“ประธานบุริศร์!”
พฤกษ์รีบขวางบุริศร์เอาไว้
“คุณผิดหวังในตัวผมสินะครับ? หลายปีมานี้ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเลวทรามขนาดนี้เลย ผมรู้ว่าเรื่องนี้ทำร้ายทั้งคุณ ทั้งคุณนาย ยิ่งทำร้ายคมทิพย์อย่างหนัก แต่ตอนนั้นผมโดนครอบงำจนสติเลอะเลือน การทำเรื่องที่ผิด ผมเองก็จนปัญญาที่จะให้อภัยตนเอง ที่ผมทำอย่างนี้ผมไม่ได้ขี้ขลาด แต่ผมกลัวจะทำให้คมทิพย์ลำบากใจ”
“นายไม่ใช่เธอ นายอย่าคิดว่าตัวเองเข้าใจเธอแล้วจะปิดบังเรื่องทั้งหมดกับเธอได้ ไม่งั้นนายจะต้องเสียใจ”
บุริศร์เพิ่งจะพูดจบ โทรศัพท์ของพฤกษ์ก็ดังขึ้น
ทนายปวินนั่นเอง
มือของพฤกษ์สั่นเล็กน้อย แต่ยังคงรับโทรศัพท์ต่อหน้าบุริศร์
“ทนายปวิน”
“ประธานพฤกษ์ คุณนายรัตติกรวรกุลเซ็นชื่อแล้วนะครับ”
“คุณว่าอะไรนะ?”
พฤกษ์นิ่งงันไปเลย ราวกับตกใจจนฟังไม่ชัดเจน
ทนายปวินพูดขึ้น: “คุณนายรัตติกรวรกุล อ้อไม่สิ คุณคมทิพย์เซ็นชื่อในใบหย่าแล้ว ตั้งแต่ตอนนี้ สถานภาพสมรสของคุณสองคนจบลงแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้ผมจะไปดำเนินการที่สำนักกิจการพลเรือนให้เรียบร้อยนะครับ ส่วนทรัพย์สินพวกนั้นที่คุณมอบให้ คุณคมทิพย์ฝากให้ผมมอบให้คุณนายบุริศร์แทน เธอไม่ต้องการอะไรเลย”
พฤกษ์รู้ ตนเองเสียใจแล้ว
และนี่ราวกับเป็นผลลัพธ์ที่แน่นอนแล้ว
พูดได้ไม่ชัดเจนว่าในใจรู้สึกยังไง พฤกษ์เจ็บปวดจนหายใจไม่ออก
ทั้งหมดนี้เขาทำขึ้นมาเอง ไม่เช่นนั้นเขาจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุข แค่นึกถึงเมื่อก่อน นึกถึงเย็นวันนี้ ดวงตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะชุ่มชื้นขึ้นมา
เขาสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังและความปวดใจของคมทิพย์แล้ว เดิมทีคิดว่าถ้าทั้งสองคนได้กลับมาเกี่ยวข้องกันอีกครั้ง อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนเดิมก็ได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะเลือกอย่างนี้
ในเมื่อเป็นสิ่งที่คมทิพย์เลือก เขาจะยอมรับ
บางทีนี่อาจจะเป็นการลงโทษเขาก็ได้!
ลงโทษที่เขาโดนครอบงำจนสติเลอะเลือน ดังนั้นพระเจ้าจึงกำหนดให้เขาต้องโดดเดี่ยวตลอดชีวิต เพียงแค่มันเกี่ยวกับคมทิพย์……
พฤกษ์ปวดใจ มองบุริศร์พูดขึ้น: “ประธานบุริศร์ ต่อไปผมไม่อยู่แล้ว รบกวนพวกคุณช่วยดูแลคมทิพย์ด้วย ถ้าเธอมีคนที่ชอบแล้ว ถึงตอนนั้นยังหวังให้พวกคุณช่วยเธอพิจารณาด้วยนะครับ”
“นายคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วสินะ ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็อย่าหันกลับมา บนสนามรบมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเสมอ นายต้องระวังตัวให้ดี ฉันไม่คาดหวังที่จะได้รับข่าวร้ายของนายนะ”
สำหรับพฤกษ์ที่กำลังจะจากไปบุริศร์เองก็อาลัยอาวรณ์จริงๆ
ก่อนหน้านี้เพราะเขากับคมทิพย์ยังเป็นสามีภรรยากัน แต่คิดไม่ถึงว่าคมทิพย์จะเซ็นชื่อในใบหย่า
เดิมทีคิดว่าระหว่างพวกเขายังพอมีหวังอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ดูแล้วเขาคงคิดมากไปเอง
สภาพจิตใจของพฤกษ์ตอนนี้ถ้าจะลงสนามรบ บุริศร์ก็เป็นห่วงจริงๆ
การวางปืนมาจับปากกาน่ะมันง่าย แต่การวางปากกามาจับปืนต้องเสียสละมากกว่าคนอื่นๆมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพฤกษ์ที่หลายปีมานี้ไม่ได้อยู่ในเขตฝึกฝนเลย
ในใจของพฤกษ์ก็รู้สึกแย่มากๆ
คริชณะได้ยินว่าพฤกษ์หย่าแล้ว ถึงจะรู้สึกแย่ แต่สำหรับเขาที่กำลังจะรีบไปสนามรบต่างประเทศแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกบางทีอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้
พฤกษ์หันไปมองคริชณะ พูดขึ้น: “หัวหน้าครับ ถึงผมกับคมทิพย์จะหย่ากันแล้ว แต่ผมหวังว่าเงินเดือนกับสวัสดิการทั้งหมดของผมจะถูกส่งมาให้เธอ ค่าตอบแทนที่ประเทศชาติมอบให้ครอบครัวทหารก็มอบให้เธอด้วยได้ไหมครับ?”
“ฉันจะบอกคุณชายธเนศพลให้ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ”
ตอนนี้สนามรบต่างประเทศต้องการคน พฤกษ์มีความสามารถในการเป็นผู้นำ เพียงแค่เขายอมไป ไม่ว่าจะข้อเสนออะไรคุณชายธเนศพลต้องตกลงแน่นอน
เดิมทีบุริศร์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพฤกษ์จะเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ให้พฤกษ์ไปจึงเหมาะสมกว่าอยู่แล้ว
“ขอบคุณครับ!”
พฤกษ์ยกแก้วเหล้าขึ้นมาคารวะบุริศร์
“ประธานบุริศร์ ตั้งแต่ผมจบมหาวิทยาลัย คุณก็จูงผมเดินมาตลอดทาง ผมมีวันนี้ได้ล้วนแต่เป็นความดีความชอบของคุณทั้งนั้น ในเรื่องการแต่งงานผมทำให้คุณผิดหวัง แต่ในสนามรบ ผมจะทำให้ทุกคนรู้ว่า พลทหารของบุริศร์ไม่ใช่พวกขี้ขลาด! ไอ้พวกสารเลวที่ต่างประเทศอย่าได้คิดจะแย่งชิงผลประโยชน์ของประเทศไปจากมือของฉันแม้แต่นิดเดียว!”
บุริศร์ตบๆไหล่ของพฤกษ์ มีคำพูดมากมายแต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน
วงจรชีวิตของทั้งสองคนอาจจะต้องแยกจากกันตอนนี้ ต่อไปคงได้ประสบความสำเร็จอย่างเหนือกว่าจากอาณาเขตที่ต่างกัน
