แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1826 เป็นพี่ใหญ่จริงๆสินะ

บทที่ 1826 เป็นพี่ใหญ่จริงๆสินะ

 นายเอากานต์ไปไว้ที่ไหน? กิจจา นายก็รู้ กานต์คือคนที่พวกฉันต้องการ 

เมษาเพิ่งพูดจบ ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ราวกับมีดคมๆของกิจจาที่จู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลัน

เขาพูดอย่างเย็นชา  ถ้าไม่อยากให้ฉันผ่าตัดให้คนๆนั้นแล้ว ก็ถามเรื่องกานต์ต่อไป ฉันยังไงก็ได้ แต่กลัวแค่ว่าคนๆนั้นจะรอไม่ไหวน่ะสิ 

เมษาโดนตอกกลับจนพูดไม่ออก

กิจจาไม่สนใจว่าเธอจะคิดยังไง เข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกมา จุดไฟเผาชุดเดิมต่อหน้าของเมษาทันที

 นี่นายทำอะไรน่ะ? 

 บนตัวของฉันมีกลิ่นกับรอยนิ้วมือของกานต์ 

คำพูดของกิจจาทำให้เมษาอดไม่ได้ที่จะมองเขามากขึ้น

ยิ่งได้รู้จักกับกิจจา เธอยิ่งรู้สึกว่ากิจจาเป็นคนที่ระมัดระวังรอบคอบคนหนึ่งเลย ถ้าได้รับการปกป้องจากผู้ชายอย่างนี้ ในวันข้างหน้าคงเป็นผู้หญิงที่มีความสุขตลอดไปแน่ๆ

เมษาใจเต้นแรงอยากเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่กิจจาแค่สะบัดสายตาที่เย็นชาเข้ามา ก็หยุดฝีเท้าของเธอเอาไว้ได้ทันที

เธอยิ้มอย่างอึดอัด แต่กิจจากับไม่ได้มีสีหน้าดีๆมอบให้เธอเลย

 ถ้าไม่มีอะไรก็ไปซะเถอะ ที่ฉันนี่เธอก็ไม่ต้องมาอีกแล้ว ต่อให้จะใช้ตัวตนของบุคคลธรรมดา ฉันก็ไม่คาดหวังว่าจะได้เจอเธออีก ไม่งั้นฉันอาจจะทำการผ่าตัดได้ไม่ดี 

 นาย! 

เมษากัดริมฝีปาก สีหน้าค่อนข้างแย่

กิจจาน่ารังเกียจเกินไปจริงๆ!

แต่ทว่าประวัติส่วนตัวของเขา ความสามารถของเขา รวมไปถึงอิทธิพลของกิจจาในวงการแพทย์อีกทั้งหมดล้วนแต่ไม่ยอมให้เธอทำตัวเหิมเกริม

เมษาคำรามออกมาอย่างเย็นชา แล้วเดินออกไปด้วยความเดือดดาล

หลังจากรอเธอเดินออกไป กิจจาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปสั่งผู้ช่วยของตนเอง

 หาคนมาฆ่าเชื้อโรคที่ห้องทำงานฉัน ทุกพื้นที่ต้องฆ่าเชื้อให้หมด แล้วก็ เปิดหน้าต่างทิ้งไว้สิบสองชั่วโมงแล้วค่อยปิด 

ผู้ช่วยตกตะลึงเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น  หมอกิจจา ถ้าสิบสองชั่วโมงงั้นตอนกลางคืนก็จะไม่ได้ปิดหน้าต่าง ถ้าลมหนาวๆพัดเข้ามาคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ 

 ทำตามที่ฉันบอก 

น้อยมากที่กิจจาจะใช้น้ำเสียงเย็นชาแข็งกระด้างเช่นนี้

ผู้ช่วยจึงตกอกตกใจ รีบรับปากทันที

หลังจากวางโทรศัพท์กิจจาก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง เขาดึงๆคอเสื้อของตนเอง แต่ยังคงไม่รู้สึกดีขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะเดินออกไปจากห้องทำงาน

เพิ่งขึ้นรถนรมนก็โทรเข้ามา

กิจจาเห็นเบอร์ที่แสดงอยู่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่รีบร้อนที่จะกดรับ

เขากำลังลังเล กำลังสับสน แต่กลับกดรับโทรศัพท์ที่ใกล้จะวางสายอย่างฉับพลัน

 แม่ครับ—— 

กิจจาพูดเบาๆ ตาแดงขึ้นมา

นรมนฟังไม่ออกว่าเสียงของกิจจาแปลกไป แค่ถามขึ้นอย่างใส่ใจ  เราไปเมืองหลวงแล้วเหรอ? 

 ครับ ผ่าตัดเสร็จแล้วก็จะกลับเลย 

กิจจาไม่ได้พูดอะไรมากเกินไป

นรมนก็ไม่ได้สงสัยเขา พูดอย่างอ่อนโยน  แม่เพิ่งได้ยินมาว่ากระเพาะของเราไม่ดี กิจจา เราเองก็เป็นหมอนะ อยู่ข้างนอก อย่าลืมกินข้าวล่ะ แม่รู้ว่าหมออย่างพวกเราน่ะแค่เข้าผ่าตัดก็ไม่มีเวลามาสนใจแล้ว แต่ว่าแม่ก็ต้องพูดอยู่ดี กระเพาะไม่ดีตั้งแต่อายุยังน้อยมันไม่ใช่เรื่องที่ดีนะ รอให้การผ่าตัดนี้เสร็จสิ้น เรากลับมาบ้านแล้ว แม่จะดูแลกระเพาะของเราให้เต็มที่เลย 

ได้ฟังนรมนบ่น ดวงตาของกิจจาก็ชุ่มชื้นขึ้นมาทันที

 แม่ ไปฟังใครพูดมาว่าผมกระเพาะไม่ดี? กระเพาะผมไม่มีปัญหานะครับ 

 งั้นเหรอ? ถ้าดีจริงจะปวดจนหมดสติไปตอนกลางดึกได้ยังไง? กิจจา เราจะปิดบังแม่กับพ่อไปอีกนานแค่ไหน? พ่อเราพูดไว้แล้วนะ ถ้าเราไม่เชื่อฟัง หลังจากการผ่าตัดครั้งนี้เขาจะให้กานต์ลักพาตัวเรากลับมา ถึงตอนนั้นดูสิว่าพี่ชายอย่างเราจะอับอายไหม ถึงยังไงเราตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน เอาล่ะ แม่ไม่ทำให้เราเสียเวลาแล้ว ดูแลสุขภาพด้วย 

นรมนพูดจบก็วางสายไป

กิจจามองโทรศัพท์ในมือ รู้สึกตึงๆที่ช่วงคอ

มีเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเขาปวดท้องจนหมดสติไปกลางดึก นั่นก็คือณิตา

แต่ทำไมณิตาถึงได้คุยกับแม่เรื่องนี้ล่ะ?

พวกเธอสนิทกันแล้วเหรอ?

กิจจาค่อนข้างงุนงง

เขาหาเบอร์ของณิตาเจอแล้ว แต่พักใหญ่ก็ไม่ได้โทรออกไป

ไปพบเธอตอนนี้ เหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่

กิจจาถอนหายใจเบาๆ เก็บโทรศัพท์ แล้วขับรถออกไปทันที

ตอนที่กานต์ฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตนเองโดนมัดมือเอาไว้ที่ด้านหลัง ทั้งยังอยู่ในห้องที่แปลกตาด้วย

การตกแต่งภายในห้องไม่เลวเลย และค่อนข้างมีสไตล์ของกิจจาเจือปนอยู่ภายในด้วย

นึกถึงฉากก่อนที่เขาจะหมดสติไป กานต์ก็ขมวดคิ้วแน่น

เขายากที่จะจินตนาการออกมาได้ว่าจะมีวันหนึ่งที่โดนพี่ชายอย่างกิจจาวางยาสลบ

เป็นทหารมาตั้งหลายปี เขาเก็บรักษาความระแวดระวังตัวให้คงอยู่เสมอ อยู่ข้างนอกใครให้อะไรมาก็ไม่ดื่มทั้งนั้น แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าจะมีวันหนึ่งที่ตนเองต้องป้องกันตัวจากคนในครอบครัว

เป็นแบบนี้ได้ยังไง?

กานต์ทั้งกลุ้มใจ ทั้งเสียใจ

ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ไอราจะเป็นยังไงบ้าง? จะเป็นห่วงตนเองไหมนะ

กานต์พยายามขยับตัว แต่กลับพบว่าเชือกที่มัดตนเองดูแปลกๆ

เขาชะงักเล็กน้อย พลิกนิ้วมือที่อยู่ด้านหลังกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็ว

อย่างที่คิดเลย เพียงชั่วครู่เชือกก็หลุดออกมาแล้ว

กานต์อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา

เทคนิคนี้เขากับกิจจาคิดค้นออกมาตอนที่ฝึกซ้อมด้วยกันตั้งแต่เด็ก มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ทำเป็น ตอนนั้นกิจจายังพูดเล่นๆอยู่เลย ถ้ามีวันหนึ่งที่เราสองคนมองหน้ากันไม่ติด วิธีการแก้ปัญหาอย่างนี้จะมอบหนทางเอาตัวรอดให้กันและกันมากขึ้น แล้วก็ทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลงได้

เมื่อก่อนกานต์ถือว่าประโยคนี้เป็นแค่คำพูดขำๆ แต่ความจริงที่วางอยู่ตรงหน้าตอนนี้ จู่ๆเขาก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา

นี่เป็นหนทางเอาตัวรอดที่กิจจาทิ้งไว้ให้ตัวเองกับเขาใช่ไหม?

จริงๆแล้วเขาไม่อยากมัดตนเองงั้นเหรอ?

กานต์หาข้ออ้างอย่างไม่หยุดหย่อนให้กิจจาอีกครั้ง แต่ยังไงมันก็ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก

กานต์รีบทำให้เชือกกลับมาเป็นสภาพเดิม ส่วนตนเองก็หลับตาแสร้งทำเป็นหมดสติ

ไม่นานก็มีคนสองคนเดินเข้ามาในห้อง

คนหนึ่งกำลังตรวจสอบกานต์ พูดขึ้น  ฉันก็บอกอยู่ว่ายังไม่ตื่นขึ้นมาหรอก คุณชายใหญ่วางยาอย่างเต็มที่ขนาดนั้น ทำให้ช้างทั้งตัวสลบยังได้เลย คุณชายรองจะทนไหวได้ยังไง? ไปเถอะๆ ออกไปดูข่าวสักพัก คุณชายใหญ่ก็ไม่อยากให้คุณชายรองเกิดเรื่องไม่ใช่เหรอ? 

อีกคนหนึ่งกำลังมองกานต์ที่หมดสติอย่างไม่ค่อยสบายใจ รีบยื่นมือออกไปอังไว้ที่ใต้จมูกของกานต์

กานต์จึงรีบหายใจให้เป็นปกติ แสร้งหายใจขณะที่หลับอยู่

อีกคนหนึ่งรู้สึกได้ถึงอัตราการหายใจ จึงคลายกังวลลงได้

 รอบคอบหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก คุณชายใหญ่ให้พวกเราจับตาดูเขาให้ดี เราห้ามให้คุณชายรองหนีไปได้เชียวนะ ฝีมือของคุณชายรองน่ะนายก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ ถึงตอนนั้นคุณชายใหญ่โมโหขึ้นมา นายกับฉันคงเจอหายนะแน่ๆ 

ทั้งสองคนตรวจสอบอีกครั้ง แล้วถึงกลับตัวออกไป

ตอนที่ภายในห้องเงียบสงัดลงแล้ว กานต์จึงลืมตาขึ้น

เป็นพี่ใหญ่จริงๆสินะ!

หลายปีนี้พวกเขาทุกคนพากันคิดว่ากิจจาหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ เหมือนคนที่ใช้ชีวิตแบบคนหัวโบราณ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีอำนาจของตัวเอง ทั้งยังทำให้คนพวกนั้นหวาดกลัวเช่นนี้

ดังนั้นพี่ใหญ่คนดีของเขายังมีเรื่องที่เขาไม่รู้เก็บไว้อีกเท่าไหร่กันแน่? แล้วยังมีตัวตนอีกเท่าไหร่ที่เขาไม่รู้จักอีก?

ตอนนี้กานต์ค่อนข้างสับสนงุนงง ถึงขั้นรู้สึกเหมือนตนเองไม่เคยรู้จักกิจจามาก่อนเลย

 

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท