“พวกเธอสองคนทำสงครามเย็นเพื่อแสดงให้พวกเราดูหรือไง”
โพนี่พูดอย่างนี้ทำให้นรมนยิ่งอาย
“ฉันไม่สน ถึงยังไงตอนแรกป้องผ่าตัดบุริศร์โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากฉัน เรื่องนี้แต่เดิมเขาติดค้างฉันนะ”
นรมนเล่นบทไร้เหตุผล
โพนี่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“พี่สาว ป้องเป็นแค่คุณหมอ บุริศร์ของเธอยังเป็นพี่รองเขาด้วย เขาจะพูดอะไรได้”
“ถึงยังไงฉันก็ไม่สน ตอนนั้นไม่ให้ฉันรู้ก็แอบตัดสิทธิ์ฉันเป็นหม่ามี้ ถือว่าป้องติดค้างฉัน เรื่องนี้ยกให้ป้องของเธอละกัน ส่วนจะพูดอย่างไรกับบุริศร์ฉันไม่สน”
นรมนพูดจบก็เลิกสาย
โพนี่พูดไม่ออกและยังกลุ้มใจ
“เป็นอะไรไป ใครยั่วโมโหเธอ บอกสามีมาเลย เดี๋ยวสามีจะไปช่วยจัดการให้”
ป้องกลับมาก็เห็นโพนี่ถือมือถือถอนหายใจ อดไม่ได้ที่จะเข้ามาหอมแก้มเธอ เอ่ยถามขึ้น
โพนี่ก็ไม่ปิดบัง เล่าให้ฟังตรงๆ “นรมนทำให้ฉันโมโห คุณช่วยไปจัดการเธอแทนฉันหน่อย”
“ได้สิ ก็แค่นรมนไม่ใช่หรือ เรื่องจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวผมไปเลย…เดี๋ยวก่อน ใครนะ”
ป้องรับปากโดยไม่คิดอะไร จากนั้นถึงได้รู้สึกตัวนรมนคือใคร ก็ชะงักไป
โพนี่เห็นท่าทางเขา ก็เหยียดยิ้มมุมปาก “ว่าไง ไหนบอกว่าจะแก้แค้นให้ฉันไงคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ภรรยาครับ เธอทำอะไรให้คุณไม่พอใจ”
ป้องรู้สึกงงงวย
โพนี่ถลึงตาใส่เขา จากนั้นก็พูดอย่างกลุ้มใจ ”นรมนท้องค่ะ”
“จะเป็นไปได้ไง”
ป้องเหมือนได้ยินเรื่องตลก ไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่โพนี่เอาแต่มองเขาไม่พูดอะไร ป้องก็ตกใจ
“จริงเหรอ นี่เป็นแค่การผ่าตัดเล็กๆ คุณคงไม่ได้บอกนะว่าสามีคุณแค่ผ่าตัดเล็กๆ ยังผิดพลาด”
ป้องไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้
โพนี่จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา
“ตอนคุณผ่าตัดได้ตรวจสอบมั้ยว่าเขามีหลอดนำอสุจิสองหลอดหรือเปล่าคะ สถานการณ์นี้เป็นไปได้ แม้ว่าจะเป็นส่วนน้อยก็เถอะ”
ได้ยินภรรยาพูดอย่างนี้ มุมปากป้องก็กระตุก
“ถูกรางวัลที่หนึ่งอย่างนี้ ผมยอมเลย หมายความว่าไง พี่รองสงสัยเด็กไม่ใช่ลูกเขาเหรอ”
ป้องถามทันที
โพนี่ส่ายหน้า “พี่รองยังไม่รู้เรื่องเด็ก นรมนให้คุณไปบอกค่ะ”
“เรื่องอะไรต้องให้ผมไปบอก เรื่องของพวกเขาสามีภรรยาเกี่ยวอะไรกับพวกเรา”
“นรมนบอกว่าคราวก่อนคุณผ่าตัดพี่รองโดยเธอไม่ยินยอม ทำลายความฝันของเธอที่จะเป็นแม่ เรื่องนี้คุณติดค้างเธอค่ะ”
“บ้าจริงเชียว”
ป้องสบถออกมา
“จริงสิ ที่รัก พรุ่งนี้พวกเราสองคนอุ้มลูกพาปวีราไปบ้านคุณปู่กัน พวกเราไม่ได้กลับไปนานแล้ว อีกอย่างบ้านเก่าตระกูลพรรณโรจน์ก็มีคนเยอะ ดีกับเด็กๆ ด้วย คุณว่าจริงมั้ย”
ป้องอยากจะหนีพรุ่งนี้เลย
โพนี่ยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง
“ต่อให้คุณหนีไปถึงต่างประเทศ เรื่องนี้ก็ปิดได้ไม่นานหรอกค่ะ พี่รองรู้ว่าเพราะตอนที่คุณผ่าตัดไม่รอบคอบ ทำให้เขามีลูกอีก ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่บ้านคุณปู่ คุณไปต่างประเทศ พี่รองก็ต้องไปลากคุณกลับมาอยู่ดี”
“โพนี่ สามีคุณคือใครกันแน่ ทำไมผมรู้สึกว่าคุณไม่เข้าข้างผมเลย”
ป้องรู้สึกเซ็ง
เขาจะไปรู้ได้อย่างไรบุริศร์จะประหลาดอย่างนี้ มีหลอดนำอสุจิมากกว่าคนทั่วไป
เรื่องนี้จะโทษเขาไม่ได้จริงมั้ย
แต่เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาหลังบุริศร์รู้เรื่องนี้ ป้องก็รู้สึกว่าด้านหลังคอมีลมเย็นขนลุกซู่
แค่ภรรยาตัวเองไม่สนใจตัวเองและยังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ป้องก็อยากกระอักเลือด
โพนี่ราวกับไม่เห็นความกลุ้มใจสับสนของเขา ตบบ่าของเขาพลางพูดขึ้น “คุณเป็นผู้ชาย ช่วยพี่สะใภ้รองรับหน้าหน่อยจะเป็นไรไป อย่าลืมสิ พี่รองกับพี่สะใภ้รองยังให้ของขวัญครบเดือนของลูกเรามากขนาดนั้นนะ”
“พูดอย่างกับไม่ต้องคืนอย่างนั้นแหละ”
ป้องยิ่งรู้สึกเซ็ง
ได้รู้ว่านรมนกับบุริศร์ไม่ต้องการมีลูกอีก เขารับของขวัญครบเดือนแทนลูกชายด้วยความดีใจมาก แต่ตอนนี้ นรมนท้องแล้ว แถมยีนของพวกเขาสองคน ไม่แน่อาจจะท้องเดียวได้สองคน ถึงตอนนั้นเขาอาจจะต้องขาดทุน การซื้อขายนี้ไม่คุ้มเอาเสียเลย
อีกอย่างคนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เขา
ป้องรู้สึกเซ็งสุดๆ
โพนี่หัวเราะออกมา
“คุณยังจะหัวเราะอีก สงสัยจะต้องสั่งสอนซะหน่อย”
ป้องโยนเสื้อคลุมโน้มตัวเข้ามาหา
“ไม่เอา! ป้อง ออกไปเลย!”
โพนี่หัวเราะพลางหลบ สองคนเหมือนกับเด็กๆ วิ่งไล่กันในห้องรับแขก
ปวีราเห็นพวกเขาอย่างนี้ ก็เดินไปห้องน้องชายเงียบๆ ไกวเปลของน้องชาย ใบหน้าเปื้อนยิ้มอ่อนโยน
เด็กน้อยเห็นปวีรา ลืมตาร้องเสียงอ้อแอ้ จากนั้นก็ยิ้ม มืออวบๆ จับนิ้วก้อยของปวีราเข้าปาก
ปวีรารู้ว่าน้องชายหิวแล้ว แต่ด้านนอกเสียงคิกคักของโพนี่กับป้องเบาลงทุกที สุดท้ายมีเสียงปิดประตู ปวีราลุกขึ้นไปชงนมผงให้น้องชาย
เด็กอ้วนไม่ปฏิเสธนม ประคองขวดนมดื่ม ดื่มนมแล้วก็เรอหลับตานอนต่อ
ป้องกับโพนี่กลิ้งบนเตียงเสร็จแล้ว โพนี่เตะเขาทีหนึ่ง “กินก็กินแล้ว รีบไปทำงานเลย”
“ทำงานอะไร”
ป้องมองภรรยาสุดเซ็ง
อย่างนี้เรียกข้ามแม่น้ำแล้วตัดสะพานได้มั้ย
ไม่!
