แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1786 มีบางคนที่ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

บทที่ 1786 มีบางคนที่ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

“ระวัง!”

กิจจาปกป้องณิตาเป็นอันดับแรก ถึงขนาดที่แขนของตนเองกระแทกไปที่กระจกหน้ารถ

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ทว่าณิตากลับรีบม้วนแขนเสื้อเขาขึ้น เห็นตำแหน่งข้อมือมีรอยฟกช้ำ จึงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง

“ทำไมถึงเข้ามาปกป้องฉันล่ะ?”

“ไม่เป็นไร พี่เป็นผู้ชาย แล้วมันก็อยู่ในเสื้อผ้าด้วย มองไม่เห็นอยู่แล้ว”

“มองไม่เห็นก็ไม่เจ็บแล้วงั้นเหรอ?”

ณิตารู้สึกว่าสมองของผู้ชายคนนี้มีปัญหานิดหน่อย

กิจจารู้สึกถึงมือเล็กๆของเธอที่กำลังทัศนาจรอยู่บนร่างกายของตนเอง ท่าทางลนลานเป็นกังวลนั้นกลับทำให้เขาเหม่อลอยไปชั่วครู่ แล้วความอบอุ่นก็ทะลักขึ้นมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หัวใจอ่อนยวบจนยุ่งเหยิงไปหมด

คนที่เกือบจะโดนชนเห็นว่าตั้งนานแล้วแต่ไม่มีใครลงมาสนใจตนเองสักที จึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาตบๆกระจกรถ นี่ถึงเรียกร้องความสนใจจากกิจจาได้

อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่ตัวค่อนข้างเล็ก ดูๆแล้วใบหน้าซีดขาว จัดอยู่ในประเภทที่ไม่แข็งแรง

กิจจาขมวดคิ้วเล็กน้อย หมุนกระจกรถลงเบาๆ

“ฉันไม่ได้ชนเธอ เธอต่างหากที่พุ่งเข้ามาเอง อย่าคิดจะพุ่งเข้ามาชนแล้วเรียกร้องค่าเสียหายนะ ที่ฉันมีกล้องติดรถอยู่”

ก่อนที่หญิงสาวจะได้เอ่ยปากกิจจาก็พูดขึ้นมาก่อน ทั้งยังท่าทีเย็นชา เทียบกับเมื่อกี้ที่เผชิญหน้ากับณิตาแล้วก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หญิงสาวชะงักเล็กน้อย แล้วน้ำตาเม็ดใหญ่ก็ร่วงลงมา ดูน่าสงสาร

“ฉันรู้ เป็นฉันเองที่พุ่งเข้ามา ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก ฉันแค่อยากถามว่าคุณคือกิจจาใช่ไหม? ที่เป็นพี่ใหญ่ของกานต์?”

แค่พูดออกไป กิจจาก็ตะลึงงัน

หากานต์งั้นเหรอ?

ตอนนี้ความรักของกานต์กับไอรามีความสุขดี แต่จู่ๆผู้หญิงคนนี้ก็โผล่ออกมามันเกิดอะไรขึ้น?

“เธอเป็นใคร?”

เสียงของกิจจาเย็นยะเยือก ก็ไม่มีความหมายว่าจะลงจากรถเลย

ณิตามองผู้หญิงตรงหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมถึงเอาแต่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูร้ายๆอยู่ตลอดเลยล่ะ?

หญิงสาวเหมือนคิดไม่ถึงว่ากิจจาจะถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน ชะงักเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น: “ฉันชื่อพริมรตา มาตามหากานต์ หลังจากเขาปลดประจำการแล้วก็โทรหาไม่ติดเลย ฉันรู้แค่ว่าเขาอยู่ที่เมืองชลธี คุณเป็นพี่ใหญ่ของเขา ขอร้องคุณล่ะพาฉันไปหาเขาหน่อยเถอะ”

คำพูดของพริมรตาทำให้กิจจาขมวดคิ้วแน่น

ไม่รู้เบอร์ส่วนตัวของกานต์ แสดงว่าเธอกับกานต์ไม่ได้สนิทกัน แต่กลับรู้ว่าตนเองเป็นพี่ใหญ่ของกานต์ ทั้งยังสามารถขวางอยู่ที่หน้ารถของเขาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ถ้าบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีความสามารถเลย กิจจาก็ไม่เชื่อหรอก

“ได้สิ”

กิจจาเอ่ยปากขึ้นทันที

พริมรตาเหมือนคิดไม่ถึงว่ากิจจาจะตอบตกลงอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ แสดงความดีอกดีใจออกมาทันที

“ขึ้นรถ!”

กิจจาพยักหน้า

พริมรตารีบปล่อยกระจกรถออก แล้วเดินไปข้างหลังไม่กี่ก้าว ตอนที่คิดจะเปิดประตูรถด้านหลัง รถก็ค่อยๆพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกธนูที่พุ่งออกไปจากคันธนู ทิ้งควันท้ายรถเอาไว้ให้เธอเท่านั้น พริมรตาถึงขั้นสำลักจนไอออกมาไม่หยุด

“พี่กิจ พี่นี่ไม่น่าเชื่อถือเลยนะ!”

“ผู้หญิงคนนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่ามีแผนการในใจ ถ้าพี่พาเธอกลับบ้านจริงๆ ตระกูลโตเล็กของพี่ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตแน่ๆ”

ความเร็วของรถกิจจาไม่ลดลงเลยสักนิด

ณิตากำลังมองพริมรตาที่ตัวเล็กลงเรื่อยๆจากหลังรถ พูดขึ้นราวกับคิดอะไรอยู่: “ในเมื่อเธอตามมาถึงเมืองชลธีได้ ก็ต้องตามไปที่บ้านของตระกูลโตเล็กได้ ถึงตอนนั้นคงจะมีเรื่องวุ่นวายแน่ๆ ไอราควรจะได้รู้การมีตัวตนของผู้หญิงคนนี้นะ เราบอกกานต์กับไอราคงดีกว่า”

“เธอกับไอราสนิทกันมากเลยใช่ไหม?”

กิจจานึกถึงไอรา จึงอดไม่ได้ที่จะถาม

ณิตาพยักหน้า แล้วก็ไม่คิดจะพูดอะไรเพิ่มเติม ถึงยังไงมิตรภาพของผู้หญิงบางครั้งผู้ชายก็ไม่เข้าใจหรอก

กิจจาขับรถมาถึงร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆแห่งหนึ่ง ลงจากรถไปกับณิตาเขาสั่งกับข้าวจานเล็กๆหลายอย่าง ล้วนแต่ให้ความรู้สึกสดชื่นอร่อยถูกปาก ต่างเป็นอาหารที่ณิตาชอบกินทั้งนั้น

มองกับข้าวที่อยู่เต็มโต๊ะ ในใจของณิตาก็เบิกบานมาก แต่ตอนที่นึกถึงการตัดสินใจของกิจจากลับค่อนข้างเสียใจ

“กินเยอะๆหน่อย ดูเธอสิไปอยู่ต่างประเทศไม่กี่ปีทำไมถึงผอมนักล่ะ”

กิจจาบ่นๆ

ณิตากินอยู่เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก

อาหารมื้อนี้ผ่านไปอย่างสงบ ใครก็ไม่กล้าพูดเรื่องที่เกี่ยวกับสิชาขึ้นมาแม้แต่ประโยคเดียว

หลังจากกินข้าวเสร็จ ณิตาอ้างว่ามีธุระขอกลับไปก่อน เดิมทีกิจจาอยากจะไปส่งเธอ แต่ก็โดนณิตาปฏิเสธ

หลังจากกิจจากลับมาถึงตระกูลโตเล็กเห็นว่ากานต์ยังคงทำงานอยู่ในห้องหนังสือ ไม่รู้กำลังยุ่งอะไรอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปเคาะๆประตูห้อง

“เข้ามา!”

กานต์พูดโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมา

กิจจารู้สึกว่าฉากนี้ค่อนข้างคุ้นตา เหมือนไม่นานก่อนหน้านี้กานต์ก็เข้ามาในห้องหนังสือของเขาอย่างนี้

เขายิ้มๆ แล้วเดินเข้าไป

“นายรู้จักพริมรตาไหม?”

กิจจาถามตรงประเด็นทันที กานต์จึงชะงักเล็กน้อย แล้วเงยหน้ามองไปทางกิจจา

“พี่รู้จักคนๆนี้ได้ยังไง?”

“ไม่นานนี้เธอขวางรถพี่เอาไว้ จะให้พี่พาเธอกลับมาหานาย”

กิจจาเพิ่งพูดจบ แววตาของกานต์ก็เย็นชาขึ้นเล็กน้อย

เห็นท่าทางนี้ของเขา กิจจาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย: “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”

“ตัวประกันที่ผมพลาดทำให้บาดเจ็บ”

แค่พูดออกไปกิจจาก็ตะลึงเล็กน้อย

“ก็คือผู้หญิงคนนั้นที่นายพลาดทำให้บาดเจ็บจนท้องไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิตน่ะเหรอ?”

“อืม”

“ทำไมเธอตามมาจนถึงที่นี่? อีกอย่างนายปลดประจำการแล้ว ก็ถือว่าได้รับโทษไปแล้ว ค่าชดเชยที่ควรให้ก็ให้ไปแล้ว เธอยังคิดจะทำอะไรอีก?”

กานต์ยิ้มเยาะพูดขึ้น: “เธออยากเป็นภรรยาของผม”

“เสียสติหรือไง?”

กิจจารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สมองมีปัญหา

ตำแหน่งลูกสะใภ้ของตระกูลโตเล็กใครๆก็จะเป็นได้หรือไง?

แต่กานต์กลับยิ้มๆ: “เธอไม่ได้เสียสติหรอก แต่เธอจำเป็นต้องทำอย่างนี้”

“เพราอะไร?”

“เพราะผมเป็นคนที่สายฟ้าอยากจัดการน่ะสิ”

สายฟ้าที่กานต์พูดถึงเป็นใคร กิจจาไม่รู้หรอก แต่คนที่สามารถทำให้กานต์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ

“อยากให้ช่วยไหม?”

“ไม่เป็นไร ผมจัดการเองได้”

กานต์ตอบกลับไปเช่นนี้

กิจจาจึงพยักหน้า ลุกขึ้นจะออกไป ก็ได้ยินกานต์ถามขึ้น: “คิดจะแต่งงานกับสิชาจริงๆเหรอ? ผมได้ยินว่าณิตากลับมาแล้ว และตามที่ได้ยินมาเธอไปอยู่ต่างประเทศสามปีคนที่เข้ามาจีบเธอก็ไม่น้อยเลยนะ ช่วงนี้มีคนที่จีบเธอคนหนึ่งตามเธอกลับมาด้วย เหมือนจะมีอาการทางจิตอยู่หน่อยๆ”

ได้ยินถึงตรงนี้ กิจจาจึงชะงักงัน แววตาเย็นชาเล็กน้อย

“อาการทางจิตที่มีความหวาดระแวงเหรอ?”

“ตามที่ได้ยินมาบอกว่างั้นนะ แล้วบุคลิกเฉพาะตัวดูไม่ค่อยสมบูรณ์ จะจีบณิตาให้ติดให้ได้ ผมไม่สนใจว่าทำไมพี่ต้องแต่งงานกับสิชาให้ได้ ผมแค่อยากบอกพี่ว่า อย่าให้เป็นเพราะการตัดสินใจและการเลือกที่ผิดพลาดถ่วงเวลาหรืออาจจะเป็นการทำร้ายคนที่พี่ใส่ใจที่สุด พวกเราคิดมาโดยตลอดว่าณิตานี่แหละที่จะเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเรา”

กานต์พูดมาถึงตรงนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขาเป็นพี่น้องกัน แล้วก็เป็นคนที่มีอิสรเสรีเหมือนกัน แต่ละคนมีลักษณะกับหลักการในการจัดการของแต่ละคนเอง พวกเขาจนปัญญาที่จะก้าวก่ายชีวิตของคนอื่น ทำได้เพียงบอกทุกอย่างที่ตนเองรู้แก่พวกเขาเท่านั้น

“ขอบใจนะ”

กิจจาพูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป ส่วนแววตาของกานต์หลังจากที่กิจจาออกไปแล้วก็เย็นยะเยือกจนถึงที่สุด

พริมรตา!

ไม่นึกว่าจะตามมาจนถึงเมืองชลธี?

บาดแผลของเธอยังไม่หายสนิทไม่ใช่เหรอ?

สงสัยว่าบางคนคงควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ซะแล้วสิ

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท