สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 36.3

ตอนที่ 36.3

บทที่ 36 ฮูหยิน รอข้าด้วย! (3)
Ink Stone_Romance
ฉู่หลิงซิ่วหนีไม่พ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ จนสุดท้ายได้แต่ยกมือปิดหน้าตะโกนร้องไห้ออกมาเสียงดัง

ซูหลินหน้าซีดหวาดกลัว โยกตัวไปมาอย่างกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ฉู่สวินหยางปรายตามองเขาอย่างเอื่อยเฉื่อย จากนั้นยกมือเรียกให้พวกเฉี่ยนลวี่ลากตัวฉู่หลิงซิ่วออกไป

ซูหลินสติสตังหลุดกระเจิง เขาไม่มีอารมณ์มาพูดต่อล้อต่อเถียงอะไรกับนางอีก เขาเพียงนั่งลงบนเก้าอี้ ยกจอกเหล้ารินใส่ปาก

ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรเลยก็ตาม แต่ทว่าในใจของเขากลับได้ยินเสียงร้องร่ำร้องดังอยู่เต็มอกอย่างชัดเจน…

สิ่งที่ฉู่สวินหยางพูดคือเรื่องจริงทั้งหมด!

นั่นสิ หากไม่มีคนบงการอยู่เบื้อหลัง เขาจะกล้าเล่นชู้กับคนอื่นแบบนี้ได้อย่างไรกัน? ถ้าเป็นคนนอกก็แล้วไป แต่นี่กลับเป็นองครักษ์ในจวนของตัวเองแท้ๆ

เพราะฉะนั้น?

หลัวอวี่ก่วนเป็นคนวางแผนทุกอย่างงั้นหรือ? เพราะงั้นวันนั้นนางเลยตั้งใจผิดนัดเขากะทันหัน เพื่อทำให้ฉู่หลิงซิ่วคิดว่าเขาคงไม่กลับไป จงใจให้เขากลับไปที่จวน แล้วเจอเข้ากับสถานการณ์แบบนั้นโดยบังเอิญงั้นหรือ

เรื่องแบบนี้คนเป็นผู้ชายทนเห็นไม่ได้อยู่แล้ว จึงทำให้เขาโวยวายจนเรื่องถึงหูฮ่องเต้เข้า จากนั้นนางก็ถือโอกาสนี้รอให้ฉู่หลิงซิ่วถูกปลดทิ้ง แล้วให้เขาสถาปนาตำแหน่งให้นางสินะ

ที่ผ่านมาเขาอุตส่าห์คิดมาตลอดว่านางเป็นคนจิตใจดีไร้พิษสง เป็นคนอ่อนหวานเรียบร้อย ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเจ้าแผนการถึงขนาดวางแผนเรื่องครอบครัวของเขาได้ถึงเพียงนี้!

“เศษสวะ!” ซูหลินตะโกนด่าขึ้นอย่างโมโห จอกเหล้าถูกบีบเละจนแหลกคามือ

เขาลุกขึ้นเดินสาวก้าวเท้ายาวออกไปอย่างว่องไว ก้าวเดียวก็ก้าวถึงประตูห้อง “เตรียมม้า กลับเมืองหลวง!”

เขาต้องกลับไปถามนางผู้หญิงคนนั้นให้ชัดเจนแต่โดยดี หากเขาพิสูจน์ว่านั่นเป็นเรื่องจริง เขาจะฆ่านางให้ตายด้วยน้ำมือตัวเองเลย

“ซื่อจื่อ พวกเราเพิ่งออกเดินทางมาจากเมืองหลวงเองนะขอรับ หากเรากลับไปอย่างลับๆ แบบนี้ เกรงว่า…” องครักษ์พวกนั้นตกใจ รีบเข้าไปห้ามเขาเอาไว้

แต่เวลานี้ซูหลินฟังคำพูดโน้มน้าวพวกนั้นเข้าหูซะที่ไหน? เขาเพียงจ้องมองพวกนั้นกลับไปตาเขม็งอย่างดุร้าย

อีกฝ่ายรีบหุบปาก แล้วก้มศีรษะลง

ซูหลินเดินก้าวเท้าออกไปด้านนอกอย่างโมโห แต่จู่ๆ ก็มีคนปีนข้ามกำแพงมาด้วยท่าทางคล่องแคล่วว่องไว

“พวกเจ้าเป็นใคร?” พวกองครักษ์ตกใจหวาดกลัว รีบชักดาบออกมา

แต่ความรู้สึกของซูหลินกลับสั่งให้เขาถอยหลัง

เรือนแห่งนี้ถูกห้อมล้อมอยู่ในรั้วกำแพงเดียวกับโรงเตี๊ยม คนที่เพิ่งปรากฏตัวคนนี้เข้ามาได้อย่างเงียบเชียบ ไม่ส่งเสียงใดแม้แต่น้อย แล้วพวกทหารองครักษ์จำนวนสามร้อยกว่านายด้านนอกนั้นเล่า?

เขาถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัว

ทว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เอ่ยคำใด เขาชักดาบพุ่งเข้าโจมตีทันที การโจมตีของเขาโหดเหี้ยมดุดัน ขอเพียงแค่ลงมือโจมตีคนผู้นั้นก็ถึงฆาตแน่นอน

ซูหลินเพิ่งเปลี่ยนองครักษ์ข้างกายชุดใหม่ ซึ่งพวกเขาก็ถือว่ามีฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็ยังพ่ายแพ้ให้กับคนตรงหน้า เพียงแค่กะพริบตาก็ตายไปแล้วสองบาดเจ็บสาหัสไปอีกสอง บีบคั้นกดดันจนซูหลินเดินชิดมุมห้อง

เมื่อซูหลินนึกถึงคำพูดของฉู่สวินหยางขึ้น เขาก็ยิ่งสติหลุดกระเจิงจนควบคุมไม่อยู่แล้ว…

ไม่ใช่ฝีมือฉู่ฉีเหยียนก็ต้องเป็นฝีมือฮ่องเต้ มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ต้องการชีวิตของเขา!

เมื่อคิดแบบนั้น เขาก็ยิ่งโกรธและเกลียดชังหน้าของนางผู้หญิงหลัวอวี่ก่วนคนนั้นเข้ากระดูกดำ…

หากไม่ใช่เพราะนางเล่นตุกติกแบบนั้น เรื่องมันจะถึงหูฮ่องเต้ได้เยี่ยงไร? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย หากไม่ใช่เพราะนางตอนนี้เขาก็คงไม่ตกชะตากรรมถึงฆาตแบบนี้!

จิตใจผู้หญิงมันช่างใจมารต่ำช้าเหลือเกิน!

ซูหลินโมโหจนทนไม่ไหว เขาพุ่งตัวออกจากบานหน้าต่างที่พวกฉู่สวินหยางใช้เข้ามาตอนนั้นไปอย่างว่องไว

จู่ๆ ร่างผอมบางที่คอยนั่งชี้นิ้วสั่งการอยู่บนหลังคาคนนั้นก็ขยับตัวขึ้น ท่วงท่าคล่องแคล่วว่องไวราวกับสายฟ้า ลอยตัวเข้ามาในห้อง จากนั้นพุ่งออกไปทางหน้าต่างไล่ตามเขาไปทันที

คนที่เหลืออยู่จัดการองครักษ์อีกสองนายจนสิ้นชีพ ก็มีอีกสองคนตามออกไป

ส่วนคนที่เหลืออยู่ก็ยังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

“จัดการตรงนี้ให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้หลงรอดไปได้สักคน” คนชุดดำคนหนึ่งเดินขึ้นหน้าแล้วสั่งการคนร่างใหญ่ในชุดดำอีกคน

“ลากศพด้านนอกพวกนั้นเข้ามาแล้วเผาให้สิ้นซาก” คนผู้นั้นกล่าว จากนั้นหันหลังแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องโถง

ฉู่สวินหยางไม่ได้อยู่ต่อละแวกนี้ให้เสียเวลา นางพาตัวฉู่หลิงซิ่วมุ่งหน้าเดินทางไปยังทิศทางที่จะเข้าเมืองข้างๆ ทันที มุ่งหน้าออกมาไกลประมาณห้าลี้ก็มองเห็นรถม้าคันหนึ่งที่จอดรออยู่ใต้ต้นไม้

ผู้เฒ่าผู้ซื่อตรงนอบน้อมคนหนึ่งกำลังหยิบหญ้าป้อนให้ม้าแก่ที่ลากรถกิน

บนที่นั่งบังคับรถม้ามีชายในชุดตัวยาวห่มผ้าคลุมตัวหนาอันหรูหราคนหนึ่งนอนหลับตาพริ้มอยู่ เมื่อเขาได้ยินเสียงก็ลืมตาขึ้น ยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาพวกนาง

“มาแล้วรึ?” เมื่อฉู่สวินหยางเดินเข้ามา ซูอี้ถึงค่อยกระโดดลงจากรถม้า

ฉู่หลิงซิ่วไม่รู้จักเขา ที่ผ่านมาจวนอ๋องหนานเหอกับวังบูรพาก็ไม่ได้เป็นมิตรต่อกันมากเท่าไรนัก เพราะฉะนั้นถึง แม้ฉู่สวินหยางจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่การที่จู่ๆ นางโดนพาตัวออกมาแบบนี้ นางเองก็ต้องระมัดระวังเอาไว้เหมือนกัน

ซูอี้ปรายตามองนางหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้สนใจนางนัก

ฉู่สวินหยางเองก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา นางแหวกผ้ากั้นบนรถม้านั้นออกแล้วพูดว่า “ขึ้นรถเถอะ!”

ฉู่หลิงซิ่วยังกังวลไม่วางใจอยู่ นางเดินถอยหลังไปอย่างหวาดกลัว

ฉู่สวินหยางเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ นางจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “บนรถม้ามีเสื้อผ้าสะอาดให้เจ้าเปลี่ยน กับเงินจำนวนมากพอที่จะให้เจ้าไปตั้งตัวใช้ชีวิตใหม่ แต่เจ้าจะมีชีวิตรอดต่อไหม เรื่องนั้นคงต้องดูที่ฝีมือเจ้าเองแล้ว!”

ดวงตาของฉู่หลิงซิ่วส่องประกาย ทว่านางก็ยังคิดไม่ตกไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี

“เจ้ารีบไปเสียก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ!” ฉู่สวินหยางพูดขึ้นเสียงแข็ง คร้านที่จะพูดกับนางให้มากความ

ฉู่หลิงซิ่วยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย

สุดท้ายเจี๋ยหงทนไม่ไหวถึงผลักตัวนางเข้าไปแล้วพูดว่า “สภาพของท่านแบบนี้ จะให้พวกข้าทำอะไรท่านได้อีก? จะไปหรือไม่เจ้าคะ? ถ้าไม่ไปข้าจะสังหารท่านเดี๋ยวนี้เลย!”

คนที่ถูกครอบครัวชาติตระกูลทอดทิ้งแถมยังมีมลทินติดตัว ไร้ความสามารถแบบนี้…

ใช่ สภาพแบบนี้นางไม่คู่ควรกับการเป็นหมากให้ฉู่สวินหยางเลยด้วยซ้ำ

เมื่อคิดถึงเหตุการณ์อันโชคร้ายที่ตัวเองเจอมา น้ำตาของฉู่หลิงซิ่วก็เอ่อล้นขึ้นมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ แต่นางก็ตัดสินใจได้อย่างว่องไว นางรีบเช็ดน้ำตากัดฟันแล้วมุดตัวเข้าไปในรถม้า

ซูอี้ยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วส่งสายตาให้ผู้เฒ่าคนนั้น “รีบไปเถอะ!”

“ขอรับ!” ผู้เฒ่าคนนั้นขานตอบแล้วกระโดดขึ้นรถม้า บังคับรถม้าออกไปอย่างว่องไวท่ามกลางราตรีอันเงียบสงัด

———————————–

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท