“แล้วไง? ฉันต้องไม่แต่งงานกับใครไปตลอดชีวิต ปล่อยให้เธอดันทุรังคิดไปเรื่อยเปื่อยว่าใช่บุญคุณหรือไม่ใช่บุญคุณอย่างนั้นเหรอ?”
กานต์ไม่รอให้ไอราพูดอะไร เอ่ยพูดต่อว่า “จริงๆเอาอย่างนี้ก็ได้นะ ฉันจะได้แต่งานหรือไม่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถึงยังไงตระกูลโตเล็กก็ไม่ได้บังคับให้ฉันต้องส่งไม้ต่อให้รุ่นต่อไปอยู่แล้ว”
ไอราถูกพูดขัดจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ
หลุมนี้เธอเป็นคนขุดมันเอง และตอนนี้เธอก็กำลังฝังตัวเองลงไปในนั้น ซึ่งท่าทางเย็นชาของกานต์มันทำให้เธอเจ็บเสียดหัวใจเป็นอย่างมาก
กรอบตาของไอราแดงก่ำ กานต์ไม่ได้พูดอะไรออกมา ปล่อยให้เธอกำคอเสื้อของตัวเองอยู่อย่างนั้น ทั้งสองวางท่าใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
กิจจารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ถ้าเขาพูดว่าขอตัวออกไปก่อน คาดว่าสายตาของกานต์คงแช่แข็งเขาแน่ๆ แต่ถ้าต้องอยู่ต่อก็รู้สึกอึดอัดจริงๆนี่นา
“อะแฮ่ม เอ่อไอรา แกปล่อยกานต์ก่อนเถอะ ค่อยๆพูดกันดีๆนะ”
ในที่สุดกิจจาก็เอ่ยปากพูดออกมา
ไอรามองมาที่กานต์ เมื่อเห็นเขายังคงนิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆเร็ดรอดออกมาทางสีหน้า ถึงได้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ และกระวนกระวาย
ใขณะที่ใจเธออยู่สุข แต่กานต์กลับมีท่าทีเรียบนิ่ง ราวกับว่าตัดสินใจมาแล้วว่าผลลัพธ์มันจะเป็นแบบไหน
ไอราพลันลนลานขึ้นมาในทันที
“กานต์ นายจะเลิกกับฉันจริงๆเหรอ?”
เสียงของเธอแผ่วเบา และสั่นไหว
ดวงตาของกานต์วูบไหว เขารู้ว่าจริงๆแล้วไอรายอมลดตัวตนลงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
เธอเป็นถึงองค์หญิง ที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงม เธอหยิ่งยโสตลอดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่จะทำตัวน่าสงสารเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาคนเดียว
โดยเฉพาะกรอบตาแดงๆของเธอในตอนนี้ ท่าทางที่จะร้องแหล่ไม่ร้องแหล่ของเธอยิ่งบีบหัวใจคนมองเป็นอย่างมาก
เดิมทีกานต์อยากพูดอย่างเด็ดขาดว่า “นี่คือสิ่งที่เธอหวังไม่ใช่เหรอ” แต่เมื่อเห็นสีหน้าของไอราในขณะนี้ จำต้องกลืนคำพูดที่กำลังโพ่งออกมาลงไป
“อยากดูเคสผ่าตัดของเธอไหม?”
กานต์เปลี่ยนเรื่องทำให้ไอราไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ไม่!พอผ่าตัดเสร็จนายก็จะไม่สนใจฉันแล้วไม่ใช่หรือไง? นายจะได้ทิ้งฉันอย่างสบายใจใช่ไหมล่ะ? ถ้าสลัดตัวน่ารำคาญอย่างฉันออกไปได้นายก็ดีใจมากใช่หรือเปล่า? แทบจะอยากให้เป็นแบบนั้นเลยล่ะสิ?”
ช่วงหลายวันที่ผ่านมาไอราเก็บกดและเครียดเกร็งมาตลอด สุดท้ายตอนนี้ก็ระเบิดมันออกมา เปลี่ยนไปจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่ เริ่มควบคุมตัวเองได้ยาก
จริงๆเธอก็รู้ว่าเป็นแบบนี้มันน่ารำคาญ อาจจะถึงขั้นทำให้คนเกลียดขี้หน้าเอาได้ เธอเองก็เคยไม่ชอบคนประเภทนี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะกลายมาเป็นผู้หญิงแบบนี้ซะเอง
เมื่อกานต์เห็นว่าเธอเริ่มคุมตัวเองไม่อยู่ ในใจก็เกิดความรู้สึกเศร้า
ผู้หญิงที่เคยหยิ่งผยอง โหวกเหวกผ่าเผย ตอนนี้กลับมีท่าทางต่ำต้อยหวาดหวั่น แค่นี้ก็อธิบายได้แล้วว่าเธอไร้ซึ่งความรู้สึกปลอดภัยเพราะมาอยู่กับเขา
ในความรู้สึกของไอรา คงคิดว่าเขาไม่ได้ยอมรับเธอจริงๆ เพราะเธอตามจีบเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมากานต์เองก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เอาแต่เฉยชามาตลอด อันที่จริงไอราจะหมดความอดทนและความรู้สึกก็ยังได้
ทันใดนั้นกานต์ก็อ้าแขน รับไอราเข้ามาในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น เอ่ยพูดเสียงเบาว่า “พอคืนไตให้เธอ เราสองคนก็ถือว่าหายกัน”
“ใครจะไปหายกับนาย? กานต์ นายอย่าแม้แต่จะคิดเลยนะ!”
ประสาทที่กำลังเครียดเกร็งของไอราเมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ระเบิดออกมาเหมือนแมวพองขน ยื่นมือออกไปผลักกานต์อย่างฉับพลัน แรงที่ใช้ผลักมีมากจนกานต์ถอยไปชนเก้าอี้
แรงชนอย่างรุนแรงทำให้แผ่นหลังของกานต์ได้แผลเจ็บจนทำให้หายใจติดขัด แต่เขาก็กัดฟันอดทนเอาไว้ ทว่าเหงื่อเย็นๆกลับผุดขึ้นมาตามหน้าผาก
“ไอรา ฉันไม่อยากจดจำบุญคุณของเธอเลยตอบตกลงผ่าตัดไง หลังจากนี้ก็ทางใครทางมัน ไม่ต้องมีใครติดค้างใคร มันก็ดีแล้วนี่”
“หุบปาก!ชาตินี้ทั้งชาตินายอย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้น! คิดจะให้ฉันกับนายหายกันงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอกนอกเสียจากว่าฉันตาย!”
ร่างกายของไอราสั่นเทิ้ม เธอรู้สึกว่าตัวเองอยู่ไม่ได้แล้ว
ถ้าอยู่ที่นี่ต่อไปเธอคงได้ฆ่ากานต์ หรือไม่ก็ฆ่าเธอเอง
เธอจึงเลือกวิ่งออกไปอย่างฉุนเฉียว
กานต์ทรุดตัวลงหลังจากที่เธอวิ่งออกไป เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงสู้พื้นทีละหยด
กิจจาหน้าเปลี่ยนสี รีบเข้าไปพยุงเขาเอาไว้ ในตอนนี้เองถึงได้พบว่าแผ่นหลังของเขาอาบไปด้วยเลือดสดๆสีแดง
“แกเป็นอะไร?”
“ผมไม่เป็นไร พี่ช่วยผมทำแผลหน่อย”
กานต์ยิ้มออกมา ทว่ารอยยิ้มของเขากลับทำให้กิจจาอยากซัดหมัดใส่หน้าเขาซักฉาด
“แกจงใจยั่วโมโหไอราทำไม?”
“ถ้าไม่ทำอย่างนี้ อารมณ์เครียดเกร็งของเธอจะไม่ถูกระบายออกมา ถ้าเอาแต่กระวนกระวาย ระแวงอยู่ในใจ มันจะไม่เป็นผลดีต่อการผ่าตัดและการพักฟื้น ถ้าอยากให้เธอผ่าตัดอย่างปลอดภัย ก็ต้องกำจัดอารมณ์หนักอึ้งและอารมณ์แย่ๆของเธอออกไปเสียก่อน พี่ก็เห็นสภาพของยัยนั่นในตอนนี้ ถ้าพูดด้วยดีๆเธอไม่ยอมฟังหรอก มีแค่กระตุ้นให้เธอร้องไห้ออกมาแบบนี้เท่านั้น อารมณ์จะได้ผ่อนคลายและทำการผ่าตัดได้อย่างราบรื่น”
กานต์พูดไปพลาง นั่งลงบนเก้าอี้ไปพลาง
รู้สึกเจ็บตึงบริเวณแผ่นหลัง แต่เขาก็อดกลั้นมันเอาไว้ เอ่ยพูดกับกิจจาว่า “พี่ รีบๆหน่อย น้องพี่เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
“ฉันก็ไม่เห็นว่าแกจะดูเจ็บตรงไหน”
กิจจาจงใจตบลงบนหลังของเขา จนกานต์ต้องส่งเสียงอื้ออึงออกมา
“พี่ใช่พี่ชายแท้ๆของผมไหมเนี่ย?”
“ฉันถูกเก็บมาเลี้ยง ไม่รู้จักแก”
กิจจามองบนใส่เขาอย่างโมโหเล็กน้อย สุดท้ายก็ต้องหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
เสื้อของกานต์แนบติดไปกับแผลบนหลังหมดแล้ว
หลังจากที่อรรณพตีเขาเสร็จ เขาก็รีบร้อนนั่งเครื่องบินกลับมา พอมาถึงก็ทะเลาะกับไอรา เขาจึงไม่ได้พักผ่อนจริงๆจังๆเลย กิจจาค่อนข้างทึ่งที่ตอนนี้เขาไม่เป็นลมล้มพับไป
อีกอย่างเหมือนกานต์จะมีไข้นิดๆด้วย
เมื่อเขาเห็นแผลบนหลังกานต์ก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงหยิบกรรไกรออกมาตัดเสื้อข้างหลังของเขาออกทีละนิดอย่างช่วยไม่ได้
“กานต์ จริงๆแล้วแกรักไอราสินะ”
คำพูดของกิจจาทำให้กานต์นิ่งไปเล็กน้อย
“หมายความว่าไง?”
“แกเองก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงม ตั้งแต่เด็กจนโตนอกจากฉันกับกมล และน้องๆอีกสองคนแล้ว แกก็ไม่เคยยอมอ่อนให้ใครแบบนี้ พูดไม่น่าฟังหน่อย ใครมันจะไปมีความสามารถทำให้คนอย่างแกยอมรับความขมขื่นได้อย่างเต็มใจ? ถ้าไม่ใช่เพราะแกให้ความสำคัญกับคนคนนั้นมากกว่าตัวเอง แกไม่มีทางทำอะไรไร้สติแบบนี้ออกมาหรอก”
แม้คำพูดของกิจจาจะไม่ค่อยน่าฟัง แต่กานต์ก็ยังคงฟังมันเข้าหูอยู่ดี
เขานิ่งไปทั้งตัว อดที่จะคิดตามไม่ได้ นี่เขารักไอราเหรอ?
ผลสรุปนี้คือสิ่งที่เขาเพิ่งจะรู้ตัวในช่วงนี้ ที่กิจจาพูดว่าเขารักไอรากิจจารู้ได้ยังไง?
ทว่าเขาก็ไม่อาจคัดค้านคำพูดของกิจจาได้ เพราะมันคือความจริงทั้งหมด
คนอย่างกานต์ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองทรมาน หรือปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บทนกล้ำกลืนเหมือนคนโง่แบบนี้ มันชวนให้รู้สึกสับสนจริงๆ
หรือว่าเขาจะรักไอราแล้วจริงๆ?