สีหน้าของนรมนหม่นลง แต่ไม่นานก็ปรับให้กลับมาดังเดิม
“คุณไปอยู่เป็นเพื่อนคุณชายธเนศพลเถอะค่ะ เรื่องในนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเอง”
บุริศร์รู้ว่าตอนนี้พวกเขาต้องการอยู่ในแนวรบเดียวกัน แต่ว่าตอนนี้ร่างกายของนรมนทำให้เขาเป็นกังวล
“พักผ่อนเถอะ ทุกอย่างให้ผมจัดการ โอเคไหม?”
“โอเคค่ะ”
นรมนรู้ว่าเขาไม่วางใจในเธอ เธอรีบพยักหน้าทันที
บุริศร์เดินออกไปอย่างกังวลใจ
เมื่อพี่เลี้ยงนำเด็กน้อยทั้งสองคนเข้ามา ธเนศพลกลับลุกขึ้นยืน
“ให้ฉันดูเจ้าหนูน้อยหน่อยสิ”
ความใกล้ชิดของธเนศพล ทำให้กานต์ กิจจาและกมลกังวลเล็กน้อย
“คุณคือใคร? มาอยู่บ้านของพวกเราได้ยังไง?”
กมลชี้ไปที่จมูกของธเนศพลและถามอย่างไม่เกรงใจ กานต์และกิจจาก็ไม่ปล่อยไปเช่นกัน
คุณท่านตนุวรรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยตลอดการโดยสารผ่านเครื่องบินมานี่ เมื่อเขาเห็นเหลนตัวน้อยของเขาคุยกับธเนศพลแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ธเนศพลไม่ถูกคนถามด้วยท่าทางแบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองไปยังกมล
อืม ลูกสาวตัวน้อยของบุริศร์นี่ช่างกล้าหาญเสียจริง
“ฉันเป็นพี่น้องที่ดีของแด๊ดดี้หนู หนูสามารถเรียกฉันว่าคุณอาธเนศพล”
กานต์ขมวดคิ้ว
จู่ๆ ก็มีบางอย่างแวบเข้ามาในสมอง ดูเหมือนเขาจะเห็นรูปของคนคนนี้เมื่อตอนเข้าสู่ระบบ ฐานะของเขาไม่ได้ต่ำต้อย
แต่กานต์ไม่ได้เตือนกมล คนไม่รู้ก็คือคนไม่ผิดไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างนะ แม้จะเป็นลูกของพระราชาแล้วมันยังไง? ที่นี่คือตระกูลโตเล็ก! เป็นที่ของพวกเขา!
มังกรที่แข็งแกร่ง ไม่สามารถเอาชนะงูท้องถิ่นได้
นี่เป็นความคิดของกานต์ในขณะนี้
กมลไม่ได้ประจบธเนศพล เธอพูดอย่างไม่พอใจ “หนูสนที่ไหนว่าคุณคือใคร ถอยไป หนูไม่อนุญาตให้มาแตะพวกน้องชายของเรา”
“โอ้ แค่ดูก็ไม่ได้เหรอ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ธเนศพลถูกเมินเฉย แถมยังเป็นเด็กเสียน้อย
ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็เหมือนไผ่ลู่ลม รูปหล่องดงาม ทำไมเด็กน้อยถึงไม่ชอบละ?
กมลพ่นลมอย่างเย็นชา “น้องชายของหนูยังเล็กมาก หากคุณมองดูแล้วพวกเขาตากลมกัน เป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง?”
“ตายแล้ว แค่มองก็เป็นหวัด?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ธเนศพลได้ยินเรื่องนี้ แต่กมลไม่สนใจที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับเขา
“รีบหลีกไปเดี๋ยวนี้!”
เท้าเล็กๆของเธอเตะไปยังหน้าแข็งของธเนศพล
“โอ๊ย!”
เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้มีพละกำลังมาก ทำให้ธเนศพลร้องตะโกนขึ้นมาในทันใด และหลีกทางอย่างช่วยไม่ได้
“ขวางทางเสียจริง”
กมลพึมพำ แต่เสียงของเธอไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ธเนศพลใจคอเหี่ยวแห้งลงทันที
นี่เขาถูกด่า!
เด็กคนนี้นี่!
นึกไม่ถึงว่าเจ้าชายผู้สง่างามอย่างเขาจะถูกเด็กฟันน้ำนมด่าให้เป็นหมา! จุดสำคัญคือเจ้าเด็กนี่ไม่พูดคำนั้นออกมาตรงๆ มันทำให้เขาทำอะไรไม่ได้
เด็กคนนี้เป็นลูกของบุริศร์จริงๆ?
ทำไมถึงไม่น่ารักเลยนะ?
ธเนศพละกำลังหดหู่ แต่กานต์กลับเหยียดริมฝีปากขึ้นน้อยๆ
ในช่วงเวลาสำคัญ กำลังการต่อสู้ของกมลยังคงสุดยอด
แม้ว่ากิจจาจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างธเนศพลกับบุริศร์จะลึกซึ้งแค่ไหน แต่เพียงแค่เป็นคนที่น้องสาวเขาเกลียด เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ชอบขี้หน้าไปด้วย
เขาเหลือบมองไปยังธเนศพลที่จ้องมองไปที่แผ่นหลังของกมลด้วยสีหน้าที่หดหู่ กิจจากลัวเหลือเกินว่าเขาแก้แค้นกมลกลับ
ชายคนนี้ดูเหมือนเพิ่งจะมาบ้านนี้เป็นวันแรก เขาน่าจะมาจากทางใต้ของเมืองหลวง ในเมื่อถ้าเป็นอย่างนี้… …
ริมฝีปากของกิจจายกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่พูดอะไร
เมื่อพวกเขาได้พบกับคุณท่านตนุวรแล้วก็รีบวิ่งไปยังห้องนอนของนรมนทันที
เมื่อตอนรู้ว่านรมนจะกลับมา บุณพจน์ก็ได้โทรหาชัยยศ ขอให้เขาเปลี่ยนห้องรับแขกถัดจากห้องของนรมนเป็นห้องเด็กแทน กระทั่งทำให้สองห้องนี้ผ่านกันได้ โดยมีประตูกั้นเอาไว้ ตอนนี้พี่เลี้ยงอุ้มเด็กน้อยมายังห้องของนรมน เพื่อให้นรมนป้อนน้ำนม ก่อนจะให้พี่เลี้ยงนำลูกของเธอไปที่ห้องข้างๆ
กมลและกานต์กลัวว่ารบกวนการพักผ่อนของนรมน หลังจากพูดคุยกับนรมนได้สักสองสามประโยคแล้ว พวกเขาก็พากันไปที่ห้องเด็กอ่อน
ตอนนี้น้องชายทั้งสองเป็นจุดสนใจของพวกเขาทั้งหมด
น่ารักเหลือเกิน!
ครั้งนี้กิจจาไม่ได้ตามเข้าไป แต่กลับหันไปพูดกับกานต์ด้วยเสียงต่ำว่า “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องก่อนนะ”
“โอเค”
กานต์พยักหน้า
เมื่อกิจจากลับมาถึงห้อง เขาก็เปลี่ยนชุด แต่เขาเอาบางอย่างที่คล้ายกับชาจากตู้ยาของเด็กทารก ก่อนจะนำมันออกไปจากห้อง
เขาไปหาชาเขียวที่ดีที่สุดของบุริศร์มา ต้มมัน จากนั้นจึงเอาของที่อยู่ในมือผสมเข้าไปด้วย คนให้เข้ากันจนมองไม่ชัดเจนอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็ยกชาออกไป ก่อนจะตรงไปหาธเนศพล
“คุณอาธเนศพล เมื่อครู่น้องสาวของผมเธออารมณ์ไม่ดี อย่าได้ถือสาเธอเลยครับ ผมมาขอโทษแทนเธอด้วย นี่เป็นชาเขียวที่ดีที่สุดของแด๊ดดี้ ลองชิมสิครับ”
ธเนศพลมองดูหนุ่มน้อยน่ารักที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความรู้สึกดีอย่างช่วยไม่ได้
ดูท่าว่าลูกของบุริศร์ก็ยังมีคนที่รู้มารยาทอยู่บ้างแหละนะ
“ขอบใจนะ หนูคือ… …”
“ผมกิจจาครับ เป็นเฮียของบ้าน”
กิจจาแนะนำตัวโดยตรง
ธเนศพลพยักหน้า
“อืม แน่นอนว่าพี่คนโตจะรู้ความเป็นเด็กดีจริงๆ”
เขาลูบหัวกิจจา
กานต์รีบก้มศีรษะลง ดวงตามีความอดกลั้นพาดผ่าน
เกลียด หัวของเขานอกจากหม่ามี้แล้วเขาก็ไม่อยากให้ใครมาจับ คนคนนี้ถึงขี้แตกให้ตายก็สมน้ำหน้าแล้ว
ข้างในใบชาถูกกิจจาเพิ่มใบมะขามแขกลงไปด้วย ประสิทธิภาพของมันไม่ต่างอะไรกับต้นสลอด แม้ว่าอีกไม่นานเขาจะอุจจาระร่วง หมอก็จะบอกว่าเขาไม่คุ้นชินกับอาหารหรืออากาศของที่นี่ ในแง่ของการตวงเขารอบคอบมาก
ร่างกายจะเสื่อมทรุดเพราะท้องเสีย ไม่มีกำลังไปหาเรื่องกมลอีกต่อไป
ธเนศพลไม่รู้ว่ากิจจากำลังคิดอะไร เขาจิบชาไปหนึ่งอึก ไม่เลวเลย รสชาติดีมาก
คุณท่านตนุวรมองไปยังกิจจา ด้วยสายตาครุ่นคิด
เด็กคนนี้เป็นที่สุภาพเสมอมา แต่การชงชาให้ธเนศพลดื่มคนเดียว และไม่สนใจคุณตาอย่างเขามันต้องมีอะไรบางอย่าง
“อะแฮ่ม กิจจา ปู่จะกลับแล้วนา ไปส่งปู่หน่อย”
“ครับ คุณปู่”
กิจจารีบวิ่งเข้าไปหา ดูท่าน้ำใสใจจริงกว่า
ตอนนี้กิจจาตัวน้อยมีความคิดเป็นของตัวเอง ขอเพียงแต่ตัวเองยอมรับคนในครอบครัว ต้องปกป้องถึงแม้จะผิด ก็ต้องสปอยล์ให้ถึงที่สุด คนที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวของเขา แล้วต้องการที่จะบุกเข้ามาละก็ ขออภัย มันเป็นไปไม่ได้!
เขาถูกคุณท่านตนุวรจูงมือกิจจาออกไปจากบ้านตระกูลโตเล็ก
บุริศร์นั่งอยู่ในห้องทำงานสักครู่ เขาคิดอยากจะเชิญหมอมานี่ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนัก ทันใดเขาก็นึกถึงอะไรขึ้นมาได้ จึงอดไม่ได้ที่จะลงไปข้างล่าง แต่กลับเห็นสีหน้าของธเนศพลที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และรีบลุกขึ้นยืน
“บุริศร์ ห้องน้ำนายอยู่ไหน?”
“อยู่นั่น!”
บุริศร์ชี้นิ้วไปทางห้องน้ำอย่างไม่รู้ตัว ธเนศพลรีบวิ่งไปทันที ก่อนจะกระแทกประตูปิดลง
เกิดอะไรขึ้นนะ?
บุริศร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะเดินไปที่ประตูห้องน้ำ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่ แค่ปวดท้อง”
หลังจากธเนศพลพูดจบก็ได้ยินเสียงพึมพำลอยมา บุริศร์รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“อะแฮ่ม นายคงไม่ได้ท้องเสียหรอกนะ?”
“ไร้สาระ! บ้านนายมีผีเหรอ? ฉันเพิ่งมาก็ท้องเสียแล้ว!”
ธเนศพลทนไม่ไหวกับความรู้สึกอย่างนี้แล้ว แต่บุริศร์ยืนอยู่ตรงหน้าประตูคอยถามว่า ไม่จบมันหมายความว่าอะไรอยู่ตลอด?
ใครจะมีกะจิตกะใจคุยกับเขา
“รีบไปสักที!”
ธเนศพลโบกมือไปมา รู้สึกเหม็นจะตายอยู่แล้ว
ถึงอย่างไรตัวตนของเขาก็ไม่ได้ต่ำต้อย บุริศร์ก็กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้นให้ฉันเรียกหมอส่วนตัวของนายมาตรวจดูอาการให้ไหม?”
“โอเค โอเค โอเค นายรีบไปเถอะ”
ธเนศพลไม่เคยรู้สึกไม่สบายขนาดนี้มาก่อน
ร่างกายเขาแข็งแรงมาก ไม่ค่อยป่วย การมีหมอส่วนตัวเป็นแค่ธรรมเนียมปฏิบัติ เขาไม่ได้เรียกใช้มาหลายปีแล้ว ไม่คิดว่าจะได้ไปหาหมอส่วนตัววันนี้เพราะอาการท้องเสียเล็กน้อย
หมอส่วนตัวคนนี้ของธเนศพลบุริศร์ก็รู้จัก เขาเป็นสหายเก่าร่วมรบ ออกมาจากความตายด้วยกัน บุริศร์ตั้งใจดึงเขาเข้ามาในบ้านของตัวเองในฐานะแพทย์ส่วนตัว แต่ดันถูกธเนศพลแย่งไป
อีกอย่างข้างกายบุริศร์ก็มีป้อง ฐานะของเขามีความพิเศษ ต้องการมีแพทย์ประจำตัวข้างกาย บุริศร์จะยังพูดอะไรได้อีก?
ตอนนี้ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว
คนนี้แค่ได้ฟังธเนศพลคนเดียว ก็นับว่าเป็นคนสนิทของธเนศพล ถ้าเกิดสามารถเชิญเขามาได้จริง ก็คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไรถ้าจะให้เขาช่วยดูแลร่างกายของนรมนสักหน่อย
เมื่อคิดได้ดังนี้ บุริศร์จึงหยิบโทรศัพท์ และกดโทรออกไปยังหมายเลขที่เขาไม่ได้โทรไปหาอยู่นานหลายปี
อีกฝ่ายรับสายเร็วมาก ก่อนจะส่งเสียงหยอกล้อตามสายมา
“โอ้ ลมอะไรทำให้คุณชายบุริศร์นึกถึงฉันขึ้นมาละนี่?”
“ฉันอยากโทรหานายเพื่อพูดคุยติดต่อเสมอมา แต่ตอนนี้ฐานะของนายมันพิเศษ วันนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ฉันก็ต้องหลีกเลี่ยงไม่ใช่เหรอ?”
บุริศร์ยิ้มอ่อน คำที่พูดออกมาทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ชิ นายอย่ามาใช้มุกนี้เลย! ฐานะอะไรกัน? ฉันเป็นแค่หมอคนหนึ่ง มาหลีกเลี่ยงอะไร! ที่โทรมาหาฉันนี่ เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
“น่าจะไม่คุ้นกับอาหารการกินหรืออากาศนะ นายมาตรวจดูหน่อยเถอะ ที่บ้านฉัน”
คำพูดของบุริศร์ทำให้อีกฝ่ายนิ่งงัน
“เขาไปเมืองชลธี?”
“อืม”
“นึกไม่ถึงว่าคุณท่านจะเห็นเขาออกไปจากเมืองหลวงได้?”
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้บุริศร์ชะงักบ้าง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่ก็ยังพูดเสียงเบา “มาเพราะเรื่องของฉัน”
“ส่งที่อยู่มาให้ฉัน ฉันจะรีบบินไป”
“นายอยู่ไหนนี่?”
“เมืองB”
ใกล้ๆกันนี่เอง
“รีบหน่อย ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ไหว”
บุริศร์เตือนอย่างหวังดี
อีกฝ่ายกลอกตามองบน ก่อนจะพูด “อย่าบอกนะ ว่าตระกูลโตเล็กที่สง่างามจะไม่มีหมอประจำตระกูลเลย”
“ไม่มีนะสิ ส่งออกไปหมดแล้ว แต่ว่ามีลูกชายฉันคนหนึ่งรู้วิชาแพทย์ ก็สามารถแทนได้บ้าง เกรงว่านายจะไม่วางใจ”
บุริศร์นึกถึงกิจจา
อีกฝ่ายรีบถามทันที “ลูกชาย? ลูกชายของนาย? อายุเท่าไหร่แล้ว?”
“6ขวบ”
“โอ้! ฉันจะรีบไป”
อีกฝ่ายรีบวางโทรศัพท์ มุมปากของบุริศร์กลับแย้มขึ้นเล็กน้อย
ปกติคนธรรมดาจะมาบงการให้เขาทำนู้นทำนี่ไม่ได้ แต่โชคดีที่ธเนศพลท้องเสีย คงจะดีถ้าสามารถฉกชิงมาไว้ในบ้านเขาได้ตลอด
ในขณะที่บุริศร์กำลังคิด ทางด้านธเนศพลก็เกือบจะเอาตัวไม่รอด เขารู้สึกว่าร่างกายตัวเองถูกเจาะเป็นรูโบ๋
หลังจากกิจจาได้ส่งคุณท่านตนุวรกลับไปแล้วเขาก็เห็นบุริศร์อยู่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเหลือบมองใบชาในถ้วย และประตูห้องน้ำก็ปิด เขาอดไม่ได้ที่จะเม้มปากแน่น และหยิบถ้วยชาไปทิ้งในครัว ก่อนจะชงชาเขียวใหม่มาสองถ้วย
“แด๊ดดี้ ชาครับ”
บุริศร์ไม่คิดอะไรมาก รับชามาก่อนจะลูบหัวของกิจจา พลางยิ้มและพูดว่า “ขอบใจนะลูก”
กิจจายิ้มอ่อน ในตอนนี้เองที่ธเนศพลเปิดประตูห้องน้ำออกมา ด้วยขาที่อ่อนแรง เขามองไปยังกิจจาและใบชาที่ถูกเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดบนโต๊ะ และอดที่จะคิดไม่ได้