บุริศร์หวังว่าเขาจะปลอดภัยดี แต่ก็รู้ว่าในสนามรบเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วพริบตา กว่าจะได้รับตำแหน่งที่ทำให้คนอิจฉา นั่นก็ต้องใช้ชีวิตเข้าแลก
ตอนนี้พฤกษ์ท้อแท้สิ้นหวังอย่างถึงที่สุด ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้ว สำหรับเบื้องบนการลงสนามรบก็คือดามคมๆเล่มหนึ่ง แต่ในฐานะมิตรสหาย เขารู้ว่า พฤกษ์สิ้นหวังจนคิดจะอุทิศชีวิตที่เหลืออยู่ของตนเองให้แก่เบื้องบน
คนอย่างนี้ไม่กลัวอันตราย แล้วก็ไม่ใส่ใจอันตราย เพราะหัวใจไม่อยู่แล้ว เป็นเพียงแค่ศพเดินได้เท่านั้นเอง
แต่สถานการณ์ตอนนี้เขาเป็นคนที่เดินออกมาเอง ใครก็ช่วยไม่ได้ แล้วก็ก้าวก่ายไม่ได้ด้วย
สุดท้ายบุริศร์จึงพูดแค่ “ดูแลตัวเองนะ” แล้วหมุนตัวเดินออกไป
เขาคิดว่าตัวเองคงจะอายุเยอะแล้ว ไม่นึกว่าจะทนเห็นภาพการจากลาอย่างนี้ไม่ได้
หลังออกมาจากคลับเฮาส์ บุริศร์ก็โทรไปหานรมนทันที
นรมนที่ด้านนี้กำลังปลอบใจคมทิพย์อยู่
เธอเห็นคมทิพย์เซ็นชื่อบนใบหย่าด้วยตาตนเอง เวลานั้นนรมนบอกไม่ถูกเลยว่าในใจรู้สึกยังไง
คมทิพย์เซ็นชื่อทั้งน้ำตาเสร็จ ก็ให้ทนายปวินรับไป แล้วบอกนรมนว่าเมื่อคืนเธอดื่มจนเมามาย จึงไม่รู้ว่าใครมานอนกับเธอ
นรมนทั้งตกใจทั้งสงสาร อดไม่ได้ที่จะกอดเธอแน่นๆ
“ฉันจะให้บุริศร์ไปดู ไม่แน่อาจจะกู้วิดีโอช่วงนั้นคืนมาได้”
“ถ้าฉันเจอคนๆนั้น ฉันจะถลกหนังของเขาออกมา!”
คมทิพย์กัดฟันด้วยความโมโห
ตอนที่นรมนกำลังปลอบใจเธอ บุริศร์ก็โทรเข้ามา
“มีอะไรเหรอ?”
นรมนรับสาย
บุริศร์ไม่ชักช้า พูดออกไปทันที: “คมทิพย์เซ็นชื่อในใบหย่าแล้วเหรอ?”
“คุณรู้ได้ยังไง?”
“เมื่อกี้ผมเพิ่งเจอพฤกษ์ อีกเดี๋ยวเขาก็จะไปแล้ว”
ได้ยินบุริศร์พูดถึงพฤกษ์ ร่างของคมทิพย์นิ่งงันขึ้นมาเล็กน้อยทันที สองมือดึงชายเสื้อเอาไว้แน่น ร่างกายอึดอัดจนทนไม่ไหว
นรมนมองเธอเล็กน้อย แล้วถามขึ้น: “ไปเหรอ? ไปไหน?”
“ต่างประเทศ! เขาโดนคุณชายธเนศพลเลือก จึงตัดสินใจรีบไปที่สนามรบต่างประเทศด้วยตำแหน่งทหารกองหนุน ตอนแรกยังลังเลอยู่บ้าง แต่ตอนที่ทนายปวินบอกเขาว่าคมทิพย์เซ็นชื่อในใบหย่าแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว อีกเดี๋ยวคงไปจากเมืองBแล้วแหละ จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คุณดูว่าคมทิพย์มีเวลาไหม พยายามพาเธอมาเจอเขาหน่อยเถอะ”
บุริศร์เอาแต่รู้สึกว่าระหว่างคมทิพย์กับพฤกษ์ไม่น่ามาถึงขั้นนี้ เขาคิดๆแล้ว จึงบอกเรื่องที่พฤกษ์กำชับเอาไว้ให้นรมนฟัง
“พฤกษ์ขอให้นำเงินเดือนและสวัสดิการค่าตอบแทนทั้งหมดของตนเองมอบให้แก่คมทิพย์ ยังคงให้เบื้องบนใช้สถานะของครอบครัวทหารปฏิบัติต่อคมทิพย์ด้วย ก็หมายความว่า ถ้าเกิดพฤกษ์สละชีวิต คมทิพย์ก็จะเป็นแม่หม้าย เกียรติภูมิทั้งหมดกับเกียรติยศหลังการตายของเขาจะตกเป็นของคมทิพย์”
“ใครอยากได้สิ่งพวกนี้จากเขากัน!”
ในที่สุดคมทิพย์ก็เอ่ยปากออกมาอย่างทนไม่ได้ ในใจกลับยิ่งรู้สึกผิด
เธอจะตัดใจหย่าได้ยังไง?
แต่เรื่องที่เกิดเมื่อตอนบ่ายเธอจะทำอะไรได้?
เธอไม่สะอาดแล้ว ไม่คู่ควรกับพฤกษ์แล้ว
เป็นเธอที่ไม่คู่ควร……