สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 27.1

ตอนที่ 27.1

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 27.1 ฉู่ฉีเหยียน (1)
บทที่ 27 ฉู่ฉีเหยียน (1)
โดย
Ink Stone_Romance
การเคลื่อนไหวเล็กๆ ของสองคนนั้น ฉู่สวินหยางไม่อาจตรวจสอบได้ทั้งหมด ในใจยังคงพะวงอยู่แต่กับเรื่องของฉู่เยว่เหยา จึงรีบกลับเรือนมาผลัดเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสีอ่อนลงดูเรียบง่ายออกมา

เวลานี้ เจิ้งเยียนก็ถูกชิงเถิงเชิญตัวมาแล้ว และด้านข้างยังมีฉู่ฉีเหยียนที่มีท่าทีเคร่งขรึมยืนอยู่ด้วย

“ท่านหญิง ได้ยินว่าพี่สะใภ้ของข้าเกิดเรื่อง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่?” เจิ้งเยียนมีสีหน้าร้อนรนใจ ก้าวเท้าเร็วๆสองก้าวเข้ามา ราวกับรู้สึกยากที่จะเชื่อ “ตอนที่ข้าออกมาตอนเช้าตรู่นางก็ยังดีๆ อยู่เลย”

เกี่ยวกับสาเหตุการตายของฉู่เยว่เหยา จวี๋เซียงกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาอย่างชัดเจน แต่ว่าไม่ต้องคิดก็รู้กันดีว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอีกแน่นอน

ฉู่สวินหยางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยที่มุมปากพลางกล่าว “ไปดูที่จวนกั๋วกงก็จะรู้เอง”

ฉู่ฉีเหยียนค่อยๆ ถอนหายใจออกมา เดินขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าวเช่นกัน “ไปเถิด ข้าจะไปเป็นเพื่อนพวกท่านเอง!”

จวนกั๋วผิงกงเป็นสกุลของท่านตาของเขา ถ้าเขาไปด้วยก็นับว่าสมเหตุสมผล

ฉู่สวินหยางเหลือบมองเขาหนึ่งที ก่อนจะเดินนำออกไปที่หน้าประตูใหญ่

ฉู่ฉีเหยียนไม่ได้พูดอะไร สะบัดชายเสื้อขึ้นก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ ตามกันไป

เจิ้งเยียนรั้งท้ายอยู่ด้านหลัง ขบกัดมุมปากอย่างเงียบเชียบแล้วจึงยกชายกระโปรงเดินตามไป

รถม้าที่อยู่ด้านนอกได้เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เจิ้งเยียนนั้นย่อมต้องนั่งรถม้า ในขณะที่ฉู่สวินหยางยกชายกระโปรงกำลังจะขึ้นไปบนรถม้า กลับถูกฉู่ฉีเหยียนตีหน้าตายยกมือขวางเอาไว้ก่อน “ขี่ม้าเถอะ นานแล้วที่ไม่ได้เจอเจ้า พวกเรามาคุยกันสักหน่อย”

ท่าทางของเขาสุขุมและอ่อนโยน กลับแผ่ความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ยากที่จะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา

คนสองคน สบสายตามองกัน ฉู่สวินหยางไม่ได้พูดปริปากพูดอะไร

เจิ้งเยียนที่เพิ่งจะออกมาจากประตู เมื่อพบคนทั้งสองยืนจ้องหน้ากันอยู่จึงกล่าวอย่างมึนงง “ท่านพี่ ท่านหญิง มีอันใดกันรึ?”

“ไม่มีอันใด เจ้าขึ้นรถม้าเถอะ ข้ากับท่านหญิงจะขี่ม้าตามไป” ฉู่ฉีเหยียนกล่าว เมื่อยกมือ หลี่หลินก็ส่งบังเหียนม้ามาให้เขา

เจิ้งเยียนมองสลับระหว่างสองคนไปมา กลับไม่พบพิรุธใดใด แม้ว่าในใจลึกๆ จะรู้สึกแปลกๆ แต่ในเวลานี้สิ่งที่นางกำลังครุ่นคิดมากที่สุดกลับเป็นเรื่องอื่น ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากก็ขึ้นรถม้าไป

ฉู่ฉีเหยียนหยุดอยู่ตรงนี้ราวกับจะไม่ยอมปล่อยให้ไปง่ายๆ

ฉู่สวินหยางก็ไม่หลีกทางเช่นกัน ทั้งสองคนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพัก ท้ายที่สุดฉู่สวินหยางจึงค่อยๆ หันไปพยักหน้าลงให้กับเฉี่ยนลวี่

เฉี่ยนลวี่นำอานม้ามาให้นางก่อนที่ตัวเองจะกระโดดขึ้นด้านหน้ารถไป

คนกลุ่มนั้นกระตุกบังเหียนม้าออกมาจากตรอก ฉู่ฉีเหยียนและฉู่สวินหยางนำอยู่ด้านหน้า ส่วนรถม้าของวังบูรพาและจวนผิงกั๋วกงตามมาอยู่ด้านหลัง พวกองครักษ์เบี่ยงตัวรั้งไปด้านหลังเพื่อรักษาระยะห่างอย่างรู้งาน

“ท่านมีเรื่องอยากจะพูดกับข้า?” เป็นฉู่สวินหยางที่เริ่มเอ่ยปากถามก่อน

ฉู่ฉีเหยียนเผยสีหน้าราบเรียบ เอาแต่เหลือบมองไปยังถนนด้านหน้า

“สงครามทางด้านเป่ยเจียงที่มีท่าทีพลิกกลับเช่นนี้ เป็นฝีมือวังบูรพาของเจ้าหรือเหยียนหลิงจวินกันแน่?”

เขาถามอย่างตรงไปตรงมา แท้ที่จริงก็ไม่นับว่าเป็นคำถามที่จะเอาคำตอบด้วยซ้ำ พูดให้ถูกก็คือถามเพื่อที่จะยืนยันเสียมากกว่า ราวกับคาดคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขา

ฉู่สวินหยางอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขา “รู้ได้อย่างไร?”

“ข้าเหมือนกับว่าจะไม่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับซูหลินมาช่วงหนึ่งแล้ว” ฉู่ฉีเหยียนกล่าวพลางเบือนหน้าไปหานาง กล่าวด้วยท่าทีเรียบนิ่ง “ระหว่างเจ้าและซูหลินมิใช่ความแค้นเคืองที่ตื้นเขิน คนอย่างเจ้าอย่างไรก็คงไม่มีทางที่จะปรับความเข้าใจกับเขาได้อีกแล้ว ศัตรูคู่อาฆาตเช่นนี้ยิ่งกำจัดเร็วขึ้นเท่าไรก็ยิ่งสบายใจเร็วขึ้นเท่านั้น หากไม่ใช่ว่ามีเหตุผลที่ทำให้เจ้าจำเป็นต้องรอ ครั้งที่แล้วในห้องพิจารณาคดีที่ศาลต้าหลี่เจ้าก็คงจะจัดการเขาไปแล้วล่ะ?”

คนอื่นอาจจะมองไม่ออก แต่หากเป็นคนสองฝ่ายที่ข้องเกี่ยวกัน ฉู่ฉีเหยียนและฉู่สวินหยางกลับรู้ดีอยู่แก่ใจ ครั้งนั้นเป็นเพราะฉู่สวินหยางยอมอ่อนข้อให้ซูหลินจึงรอดตัวออกมาได้

“เหตุใดเจ้ายังปล่อยเขาเอาไว้? นอกเสียจากว่า เพื่อให้เขารักษาตำแหน่งของซื่อจื่อจวนอ๋องหนานเหอไว้ชั่วคราวเท่านั้น” ฉู่ฉีเหยียนกล่าวต่อ อีกทั้งไม่รั้งรอให้ฉู่สวินหยางได้พูดก็กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าตรวจสอบมาแล้ว ปีที่ผ่านมาจู่ๆ กองทัพ เป่ยเจียงก็ปรากฏผู้ช่วยทหารที่มีความสามารถโดดเด่นขึ้นมา มักจะเสนอกลยุทธ์พลิกสถานการณ์ของสงคราม คนผู้นี้แม้จะเอาแต่เร้นกายทำอยู่เบื้องหลัง ทั้งยังไม่มียศติดกับตัว แต่ว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องเป็นผู้ที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้อยู่แน่ ซูชิงสุ่ย? เขาสกุลซู หากเดาไม่ผิด เขาคงจะเป็นซูอี้ คนสกุลซูผู้ที่พ่อลูกซูหลินไม่ชอบหน้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรสินะ?”

ซูอี้ไปเป่ยเจียง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่ที่กำลังจะตามมา เดิมทีแล้วไม่ได้เดินบนเส้นทางของราชสำนัก แต่กลับแอบเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังอย่างลึกลับ

และก็เพราะเหตุนี้ ดังนั้นจึงสามารถควบคุมสถานการณ์อย่างลับๆ ได้นานขนาดนี้

แต่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจซ่อนตัวอยู่ได้ตลอดไป ฉู่ฉีเหยียนค้นพบตัวตนของเขาไปก่อนหนึ่งก้าวนั่นไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอันใด

“ใช่แล้วอย่างไร? ไม่ใช่แล้วอย่างไร?” แม้ว่าเขาจะคาดเดาได้อย่างแม่นยำทั้งหมด แต่ฉู่สวินหยางเพียงแค่แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา

“ไม่อย่างไร เพียงแค่เมื่อก่อนข้ากลับพลาดไปที่ไม่ได้ค้นพบว่าเขาเป็นผู้ที่มากความสามารถ” ฉู่ฉีเหยียนดึงมุมปากล่างไว้ กลับไม่กลายเป็นรอยยิ้มขึ้นมาแต่อย่างใด ก้มหน้าเล่นบังเหียนในมือพลางกล่าว “สงครามของเป่ยเจียงพลิกกลับอย่างฉับพลัน แน่นอนว่าต้องมีคนวางกลยุทธ์ ฉวยโอกาสตอนที่ฤดูหนาวอากาศแห้ง วางเพลิงเผาทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่ชนเผ่านอกด่านอาศัยเลี้ยงชีพ ทั้งยังใช้โอกาสตอนที่ศัตรูอ่อนแอขับไล่พวกเขาออกไป หลังจากนั้นเมื่อพวกเขาอยู่ที่ระหว่างเมืองชายแดนก็อาศัยปลูกพืชเมล็ดพันธุ์ เมื่อเห็นว่าผ่านไปสามเดือน พืชพันธุ์ที่ปลูกลงดินกลับไม่งอกงาม เรื่องนี้จึงก่อให้เกิดความตื่นตระหนกเป็นวงกว้าง”

ชนเผ่าเร่ร่อนนอกด่านนั้นเหี้ยมหาญ แต่ไม่ว่าจะดุดันอาจหาญอย่างไรก็ยังต้องอาศัยข้าวกินทั้งต้องการเสื้อผ้าสวมใส่สภาพอากาศของเป่ยเจียงนับว่าเลวร้าย อุณหภูมิในช่วงเหมันตฤดูล้วนแต่พบเห็นวัวแกะตัวใหญ่หนาวแข็งตายจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา อาศัยพวกเขาที่เป็นคนเลี้ยงสัตว์แล้วบางครั้งก็อาจปลูกพืชผลที่ทนความหนาวทดแทน

แต่ทว่ากลอุบายของซูอี้ที่ทำออกมา กลับตัดเส้นทางทำมาหากินของพวกเขาทั้งสองทาง ทำให้พวกเขาเกิดความหวาดกลัวนับเป็นเรื่องที่ถูกแล้ว จากนั้นกองทหารรักษาการณ์ของราชสำนักที่อยู่เจียงเป่ยก็ฉวยโอกาสจัดการตอนที่ศัตรูอ่อนแอ เอาชัยชนะได้อย่างสวยงาม

กลอุบายเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นแผนที่ลึกล้ำอันใด เพียงแค่แต่ไหนแต่ไรไม่อาจมีใครกล้าตัดสินใจบุ่มบ่ามทำเรื่องเช่นนี้ อย่างไรการเผาฆ่าทำลายล้างที่เป่ยเจียงก็เป็นแค่คนส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ที่ตัดขาดได้อย่างสิ้นเชิงก็คือทางรอดของพวกชนเผ่าเร่ร่อนนอกด่าน

ฉู่สวินหยางรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เมื่อได้ฟังก็ยิ้มสรวลขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวว่า “ศึกสงครามอย่างไรก็หนีไม่พ้นการวางกลอุบาย หลายปีมานี้ชนเผ่านอกด่านพวกนั้นล้วนแต่ก่อกรรมทำชั่วอยู่แถวชายแดน ชีวิตของประชาชนชาวซีเยว่ที่เสียไปก็ใช่ว่าจะน้อยเสียเมื่อไร? เวลานี้ท่านจะเอาเรื่องคุณธรรมมาพูดกับพวกเขางั้นรึ? ไม่รู้สึกว่าเป็นผู้ใจดีมีเมตตาไปหน่อยรึ?”

ผู้ปกครองแต่ละยุคที่ผ่านมาล้วนให้ความสำคัญถึงคุณธรรมความเมตตาเป็นหลัก ดังนั้นแม้ว่าอนารยชนพวกนั้นจะเข่นฆ่าผู้คนอย่างไร ราชสำนักยังคงยืนยันที่จะเชื่อฟังทำตามประสงค์นั้น ไม่ได้ใช้วิธีเด็ดขาดในการปราบปราม

เหตุผลเหล่านี้เป็นหลักการง่ายๆ แต่ว่าหากหลุดออกมาจากปากสาวน้อยอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเช่นนี้ ยังคงนับเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเหนือความคาดหมายและตกใจอยู่บ้าง

—————————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน