สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 26.5

ตอนที่ 26.5

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 26.5 เจ้าทำข้าเสียนิสัยหมดแล้ว! (5)
บทที่ 26 เจ้าทำข้าเสียนิสัยหมดแล้ว! (5)
โดย
Ink Stone_Romance
ฉู่สวินหยางเดินนำหน้าไปก่อน เมื่อเหยียนหลิงจวินคิดว่านางคงน่าจะถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองแล้ว เขาถึงค่อยๆ เดินออกมาจากสวนแล้วเดินเข้าไปยังห้องโถงหลักทางด้านหน้า

งานเลี้ยงฉลองจัดขึ้นตอนเที่ยงวันพอดี ฉู่สวินหยางเองก็เตรียมตัวมาได้พอประมาณแล้ว

บนที่นั่งสำหรับประธานจัดงานตรงนั้นย่อมเว้นที่ไว้ให้เต๋อเฟยกับชิ่งเฟย ผู้คนทักทายกันแล้วนั่งลงตามตำแหน่งที่จัดเอาไว้ จากนั้นหรูโม่ก็เดินเข้ามาพูดอะไรไม่รู้กับฮูหยินใหญ่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอยู่สองประโยค

วันนี้มีแขกมาที่จวนมากโข ฮูหยินใหญ่เองเป็นถึงประธานจัดงาน เดิมทีงานก็ยุ่งล้นมืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเลยจะไม่ค่อยมีใครเข้าไปยุ่มย่ามกับนางเท่าไร

ฉู่สวินหยางปรายตามองดูพวกเขา ทว่ากลับพบว่าเมื่อหรูโม่พูดจบ หน้าของฮูหยินใหญ่ก็เปลี่ยนสีไปในทันที

จากนั้นนางก็ทำเหมือนมองมาที่ฉู่สวินหยาง แต่เมื่อเห็นว่าฉู่สวินหยางสบตามองนางกลับ นางถึงได้ตัดสินใจลุกขึ้นมายิ้มให้แล้วพูดว่า “ท่านหญิง ทางห้องครัวทางนั้นกำลังตุ๋นยาบำรุงให้ชายารองอยู่ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าชายารองชอบแบบไหน อย่างไรก็แล้วรบกวนท่านหญิงช่วยไปดูกับข้าหน่อย!”

คนแซ่ฟางไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในจวนนี้มานานหลายปี คนที่ไปมาหาสู่คลุกคลีกับคนแซ่ฟางมากที่สุด ณ ที่นี้ก็มีเพียงฉู่สวินหยางคนเดียวเท่านั้น

“ได้เจ้าค่ะ!” ฉู่สวินหยางพยักศีรษะตอบรับ ร่ำลาเต๋อเฟยและคนอื่นๆ เสร็จก็เดินตามฮูหยินใหญ่ออกไป เมื่อออกมาจากเรือนก็เอ่ยถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ท่านหญิงเสียชีวิตแล้วเจ้าค่ะ!” หรูโม่กล่าวตอบ เห็นได้ชัดว่านางพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างสุดกำลัง “คนของจวนผิงกั๋วกงมาส่งข่าวการตาย เมื่อครู่ทางด้านหน้าเรือนเพิ่งรู้ข่าวกันเองเจ้าค่ะ”

“ท่านพ่อล่ะ?” ฉู่สวินหยางถาม ในขณะเดียวกันก็รีบเร่งฝีเท้าเดินไปด้านหน้าเรือน

หากฉู่อี้อันหรือฉู่ฉีเฟิง หนึ่งในสองคนนั้นอยู่ที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องให้หรูโม่เข้ามาส่งข่าวให้นางกับฮูหยินใหญ่รู้หรอก

“เมื่อท่านขันทีหลี่กลับไป ในวังก็มีพระราชโองการจากฮ่องเต้มีรับสั่งมา เรียกตัวองค์รัชทายาทให้เข้าวังเพื่อเข้ารับการประชุม คังจวิ้นอ๋องเองขออนุญาตพระชายารองแล้ว เจี่ยงลิ่วก็ตามไปแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ” หรูโม่ตอบ

ทำไมฉู่เยว่เหยาถึงได้เสียชีวิตตอนนี้? ตั้งใจมาหาเรื่องนางถึงที่ชัดๆ

ฉู่สวินหยางไม่เชื่อเรื่องบังเอิญพวกนี้ วันนั้นหลังจากที่นางไปจวนผิงกั๋วกง นางก็สัมผัสได้ว่าท่าทีของพวกสกุลเจิ้งนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก แล้วทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงเปลี่ยนใจไปเล่า?

แต่เมื่อนึกถึงว่าจวนอ๋องหนานเหอประกาศข่าวคราวการแต่งงานกับสกุลเจิ้งเข้า ฉู่สวินหยางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา…

เดิมทีนางคิดว่าฉู่ฉีเหยียนคงไม่คิดที่จะใช้วิธีเยี่ยงนี้ นางคงประเมินความสามารถของเขาสูงเกินไปสินะ?

ระหว่างที่นางคิดอยู่ นางก็เดินมาถึงด้านหน้าเรือนพอดี ด้วยความที่เจ้าภาพงานยังไม่มา งานเลี้ยงฉลองจึงยังไม่ได้เริ่มจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีกลุ่มฝูงชนมุงดูกันแน่นขนัดอยู่ในลานบ้าน เห็นได้ชัดว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน

ข้ารับใช้คนหนึ่งร้องไห้โอดครวญคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง มองดูแล้วรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา แต่นึกไม่ออกว่าคือใคร

“เป็นข้ารับใช้ที่ติดตามท่านหญิงไปตอนนั้นเจ้าค่ะ นางชื่อจวี๋เซียง” หรูโม่บอกเสียงเบา

คราวนี้ฉู่สวินหยางก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ดูท่าคงเป็นแค่ข้ารับใช้ที่คอยช่วยทำธุระจุกจิกให้นาง ปกติแล้วฉู่สวินหยางรู้จักข้ารับใช้ข้างกายของฉู่เยว่เหยาทุกคนเป็นอย่างดี อีกอย่างตอนที่ฮูหยินเจิ้งตัดสินใจขึ้นรับตำแหน่งตอนนั้น นางก็จัดการทุกอย่างที่คาดว่าจะก่อให้เกิดเรื่องไปจนหมดสิ้นแล้ว ถึงได้ทำให้ฉู่เยว่เหยามีชะตากรรมอันโดดเดี่ยวปราศจากการช่วยเหลือตอนอยู่ในครอบครัวสกุลเจิ้งเยี่ยงนั้น

แต่ตอนนี้นางข้ารับใช้ที่คาดไม่ถึงกลับปรากฏตัวขึ้นมา คงยากที่จะปักใจเชื่อ หากบอกว่าไม่มีคนวางแผนลับหลังเรื่องนี้อยู่

ตอนนี้ฉู่ฉีเฟิงยังไม่มา

“ท่านหญิง ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ!” เมื่อจวี๋เซียงเห็นพวกนางสองคนก็รีบเช็ดน้ำตา แล้วพูดขึ้นอย่างเศร้าโศกเสียใจว่า “พวกท่านรีบมาดูเถิด ท่านหญิงนาง…ท่านหญิงนาง…เสียชีวิตแล้วเจ้าค่ะ”

เมื่อนางพูดจบนางก็ร้องไห้โฮออกมาอีกรอบ

ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ในวันมงคลแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรมันก็โชคร้ายจริงๆ

สีหน้าของฮูหยินใหญ่ไม่ค่อยสู้ดี นางพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ยังไม่รีบลุกขึ้นมาอีก ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าในจวนยังมีแขกคนอื่นอยู่?”

จวี๋เซียงเห็นนางโกรธใบหน้าบึ้งตึงก็ตกใจกลัว เสียงสะอื้นร้องไห้นั้นหยุดชะงักลง หลบสายตาก้มมองลงต่ำ

ในระหว่างที่พวกนางพูดคุยกันอยู่ ฉู่ฉีเฟิง ฮูหยินรอง แล้วก็ฉู่เยว่ซินก็รีบตามเข้ามาหลังจากได้ยินเสียงโวยวายขึ้น

ฉู่เยว่ซินเอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “เป็นไปได้เยี่ยงไรกัน? ทำไมพี่ใหญ่ถึงได้เสียชีวิตไปเยี่ยงนี้เล่า?”

“หลังจากที่พระชายารองสิ้นใจไป ท่านหญิงก็เอาแต่ตรอมใจจนป่วยไม่สบายหนักหนาสาหัส ที่จริงแล้ว…ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกเจ้าค่ะ” จวี๋เซียงอ้ำอึ้งกล่าวตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ

ที่จริงพวกนางก็ได้ข่าวว่าฉู่เยว่เหยาไม่สบายมานานแล้ว แต่จู่ๆ นางสิ้นใจไปแบบนี้ มันทำให้ผู้คนต่างรู้สึกตกใจอยู่พอสมควร

จวี๋เซียงก้มศีรษะ แอบเช็ดน้ำตาไปสองที จากนั้นค่อยเงยหน้ามองฉู่ฉีเฟิงด้วยท่าทางขอร้องอ้อนวอนว่า “จวิ้นอ๋อง ท่าน…”

ไม่ต้องรอให้ฉู่ฉีเฟิงเอ่ยปากพูด ทันใดนั้นก็มีคนพูดแทรกขึ้นว่า “ในเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นในจวน งั้นจวิ้นอ๋อง ข้ากับพวกคนอื่นๆ คงต้อง…”

“ตอนนี้ท่านพี่เป็นคนของสกุลเจิ้ง ถึงแม้จะต้องทำพิธีศพให้นาง แต่มันคงไม่จำเป็นต้องถึงมือพวกข้าวังบูรพาจัดการหรอกกระมัง” ฉู่ฉีเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ท่าทางเย็นชาไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ “เป็นความผิดของพวกข้าเอง ที่ทำให้แขกทุกท่านในจวนตกใจ ใต้เท้าและฮูหยินทุกท่าน วันนี้อุตส่าห์ให้เกียรติมาร่วมพิธีสาบานตนของน้องสาวทั้งสองคนของข้า ตอนนี้พวกเราจัดตำแหน่งที่นั่งในงานเลี้ยงฉลองไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เชิญทุกท่านเข้าประจำที่เถิดขอรับ!”

วันนี้เป็นวันพิธีสาบานตนของฉู่สวินหยาง แต่กลับมีคนมาหาเรื่องพวกนางถึงที่แบบนี้เอาเสียได้

ใบหน้าของฉู่ฉีเฟิงไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการตายของฉู่เยว่เหยา หรือสถานการณ์อันวุ่นวายในงานเลี้ยงตรงหน้ากันแน่

เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วมองไปยังฉู่สวินหยาง

ถึงแม้ฉู่เยว่เหยาจะออกเรือนไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรวังบูรพาก็ถือเป็นครอบครัวของนางอยู่ดี แล้วตอนนี้ในเมื่อสกุลเจิ้งมาแจ้งข่าวการตายเข้า หากพวกเขาไม่พูดถึงหรือเอ่ยถามเรื่องนี้เลย คงไม่น่าชื่นชมสักเท่าไร

แต่ตอนนี้ฉู่อี้อันก็ไม่อยู่ แล้วถ้าฉู่ฉีเฟิงต้องออกไปอีก งั้นแขกผู้ชายที่มาแสดงความยินดีที่หน้าเรือนตรงนี้คงถูกปล่อยปะละเลยเป็นแน่

“ท่านพี่!” ฉู่สวินหยางรีบส่งเสียงเรียกเขา พูดต่ออย่างไม่รอช้าด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ตอนนี้ท่านพ่อไม่อยู่ ท่านพี่กับฮูหยินใหญ่ไปต้อนรับแขกก่อนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปจวนผิงกั๋วกงเอง”

ฉู่ฉีเฟิงไม่อยากให้นางรู้สึกน้อยใจ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เขาจะชักช้าไม่ได้ จึงพยักหน้าอย่างไม่คิดอะไรมาก ตบไหล่นางเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าสั่งให้คนเตรียมของขวัญแทนคำเสียใจไว้ให้”

“เจ้าค่ะ!” ฉู่สวินหยางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย สีหน้าท่าทางสงบนิ่ง ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเลยที่มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นในวันพิธีสาบานตนของตัวเอง

ฉู่ฉีเฟิงกล่าวขอโทษอีกครั้ง แล้วพาแขกผู้ชายเข้าไปในงาน

“ท่านหญิง…” ฮูหยินเอ่ยเสียงเรียกนาง แต่สุดท้ายก็ทำเพียงแค่ถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

แววตาฉู่เยว่ซินส่องประกายขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยถามขึ้นว่า “เหมือนว่าวันนี้คุณหนูเจิ้งก็มานะเจ้าคะ ไม่งั้น…”

“ชิงเถิง เจ้าไปพาตัวคุณหนูเจิ้งกลับไปพร้อมกันเถอะ อย่าทำให้แขกคนอื่นตื่นตระหนกเข้าล่ะ!” ฉู่สวินหยางกล่าว

ฉู่เยว่ซินเป็นคนไม่ค่อยพูด การที่นางพูดถึงเจิ้งเยียนขึ้นมา แสดงว่าต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่นอน แต่ฉู่สวินหยางเองก็คร้านที่จะเก็บไปนึกคิด นางก้าวเท้าเดินไปหลังเรือนเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับชนเข้ากับใครบางคนอย่างไม่ทันตั้งตัว ในแววตาของคนคนนั้นมันอบอุ่นและแฝงไปด้วยรอยยิ้ม

ฉู่สวินหยางตกใจชะงักไป จากนั้นถึงค่อยนึกออกว่าคนคนนั้นคือหลัวเถิง ซื่อจื่อแห่งจวนหลัวกั๋วกงที่นางเพิ่งเจอเมื่อวันมะรืน

แววตาที่อีกฝ่ายมองนางมันช่างรู้สึกสบายใจและอ่อนโยนยิ่งนัก เมื่อเขาเห็นนางมองมา เขาก็ยิ้มแล้วก้มศีรษะให้หนึ่งที

ฉู่สวินหยางเองก็ก้มศีรษะตอบเขาเป็นมารยาท จากนั้นมุ่งหน้าเดินไปหลังเรือนต่อ

หลัวเสียงมองหลัวเถิงเป็นคู่อริของตนมาโดยตลอด ปกติแล้วเขาเองก็จับตามองนางเป็นพิเศษอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าช่วงนี้สมาธิเกือบทั้งหมดของเขาเองก็จดจ่อไปที่วังบูรพาและฉู่สวินหยางด้วยเหมือนกัน ท่าทางเด็ดเดี่ยวของหญิงสาว เมื่อกี้ทำให้เขารู้สึกตกใจอยู่เล็กน้อย เดิมทีเขาอยากจะยืนดูต่ออีกสักหน่อย แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เมื่อครู่ไป เขาก็ค้นพบว่าพี่ชายของตนก็ชื่นชอบพออกพอใจหญิงคนนั้นอยู่เหมือนกัน

มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแค้นเคือง จนแทบจะทำให้ระเบิดอารมณ์ออกมา

————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน