แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1773 เรื่องนี้พี่น่าจะไม่มีสิทธิ์ยุ่งนะ

บทที่ 1773 เรื่องนี้พี่น่าจะไม่มีสิทธิ์ยุ่งนะ

เมื่อเห็นไอราหน้าซีด กานต์ก็มองมาที่ธเนศพลอย่างหมดคำจะพูด “น้าพล พอได้แล้วมั้ง ผมต่อว่าแค่ไม่กี่คำ จะเคืองอะไรนักหนา อีกอย่างนะ ถ้าผมไม่พูดอย่างนั้น น้าจะคิดได้ไหมว่าตัวเองโอ๋ชมพูมากเกินไป? หลังจากนี้ผมคงไม่ได้อยู่ข้างๆคอยหนุนหลังเธอแล้ว ถ้าเกิดเธอสร้างเรื่องขึ้นมาน้าจะจัดการหรือเปล่า? ยังไงเธอก็ต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต อีกอย่างเรื่องนี้ไอราของผมเป็นผู้ถูกกระทำ ผมเป็นผู้ชาย จะพูดเข้าข้างผู้หญิงของตัวเองไม่ได้หรือไง?”

ตอนนี้กานต์ใจเย็นเป็นอย่างมาก ราวกับเป็นคนละคนกับที่มีท่าทางดุดันเมื่อสักครู่

ธเนศพลถอนหายใจออกมา บรรยากาศเยือกเย็นพลันหายวับไปกับตา

“หลายปีที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยใส่ใจการเติบโตของไอรา เพราะคิดว่ายังไงก็มีแกอยู่ เธอต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ ใครจะไปรู้ล่ะว่า……”

“หยุดเลย น้าพล ถ้าให้พูดอีกคงหมดความอดทนแล้ว ผมเคยบอกน้าตั้งแต่แรกแล้วว่า ผมไม่เคยคิดในเชิงนั้นกับชมพู ต่อให้วันนี้ไม่มีไอรา ระหว่างผมกับเธอก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี น้าเคยเห็นพี่ชายที่ไหนคิดไม่ซื่อกับน้องสาวตัวเองไหมล่ะ? ผมไม่เคยคิดแบบนั้นกับชมพูเลยสักนิด กลับกันนะโมต่างหากที่ใส่ใจเธอเป็นพิเศษ ตระกูลสมบัติสิริเองก็ถือเป็นตระกูลใหญ่ ถ้าน้าจะเอานะโมมาเป็นลูกเขย ก็ไม่ได้แย่”

เมื่อเห็นกานต์ขยันจับคู่ให้ชมพูกับนะโมเหลือเกิน ธเนศพลก็เหลือบตามองบนใส่ “แกคิดว่าฉันตาบอดเหรอ? ไม่อย่างนั้นฉันจะให้นะโมไปต่างประเทศกับชมพูทำไม? ก็เพราะว่าอยู่ต่างที่ต่างแดนแล้วมันพัฒนาความสัมพันธ์ง่ายไม่ใช่หรือไง? เด็กเวรอย่างแกนี่มันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ฉันอุตส่าห์ทุ่มเทปลูกฝังแกมาอย่างดี แต่แกกลับลามือหนีไปซะงั้น จิตสำนึกน่ะมีหรือเปล่า?”

ธเนศพลกับกานต์เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไอราเริ่มดูออก ว่าสองคนนี้เป็นเหมือนเพื่อนต่างวัย บรรยากาศเมื่อสักครู่ก็แค่สร้างออกมาเพื่อหลอกตาคนอื่นเฉยๆ ทั้งสองแทบจะไม่ได้เก็บเอาไปใส่ใจเลยสักนิด

เมื่อเห็นว่าไอราหายกังวลแล้ว กานต์ถึงได้พูดเสียงต่ำว่า “งั้นเอาเป็นว่าในทุกๆปีผมจะช่วยน้าฝึกทหารพิเศษชุดหนึ่งโอเคไหม?”

“แกพูดแล้วนะ?”

ดวงตาของธเนศพลเป็นประกาย

กานต์ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่มุมปากที่เม้มแน่นของเขากลับทำให้ธเนศพลดูออกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น

ชุดหนึ่งต่อปีก็ถือว่าคุ้มแล้ว

ธเนศพลไม่ได้อารมณ์เสียอีกต่อไป ปรายตามองไปทางไอราอย่างลอยๆ

“ช่วงนี้พ่อแกสบายดีไหม?”

คำถามของธเนศพลทำให้ไอราเหงื่อซึม

เธอเอ่ยพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ไม่รู้เลยค่ะ หลายปีมานี้ฉันคิดแต่เรื่องกานต์อย่างเดียว”

ที่พูดมาคือความจริง

กานต์ลูบหัวของเธอแล้วพูดว่า “อีกสองสามวันฉันจะพาเธอกลับไปเยี่ยมคุณอาอรรณพแล้วกัน”

“อืม”

เมื่อเห็นบรรยากาศดีๆระหว่างสองคน ธเนศพลก็ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอที่นี่ โบกมือแล้วพูดขึ้นมาว่า “รีบไปเถอะ ในเมื่อใจไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ถ้าอยู่ต่อก็คงเหลือแค่ตัวเปล่า แต่ว่านะกานต์ แกต้องระวังตัวให้ดีๆ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าบางเรื่องอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก ไม่แน่อาจจะพุ่งเป้ามาที่แกก็ได้”

“ครับ ผมรู้แล้ว”

กานต์บอกลาธเนศพล แล้วพาไอราและสิงหราชกลับมาที่เมืองชลธี

บุริศร์กับนรมนกลับมาถึงก่อน ในตอนที่กานต์กับไอรากลับมาถึง ทันทีที่เดินผ่านพ้นประตู ก็มีวัตถุบางอย่างจู่โจมเข้ามา

กานต์กับไอราต่างก็เป็นคนระวังตัวเก่งทั้งคู่ แม้ว่าทั้งสองจะไม่เคยมีประสบการณ์ร่วมงานกัน แต่ระดับความรู้ใจกันกลับสูงเป็นอย่างมาก พร้อมใจกันถีบของสิ่งนั้นออกไปคนละทิศละทาง

จากนั้นก็ได้ยินเสียงกมลคำรามออกมาอย่างอื้ออึง

“กานต์ ฉันเป็นน้องแท้ๆของพี่นะ น้องที่ออกมาจากท้องเดียวกัน พี่ทำกับฉันอย่างนี้เหรอ? พ่อแม่ พี่ใหญ่ น้องๆ ทนเห็นเจ้าหญิงเพียงหนึ่งเดียวของครอบครัวถูกกานต์รังแกได้ลงคอเหรอ?”

ในตอนนี้เองกานต์กับไอราถึงได้สังเกตเห็นว่ากมลยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนลูกเจี๊ยบตกน้ำร้อน บนหน้าเดือดปุดๆ ที่สำคัญคือใบหน้าอมลมนั้นดูตลกเป็นพิเศษ

กานต์ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ

“ยังจะหัวเราะอีกเหรอ? ไอรา พี่หัดจัดการผู้ชายของพี่บ้างนะ”

“ไม่ล่ะ!ผู้ชายมีไว้ตามใจต่างหาก”

เมื่อไอราพูดประโยคนี้ออกมา มุมปากของกานต์ก็ยกขึ้นทันที แต่กมลกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ

“แม่ง พูดอย่างกับจะเยาะเย้ยคนไม่มีแฟนเลย”

“กมล ระวังคำพูดคำจาด้วย”

เมื่อนรมนได้ยินคำหยาบจากปากของกมล ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

กมลแลบลิ้นออกมา แล้ววิ่งกลับเข้าไปทำความสะอาดตัวเองในห้องอย่างรวดเร็ว

ด้านกิจจาก็ใส่แว่นกรอบทองตามอายุที่โตขึ้น ดูเป็นผู้ดีและคนสุภาพ แต่กานต์รู้ดี ว่าพี่ชายของเขาก็คือหมาป่าห่มหนังแกะดีๆนี่เอง

“พี่ ผมกลับมาแล้ว”

กานต์เดินเข้าไปกอดกิจจา

กิจจานิ่งไปเล็กน้อย อันที่จริงคนรักสะอาดอย่างเขาไม่ค่อยชอบแตะเนื้อต้องตัวกับคนอื่นเท่าไหร่นัก แต่คนตรงหน้าคือน้องชายของเขา เขาจึงกอดตอบอย่างฝืนๆ

“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”

กานต์ปล่อยเขาออก ทันใดนั้นตัวแสบทั้งสองคนก็พุ่งเข้ามา คนหนึ่งกระโดดขึ้นหลังเขา อีกคนวิ่งเข้ามากอดเต็มรัก

“พี่รอง ผมคิดถึงพี่จะแย่!ตอนฝึกทหารเขาทำกันยังไงสอนผมหน่อย? ให้ตายเถอะอาทิตย์หน้าพวกผมก็ต้องฝึกหารแล้ว ผมไม่อยากไปเลย!”

หัวคิ้วของภาคิณขมวดเข้าหากันจนแทบจะบี้แมลงวันตาย

ภาคิณเกาะอยู่บนหลังของกานต์เหมือนลูกลิงจะให้กานต์แบกตัวเองให้ได้ แต่น่าเจ็บใจที่ร่างกายของกานต์ไม่ให้เขาได้ทำอย่างใจ

“พี่รอง แบกผมแค่นี้มันจะเป็นอะไรไป? ซิกแพ็คมันจะหายเหรอ?”

“ใช่!”

กานต์ใช้ฝ่ามือฟาดภาคิณให้ลงมา

เมื่อมองน้องชายที่เหมือนกันราวกับแกะ ดวงตาของกานต์ก็ทอแววอบอุ่นขึ้นมาก

“พรุ่งนี้เป็นต้นไปต้องเริ่มฝึกกับฉันทุกๆเช้า จนกว่าจะถึงวันฝึกจริง”

เมื่อกานต์พูดออกมาอย่างนี้ ภาคิณกับภาณก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมา

“แม่ ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีธุระที่โรงเรียน ผมกลับก่อนแล้วกัน”

ภาคิณพูดจบก็เตรียมเผ่นหนี

แต่กานต์กลับเอ่ยพูดเสียงนิ่งขึ้นเสียก่อนว่า “ถ้าแกก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ฉันจะให้คนไประงับบัตรเครดิต และบัญชีเงินฝากทั้งหมดของแกซะ”

ภาคิณกับภาณที่กำลังจะหนีเหมือนกันพลันตะลึงค้างในทันที

“ล้อเล่นหรือเปล่า? พี่รอง เรื่องนี้พี่น่าจะไม่มีสิทธิ์ยุ่งนะ?”

“มีสิ ครั้งนี้ที่เรียกพวกแกกลับมาก็เพื่อจะบอกพวกแกว่า พี่รองของพวกแกปลดประจำการแล้ว และเมื่อวานช่วงหัวค่ำ เขาเพิ่งสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลโตเล็กไปหมาดๆ กานต์มีสิทธิ์ดูแลจัดการทุกคนและทุกเรื่องของตระกูลโตเล็ก หรือพูดง่ายๆก็คือตอนนี้ทุกคนอยู่ภายใต้อำนาจของกานต์”

เมื่อบุริศร์พูดออกมาอย่างนี้ ภาคิณกับภาณก็มีท่าทีราวกับวิญญาณออกจากร่างเหมือนมะเขือม่วงเหี่ยวเฉา

กานต์เอ่ยพูดอย่างเนิบนาบว่า “เข้าบ้านมาตั้งนาน ฉันพาใครมาด้วยพวกแกไม่เห็นเหรอ? ตามีไว้แค่ประดับหรือไง? รู้จักไหมคำว่าทักทาย?”

คำพูดนี้ทำเอาภาคิณกับภาณฮึดฮัดขึ้นมา

เมื่อไอราเห็นครอบครัวของพวกเขามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันขนาดนี้ ก็อดที่จะคิดถึงครอบครัวของตัวเองขึ้นมาไม่ได้ หลายปีมานี้เธอใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกคนเดียว ช่วงเทศกาลก็ไม่ได้กลับบ้าน ไม่รู้ว่าพ่อแม่กับน้องสาวและน้องชายจะเป็นยังไงบ้าง

เมื่อเห็นไอราเหม่อลอย กานต์ก็กระแอมไอ จนภาคิณและภาณพากันสะดุ้งรีบตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงว่า “พี่สะใภ้รองสวัสดีครับ!

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท