สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 31.2

ตอนที่ 31.2

บทที่ 31 หน้าไม่อาย แล้วแต่ท่านเถิด (2)
Ink Stone_Romance
ดังนั้น หลังจากเกิดเรื่องขึ้นจึงมีคนยอมเสี่ยงอันตรายเข้ามาในวังบูรพา เพื่อขโมยของสิ่งนั้นออกไป และนำไปไว้ที่หลัวฮองเฮาเพื่อใส่ร้ายป้ายสี

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ทำให้ฮูหยินรองหลัวตาย และแฝงตัวอยู่ในตำหนักของฮองเฮาเป็นพวกเดียวกันเช่นนั้นหรือ?” เหยียนหลิงจวินสูดลมหายใจเข้าทีหนึ่ง มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยมีความหยอกล้ออยู่หลายส่วน

เพราะการตายของฮูหยินรองหลัวที่เกิดขึ้นเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้เป็นเรื่องหลักก่อนแล้ว ต่อมาเมื่อเกิดเรื่องวางยาพิษพระชายารองแซ่ฟาง จึงทำให้ฮองเฮาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้อย่างดิ้นไม่หลุด

เรื่องราวทั้งหมดดูเหมือนเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่กลับมีความเชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาด แต่ละก้าวล้วนวางแผนเอาไว้อย่างไร้ที่ติ

ฉู่สวินหยางยิ้ม แต่ทว่าในรอยยิ้มนั้นมองไม่เห็นความผ่อนคลายแม้แต่น้อย

เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของนางและฉู่ฉีเฟิง และไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหยียนหลิงจวิน

เพราะต่อให้พวกเขามีใจคบคิด ทว่าก่อนที่คนแซ่ฟางจะดื่มยาพิษ นางไม่เคยบอกกล่าวอันใดกับพวกเขาไว้ก่อน แล้วผู้ใดเล่าที่สามารถวางแผนได้อย่างแยบยลในระยะเวลาอันสั้น และทำได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นนี้?

ดังนั้น…

เหยียนหลิงจวินจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่าในมือของคนแซ่ฟางยังมีคนของนางอยู่

“เป็นไปไม่ได้” ฉู่สวินหยางเอ่ยขึ้น “เจ้าคิดว่าท่านพ่อข้าเป็นคนเบบไหนกัน? หากนางยังมีไพ่อยู่ในมือแล้ว คนที่ท่านพ่อจะสงสัยเป็นคนแรกก็คือนาง มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน…“

ฉู่สวินหยางพูดแล้วพลันหยุดพูดเอง

นางเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้วควรจะปฏิบัติตนต่อคนแซ่ฟางเช่นไร พูดมากเกินไป แม้แต่ตัวเองก็เกิดความเอือมระอา

อย่างไรในสายตาของผู้อื่นแล้วคนแซ่ฟางเปรียบเสมือนผ้าขาวผืนหนึ่ง ต่อให้ฉู่อี้อันรู้ว่านางมีลับลมคมใน แต่ในระยะเวลาหลายปีมานี้ นางอยู่ในกฎระเบียบทุกอย่าง ไม่เคยทำความผิดแม้สักครึ่งครั้ง ดังนั้นหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ฉู่อี้อันจึงไม่รู้สึกคลางแคลงใจในตัวนางแม้แต่น้อย

กลับเป็นหลัวฮองเฮาผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับนางมาตลอดชีวิต ถูกผลักออกไปอยู่ท่ามกลางอันตราย ไม่ว่าจะเป็นการลอบฆ่าคน การวางยาพิษ แต่ละอย่างล้วนมีเหตุมีผลสนับสนุน

สีหน้าของเหยียนหลิงจวินมีความสงสัยอยู่หลายส่วน จึงทำการตรวจสอบทั่วบริเวณในเรือนนี้อีกครั้งและพูดว่า “อย่างน้อยตามสถานการณ์นี้ ไม่ว่าเบื้องหลังผู้ที่กระทำการในเรื่องนี้จะเป็นผู้ใดก็ตาม คนผู้นั้นมีเป้าหมายเดียวกับเจ้า…”

เรื่องนี้เมื่อพูดขึ้นมาแล้ว พวกเขาไม่ได้สูญเสียอันใด ซ้ำยังกำจัดหนามยอกอกชิ้นใหญ่อย่างหลัวฮองเฮาออกไปได้

ฉู่สวินหยางขมวดคิ้วมองเขา “ท่านคิดว่าเป็นฝีมือของผู้ใดที่กระทำเช่นนี้?”

เหยียนหลิงจวินส่ายหน้าไปมา มองเห็นนางขมวดคิ้วแน่น ดูท่าทางมิอาจคลายความกังวลของนาง จึงยื่นมือโอบไหล่เข้ามาในอ้อมอกแล้วกระชับกอดเบาๆ “เวลานี้อย่าเพิ่งคิดมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดต้องรอให้ท่านพ่อของเจ้ากลับมาจากวังหลวงค่อยว่ากัน”

“อืม” ฉู่สวินหยางพยักหน้า ทว่าในใจนั้นกลับเหมือนถูกถ่วงเอาด้วยก้อนหินลูกหนึ่งที่วางไม่ลง

เรื่องราวครั้งนี้ สำหรับพวกเขาแล้วถือว่าราบรื่นเกินไปจนน่าประหลาดใจ

สายตาของนางเคลื่อนย้ายจากเรือนร่างของเหยียนหลิงจวิน กลับไปมองคนแซ่ฟางที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง

หรือว่าทั้งหมดนี้เป็นการกระทำของคนแซ่ฟางทั้งหมด?

หากในมือของสตรีผู้นี้ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ฟังคำสั่งจากนาง นางจะสามารถปิดบังฉู่อี้อันมาได้หลายปีเช่นนี้หรือ แผนการของสตรีนางนั้นช่างล้ำลึกเกินกว่าที่มองเห็นในตอนนี้อีกมากทีเดียว

แต่จะเป็นนางจริงๆ หรือไม่?

ข่าวที่วังหลวงประกาศออกมาเมื่อแรกนั้นคือหลัวฮองเฮาทรงมีพระอาการโรคเก่ากำเริบและประชวรสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน

ฮ่องเต้เห็นแก่ความหลังครั้งก่อนจึงให้นางมีหน้ามีตาตามธรรมเนียมมารยาท ทรงพระราชทานเพลิงศพในฐานะของฮองเฮาตามประเพณีทุกประการ รับรองเกียรติของนางในฐานะมารดาของแผ่นดินครั้งสุดท้าย

ส่วนทางฝ่ายวังบูรพามีข่าวเล็ดลอดออกมาอย่างเงียบๆ ด้วยเหตุที่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์จากอาการประชวร พระชายารองจึงยังคงพำนักอยู่ในเมืองหลวงเพื่อร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงของฮองเฮา

ไม่ว่าเมื่อก่อนจะมีเรื่องทะเลาะบาดหมางกันจนแทบจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลจบลงพร้อมกับการตายของหลัวฮองเฮา

ในวังหลวงจัดงานพิธีอย่างเป็นระเบียบ มีคนทุกข์ระทม และมีทั้งคนเสแสร้งเป็นทุกข์ แต่บรรยากาศภายในเมืองหลวงก็ถูกครอบคลุมด้วยเรื่องดังกล่าวจนเงียบสงัดไปพักหนึ่ง

และบรรยากาศเช่นนี้ย่มเกิดขึ้น โดยเฉพาะยิ่งการแสดงออกของสกุลหลัว เรือนหลัวกั๋วกง

“ไฉนจึงเป็นเช่นนี้? ด้วยเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?” หลัวเสียงเดินวนเวียนไปมาอย่างไม่อยากยอมรับอยู่ในเรือนของตน กล่าวประโยคเดิมนั้นซ้ำไปซ้ำมา

วันนั้นหลัวฮองเฮาเพิ่งจะส่งข่าวแจ้งว่าเรื่องการแต่งงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับวังบูรพานั้นสำเร็จแล้ว แต่ไฉนแค่เพียงชั่วพริบตาเดียว เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเรื่องราวกลับตาลปัตรเช่นนี้

ฮูหยินรองหลัวได้ผูกคอตาย เขาและหลัวอวี่ก่วนเมื่อทราบเรื่องแทบจะตกใจจนทึมทื่อไปแล้ว คิดจะเข้าวังไปหาหลัวฮองเฮาเพื่อทวงความยุติธรรม แต่คิดไม่ถึงว่าแม้แต่หลัวฮองเฮาก็มีข่าวแพร่งพรายออกมาว่าได้สิ้นพระชนม์แล้วเช่นกัน

สองพี่น้องอยู่ดีๆ กลับไร้ซึ่งเสาหลักเป็นที่พึ่ง

ความรู้สึกนั้นช่างคล้ายกับการตกจากที่สูงลงมาสู่ผืนดินก็ไม่ปาน

หลัวอวี่ก่วนในอาภรณ์ไว้ทุกข์สีขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าเรียวเล็กของนางนั้นขาวยิ่งกว่าอาภรณ์ไว้ทุกข์ที่สวมอยู่ บนใบหน้าไร้ซึ่งสีเลือดแต่งแต้ม เหมือนหุ่นเชิดที่ขาดการรับรู้ไปเสียอย่างนั้น ไม่ว่าหลัวเสียงจะพูดเช่นไร นางกลับทำราวว่าไม่ได้ยินเรื่องอันใด

หลัวเสียงได้แต่เดินวนไปมารอบหนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากนางก็พาลหงุดหงิดขึ้นมา จึงเดินไปเบื้องหน้านาง แล้วถามอย่างอดรนทนไม่ไหวว่า “อวี่ก่วน เจ้าช่วยพูดอะไรบ้าง ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรกันดี?”

หลัวอวี่ก่วนที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนนั้นถูกเขารบกวน จึงได้เงยหน้าเงยตาขึ้นมาอย่างงงวย “อะไร?”

“ข้าพูดถึงเรื่องท่านแม่” หลัวเสียงกล่าวพร้อมกับกำหมัดอย่างเคียดแค้น สายตานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา โกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด “ท่านแม่เป็นคนแบบไหนเจ้าย่อมรู้ดีกว่าข้า อยู่ดีๆ ไฉนนางจะคิดสั้นได้เล่า? หรือเจ้าไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติ?”

ฮูหยินรองหลัวนั้นไม่มีความกล้าพอที่จะร้องเรียกหาความตาย จุดนี้พวกเขาพี่น้องแน่ใจเป็นที่สุด

หลัวอวี่ก่วนขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าความคิดของนางไม่ได้อยู่ตรงนี้ นางพูดขึ้นอย่างใจร้อนกว่าเขาที่เป็นพี่ชายว่า “มิใช่ท่านไม่ได้ตรวจสอบดู ก่อนและหลังเกิดเรื่องไม่มีผู้ใดได้เข้าไปเหยียบในเรือนของท่านแม่ ท่านลุงใหญ่โมโหใหญ่โต หากพวกเรายังไปก่อเรื่องวุ่นวายอีก…ท่านต้องการให้เขาไล่พวกเราออกไปจึงจะพอใจใช่หรือไม่?”

“แต่ว่า…“ หลัวเสียงอ้าปากพะงาบๆ สุดท้ายก็ได้แต่ต่อยหมัดลงบนโต๊ะครั้งหนึ่งอย่างหงุดหงิด

ก่อนที่จะเกิดเรื่องประมาณหนึ่งเค่อเขากำลังจะได้แต่งงานฉูสวินหยางเข้ามาเป็นชายา และวาดฝันอันสวยงาม ต่อให้มีการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างขึ้น เช่นนี้

มันเร็วเกินไปหรือไม่?

ฮูหยินรองหลัวตายไปแล้วยังไม่เท่าไร สิ้นหลัวฮองเฮาแล้วนี่สิ ชะตาชีวิตอนาคตของเขาย่อมถูกพับเก็บไปด้วย

หลัวกั๋วกง? นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขาไม่กล้าคาดหวังอีกต่อไป

คิดอย่างไร ก็ยากที่จะถอดใจ

“การตายของท่านแม่ ต้องเป็นฝีมือของพวกเรือนใหญ่” หลัวเสียงพูด สายตาของเขาที่จ้องหลัวอวี่ก่วนเต็มไปด้วยความมั่นใจที่ต้องการสื่อให้หลัวอวี่ก่วนเข้าใจ

หลัวอวี่ก่วนถูกเขาจ้องจนในใจนั้นเกิดความโกรธแค้นดังเปลวไฟที่แผดเผา จึงลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้ออย่างฉุนเฉียว “ท่านอย่ามาคาดหวังอันใดกับข้านัก มาถึงยามนี้ท่านกับข้าสามารถมีที่ให้ยืนอยู่ในสกุลหลัวอย่างมีฐานะก็ถือว่า

ยังไม่เลวร้าย อย่าได้เอ่ยว่าท่านไม่มีหลักฐาน ต่อให้ท่านมีหลักฐานการทำร้ายท่านแม่ของคนในเรือนใหญ่…ไม่มีฮองเฮาคอยช่วยเหลือ ผู้ใดจะไปหาเรื่องกับหลัวกั๋วกงเล่า ไหนต้องมาช่วยท่านกับข้าที่ไม่มีชื่อเสียงตำแหน่งใดๆ เลย? อยากก่อเรื่องท่านก็เชิญไปก่อเรื่อง แต่ข้าไม่ไป”

หลัวเสียงเห็นนางเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ไม่น่าดูขึ้นมาอย่างทันใด

แต่ถลึงตามองนางอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่มีความคิดหรือแผนการอันใด จึงได้แต่ส่งเสียง ‘ฮึ’ อย่างเย็นชาแล้วเดินจากไป

หลัวอวี่ก่วนได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาที่จากไปแล้ว สีหน้าก็ดำทะมึนลงอีก

เซียงเฉ่าเดินขึ้นมาจากด้านข้าง กล่าวเตือนด้วยความใจกล้า “คุณหนูต้องคิดหาวิธีตักเตือนคุณชายสามนะเจ้าคะ หลัวฮองเฮาและฮูหยินรองหลัวต่างก็ไม่อยู่แล้ว หากเขายัง…”

ถ้าหากหลัวเสียงยังไม่ยอมเก็บมือเก็บเท้าอีก หากเข้าเกิดเรื่องขึ้น เกรงว่าหลัวอวี่ก่วนก็ต้องถูกลากเข้าไปเกี่ยวพันด้วยเช่นกัน

แต่หลัวเสียงนั้นนอนฝันหวานมานานแล้ว บัดนี้ถ้าต้องการให้เขาตื่นขึ้นจากฝันจะพูดได้อย่างง่ายดายหรือไร?

หลัวอวี่ก่วนออกแรงบิดผ้าเช็ดหน้าในมือของตน หงุดหงิดราวกับกำลังตัดสินใจอย่างยากลำบาก เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยกับเซียงเฉ่าว่า “ช่วยข้าส่งข่าวออกไปข้างนอกเถิด”

คำพูดเพียงประโยคเดียว ไม่ต้องมากความ เซียงเฉ่ากลับกระจ่างแจ้ง แม้ว่าสำหรับนางแล้วในเวลาเช่นนี้ยังมีความตั้งอกตั้งใจเช่นนี้ก็เหนือความคาดหมายแล้ว ทว่านางยังคงรับคำด้วยความระมัดระวัง

หลัวอวี่ก่วนคิดใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วกล่าวสำทับอีกว่า “ต้องระมัดระวังให้มาก อย่าให้ผู้อื่นพบเห็น”

“เจ้าค่ะ บ่าวทราบแล้ว”

———————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท