ชินทรที่ด้านนี้หลังจากรายงานเรื่องไป ก็เหมือนกับที่บุริศร์คาดการณ์เอาไว้จริงๆ เมืองหลวงด้านนั้นส่งเฮลิคอปเตอร์มารับบุริศร์กับนรมนกลับไป
กานต์เด็กเกินไป นรมนจึงฝากเขาไว้กับหงส์ เธอหมดหนทางจะเจอหงส์ ทำได้เพียงส่งข้อความให้เธอ และหวังว่าราเชนจะร่วมมือกับหงส์ส่งกานต์กลับเมืองชลธี
แม้ราเชนจะเป็นพระราชาของประเทศFในตอนนี้ แต่ก้าวข้ามเรื่องระหว่างสองประเทศเขาจึงจนปัญญาที่จะใช้อำนาจปิดบัง จึงทำได้เพียงรับปากไว้แล้ว
บุริศร์กับนรมนสงบนิ่งมาก พิจารณาถึงสภาพร่างกายของนรมนและคุณงามความดีของบุริศร์ที่มีต่อประเทศชาติ พวกเขาจึงตกลงให้นรมนตามบุริศร์ไปยื่นคำร้องยอมรับการตรวจสอบด้วยกัน
หงส์รอคอยข่าวคราวของนรมนกับบุริศร์อยู่ตลอด รอให้พวกเขาพาจณัตว์กลับมา แต่วันนี้ไม่เพียงไม่พาจณัตว์กลับมา แต่ทั้งสองคนกลับโดนพากลับเมืองหลวงเพื่อแยกตรวจสอบเนื่องจากสาเหตุพิเศษบางอย่าง นี่ทำให้หงส์หมดหนทางจะเข้าใจและยอมรับได้จริงๆ แต่ต่อให้เธอไม่เข้าใจไม่ยอมรับ ตอนที่รอให้เธอถึงอาณาเขตใจกลางของป่าดำ นรมนกับบุริศร์ก็ออกเดินทางไปแล้ว เหลืออยู่แค่กานต์กับชินทร
คิมกำลังมองหงส์ รู้ถึงตัวตนของเธอ จึงเลือกเรื่องราวบางอย่างที่สามารถพูดได้บอกเธอไปแล้ว แน่นอนว่ามีข่าวการตายของจณัตว์ด้วย
หงส์แทบจะยืนไม่อยู่
ตอนที่เธอรู้ว่าขาที่ขาดข้างนั้นไม่ใช่ของจณัตว์ เธอก็ยังมีความหวังอยู่ ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับ จณัตว์ที่ไม่เหลือแม้แต่ศพ หงส์ยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว
เธอสติหลุดลอย แทบจะล้มลงไป แต่กลับโดนมือเล็กๆที่นุ่มนวลคู่หนึ่งประคองเอาไว้อย่างมั่นคง
“คุณน้า อย่าเป็นอะไรไปนะครับ แด๊ดดี้กับหม่ามี้ไม่อยู่ ผมกลัวถ้าต้องอยู่คนเดียว”
เสียงนุ่มๆของกานต์ มาพร้อมกับเสียงสะอื้นเล็กน้อย ทำให้ใจของหงส์เจ็บปวด
ชีวิตนี้เธอคงมีลูกไม่ได้แล้ว เดิมทีก็ไม่ได้คาดหวังมากมาย และตอนนี้จณัตว์ไม่อยู่แล้ว ความหวังที่จะได้เป็นแม่เพียงเล็กน้อยของเธอยิ่งไม่เหลืออยู่เลย แต่ผู้หญิงก็มีสัญชาตญาณของความเป็นแม่มาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว โดยเฉพาะท่าทีพยายามอดทนของกานต์ที่น่าเอ็นดูอย่างนี้ ยิ่งทำให้เธอเมินเฉยไม่ได้
หงส์กอดกานต์ร้องไห้อย่างหนัก
ตั้งแต่ที่จณัตว์เกิดเรื่อง เธอก็พยายามอดทนมาโดยตลอด บอกตนเองให้เข้มแข็ง บอกตนเองให้รอจณัตว์กลับมา แต่ตอนนี้ความหวังเลือนหายไปแล้ว ในวินาทีนี้ความเชื่อกับความปรารถนาของเธอกลายเป็นฟองอากาศไปโดยสิ้นเชิง ความรู้สึกที่สูญเสียทุกอย่างทำให้เธอเจ็บปวดจนจะขาดใจ แต่เป็นเพราะการมีอยู่ของกานต์เธอจึงต้องเข้มแข็งเอาไว้
นรมนกับบุริศร์ช่วยเหลือเธอมากมาย แม้จะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมพวกเขาจึงโดนพาตัวกลับไปเมืองหลวง แต่กานต์เป็นลูกของพวกเขา เธอไม่สามารถให้กานต์อยู่ไม่เป็นสุขที่ต่างประเทศคนเดียวได้
หลังจากที่หงส์ร้องไห้ก็มองไปที่ชินทรกับคิม พูดสะอึกสะอื้น: “ไม่เจอศพของจณัตว์จริงๆใช่ไหมคะ?”
ชินทรส่ายหน้า ในใจปวดร้าวเหลือเกิน
หงส์รู้สึกว่าสำหรับประเทศFไม่มีอะไรที่ต้องห่วงใยอีกแล้ว ที่นี่มีแค่ความเจ็บปวดและความทุกข์ แทนที่จะอยู่ที่นี่ สู้กลับไปบ้านเกิดของจณัตว์ดีกว่า กลับไปตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ถึงยังไงที่นั่นก็เป็นบ้านของเธอ
เพียงแค่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าแม่หม้ายอย่างเธอยังถือเป็นคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาหรือเปล่า
หงส์เข้าไปอุ้มกานต์ พูดขึ้นเบาๆ: “ฉันอยากพากานต์กลับเมืองชลธีค่ะ”
“ถึงจะไม่มีศพของจณัตว์ แต่ก็ต้องสร้างสุสานที่เอาไว้ฝังสิ่งของของเขาอยู่ดี เธอจะไม่อยู่ต่อจริงๆเหรอ?”
ชินทรกำลังมองหงส์อย่างวิงวอน
แต่หงส์กลับพูดสะอึกสะอื้น: “ที่นี่ไม่ใช่บ้านเกิดของเขา ตั้งแต่เด็กเขาก็โดนบังคับให้ไปอยู่ต่างประเทศ หลังจากโตแล้วจึงกลับมาที่ประเทศของตนเอง อยากจะรู้จักต้นตระกูลของตนเองแต่ก็ตายไปเสียก่อนจึงไม่สมปรารถนา ตอนนี้คงไม่ได้รู้จักต้นตระกูลแล้ว แม้แต่พ่อแม่แท้ๆก็ยังไม่ได้เจอกลับต้องมาจากไปอย่างนี้ ชีวิตของเขาสั้นเหลือเกิน แต่ฉันรู้ว่าเขาต้องไม่อยากสร้างสุสานที่ฝังสิ่งของของเขาเอาไว้ที่นี่แน่ๆ ถึงยังไงก็เป็นแค่เรื่องเสื้อผ้าชุดเดียว หลังจากฉันกลับประเทศไปแล้วจะสร้างสุสานฝังสิ่งของของเขาไว้ในสุสานบรรพบุรุษของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเจ็ดวันแรกหรือครบรอบวันตายหนึ่งปี ฉันก็จะประกอบพิธีไว้อาลัยให้เขาที่สุสานบรรพบุรุษของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา นี่คงเป็นความคิดของจณัตว์เช่นกัน”
พูดจบ หงส์ไม่ได้ฟังคำพูดของพวกชินทรอีก อุ้มกานต์เดินออกไปจากป่าดำเลย
ใครๆต่างก็บอกกันว่าป่าดำเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว แต่หงส์เห็นสัตว์ที่เปลี่ยนแปลงไปพวกนั้นกำลังมองเธอเดินออกไปอย่างสงบ ตอนนี้ไม่รู้ว่าในใจควรรู้สึกยังไงแล้ว
ราเชนรอเธออยู่ด้านนอก
ตอนที่เขาเห็นหงส์ผอมลงอย่างชัดเจน ดวงตาของราเชนจึงค่อนข้างชุ่มชื้น
“น้องห้า”
“พี่รอง ฉันอยากกลับบ้าน”
หงส์ควบคุมน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาไม่ได้
เธอคิดว่าตนเองเข้มแข็งพอแล้ว แต่ในทันทีที่เห็นราเชน ราวกับเธอได้เห็นจณัตว์อีกครั้ง
ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนเข็มแทงเข้ามากำลังห้อมล้อมเธออย่างหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอหายใจไม่ออก
หงส์เข้าไปในอ้อมอกของราเชนแล้วหมดสติไปทันที
“น้องห้า!”
ราเชนรีบประคองหงส์กับกานต์ที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ
กานต์พูดขึ้น: “คุณอารอง ผมเดินเองได้ครับ คุณอาดูคุณน้าก็พอครับ”
“ทำให้เราลำบากเลย”
ราเชนลูบๆหัวของกานต์ วางเขาลง แล้วตนเองก็อุ้มหงส์ที่หมดสติขึ้นมา รีบกลับเข้าวัง
ทั้งประเทศFฮือฮากันไปทั่ว
ราเชนเชิญหมอมาตรวจสุขภาพหงส์มากมาย แต่กลับโดนหงส์ปฏิเสธทั้งหมด
มองดูพระราชวังที่คุ้นเคยของตนเอง เธอกลับรู้สึกว่าความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
พระราชวังที่เย็นยะเยือกคุมขังเธอมาตั้งนาน วันนี้เธอกลับมาแล้ว แต่ก่อนไม่เคยรู้สึกว่าในแต่ละวันจะอดทนได้ยากเช่นนี้ แต่ตอนนี้แค่หนึ่งวินาทีก็ยาวนานเหลือเกิน
ที่แท้การสูญเสียคนที่รัก อะไรๆก็ไม่มีสีสันอีกแล้ว
กานต์อยู่ข้างๆอย่างเงียบๆมาโดยตลอด หงส์ตื่นขึ้นมาเขาก็รินน้ำอุ่นๆให้เธอแก้วหนึ่ง ถึงเวลาทานข้าวก็ให้คนไปเตรียมอาหาร แม้หงส์จะกินไม่ลง แต่เห็นกานต์มองท่าทีที่น่าสงสารของตนเองด้วยความกังวล เธอจึงบังคับตนเองให้กินสักหน่อย แต่ทุกครั้งหลังจากกินเสร็จเธอต้องไปอาเจียนออกมาตลอดเลย
ไม่ใช่เธอไม่อยากกิน แต่กินไม่ลงจริงๆ อาหารที่กินเข้าไปพวกนั้นเหมือนไม่ได้รับการควบคุมให้เข้าไปในคอเลย
หงส์รู้ว่าตนเองอาจจะป่วยแล้ว อาการป่วยอย่างนี้ไม่มียารักษา และยาที่ดีที่สุดก็ไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว
กานต์เป็นห่วงมากๆ ไม่ยอมห่างจากข้างกายของหงส์เลย
เห็นท่าทางน่ารักๆของเขา หงส์จึงบังคับตนเองให้เข้มแข็งขึ้นมา
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่บุริศร์กับนรมนจะกลับมา เธอจะให้ลูกชายของพวกเขาเป็นห่วงตนเองเช่นนี้น่ะเหรอ?
“กานต์ น้าไม่เป็นไร อย่ากังวลเลยนะ รออีกสองวัน ให้ร่างกายของน้าดีขึ้นหน่อย พวกเรากลับเมืองชลธีกันดีไหม?”
“ครับ”
กานต์ตกลงอย่างน่าเอ็นดู
หงส์เป็นไข้แล้ว
สะลึมสะลือ หลับแล้วก็ตื่น ตื่นแล้วก็หลับ ร้องห่มร้องไห้ ระหว่างที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้นก็เหมือนได้เจอกับจณัตว์ ร่างกายเขาเต็มไปด้วยเลือดยืนอยู่ด้านหน้าของตนเอง ราวกับมีคำพูดมากมายแต่กลับไม่พูดออกมาสักคำ
แววตาของเขามาพร้อมกับความหลงใหลและความปวดร้าว
หงส์เอาแต่ร่ำไห้ร้องตะโกนอยู่อย่างนั้น แต่จณัตว์เหมือนหมอกจางๆกับลมที่พัดเข้ามา แค่กระพริบตาก็สลายหายไป
“ทำไมถึงทิ้งฉัน? ทำไมไม่รอฉัน? จณัตว์ คุณมันคนหลอกลวง! คุณบอกว่าจะพาฉันออกไปเที่ยวรอบโลกไม่ใช่เหรอ? คุณบอกว่าทริปฮันนีมูนของพวกเรายังไม่ได้ไปไหนเลยไม่ใช่เหรอ? คุณกลับมา! คุณกลับมาสิ!”
หงส์ร้องไห้แทบจะขาดใจ
ราเชนให้หมอดูแลอยู่ข้างกายของเธอตลอดเวลา แต่สถานการณ์ของหงส์ไม่ดีเท่าไหร่นัก
กานต์ทนไม่ได้ เขาจึงเดินออกมาจากกลุ่มคน คิดจะโทรศัพท์หรือไม่ก็เล่นอินเทอร์เน็ตเพื่อดูสถานการณ์ภายในประเทศสักหน่อย แต่กลับพบว่ามีเงาหนึ่งแว็บผ่านไป เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนในวังของหงส์
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ส่งเสียง แต่กลับค่อนข้างเข้าใจหงส์กลัวว่าจะโดนคนจับตาดูแล้ว
ใครที่ต้องการจับตาดูหงส์ล่ะ?
คุณอารองราเชนเป็นพระราชาของประเทศF อีกอย่างหงส์ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับตำแหน่งของเขา ไม่มีความจำเป็นต้องจับตาดูหงส์อย่างแน่นอน งั้นเป็นใครกันแน่?
กานต์ไม่ชัดเจน แล้วก็ไม่เข้าใจ แต่เขารู้ว่าตอนนี้ตนเองทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
เขายืนตากลมเย็นๆอยู่ด้านนอกคนเดียว แล้วจึงกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
ก็ตอนที่ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายกับหงส์ ครอบครัวของชาวบ้านทั่วไปครอบครัวหนึ่งในประเทศFกำลังเริ่มจัดงานศพ
ตามที่เล่ากันว่าคนตายเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัว เพิ่งจะยี่สิบกว่าปี ก็เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เพื่อลูกพ่อแม่จึงเชิญวงดนตรีมาเป่าขลุ่ยตีกลอง โดยเก็บศพไว้สามวันแล้วถึงเผา
ผู้ตายมีญาติมากมาย จึงมีการจัดงานเลี้ยงในหมู่บ้าน คนมากันขวักไขว่ บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก
ส่วนในห้องเก็บศพ ใบหน้าของมิลินแทบจะย่นเข้ารวมกัน
เธอรับคำสั่งของบุริศร์ให้มาช่วยเหลือจณัตว์ ทั้งยังเตรียมยาบำรุงเลือดมาอย่างดี แต่กลับไม่คิดว่าจณัตว์จะเหลือแค่ลมหายใจรวยริน
เลือดในร่างกายของเขาแทบจะไหลจนหมดตัวแล้ว
มิลินจินตนาการไม่ออกจริงๆว่าเขาไปเจอกับอะไรมา แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนี้ แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรถาม
เธอใช้โสมพันปีแขวนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของจณัตว์เอาไว้ ฝืนกรอกยาบำรุงเลือดเข้าไป แต่เพราะเสียเลือดมากเกินไป ภูมิคุ้มกันภายในร่างกายลดลง เขาจึงเริ่มมีไข้
มิลินใช้ทักษะทั้งหมดที่มี แต่ไข้ของจณัตว์ยังคงไม่ลดลง
ตอนนี้เธอออกไปไม่ได้ แล้วก็ไม่กล้าออกไปด้วย กลัวว่าจะเปิดเผยความจริงที่จณัตว์ยังมีชีวิตอยู่ คำสั่งที่บุริศร์กำชับเธอเอาไว้คือต้องรักษาความลับที่จณัตว์ยังมีชีวิตอยู่
เดิมทีเธอวางแผนจะใช้โอกาสหลังจากสามวันนี้พาจณัตว์ออกไปพร้อมกับการเคลื่อนศพ แต่ตอนนี้ชีวิตของจณัตว์แขวนอยู่บนเส้นด้าย อีกทั้งเลือดของเขาก็พิเศษ หมดหนทางจะให้เลือด นี่สร้างความลำบากใจให้เธอเกินไปจริงๆ
มิลินร้อนรนจนแทบจะกระอักเลือดแล้ว
“นายน้อยจณัตว์ ถ้าคุณได้ยินที่ฉันพูด ขอร้องล่ะคุณต้องทนต่อไปให้ได้นะโอเคไหม? ตอนนี้ไข้คุณไม่ลดเลย ต่อให้เป็นยามหัศจรรย์ก็คงไม่ทำให้มีผลต่อการบำรุงเลือดของคุณหรอก ถึงฉันจะไม่รู้ว่าคุณไปเจออะไรมา แต่ผู้ใหญ่บ้านบอกให้ฉันช่วยคุณให้ได้ ฉายาฉันคือยมราช ขอร้องล่ะคุณอย่าทำลายชื่อเสียงฉันเลยได้ไหม?”
มิลินก็ไม่รู้หรอกว่าจณัตว์ได้ยินอะไรบ้าง เธอทำได้เพียงกรอกยาพวกนั้นทีละครั้งๆ ไม่จบไม่สิ้นซะที แต่เพราะไข้ของจณัตว์ไม่ลดลงเลย การดูดซึมของร่างกายเขาดีมาก แต่เหงื่อที่ขับออกมากลับน้อยมาก ตามหลักเหตุผลแล้วนี่เป็นสถานการณ์ที่ดี แต่ยาพวกนั้นที่เข้าไปในร่างกายของจณัตว์ราวกับเข้าไปในหลุมที่ลึกมาก ไม่มีการตอบสนองใดๆเลย
นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ที่นี่ไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เลย จึงหมดหนทางจะทำการวินิจฉัยจณัตว์อย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ทำได้เพียงวินิจฉัยว่าร่างกายของเขาขาดน้ำ แต่แค่ให้น้ำเขาก็ไม่ได้ ตอนนี้มิลินทำได้เพียงพยายามเป็นครั้งสุดท้าย สารเหลวบำรุงร่างกาย ยาบำรุงเลือด ยาที่เพิ่มพละกำลังทั้งหมดโดนป้อนเข้าไปในท้องของจณัตว์โดยที่ไม่สนใจอะไรแล้ว