อย่างนี้ต้องเรียกเสร็จสมอารมณ์แล้วถีบหัวส่ง
โพนี่กลั้นขำ พูดขึ้น “นรมนร่างกายไม่แข็งแรง ตอนนี้เพราะเรื่องลูกจึงเป็นห่วงมากไม่รู้จะทำอย่างไรดี จิตใจผู้หญิงท้องสำคัญที่สุด คุณรีบไปบอกพี่ร้องเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน คุณภรรยา อย่างนี้ไม่ผลักผมเข้ากองเพลิงหรือไง”
“คุณกลัวอะไรคะ พี่รองตอนนี้บาดเจ็บทั้งตัว ยืนยังไม่ไหว คุณยังกลัวพี่ร้องลากคุณไปอัดที่ห้องฟิตเนสอีกหรือไง ตั้งแต่มีลูกนี่ทำไมความกล้าหาญหายไปไหนหมด”
น้ำเสียงรังเกียจของโพนี่ยิ่งทำให้ป้องกลุ้มใจกว่าเดิม
“คุณไม่เข้าใจพี่รอง เขาชอบคิดบัญชีทีหลัง แถมภายนอกดูใจดีแต่โหดอยู่ลึกๆ อีกด้วย”
“นั่นเป็นเรื่องทีหลังไม่ใช่หรือคะ อีกอย่าง มีนรมนปกป้องคุณ คุณยังกลัวพี่รองทำอะไรคุณอีกหรือคะ”
โพนี่พูดอย่างนี้ดวงตาของป้องก็มีประกายนิดหนึ่ง
“คุณภรรยา นี่คุณเป็นคนพูดเองนะ เดี๋ยวต้องให้พี่สะใภ้ช่วยคุ้มครองผมนะ ไม่อย่างนั้นคุณได้เป็นหม้ายแน่”
“โอ๊ยรู้แล้ว รีบไปเถอะ แย่แล้ว ลูกต้องกินนมแล้ว เพราะคุณนั่นแหละ!”
โพนี่รีบร้อนใส่เสื้อผ้าวิ่งไปทางห้องลูกชาย ป้องกลับยิ้มทันที
ตอนที่เขาอุ้มพนี่เข้ามาในห้องก็เห็นปวีราเข้าไปในห้องลูกชายแล้ว ถึงได้กล้าทำอะไรตามอำเภอใจ
ปวีราลูกสาวคนนี้ช่างรู้ความจริงๆ
ได้ยินมาว่าจณัตว์ทำให้มายด์พูดแล้ว จณัตว์คนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนรมน ถ้าหากเขาช่วยนรมนเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะขอร้องให้นรมนเชิญจณัตว์มาผ่าตัดให้ปวีราได้หรือไม่
เด็กดีรู้ความอย่างนี้ ถ้าต่อไปพูดไม่ได้ก็จะน่าเสียดายมาก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ป้องก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วขับรถไปบ้านเก่าตระกูลโตเล็ก
ตอนที่บุริศร์เห็นป้องก็ค่อนข้างแปลกใจ
“นายมาได้ไง”
“ก็มาเยี่ยมพี่ไง พี่น้องกัน มาดูตอนนี้พี่เป็นไงบ้าง”
ป้องเข้าไปห้องนอนใหญ่ ไม่เห็นนรมนอยู่ ก็อดถามไม่ได้ “พี่สะใภ้ยังทำสงครามเย็นกับพี่อยู่หรือ”
“ไสหัวไปเลย!”
บุริศร์รังเกียจเขามาก ไม่สนใจเขา อ่านหนังสือพิมพ์ทหารในมือ ราวกับเขาไม่มีตัวตน
ป้องไม่ถือสา นั่งลงข้างเตียงบุริศร์
“พี่รอง ช่วยมองผมหน่อย”
ป้องทำท่าน่าสงสารทำให้บุริศร์อึดอัด เขาวางหนังสือพิมพ์ในมือ ถามเรียบๆ “มีอะไรก็รีบๆ พูดมา”
“หยาบคายขนาดนี้ ดูก็รู้ช่วงนี้อดอยาก”
“ป้อง นายอยากถูกสั่งสอนหรือไง”
บุริศร์อารมณ์ไม่ดีจริงๆ
เลิกสงครามเย็นแล้วภรรยายังไม่ย้ายกลับมา ตัวเองนอนเตียงใหญ่โตคนเดียวช่างโดดเดี่ยวอ้างว้างเหลือเกิน
ตอนนี้ยังถูกป้องเยาะเย้ย บุริศร์จึงอารมณ์ขึ้น
เห็นบุริศร์โกรธขึ้นมาจริงๆ ป้องก็รีบพูด “ผมมาเยี่ยม จริงๆ นะ มาเยี่ยมพี่”
“มาเยี่ยมฉันมือเปล่านี่นะ”
บุริศร์มองป้องสายตาเย็นชา เล่นเอาป้องทำตัวไม่ถูก
“ระดับประธานบุริศร์มีอะไรไม่เคยกิน ขาดอะไรบ้าง ผมถืออะไรมาพี่ก็ไม่ขาดอยู่แล้วใช่มั้ย ผมก็เลยเอาหัวใจมาเยี่ยม แหะๆ”
ครั้งนี้บุริศร์มองค้อนใส่เขา แล้วชี้ไปที่แอปเปิลที่วางอยู่ข้างๆ “ปอกแอปเปิลให้กินหน่อย”
“ได้เลย”
ป้องก็ไม่ลังเล หยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาปอกเปลือกแอปเปิล
เขาหยุดนิดหนึ่งแล้วพูดขึ้น “พี่รอง ช่วงนี้ที่โรงพยาบาลมีคนไข้คนหนึ่ง”
บุริศร์มองเขาแวบหนึ่ง ไม่เข้าใจทำไมป้องเล่าเรื่องที่โรงพยาบาล แต่เขาพูดตัวเองก็ฟัง ถึงอย่างไรตอนนี้ก็น่าเบื่อสุดๆ
เห็นบุริศร์ไม่ซักถาม และไม่คัดค้าน ป้องก็พูดต่อ “พี่ว่าแปลกมั้ยล่ะ คนไข้เคยผ่าตัดทำหมัน แต่ไม่นานนี้ภรรยาเขาตั้งท้องซะงั้น เขาสงสัยจะไม่ใช่ลูกเขา พาภรรยามาโรงพยาบาลให้พวกเราเจาะถุงน้ำคร่ำ อยากจะใช้น้ำคร่ำตรวจสอบความเป็นพ่อเป็นแม่ ดูว่าเด็กใช่ลูกของเขาหรือไม่ สมัยนี้คนแบบไหนก็มี”
บุริศร์พูดเรียบๆ “แม้แต่เมียตัวเองยังไม่เชื่อใจ ผู้ชายอย่างนี้ไม่เหมาะจะมีภรรยา”
ป้องคาดไม่ถึงบุริศร์จะพูดอย่างนี้ ชะงักไปนิดหนึ่ง ถามอย่างระมัดระวัง “พี่รอง แต่ผู้ชายทำหมันแล้วนะ จะตำหนิที่เขาสงสัยก็ไม่ถูกจริงมั้ย”
“ในโลกนี้การผ่าตัดมีที่ไหนสมบูรณ์ ถ้าหากผ่าตัดไม่สำเร็จล่ะ จะหาว่าภรรยาเขามีชู้ได้ไงกัน”
บุริศร์พูดสบายๆ ไม่คิดอะไรมาก
ป้องหยุดพูด จ้องมองบุริศร์ตรงๆ ยิ้มมุมปากนิดๆ
พอบุริศร์ไม่ได้ยินเสียงของป้อง อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ก็เห็นป้องยิ้มแปลกๆ อดไม่ได้ที่จะอึ้งไป
“นายยิ้มอะไรนักหนา มองฉันทำไม”
“พี่รอง สติดีมากจริงๆ แอปเปิลนี่พี่ค่อยๆ กินนะ ผมไปก่อนล่ะ”
พูดจบป้องก็ยัดแอปเปิลใส่มือบุริศร์ จากนั้นก็ออกไปเหมือนย่องหนีอะไรสักอย่าง