันรักฉันมากขนาดนี้ ฉันจะไปหึงอะไรล่ะ?”
“ใช่เหรอ?”
บุริศร์เชยคางของนรมนขึ้นมา บังคับให้ดวงตาของเธอจำเป็นจะต้องสบเข้ากับดวงตาของเขาเท่านั้น
“บอกผมมา ตกลงหงส์ลงมือกับคุณหรือเปล่า?”
ใจของนรมนสั่นไหวเล็กน้อย แต่บนใบหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลงเลย
“คุณหมายความว่ายังไง? คุณนี่อยากจะให้เธอลงมือกับฉันมากใช่ไหม? ฉันว่าคุณนี่อยากจะกำจัดฉันทิ้งไปโดยการยืมมือคนอื่นฆ่าคน แล้วจะได้ไปแต่งกับคนอื่นดี ๆ ใช่ไหม?”
นรมนปัดมือของเขาทิ้งไปอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย และยังผลักบุริศร์ออกไปด้วย แกล้งทำเป็นโกรธเคือง
บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วเดินไปกอดเธอไว้ และพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พูดไปเรื่อยอะไร คุณรู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”
เวลาที่เขาอยู่กับหงส์นั้นนานกว่านรมน แน่นอนว่าจะต้องรู้จักตัวตนของหงส์มากว่านรมนอยู่แล้ว ในตอนที่ธีรตาบอกกับเขาว่ารับนรมนไม่ได้นั้น บุริศร์ก็ได้คาดเดาไว้บ้างแล้ว แถมยังรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่หงส์จะถือโอกาสฆ่าคน เพราะฉะนั้นตอนนั้นเขาถึงได้ร้อนใจมากขนาดนั้น ลนลานมากขนาดนั้น แถมยังพูดคำพูดที่แตกร้าวมากขนาดนั้นออกมาด้วย
แต่ว่าตอนนี้นรมนกลับบอกกับเขาว่าไม่ใช่ความผิดของหงส์ เป็นเพราะว่าตัวเองวิ่งหนีไปเอง คำพูดนี้ทำให้บุริศร์ไม่ค่อยเชื่อซะเท่าไหร่
ในวังนี้ นรมนมีแค่โสธรที่เป็นหมากตัวเดียวเท่านั้น แล้วตอนนี้โสธรก็ได้รับบาดเจ็บหนักหมดสติอยู่ ตำหนักของราเชนก็อยู่ค่อนข้างไกล สิ่งเดียวที่เธอจะพึ่งพาได้ก็คือตัวเขาและหงส์ แต่แล้วทำไมถึงได้มาจากไประหว่างทางได้ล่ะ?
นอกซะจากว่ามีเรื่องไม่คาดคิดบีบให้เธอจำเป็นจะต้องทำแบบนี้
แต่ว่าทำไมนรมนถึงไม่พูดล่ะ?
ทำไมจะต้องช่วยหงส์ปิดบังเอาไว้ด้วย?
บุริศร์นึงถึงหนี้บุญคุณที่ตัวเองมีกับหงส์อยู่ แล้วใจก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดขึ้นมา
ยัยผู้หญิงโง่คนนี้เป็นเพราะว่าคำนึงถึงตัวเขาถึงได้ทำให้ตัวเองต้องมาลำบากใจแบบนี้ใช่ไหม
เขาไม่อยากจะให้นรมนต้องมาทำลำบากใจตัวเองอยู่ตลอด แต่ว่าตอนนี้ก็ยังให้เธอต้องมาลำบากใจจนได้ ในจุดนี้บุริศร์รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก
นรมนไม่รู้ว่าสิ่งที่บุริศร์กำลังคิดวกวนอยู่ในใจตอนนี้ ยังคงทำปากจู๋ไว้แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณหมายความว่ายังไง ฉันไม่ได้เป็นพยาธิในท้องของคุณสักหน่อย”
“คุณอยากเป็นพยาธิเหรอ? ขยะแขยงจังเลย แต่ว่าถ้าคุณอยากเป็น ผมก็จะตามใจคุณเลย”
บุริศร์ชิดเข้ามาใกล้ใบหน้าของตัวเอง แล้วก็อ้าปากงับใบหน้าของนรมนคำหนึ่ง
“โอ๊ย นี่คุณทำอะไรเนี่ย?”
นรมนผลักบุริศร์ออกทีหนึ่ง ยังไงก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้กลายเป็นปัญญาอ่อนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
บุริศร์กลับหัวเราะเสียงเบาขึ้นมา
“อยากจะกินคุณไง ไหนคุณบอกว่าอยากจะเป็นพยาธิในท้องของผมไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่กิน คุณจะเป็นได้ยังไงล่ะ?”
คำพูดนี้พูดได้ลามกเล็กน้อย
ใบหน้าของนรมนแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“ไม่พูดกับคุณแล้ว คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าคุณไปที่ตำหนักพี่ราเชนได้ยังไง”
“ไปหาคุณไง”
บุริศร์กลับตอบได้อย่างง่ายดาย
ถึงแม้ว่าในใจจะคิดแบบนี้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้มาได้บุริศร์พูดแบบนี้ หัวใจของนรมนก็ยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่เหมือนกัน
“ที่นี่อันตรายมาก ต่อไปคุณจะมาเคลื่อนไหวคนเดียวอีกไม่ได้แล้วนะ”
“งั้นคุณก็ห้ามแยกกับฉันเหมือนกัน”
บุริศร์ลืมความรู้สึกกลัวตอนที่รู้ว่านรมนหายตัวไปไม่ได้ เขาจับมือของเธอไว้แน่น
นรมนพยักหน้าเล็กน้อย
เธอจะไม่มีทางแยกกับบุริศร์อีกแล้ว
อยู่ที่นี่มีอันตรายอยู่รอบด้าน แถมยังมีหงส์อีกคนที่จ้องจะเขมือบอยู่ แล้วเธอจะยอมปล่อยมือบุริศร์ไปได้ยังไง?
“ใช่แล้ว พวกเรากลับกันเถอะ ไม่งั้นหงส์จะต้องเป็นกังวลแน่”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์อึ้งไปทันทีเลย
กลับไปเหรอ?
ตกลงยัยผู้หญิงโง่คนนี้อยากจะทำอะไรกันแน่?
หรือเธอไม่รู้เหรอว่าการกลับไปที่ตำหนักของหงส์นั้นเท่ากับเดินเข้าถ้ำเสือเลย? แต่กลับยังสมัครใจกลับไปเอง
“นรมน ตกลงสมองของคุณมีน้ำเข้าเหรอ?”
บุริศร์ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่คำพูดที่พูดออกมานั้นกลับทำให้นรมนรู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย
นี่เขาด่าเธอเหรอ!
เหอะ เหอะ!
จะร้องไห้ให้เขาดูสักหน่อยดีไหมนะ?