กิจจาประหม่าขึ้นมาชั่วขณะ
“เดี๋ยวฉันรับเอง”
เขารีบวิ่งไปด้วยความเร็ว ชิงกดรับสายก่อนที่คนใช้จะไปถึง
กมลหรี่ตาลงเล็กน้อย
ทำไมดูอยากรับโทรศัพท์จังเลยล่ะ?
มันแปลกๆนะ
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เพียงแค่เอนพิงผนังข้างๆ มองคิ้วที่เริ่มขมวดมุ่นของกิจจา
“พี่กิจ เป็นอะไรไป?”
กมลเดินเข้าไป กิจจาจึงวางสาย
เขามองมาที่กมล ในใจรู้สึกสับสน
ผ่านมาตั้งหลายวัน ไม่มีใครบอกพวกเขาเลยว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับตาทวด ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพวกเขาเป็นเด็กจริงๆ ถึงได้ปกป้องดูแลดีขนาดนี้
จริงๆแล้วกิจจาก็อยากไปเยี่ยมตาทวด แต่ว่าในช่วงเวลาแบบนี้ถ้าภาณยังไม่ฟื้น ก็มีแต่จะทำให้ตาทวดยิ่งป่วยใจ ต่อให้เขาไปเยี่ยมก็เปล่าประโยชน์ แต่ถ้าให้กมลไปก็ดีเหมือนกัน
เธอจะไม่ได้ต้องสงสัยว่าเขาออกไปไหน และจะได้ถ่วงกมลไว้ด้วย
คิดมาถึงตรง กิจจาก็เอ่ยพูดอย่างเสียใจว่า “ตาทวดเข้าโรงพยาบาล”
“เกิดอะไรขึ้น?”
กมลกังวลขึ้นมาในทันที
สองปีมานี้คุณท่านตนุวรดีกับพวกเขามากๆ ทั้งตอนที่บุริศร์และนรมนอยู่หรือไม่อยู่ คุณท่านตนุวรก็มักจะเผื่อผ่ายความรักมาให้พวกเขาเสมอ
พวกเขาไปอยู่ที่โรงเรียนได้ไม่กี่วันเอง ทำไมถึงได้เข้าโรงพยาบาลซะแล้วล่ะ?
“พี่กิจ พี่จะไปเยี่ยมตาทวดกับฉันไหม?”
“ฉันจองบัตรเข้าร่วมสัมมนาแล้วนี่สิ อีกอย่างมีอาจารย์ตั้งหลายคนไปที่นั่นด้วย ถ้าไม่ไปก็คงไม่เหมาะสม ดังนั้นกมล ฉันคงต้องฝากเยี่ยมตาทวดไว้กับแกแล้วล่ะ”
คำพูดของกิจจาทำให้กมลนิ่งไปเล็กน้อย
หืม?
ตาทวดเข้าโรงพยาบาลขนาดนี้ยังต้องไปสัมมนาอะไรอีก?
แบบนี้มันแปลกๆนะ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนกิจจาไม่เป็นอย่างนี้แน่
ถ้าจะบอกว่าเรียนหมอจนเลอะเลือน เธอเชื่อ แต่เลอะเลือนได้ถึงขนาดนี้ เธอไม่เชื่อ
แต่กมลก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เพียงแค่พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ ฉันไปเยี่ยมคนเดียวก็ได้ พี่กิจก็ระวังตัวด้วย ถ้ามีเรื่องอะไรให้รีบบอกฉันทันที”
“ได้ ถ้าตาทวดเป็นอะไรแกก็ต้องรีบบอกฉันเหมือนกัน”
“โอเค”
กมลพยักหน้า
ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“เอ๋? ทำไมวันนี้บ้านเงียบๆ? น้องๆไปไหน?”
ความบันเทิงทุกครั้งที่กมลกลับมาบ้านก็คือการได้หยอกน้องเล่น พวกเขาน่ารักมากๆ พอได้เห็นพวกเขาค่อยๆเติบโต ตั้งแต่นั่ง คลาน จนถึงหัดเดิน ก็เหมือนได้เห็นชีวิตตัวเองฉายซ้ำอีกครั้ง ความรู้สึกนั้นมันน่าภาคภูมิใจมาก
ทุกครั้งที่เธอกลับบ้านก็จะมีเสียงอ้อแอ้ของเด็กทั้งสองคอยต้อนรับเสมอ ทว่าตอนนี้ในบ้านกลับเงียบเหงา จึงอดที่จะสงสัยขึ้นมาไม่ได้
หัวใจของกิจจากระตุกวูบ รีบเรียกคนใช้เข้ามาสอบถาม “น้องสองคนไปไหน?”
กิจจาหันหลังให้กมล จึงใช้แววตาคมปลาบข่มขู่คนใช้ด้วยสายตาว่าถ้ากล้าพูดรับรองเจอดี
แม้ว่ากิจจาจะเป็นคนสุภาพ แต่สายตาดุดันที่มีในตอนนี้ ทำเอาคนใช้สะดุ้งตกใจ
คนใช้แต่ละคนใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลโตเล็กจนกลายเป็นคนไหวพริบดี เมื่อเห็นท่าทางของกิจจาในตอนนี้ จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ช่วงนี้คุณชายน้อยทั้งสองเป็นหวัดบ่อย เลยถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ”
“น้องๆเป็นยังไงบ้าง? อาการหนักไหม?”
กมลกังวลขึ้นมาในทันที
“พี่กิจ เดินทางระวังนะ ฉันต้องไปเยี่ยมน้องๆที่โรงพยาบาลก่อน”
“ได้”
กิจจาพยักหน้ารัวๆ ทว่าหัวคิ้วกลับขมวดมุ่นเข้าด้วยกัน
เมื่อคนใช้เห็นท่าทางไม่ค่อยพอใจกิจจา จึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “คุณชายกิจ คือว่า……”
“โทรไปหาคนดูแลของตาทวด ให้บอกว่าน้าป้องเป็นห่วงภาณเลยรับตัวไปที่เมืองหลวง ว่าแต่ภาคิณล่ะ?”
“คุณชายภาคินอยู่ที่โรงพยาบาลกับคุณท่านตนุวร คุณท่านตนุวรบอกว่าคุณชายภาณหายไปภายใต้สายตาของท่าน แต่กับคุณชายภาคินคุณท่านไม่สามารถปล่อยให้อยู่บ้านตามลำพังได้”
คนใช้เอ่ยพูดอย่างลนลาน
ท่าทีของกิจจาเริ่มเยือกเย็น จนคนใช้สะดุ้งรีบเอ่ยปากพูด
เมื่อเห็นคนใช้มีท่าทีอย่างนี้ เขาก็เอ่ยพูดนิ่งๆว่า “ถ้าครั้งหน้าไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ก็ไปเคลียร์เงินเดือนกับหัวหน้าพ่อบ้านซะ จำเอาไว้ กมลคือเจ้าหญิงของบ้านแค่คนเดียว ไม่ว่าจะตอนไหน ก็ต้องให้เธอเติบโตมาอย่างดีและมีความสุข ห้ามให้โลกใบนี้แปดเปื้อนกมลเด็ดขาด ถ้าหากเธอทำไม่ได้ เธอก็คงไม่เหมาะกับงานนี้แล้วล่ะ”
เหงื่อเย็นๆผุดขึ้นมาตามร่างกายของคนใช้ในทันที
“คุณชายกิจ ไปคิดมาว่าต้องอธิบายกับคุณหนูยังไง”
พูดจบกิจจาก็ลุกขึ้นเดินออกไป
เขาเก็บเสื้อผ้าแค่ไม่กี่ตัวแล้วจึงออกไปข้างนอก
เมื่อกมลเห็นเขาออกไปแล้ว ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
ทำไมวันนี้พี่กิจดูแปลกๆ หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่เมืองหลวง?
จู่ๆเธอก็นึกถึงนะโม
คนคนนี้คือเพื่อนสนิทของพี่ชาย และก็เป็นเด็กในกองทหาร เธอบังเอิญเจอกลับเขาระหว่างที่กลับมาบ้าน
กมลคิดมาถึงตรงนี้ ก็รีบเดินออกไปข้างนอก
“คุณหนู คุณชายภาณ…..”
“ฉันออกไปข้างนอกก่อนนะ”
เธอให้คนขับรถมาส่งที่ตระกลูสมบัติศิริ บ้านของนะโม ทั้งยังบอกจุดประสงค์ว่าหานะโม
เมื่อนะโมได้ยินดังนั้นก็ตกใจอ้าปากค้างจนคางแทบหลุด
“มาหาฉัน? คุณหนูตระกูลโตเล็กน่ะนะ? ไม่ได้มองผิดใช่ไหม?”
“คุณชาย ต่อให้คุณบอกให้กล้าๆกว่านี้ ฉันก็ไม่กล้ามองผิดหรอกค่ะ”
คนใช้รีบเอ่ยพูด
นะโมขมวดคิ้วเล็กน้อย ความรู้สึกมันบอกว่าต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ
“ไปบอกเธอว่าฉันไม่ค่อยสบาย”
“พี่กิจสอนวิธีรักษาฉันมาเยอะ ถ้าพี่ไม่ค่อยสบายจริงๆ ให้ฉันรักษาให้ไหม?”
กมลเปิดประตูเข้ามาแล้ว ท่าทางเอาแต่ใจนั่นทำให้นะโมเกิดความฮึดฮัดขึ้นมาในทันที
“ใครเชิญเธอมาไม่ทราบ? อีกอย่างนะ นี่มันห้องผู้ชาย ถ้าให้คนเฒ่าคนแก่รู้ว่าเธอเดินเข้าห้องฉันอย่างนี้ ฉันได้โดนบ่นตายแน่”
“ไม่ต้องห่วง ถ้านายไม่ช่วยฉัน ฉันจะให้พี่ชายฉันจัดการนายก่อน”
หน้าตาน่ารักเสียเปล่า แต่คำพูดคำจานี่ไม่น่ารักเหมือนหน้าตาเลย
“กมล ไม่เอาอย่างนี้สิ ถึงยังไงตระกูลฉันก็เป็นถึงหนึ่งในมังกรใหญ่ของเมืองY เธอทำอย่างนี้กับฉันมันเหมาะสมเหรอ?”
“แต่ว่าที่นี่คือเมืองชลธีนะ”
กมลพูดอย่างใสซื่อ จากนั้นก็กระโดดขึ้นมานั่งบนโต๊ะของนะโม สองขาเรียวยาวแกว่งไปมาอย่างสบาย
นะโมฮึดฮัดยิ่งกว่าเดิม
“คุณหนู ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าพี่ชายทั้งสองคนของเธอมาเห็นเธอทำอย่างนี้ล่ะก็ ได้เล่นฉันตายแน่”
ตระกูลโตเล็กโอ๋เจ้าหญิงน้อยคนนี้แค่ไหนเขารู้ดี ตอนนี้อยากร้องก็ร้องไม่ออก
นี่คือสิ่งที่กมลต้องการ
“นายว่าฉันส่งวิดีโอไปให้พี่ฉันดูดีไหม ให้เขาได้เห็นว่าฉันมาเล่นที่บ้านนายสนุกแค่ไหน?”
“อย่า ห้ามเด็ดขาดเลยนะ!โอเคเธอพูดมา บัญชามาได้เลย”
นะโมหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ
หลายคนบอกว่าเจ้าหญิงตระกูลโตเล็กเป็นคนสวยเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่เลยสักนิด เขามันก็แค่คนงานที่เธอใช้งานได้อย่างฟรีๆ
ผู้หญิงนี่น่ากลัวชะมัด!
ทำไมไม่อ่อนโยนเหมือนหม่ามี๊เธอนะ?
คิดมาถึงตรงนี้ นะโมก็ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
เมื่อได้ที่ยินนะโมพูด กมลก็ดีใจขึ้นมาในทันที กระโดดลงมาจากโต๊ะ แล้วพูดยิ้มๆว่า “ง่ายมาก ฉันอยากให้นายช่วยสืบหน่อยว่าพี่กิจได้ไปเข้าร่วมงานสัมมนาที่เมืองหลวงจริงๆหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ แล้วเขาไปที่ไหน?”